อีกทั้งร่างเดิมนั้นก็ครอบครองหยกหล้าสุขาวดีอยู่แล้ว ในชะตาลิขิตจึงได้ยอมรับในตัวของหลิงอวี๋หากจะกล่าวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก หลิงอวี๋ทั้งสองคนอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน พวกนางเพียงแค่หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์โดยผ่านหยกหล้าสุขาวดีแน่นอนว่าเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้เซียวหลินเทียนย่อมมิอาจเข้าใจได้ในทันทีแต่เขาเคยได้ประจักษ์ถึงการมีอยู่ของแดนเทพ ทั้งยังได้เห็นกับตาว่าตนสามารถเดินทางข้ามสองแผ่นดินได้ในพริบตา การจะยอมรับเรื่องนี้จึงมิใช่เรื่องยากเลยเซียวหลินเทียนมิสนใจว่าหลิงอวี๋ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นดวงวิญญาณหรือไม่ เขาสามารถสัมผัสถึงตัวตนของนางได้อย่างแท้จริง และมิว่านางจะเป็นใคร นางก็มิเคยมีเจตนาร้ายต่อเขาคนที่เขารักก็คือหลิงอวี๋ผู้นี้ มิใช่ใครอื่น!“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนโอบกอดหลิงอวี๋ไว้ พลางกล่าวอย่างจริงใจว่า “มิว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าก็คือคนที่ข้ารัก!”“ข้าโชคดีเหลือเกินที่สวรรค์ส่งเจ้ามาอยู่เคียงข้าง ทำให้ข้าได้มีเจ้า!”เซียวหลินเทียนแนบหน้าผากของตนเข้ากับหน้าผากของหลิงอวี๋เขารู้สึกว่าตนเองโชคดีมากจริง ๆในขณะนี้ เซียวหลินเทียนนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหล
เมื่อหลิงอวี๋คิดตามแนวทางนี้ต่อไป ก็พลันนึกถึงหยกหล้าสุขาวดีที่อยู่กับตัวนางขึ้นมาสิ่งของที่แม่นมอูมิจำเป็นต้องเอ่ยเตือน แต่นางก็มีอยู่กับตัว นั่นก็คือหยกหล้าสุขาวดีหลิงอวี๋พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แม่นมอูกับหลานฮุ่ยจวนมารดาของนางเป็นสหายสนิทที่รู้ใจกันที่สุดนั่นอาจหมายความว่า หลานฮุ่ยจวนเองก็ล่วงรู้ความลับบางอย่างของแม่นมอู หลิงอวี๋คิดพลางนึกไปถึงกล่องเหล็กใบหนึ่งที่เคยค้นพบในสระน้ำของมิติหยกหล้าสุขาวดีตอนนั้นนางได้พบคัมภีร์ฝึกพลังวิญญาณและตำราแพทย์บางเล่มอยู่ข้างใน หลังจากนั้นนางก็มิได้สำรวจกล่องเหล็กใบนี้อีกเลยบางทีกล่องเหล็กใบนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับประตูบานนี้ก็เป็นได้เมื่อคิดได้ดังนั้น จิตของหลิงอวี๋ก็เข้าสู่มิติในทันทีหลังจากค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็พบกล่องเหล็กใบที่เคยเก็บไว้นางนำมันออกมาพิจารณาอย่างละเอียดจึงได้พบว่าบนฝาด้านใน และใต้ก้นกล่องมีอักขระอาคมที่คล้ายคลึงกับบนประตูเหล็กปรากฏอยู่ขณะเดียวกัน หลิงอวี๋ก็เห็นปิ่นปักผมรูปนกกระเรียนของหลานฮุ่ยจวนที่นางเก็บไว้ในกล่องเหล็กด้วยในใจของหลิงอวี๋พลันเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา นางจึงหยิบปิ่นปักผมรูปนกก
