Share

บทที่ 47

Author: หว่านชิงอิ๋น
น้ำเสียงสั่นเครือแฝงแววหวาดหวั่นทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกปวดใจไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของอีกฝ่าย "เจ้าเด็กโง่เอ๋ย ข้าจะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไรเล่า"

"พระชายา แม่บ้านเมิ่งโดนจัดการย่ำแย่เสียเพียงนั้น ถ้าเกิดนางเอาเรื่องไปบอกท่านอ๋องจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ? ท่านอ๋องจะลงโทษท่านหรือไม่? " จือเฉามองนางด้วยสายตาเป็นกังวล

"ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก เจ้าพักรักษาตัวอยู่ในห้องให้ดี ๆ เถอะ อย่าได้เที่ยวเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว แม่นมเติ้งก็อยู่กับข้าทั้งคน"

จือเฉาผงกศีรษะ

ทันทีที่พูดจบ ซูโหยวก็เดินเข้ามาในเรือน "ท่านอ๋องรับสั่งให้พระชายาเข้าเฝ้าขอรับ"

ลั่วชิงยวนไม่แปลกใจที่ฟู่เฉินหวนจะตามหาตน

นางเดินตามซูโหยวไปยังเรือนของฟู่เฉินหวน

ยังมีคราบโลหิตอยู่ในเรือน และแม่บ้านเมิ่งก็เคยมาที่นี่ แต่นางกลับไปแล้ว คาดว่านางคงถูกนำตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บของตน

ยามที่นางเดินเข้ามาในเรือน นางก็เห็นฟู่เฉินหวนเอามือไพล่หลังพลางทำสีหน้าหม่นคล้ำระหว่างที่รอนาง

"พอกลับมาถึงตำหนักก็อยู่ไม่สุขเลยสินะ เจ้าจงใจหาเรื่องช้าผู้เป็นอ๋องใช่หรือไม่!" สีหน้าของฟู่เฉินหวนตะคอกใส่ด้วยโทสะ

ลั่วชิงยวนกลับมีส
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 48

    วาจาเหน็บแนมอันเย็นชาของนางทำให้มือที่ฟู่เฉินหวนไพล่หลังเอาไว้ต้องกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังเกิดระลอกคลื่นในดวงตาสงบนิ่งลึกล้ำของเขา ฟู่เฉินหวนบอกไม่ถูกว่าตนเองรู้สึกเช่นใด นางเป็นคนผิดเห็น ๆ ทว่ากลับมีท่าทีเปิดเผยทั้งยังสามารถพูดได้คล่องปากอีกต่างหาก ราวกับว่าเขาทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรขึ้นมาจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น! นี่อาจจะเป็นข้อดีของสตรีผู้นี้ก็ได้ การแต่งงานกับนางแทนนั้นสมควรแล้วหรือไม่? เมื่อนึกขึ้นได้เช่นนี้ โทสะระลอกหนึ่งก็ปะทุขึ้นในจิตใจของเขาอีกครั้ง "สามหาว! ถึงแม้ว่าข้าสัญญาว่าจะร่วมมือกับเจ้า แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะทำร้ายผู้อื่นได้ตามอำเภอใจ! "ถ้ายังมีคราวหน้าอีก เจ้าก็ไสหัวออกไปจากตำหนักอ๋องของข้าได้เลย!" นับตั้งแต่ลั่วชิงยวนแต่งเข้ามา ตำหนักอ๋องที่เคยสงบสุขมาโดยตลอดก็เกิดเรื่องอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากนางอยู่ไม่สุขนักล่ะก็ เขาจะไม่เก็บนางเอาไว้แน่! เมื่อได้ยินวาจาทิ่มแทงของฟู่เฉินหวน อาการเจ็บแปลบตามร่างกายทำให้นางถึงกับเหงื่อกาฬชุ่มโชก และพูดไม่ออก ฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่กัดฟัน และไม่ยอมส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย ฟู่เฉินหวนสัมผัสได้ถึงความดันทุรังของนางแล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 49

