“แม่ทัพอันพูดถูก ใต้เท้าข่ง หากเป็นในสนามรบแล้วทหารมารายงานข้อมูลดั่งเช่นที่ท่านทำ ก็คงมิต้องสู้รบกันแล้ว แค่รอให้กองทัพถูกกวาดล้างไปเถอะ!”แม่ทัพคนหนึ่งก็เออออไปกับคำพูดของอันเจ๋อและดุด่าใต้เท้าข่งเช่นกันขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งก็ด่าออกมา “ใต้เท้าข่ง นี่มิใช่การเขียนบทความนะ แต่เป็นการเขียนสาส์นกราบทูล ท่านแหกตาดูเอาเถิดว่าบนโต๊ะขององค์จักรพรรดิมีสาส์นกราบทูลกองอยู่มากถึงเพียงนั้น หากพวกเราเขียนคำพูดไร้สาระยืดยาวเช่นท่านกันหมด เช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงเหนื่อยจนเป็นลมไปพอดี!”ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ต่างพูดต่อว่าใต้เท้าข่งอย่างเสริมกันไปมาใต้เท้าข่งถูกพูดใส่เช่นนี้ก็หน้าแดงหูแดง แล้วเอ่ยโต้เถียงเสียงดังอย่างหมดแรง“ข้าก็มีที่พูดเรื่องจริงจัง… อีกทั้งก่อนหน้านี้ข้าก็เขียนเช่นนี้ องค์จักรพรรดิสูงสุดมิเห็นทรงตำหนิกระไร พวกท่านมีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าข้า!”พรรคพวกของจ้าวฮุยจึงออกมาสนับสนุนใต้เท้าข่งในทันที มีบางคนตะโกนขึ้นมา “แม้ว่าสาส์นกราบทูลของใต้เท้าข่งจะยาวก็เป็นความสามารถในด้านการเขียน ควรค่าให้พวกเราเรียนรู้!”“เมื่อครู่องค์จักรพรรดิก็ยังชื่นชมว่าสาส์นกราบทูลของเขาเขียนดีเลยมิใช่หร
“สาส์นที่ใต้เท้าจางส่งมาเป็นเรื่องสตรีผู้หนึ่งที่เขตหมินเก็บทองได้แล้วมิถือเอาเป็นของตน… นี่เป็นเรื่องดี ใต้เท้าจาง เจ้าส่งป้ายผ้าให้นางเป็นรางวัลแทนข้าที!”เซียวหลินเทียนโยนสาส์นที่เขารู้สึกว่าไร้สาระลงบนพื้นทีละอันอย่างไร้ความปรานี“ใต้เท้าวาง ที่ข้างถนนมีเด็กเล็กสองคนทะเลาะกัน ในสาส์นที่เจ้าส่งมาบอกว่า พ่อแม่ของพวกเขาสั่งสอนมิดี เช่นนั้นข้าขอสั่งให้เจ้าไปช่วยพ่อแม่ทั้งสองครอบครัวดูแลเด็กเล็กสองคนนั้น!”“เมื่อใดที่เด็กสองคนนั้นมิทะเลาะกันแล้วเจ้าค่อยกลับมาทำงานต่อ! จงจำไว้ มิใช่ว่าการที่เขามิทะเลาะกันเพียงหนึ่งถึงสองเดือนก็ถือว่าเจ้าสั่งสอนสำเร็จแล้ว แต่ต้องเป็นเวลาจนกว่าจะถึงอายุยี่สิบปี!”ใต้เท้าวางหน้าซีดเผือด จะดูแลได้อย่างไรกัน!เด็กสองคนนั้นเพิ่งจะอายุห้าหกขวบ รอให้พวกเขาอายุสิบห้ายี่สิบ เช่นนั้นตนเองต้องสิ้นเปลืองเวลาเกือบสิบปีไปอยู่กับพวกเขาหรือ?เขานึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง มีเรื่องตั้งมากมายไฉนตนกลับบอกเรื่องนี้ในสาส์นกราบทูลกันเล่า!จากที่เซียวหลินเทียนอ่านสาส์นกราบทูลแต่ละอันแล้ว พวกขุนนางลูกน้องของจ้าวฮุยหลายคนก็ถูกเซียวหลินเทียนเปลี่ยนวิธีต่าง ๆ ปรามไปหมดแล้วจ้าวฮ