ในตอนนั้นหลิงอวี๋กำลังติดอยู่ในห้วงสติของหยกหล้าสุขาวดี จึงมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเมื่อเห็นแววตาที่มืดครึ้มลงในทันใดของเซียวหลินเทียน หัวใจของนางก็พลันกระตุกวูบ“เซียวหลินเทียน เกิดเรื่องอะไรที่หม่อมฉันมิรู้ขึ้นหรือ?”เซียวหลินเทียนคิดว่ามิช้าก็เร็วหลิงอวี้ก็ต้องล่วงรู้เรื่องนี้อยู่ดี เขาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนประมือกับหลงหมิงในยามนั้นออกมาเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดว่า “ตอนนั้นข้ากำลังรับมือกับแส้เพลิงแดงของหลงหมิง เย่หรงก็พุ่งออกมารับฝ่ามือนั้นแทนข้า เขาจึงถูกพลังของหลงหมิงซัดกระเด็นตกหน้าผาไป!”“หลงเพ่ยเพ่ยก็กระโดดตามลงไป!”หัวใจของหลิงอวี๋พลันจมดิ่ง ยอดเขาเฟยหวงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นถึงเพียงนั้น การที่เย่หรงกับหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปจากหน้าผาเช่นนี้ จะยังมีทางรอดอีกหรือ?แต่แล้วในทันใดนั้น หลิงอวี๋ก็นึกถึงลูกแก้ววิญญาณที่เย่ซงเฉิงมอบให้แก่เย่หรงก่อนหน้านี้เย่หรงยังไม่มีโอกาสได้ใช้ลูกแก้ววิญญาณเลย เมื่อตกลงไปจากหน้าผา ด้วยความหลักแหลมของเขา มีหรือจะนึกถึงการใช้มันมิทัน!“อย่าได้กังวลไปเลยเพคะ เย่หรงมีลูกแก้ววิญญาณที่ท่านปู่เย่ซงเฉิงให้ไว้ เขาจะมิเป็นอะไรแน่นอน!”หลิงอวี๋
“อาอวี๋...อาอวี๋…”เซียวหลินเทียนจุมพิตเส้นผมของนาง เรียกชื่อของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างมิอยากจะเชื่อการรอคอยอันยาวนานเช่นนี้ เขาหลงลืมไปแล้วว่าตนเองผ่านมาได้อย่างไร!เขาเคยคิดว่า ตนจะต้องยอมรับหลิงอวี๋ที่ลืมเขาไปแล้วไปตลอดชีวิต แต่กลับมิคิดว่าสวรรค์จะเมตตาส่งนางกลับมาให้เขาอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน“หม่อมฉันอยู่นี่!”“หม่อมฉันอยู่นี่!”หลิงอวี๋ก็ตอบสนองอย่างมิลังเล นางกล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “หม่อมฉันจะไม่มีวันจากไปอีกแล้ว!”นางจะไม่มีวันยอมให้ใครมาพรากความทรงจำของนางไปอีก!นางจะจดจำผู้คนอันเป็นที่รักเหล่านี้ไว้ในใจไปชั่วชีวิตนางจะสลักทุกเรื่องราวที่พวกเขาเคยเผชิญร่วมกันครั้งแล้วครั้งเล่าไว้ในใจ!หลิงอวี๋ประทับจูบลงบนริมฝีปากของเซียวหลินเทียน ริมฝีปากและลิ้นที่พัวพัน ราวกับโชคชะตาของพวกเขาทั้งสองที่ผูกพันอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านพ้นความทุกข์ยากเหล่านี้มาได้ การได้โอบกอดและจุมพิตกันเช่นนี้ยิ่งล้ำค่าหาใดเปรียบเซียวหลินเทียนถอนหายใจอย่างเปี่ยมสุข นี่คือความจริง!เขามิได้ฝันไป!ทั้งสองจุมพิตกันและกัน ลืมเลือนทุกสิ่งรอบกายไปจนหมดสิ้นราวกับว่าระหว่างฟ้ากับดิน มีเพียงแค่พวกเขาสองคน