    "ท่านอ๋อง เรื่องนี้..." ซูโหยวไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในตำหนัก "ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนและอย่าให้เรื่องแพร่งพรายออกไปได้" "พ่ะย่ะค่ะ" ในยามบ่าย ลั่วชิงยวนตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง นางเจ็บแผ่นหลังมากเสียจนอยากจะหันหน้าไปดูว่าอาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง แต่นางกลับไม่สามารถเอี้ยวตัวได้เลย "พระชายา อย่าขยับตัวเจ้าค่ะ พอดีบ่าวเพิ่งจะใส่ยาให้ ตอนนี้คงจะไม่เจ็บมากแล้วกระมัง?" จือเฉาเดินเข้ามาพร้อมน้ำสะอาดอ่างหนึ่งพลางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าและมือของนาง ลั่วชิงยวนส่ายหน้า "ไม่เจ็บมากหรอก เพียงแต่หิวอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง" ทันทีที่พูดจบ แม่นมเติ้งก็ยกอาหารที่เป็นแค่โจ๊กกับหมั่นโถวเข้ามาในห้อง "เสวยแค่นี้หรือเจ้าคะ? หรือว่า..." จือเฉาขมวดคิ้ว ในเมื่อพระชายาบาดเจ็บก็ควรจะกินของบำรุงดี ๆ สักหน่อย แม่นมเติ้งสีหน้าอับจนหนทาง "พระชายา เสวยอะไรรองท้องก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนที่อยู่ก้นครัวเป็นคนของแม่บ้านเมิ่ง พวกนางไม่เหลืออาหารไว้เลย แต่เกรงว่าถ้าจะต้องทำอาหารตอนนี้ พระชายาจะหิว ฉะนั้นบ่าวจึงได้ยกอาหารมาก่อนเจ้าค่ะ" "ยกมาเถอะ" ลั่วชิงยวนหยัดตัวขึ้น นั่นคืออาหารอันแสนน้อยนิดที่แม่นมเต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 50

    ข้างนอกมีเสียงดังขรม ลั่วชิงยวนรู้สึกสงสัยยิ่งนัก "ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น" นางขยับตัวไม่ได้จึงได้แต่สั่งจือเฉากับแม่นมเติ้ง ทั้งสองคนก็รีบวิ่งออกไปนอกเรือนและพบว่าองครักษ์ในตำหนักกำลังจับกุมคนอยู่ ลั่วชิงยวนฟังเสียงความเคลื่อนไหวทางด้านนอก แต่กลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้แต่รอแล้วรอเล่าจนกระทั่งข้างนอกไม่มีความเคลื่อนไหว จากนั้นแม่นมเติ้งกับจือเฉาก็รีบกลับมา ทั้งสองคนผุดรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้ "เกิดอะไรขึ้นรึ?" แม่นมเติ้งก้าวมาข้างหน้าแล้วนั่งลง "พวกแม่บ้านก้นครัวถูกจับแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวเองไต่ถามเรื่องนั้นดูแล้ว แม่บ้านเมิ่งที่กำลังพักฟื้นอยู่บนเตียงก็ถูกจับไปด้วย! ยายเฒ่าผู้นั้นไม่ยอมมอบตัวแต่โดยดี มิหนำซ้ำยังเอะอะโวยวายอีกต่างหากเจ้าค่ะ" "แต่ก็หาใช่เรื่องใหญ่เพราะองครักษ์จับตัวพวกมันเอาไว้หมดแล้วเจ้าค่ะ เป็นซูโหยวที่พาคนมาจับตัวพวกมันและดูเหมือนว่าพวกมันจะล่วงเกินท่านอ๋องเข้าเจ้าค่ะ" จือเฉาเองก็เอ่ยขึ้นด้วยความยินดีปรีดาว่า "ท่านอ๋องคงจะกริ้วแทนพระชายาเป็นแน่! ท่านอ๋องทรงเป็นคนดียิ่งนักนะเจ้าคะ!" ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างอับจนหนทาง "เด็กน้อย เจ้าจำเรื่องที่ถูกโบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 51

    กระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืน เรือนชั้นในจึงเงียบสงัด ตอนกลางดึกแม่นมเติ้งวิ่งออกไปดูด้วยความกระวนกระวายใจแล้วกลับมาเล่าให้นางฟังว่า "บ่าวเห็นศพมากมายถูกหามออกมาจากเรือน พวกมันคงจะกระทำผิดจนต้องโทษประหารเป็นแน่เจ้าค่ะ!" ลั่วชิงยวนไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด "น่าจะมีร่างของแม่บ้านเมิ่งอยู่ในนั้นด้วย" "เจ้าคนพวกนี้ช่างใจกล้าเสียจริงเชียว ท่านอ๋องของเราเป็นใครกัน ท่านเป็นถึงผู้กุมอำนาจเป็นตายในราชสำนัก คนพวกนี้กล้าดีอย่างไรถึงได้มาก่อความวุ่นวายภายใต้จมูกของท่านอ๋อง" ลั่วชิงยวนจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระว่า "บางทีใกล้ตัวไปก็อาจมองไม่เห็น คราวนี้ถ้ามิใช่เพราะนางรับใช้นามชุนเยวี่ยมาร้องทุกข์ก็คงจะขุดรากถอนโคนแม่บ้านเมิ่งมิได้เร็วถึงเพียงนั้นหรอก” "นางรับใช้ผู้นั้นเล่า? ยังอยู่ในห้องหรือไม่? แม่นมเติ้งผงกศีรษะ "อยู่ในห้องเจ้าค่ะ ถึงจะช่วยเหลืออีกสองคนมาได้ แต่พวกนางก็อารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก" "เจ้าไปบอกให้ดูแลคนให้ดี ๆ เมื่อประสบพบเจอเรื่องแบบนี้เข้า เกรงว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องคิดจะปลิดชีพตนเป็นแน่" เมื่อแม่นมเติ้งได้ยินเช่นนี้ก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที "พระชายาคิดได้ถึงเพียงนี้ ช่างมีใจเมตตาจริง ๆ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 52

    คราวนี้แม่นมเติ้งนำอาหารไปส่ง และหมายจะพูดคุยกับพวกนางอีกสักครั้ง แต่ผู้ใดจะรู้ว่า เมื่อมาถึงห้องจะเห็นคนกำลังแขวนคอด้วยผ้าไหมสีขาว โชคดีที่ช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา จากนั้นอีกสองคนก็ฟื้นขึ้นมา ส่วนปี้อวิ๋นกลอกตาซึ่งแลดูน่ากลัวยิ่งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ดูเหมือนจะมีอาการชักด้วย แม่นมเติ้งรีบกลับไปที่เรือน "พระชายา พระชายาเจ้าคะ! เกิดเรื่องแล้ว!" ลั่วชิงยวนหยัดร่างกายท่อนบนขึ้นมา "มีเรื่องอันใดรึ?" "เมื่อคืนนางรับใช้สามคนนั้นปลิดชีพตนเองเจ้าค่ะ! ปี้อวิ๋นเอาแต่กลอกตาและชักกระตุก บ่าวสงสัยว่า จะโดนวิญญาณร้ายเข้าสิงหรือไม่? ่ทานไปดูเองไหมเจ้าคะ?" แม่นมเติ้งรู้ว่าพระชายามีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาก เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว "เมื่อคืนเจ้าบอกว่า เกลี้ยกล่อมได้แล้วมิใช่รึ?" "เจ้าค่ะ บ่าวเกลี้ยกล่อมได้แล้วเห็น ๆ แต่พวกนางกลับปลิดชีพตนเองอีกครั้ง!" แม่นมเติ้งสีหน้าขรึมเคร่ง "พาข้าไปดูที" ลั่วชิงยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง โดยมีจือเฉากับแม่นมเติ้งคอยโอบซ้ายประคองขวาแล้วเดินไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ที่นางรับใช้ทั้งสามคนอาศัยอยู่ ปี้อวิ๋นอยู่คนเดียวในห้อง ตอนที่นางเดินเข้าไปในห้อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 53

    ยังมีอีกหลายคนที่คิดว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นผีน้ำจริง ๆ ไป๋ถังถูกวางยาพิษจริง ๆมันไม่ใช่ยาพิษที่ทำให้เสียชีวิตได้ในทันที แต่มันทำให้คนเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด ตามมาด้วยผิวหนังที่เน่าเปื่อย เหยื่อจะตายโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก เจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ทว่ากลับต้องตายอนาถ วิธีการของนางรับใช้ทั้งสามคนต่างกันก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ การตายของพวกนางจะดูน่าขนลุกอย่างยิ่ง และเมื่อพรุ่งนี้พบศพของพวกนางทั้งสามคนก็จะให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวว่า พวกเขาเสียชีวิตด้วยคำสาป หรือถูกวิญญาณอาฆาตพยาบาท ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางยาพิษมีจุดประสงค์มากกว่านั้น ไม่ใช่เพียงนางรับใช้สามคนนี้เท่านั้น ตำหนักอ๋องแห่งนี้ช่างคึกคักดีเสียจริง ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น แม่นมเติ้งก็เดินเข้ามาในห้อง "พระชายาเจ้าคะ บ่าวลองถามพวกนางทั้งสามคนดูแล้ว พวกนางบอกว่า หลังจากถูกช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อคืนก็มิได้คิดปลิดชีพตนเอง แต่บ่าวไม่ทราบว่าเหตุไฉนเมื่อคืนถึงเกิดเรื่องร้ายพวกนั้นจนกระตุ้นให้ปลิดชีพตนเอง พวกนางจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไม่มากเท่าไหร่ นี่มันแปลกประหลาดเจ้าค่ะ” ลั่วชิงยวนแววตาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 54