เซียวหลินเทียนลงโทษพวกใต้เท้าข่งกับใต้เท้าวางก่อน หลังจากนั้นสาส์นน่าเบื่อเหล่านี้ก็มิปรากฏอยู่บนโต๊ะทรงงานของเซียวหลินเทียนอีกเลยแผนการเล็ก ๆ นี้ของจ้าวฮุยถูกเซียวหลินเทียนใช้วิธีการเช่นนี้จัดการไปแล้วอันเจ๋อกับเผยอวี้นับถือเซียวหลินเทียนมาก แต่เซียวหลินเทียนกลับมิกล้าภาคภูมิใจในตนเองด้วยเรื่องนี้จ้าวฮุยเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เมื่อแผนการหนึ่งมิสำเร็จจะต้องมีแผนการมาอีกแน่นอนเวลานี้เซียวหลินเทียนยังมิได้ครองบัลลังก์ ไม่มีเหตุผลที่เป็นธรรมและมิสามารถแตะต้องจ้าวฮุยได้ ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ก่อนเท่านั้นจ้าวฮุยมองสาส์นกราบทูลที่ว่างเปล่า เขารู้ว่าเซียวหลินเทียนทำวิธีนี้เพื่อปรามขุนนางที่เป็นพรรคพวกของตนแต่เขาทำอย่างสมเหตุสมผล แม้ว่าเขาจะมิพอใจแต่ก็ทำได้เพียงอดทนไว้เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มิธรรมดาเลย!ระหว่างที่จ้าวฮุยกลับไปก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ตลอด เขาคิดว่าตนได้พบกับคู่ต่อสู้สองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตแล้วเซียวหลินเทียนมีความสามารถทั้งทางบุ๋นและบู๊ อีกทั้งยังมีไหวพริบที่โดดเด่นด้วย การจะจัดการเขาสักคนก็ยากมากพอแล้วยังมีหลิงอวี๋เพิ่มเข้ามาอีก สตรีผู้นี้เอ
ทางด้านหลิงอวี๋ก็ยุ่งง่วนมาก เมื่อพระชายาผิงหนานเตือนขึ้นมาก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปพาตัวหลิงเยวี่ยมาเคารพพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อันหลิงอวี๋ค่อนข้างสับสน การที่หลิงเยวี่ยมาครั้งนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับตัวตนว่าเขาคือลูกชายแท้ ๆ ของเซียวหลินเทียนแม้ว่าวันนั้นเซียวหลินเทียนจะบอกว่า เขาจะไม่มีทางสงสัยอีกว่าหลิงเยวี่ยเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเขาหรือไม่ แต่ใครจะรู้ว่าเป็นคำพูดที่ขัดต่อจิตใจของเซียวหลินเทียนหรือว่าเขาพูดจริงนางครุ่นคิดอยู่นานถึงให้หลิงซวนไปรายงานเซียวหลินเทียน ลองหยั่งเชิงท่าทีของเซียวหลินเทียนดูไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะไปรับหลิงเยวี่ยด้วยตัวเองท่ามกลางงานที่ยุ่งมาก ๆท่านอดีตเสนาบดีเกษียณออกมาแล้ว มิต้องไปเคารพพระบรมศพในวัง แต่ที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็แขวนผ้าขาวไว้ทุกข์เช่นกันเมื่อคนเฝ้ายามที่หน้าประตูเห็นว่าจักรพรรดิองค์ใหม่มาด้วยตัวเองก็ตกใจรีบส่งคนเข้ามารายงานหลิงหว่านกับป้าสะใภ้ใหญ่รีบพาหลิงเยวี่ยและประคองท่านอดีตเสนาบดีไปต้อนรับที่หน้าประตูอย่างรวดเร็วเซียวหลินเทียนมิได้คาดคิดถึงการกระทำยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่ด้วยตัวตนของเขาในตอนนี้ มิสามารถให้คนเฝ้ายามนำตนเองเ