แต่ความสบายใจของหลิงอวี๋อยู่ได้มินานนัก เมื่อนางอาบน้ำอย่างมีความสุขเสร็จสิ้น เมื่อมองไปรอบ ๆ ที่ว่างเปล่า นอกจากลิงแล้วก็ไม่มีใครอื่น นางก็กลับสู่ความเป็นจริงครั้งที่แล้วที่มาภูเขาตระกูลหลี่ ยังมีลู่หนานและคนอื่น ๆ อยู่เป็นเพื่อน แต่ตอนนี้พวกเขายังคงอยู่ที่แดนเทพมิใช่เพียงลู่หนาน แต่ยังรวมถึงเผยอวี้ ฉินซาน หานเหมยและคนอื่น ๆ อีก แม้ว่านางกับเซียวหลินเทียนจะกลับมาได้แล้ว แต่สหายเหล่านั้นของพวกเขายังคงอยู่ที่แดนเทพหลงหมิงก็มิรู้ว่าตายไปแล้วหรือยัง!หากเขายังมิตาย และมิสามารถชิงหยกหล้าสุขาวดีของนางไปได้ เป้าหมายในการแก้แค้นของเขาก็ย่อมหนีมิพ้นเผยอวี้และฉินซานแล้วไหนจะเจ้าแห่งทิศใต้ หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงอีก!เช่นนั้นนางจะทนใจดำปล่อยให้พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายแสนสาหัสได้อย่างไร!ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเหล่าราษฎรนับหมื่นนับแสนที่กำลังจะต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดและไร้ที่อยู่อาศัยก่อนสิ้นใจ เย่ซงเฉิงได้ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยให้นางบรรลุเป้าหมาย แล้วนางจะใจดำทอดทิ้งแดนเทพ ปล่อยให้เย่ซงเฉิงต้องตายตามิหลับได้อย่างไรกัน?หลิงอวี๋แต่งกายด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แล้วกลับออกมายังลานด้านนอกปรา
หลิงอวี๋ตรวจดูมือของเซียวหลินเทียน ฝ่ามือของเขาที่ใช้จับแส้เพลิงแดงของหลงหมิงนั้นถูกความร้อนสูงแผดเผาจนไหม้เกรียมแม้จะมีเลือดแก่นแท้ของกู่ไหมทองช่วยฟื้นฟู แต่ก็เป็นเพียงการทำให้เกิดสะเก็ดแผลและหยุดเลือดเท่านั้น การจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมายังคงต้องใช้เวลาหลิงอวี๋รู้สึกเจ็บปวดใจ นางหยิบน้ำยาและผ้าพันแผลออกมาจากมิติ และช่วยเซียวหลินเทียนทำความสะอาดเนื้อที่ไหม้เกรียมเหล่านั้น ปิดท้ายด้วยพันแผลให้เขาอย่างดีหลังจากทำแผลให้เซียวหลินเทียนเสร็จเรียบร้อย หลิงอวี๋ก็หยิบอาภรณ์สะอาดออกมาจากมิติอีกชุดหนึ่งเพื่อเปลี่ยนให้เขาเมื่อถึงตอนนี้ หลิงอวี๋ถึงมีเวลาตรวจสอบตัวเองสิ่งที่ทำให้นางต้องตกตะลึงก็คือ นอกจากชุดที่ขาดรุ่งริ่งบนร่างกายแล้ว ผิวหนังส่วนที่เคยถูกไฟไหม้กลับฟื้นฟูสู่สภาพเดิมอย่างน่าอัศจรรย์นี่เป็นเพราะหยกหล้าสุขาวดีช่วยซ่อมแซมร่างกายของตนงั้นหรือ?หลิงอวี๋นึกถึงแสงเจ็ดสีที่ปรากฏขึ้นในท้ายที่สุด ตอนนั้นนางได้ปลดปล่อยพลังของหยกหล้าสุขาวดีออกมาด้วยความช่วยเหลือของเย่ซงเฉิงพลังอำนาจอันแข็งแกร่งมหาศาลนั้นได้หล่อหลอมตัวตนของนางขึ้นมาใหม่โดยมิรู้ตัวอย่างนั้นหรือ?บางทีนี่อาจเป็นสา