    เมื่อคืนนางนอนดึก อาหารบาดเจ็บก็ยังไม่หายดี ทำได้แต่นอนคว่ำ นางจึงหลับไม่สนิทสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นแม่นมเติ้งกับจือเฉาจึงไม่เข้ามารบกวนนาง ปัง…ลั่วชิงยวนที่ยังนอนหลับอยู่ถูกเสียงถีบประตูปลุกให้ตื่นขึ้นมา "เกิดอะไรขึ้น?" ทันทีที่นางลืมตาก็เห็นร่างที่ก้าวเข้ามาด้วยความโกรธแค้น สีหน้าอึมครึมและสายตาอันตรายทำให้ลั่วชิงยวนพลันสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง "ท่านอ๋อง... เกิดเรื่องอะไรขึ้นเพคะ?" เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เช่นเดียวกับในวันที่นางเป็นเจ้าสาว ก็ให้รู้สึกรังเกียจอยู่ในใจ สตรีผู้นี้ช่างเสแสร้งเก่งเสียจริง ๆ ! ลั่วชิงยวนไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่นางเห็นสายตารังเกียจเดียดฉันท์ของฟู่เฉินหวนซึ่งเย็นชาราวกับกริชได้อย่างเด่นชัด จากนั้นนางก็ถูกฟู่เฉินหวนลากขึ้นมาจากเตียง ลั่วชิงยวนล้มลงกับพื้นแล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ฟู่เฉินหวนที่แข็งแกร่งมากกลับไม่สนใจว่านางจะเจ็บตัวเลยสักนิดแล้วเดินก้าวยาว ๆ ออกไป ลั่วชิงยวนได้แต่กัดฟันลุกขึ้นและรีบเดินตามไป แต่นางก็ไม่อาจเลี่ยงอาการปวดแปลบจากการถูกกระชากลากถูไปได้ "เยวี่ยอิงกลับ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 55

    "ใจร้ายเกินไปแล้ว!" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเสียงเหล่านี้ นางก็ยิ้มเยาะนิด ๆ พลางมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาเย็นชา "ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอถามเป็นประโยคสุดท้าย ท่านทรงคิดจะขับไล่หม่อมฉันไปจริง ๆ ใช่หรือไม่เพคะ?" การจ้องมองที่เย็นชาของนางมีทั้งความขุ่นเคืองและการคุกคาม ฟู่เฉินหวนนึกถึงอาคมชุมนุมปีศาจในตำหนักอยู่ชั่วอึดใจ แต่หลังจากนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว อาคมชุมนุมปีศาจนี้ก็เป็นแค่เรื่องที่ลั่วชิงยวนเอ่ยขึ้นมาเท่านั้น ไม่ว่ามันจะมีอยู่จริงหรือไม่ ร้ายกาจสักแค่ไหน ผู้ใดจะล่วงรู้กันเล่า สตรีผู้นี้มีเจตนาไม่ดี ใครจะรู้ว่า นางซ่อนกลอุบาย หรือแผนการร้ายกาจแบบไหนเอาไว้ เพื่อความสงบสุขแล้ว ควรขับไล่นางออกไปเสีย! สำหรับจวนอัครเสนาบดีแล้ว เมื่อเห็นท่าทีที่ลั่วไห่ผิงมีต่อลั่วชิงยวน เขาไม่รักใคร่บุตรสาวผู้นี้เลยสักนิด ถ้าหากเขาหย่ากับนาง ลั่วไห่ผิงก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอก เขาคิดจะเอ่ยปากพูดออกไป… ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ส่งเสียงออกไป จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาจากท้องถนนแล้วมุ่งหน้ามาที่ประตูตำหนักอ๋อง "ตำหนักอ๋องทำลายชีวิตบุตรสาวของข้า ขอตำหนักอ๋องได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วย!" กลุ่มชาวบ้านท

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status