คำพูดของท่านอดีตเสนาบดีทำเอาเซียวหลินเทียนเหงื่อตก เขาจึงเอ่ยไปทันที“ท่านอดีตเสนาบดี ท่านวางใจเถิด ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางทอดทิ้งอาอวี๋!”“มิต้องพูดถึงเรื่องอื่น พูดถึงเรื่องที่อาอวี๋รักษาขาของข้าจนหายดี ทั้งยังช่วยชีวิตข้าไว้ตั้งหลายครั้ง หากข้าทำมิดีต่อนาง เช่นนั้นจะต่างอะไรกับเดรัจฉานเล่า!”เซียวหลินเทียนกังวลจนมิได้วางตัวแล้ว เขาเอ่ยอย่างจริงใจ“ข้าจะดีกับอาอวี๋และเยวี่ยเยวี่ย ชีวิตนี้ ผู้ใดก็มิอาจมาแทนที่ของอาอวี๋ในใจของข้าได้!”เมื่อได้รับคำสัญญาของเซียวหลินเทียน ท่านอดีตเสนาบดีก็รู้สึกพอใจ พลางตะโกนเรียก “เยวี่ยเยวี่ย!”“ท่านตาทวด!”หลิงเยวี่ยเดินเข้ามาหา“ทำความเคารพเสด็จพ่อของเจ้าสิ!”ท่านอดีตเสนาบดีโอบกอดหลิงเยวี่ยเข้ามาพลางเอ่ยอย่างใจเย็น “เสด็จปู่ของเจ้าจากไปแล้ว เจ้าต้องตามเสด็จพ่อเข้าวังไปเฝ้าพระบรมศพเสด็จปู่นะ!”“จงจำไว้ เข้าวังไปแล้วห้ามเอาแต่ใจ ต้องเชื่อฟังแม่นมกับเสด็จแม่ของเจ้า และต้องกตัญญูต่อเสด็จพ่อกับไทเฮาด้วยนะ!”หลิงเยวี่ยหน้าบึ้ง แล้วโผเข้าซบในอ้อมกอดของท่านอดีตเสนาบดี พลางเอียงหัวแล้วเอ่ย “ท่านตาทวด เยวี่ยเยวี่ยมิไปได้หรือไม่?”“เยวี่ยเยวี่ยมิชอบคนคน
หลิงเยวี่ยได้ยินเซียวหลินเทียนบอกว่าพวกเขามีศัตรูมากก็เป็นห่วงหลิงอวี๋ขึ้นมาทันทีเซียวหลินเทียนสังเกตคำพูดและท่าทีจึงรีบเอ่ย“เยวี่ยเยวี่ย ท่านแม่ของเจ้าเคยบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อเผชิญหน้ากับความลำบากก็ควรจะร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน!”“เยวี่ยเยวี่ย หากเจ้ามิยอมตามข้าเข้าไปในวัง เจ้ามิกังวลว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะมิได้เจอพวกเราอีกแล้วหรือ?”หลิงเยวี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนทันทีใช่ หากมิตามคนคนนี้เข้าวังไปก็จะมิได้เจอท่านแม่ของตน!เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างเกลียดชังแล้วจึงเอ่ย “กระหม่อมจะตามท่านเข้าวัง!”เขากลัวว่าเซียวหลินเทียนจะเข้าใจผิดว่าตนให้อภัยเขาแล้ว หลิงเยวี่ยจึงเอ่ยต่อ “เพื่อท่านแม่ของกระหม่อม มิใช่เพื่อท่าน!”เซียวหลินเทียนรู้ว่าตนทำให้เขาเสียใจ หากอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อตนในทันทีก็คงจะเป็นไปมิได้เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงถอยหลังก้าวหนึ่งพลางเอ่ย “ได้ ข้าจะทำตัวดี ๆ ให้เจ้ายอมรับข้า!”หลิงเยวี่ยจึงถูกเซียวหลินเทียนรับกลับเข้าวังไปเช่นนี้ระหว่างทาง เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยกำชับ “หลังจากเข้าวังไปแล้วนามเรียกขานของเจ้าก็จะย
หลิงอวี๋เห็นเขาร้องไห้ก็รู้สึกปวดใจแล้วกลั้นน้ำตาหอมแก้มเขาไปพลางเอ่ย “ต่อไปแม่กับเยวี่ยเยวี่ยจะมิต้องแยกจากกันอีกแล้ว เยวี่ยเยวี่ยเด็กดี ไปเปลี่ยนชุดไว้ทุกข์แล้วไปเคารพพระบรมศพเสด็จปู่กันเถอะ!”“ท่านแม่ ท่านผู้นั้นบอกว่าต้องให้ข้าเปลี่ยนนามเป็นเซียวเยวี่ย บอกว่าหากมิเปลี่ยนจะสร้างความยุ่งยากให้ท่านแม่!” หลิงเยวี่ยถือโอกาสกระซิบบอกหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองไปทางเซียวหลินเทียนที่อยู่ด้านข้างเซียวหลินเทียนได้ยินหลิงเยวี่ยเรียกตนเองว่าท่านผู้นั้น ใบหน้าก็กระตุก หลิงเยวี่ยมิยอมแม้แต่จะเรียกว่าเสด็จพ่อเลย นี่ยังโกรธตนเองอยู่อีกหรือเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จ้องมองตนอย่างโกรธเคือง เซียวหลินเทียนก็ทำได้เพียงก้าวเข้าไปพลางกระซิบ“เมื่อก่อนข้าเป็นคนผิดเองที่มิได้ให้นามเยวี่ยเยวี่ย! แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าผิด เจ้าให้เยวี่ยเยวี่ยเปลี่ยนมาใช้สกุลเซียวเถิดนะ!”“อาอวี๋ วังหลวงมิเหมือนข้างนอก หากใช้สกุลหลิงต่อไปจะสร้างความยุ่งยากให้เจ้ากับเยวี่ยเยวี่ยได้!”“เยวี่ยเยวี่ยเป็นลูกชายข้า ให้เขาได้รู้จักบรรพบุรุษของเขาเถิด นี่คือการกลับใจที่จริงใจของข้า!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว แม้ว่าจะมิรู้ว่าเรื่องราวในภายภาคหน้า
คำพูดของจูหลานทำเอาจ้าวเจินเจินพูดมิออกแม้ว่าจ้าวเจินเจินจะสามารถออกเงินค่าผักเหล่านี้ได้เช่นกัน แต่เรื่องอะไรนางจะต้องควักเงินของตนไปซื้อใจคนเพื่อหลิงอวี๋ด้วยเล่า!พระชายาเส้าอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นแต่ก็มิได้คิดจะช่วยเหลือจ้าวเจินเจินตอนนี้นางมิอยากจะพบจ้าวเจินเจินเลยสตรีผู้นี้ กางปีกภูมิใจว่าตนเป็นสตรีผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งในเมืองหลวง แต่นอกจากหน้าตาแล้ว นางมีคุณสมบัติใดที่โดดเด่นกันเล่า!มงกุฎที่เป็นเครื่องหมายของสตรีผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งในเมืองหลวงถูกหลิงอวี๋แย่งไปแล้ว!นางใส่ร้ายหลิงอวี๋ครั้งแล้วครั้งเล่าก็มิเป็นผล กลับทำให้ชื่อเสียงของตนได้รับความเสียหายอีก!ที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังมิสามารถมีบุตรให้องค์ชายคังได้เลยสตรีที่ไม่มีประโยชน์ต่อองค์ชายคังเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้ หากพระชายาเส้ามิสนใจในอำนาจจ้าวฮุยก็คงให้องค์ชายคังขอหย่ากับนางไปตั้งนานแล้ว!เมื่อเห็นว่าในเวลานี้จ้าวเจินเจินจัดการมิได้แม้แต่พระชายาเย่เพียงผู้เดียว พระชายาเส้าก็รังเกียจมากช่วงนี้คนจำนวนมากในเมืองหลวงต่างก็พูดกันว่า หลิงอวี๋คือผู้ส่งเสริมให้ชีวิตสามีเจริญรุ่งเรืองพูดกันว่านับตั้งแต่ที่นา
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว