เมื่อเซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ ลู่หนานก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาชักดาบออกมายืนอยู่ข้างหน้าเซียวหลินเทียนเผยอวี้ยิ้มอย่างเกียจคร้าน “ผู้ใดกล้าแตะต้องสหายของข้า นั่นคือศัตรูของข้าเผยอวี้เช่นกัน!”เขากอดดาบของตนอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางขี้เกียจกับรูปร่างสูงของเขายืนอยู่ข้าง ๆ เซียวหลินเทียน ท่าทางชัดเจนอันเจ๋อเห็นเข้าก็วิ่งไปข้างหน้าทันที แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “จะสู้โดยไม่มีข้าได้เยี่ยงไรเล่า!”“องค์ชายคัง เราคุยกันด้วยเหตุผล! จ้าวซิงผู้นี้มีตัวตนเยี่ยงไร? เขาทำให้พระชายาอ๋องอี้อับอายเช่นนี้ เหตุใดพระชายาอ๋องอี้จะให้คนทุบตีเขามิได้?”“หรือว่าหากคนอื่นพูดเช่นนี้กับพระชายาคัง? องค์ชายคังจะทนได้หรือ?”สีหน้าองค์ชายคังดูแย่มาก แต่คำพูดของอันเจ๋อทำให้เขาไม่สามารถโต้แย้งได้เลย!ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีเรื่องบาดหมางกับพี่น้องเช่นเซียวหลินเทียนเพราะทาสต่ำต้อยผู้หนึ่งหรือ?หากพี่น้องแตกคอทะเลาะกันเอง โทษหนักก็คือจะถูกจองจำไปตลอดชีวิตเชียวนะ!องค์ชายสามรุ่ยมองอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างแม้ว่าเขาจะมองสถานการณ์นี้ออก แต่การที่พี่สองกับน้องสี่ทะเลาะกันอย่างน่าอายนั้นกลับเป็นโอกาสของตนดังนั้นเขาจึงไม่อ
เสิ่นจวนรีบอธิบาย “ข้า ข้ากังวลว่าจะมีคนที่คิดมิดีบุกเข้าไป ดังนั้น ดังนั้น...”เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ เพราะแม้นางเองก็รู้ว่าเหตุผลนี้ไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวธารกำนัล และอาจทำให้คนสงสัยในตัวนางด้วย!“เช่นนั้นเจ้าก็ช่างใส่ใจเสียจริง!”หลิงอวี๋ยิ้มเหน็บแนม พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงซวนนำอาภรณ์มาให้ข้า ประตูมิได้ลงกลอน!”“หากเจ้าจัดการให้นางรับใช้ลงกลอน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปถามนางรับใช้ของเจ้าว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”เสิ่นจวนรู้อยู่แล้วว่าตนเองผิดพลาด ไหนเลยจะกล้าจับจ้องเรื่องลงกลอนแล้วตำหนิหลิงอวี๋ต่อ!หลิงซวนก้าวไปพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสาบานได้ว่า ตอนที่หม่อมฉันนำอาภรณ์ไปให้อาจารย์ ประตูมิได้ลงกลอนเพคะ!”“อาจารย์ของหม่อมฉันคิดว่านัดแนะกับท่านอ๋องอี้ไว้แล้วจะกลับไป จึงออกไปหาท่านอ๋องอี้ แล้วก็ได้พบกับพระชายาเย่!”พระชายาเย่กับองค์ชายเย่ที่กำลังดูความสนุกสนานอยู่ด้านหลังตามหลิงอวี๋เข้ามาพวกเขาทั้งสองพยักหน้าพลางเอ่ย “พวกเราเป็นพยานได้ว่าพี่สะใภ้สี่กับหลิงซวนอยู่กับพวกเราตลอด!”องค์ชายเย่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งใด และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระช
แต่นางรับใช้ของพระชายาผิงหนานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีหรือจะปล่อยให้นางแย่งชิงไปได้?หลังจากเตะออกไปแล้ว ก็ยกขอบเสื้อชั้นในขึ้นให้ทุกคนเห็นคำว่าจวนได้อย่างชัดเจนจ้าวซิงสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่เขาจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธแล้ว ก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“เสี่ยวอวี๋ เจ้าเปลี่ยนเสื้อชั้นในเมื่อใดกัน! เห็น ๆ อยู่ว่าตอนที่มอบให้ข้าเจ้าปักชื่อของเจ้าไว้!”เถาจื่อตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว หากกล้าใส่ร้ายคุณหนูของข้าอีก ข้าจะฟาดให้ฟันหมดปากเลย!”จ้าวซิงตะโกนอย่าง ‘คับข้องใจ’ “ท่านอ๋องเฉิง แม้ว่าหลักฐานจะถูกหลิงอวี๋เปลี่ยนไปแล้ว แต่กระหม่อมก็ยังมีพยานอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”“เหอะ ๆ… พยานของเจ้าหมายถึงพวกเขาหรือ?”หลิงอวี๋ยื่นมือออกไปกวาดชี้พวกคุณชายลามกเมื่อครู่ แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ใครก็ได้ในพวกเจ้าออกมาบอกข้าที! ข้าไปมีความสัมพันธ์กับไอ้เลวแซ่จ้าวที่ใดและเมื่อใด?”จ้าวเจินเจินฟังคำพูดคำจาของหลิ่งอวี๋แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คิดไม่ออกว่ามันผิดปกติตรงที่ใดอันซิน หลิงหว่าน กับเจียงอวี้พยายามจะกลั้นหัวเราะไอ้เลวแซ่จ้าว!คำพูดของท่านพี่หลิงหลิงราวกับด่าตระกูลจ้าวทุกคนที
คุณชายพวกนี้ล้วนเป็นพวกชอบเที่ยวเตร่เกียจคร้าน ก่อนหน้านี้ประจบประแจงจ้าวซิงเพียงเพื่อจะเอาผลประโยชน์เท่านั้น!แต่หากถูกตัดสินว่าร่วมมือกับศัตรู เช่นนั้นคงต้องถูกตัดหัวทั้งครอบครัวแน่!“ท่านอ๋องอี้ ทุกอย่างที่เราพูดไปล้วนเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ! เรามิเคยเห็นพระชายาอ๋องอี้ติดต่อกับจ้าวซิงเลย! ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการโอ้อวดของเขาเองผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่ตอนที่เรามา มีสตรีนางหนึ่งอยู่ข้างใน เราก็คิดว่านางคือพระชายาอ๋องอี้!”อู๋เลี่ยงตะโกน “ท่านอ๋องอี้ จ้าวซิงผู้นี้ชอบคุยโวโอ้อวด ปกติแล้วมักจะพูดว่าเป็นชู้กับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว…แต่เราฟังเป็นเรื่องตลกพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้เขาสาบานว่ามีหลักฐานให้เราดู เราจึงตามเขาไปดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เพื่อจะกำจัดข้อหาร่วมมือกับศัตรู พวกเขาจึงรีบชิงเปิดเผยจ้าวซิงก่อนเมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าคนเหล่านี้หวาดกลัวเซียวหลินเทียนจนบอกความจริงออกมา สีหน้าของนางก็ดูแย่มากนางจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธเสิ่นจวนเป็นคนบอกว่า ที่หลิงอวี๋ไปอยู่ที่ไร่นานั่นคือนางไปมีสัมพันธ์กับบุรุษ นางจึงให้จ้าวซิงพูดเช่นนี้ไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนต่างหากที่เป็นคนซื้อไร่นานี้
“จ้าวซิง อย่าพูดจาไร้สาระ...! ข้ามิได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเลย! พวกเจ้าต่างหากที่กำลังวางแผนกำจัดข้า!”เสิ่นจวนกรีดร้องออกมาข้อหาร่วมมือกับศัตรู หากความผิดนี้มาตกอยู่ที่ตน แม้แต่พระสนมหรงก็มิสามารถปกป้องตนได้!ยิ่งเสิ่นจวนคิดก็ยิ่งกลัว เวลานี้นางมิสนใจเรื่องใส่ร้ายหลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว แค่อยากหลุดพ้นข้อหานี้เท่านั้น!นางครุ่นคิด อยากจะจัดการจ้าวเจินเจิน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของจ้าวเจินเจิน เหตุใดจ้าวเจินเจินจึงปลอดภัยไม่เป็นไรเลยเล่า!จ้าวเจินเจินกลัวว่าเสิ่นจวนจะเปิดโปงตน จึงชิงเอ่ยเสียก่อน “เสิ่นจวน! ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเจ้ารักท่านอ๋องอี้และอยากจะแต่งงานกับเขา!”“แต่เจ้ามิสามารถใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้เพียงเพราะเจ้าอยากเป็นพระชายาได้! เจ้าเกือบทำให้เราเข้าใจพระชายาอ๋องอี้ผิดไปเสียแล้ว!”เสิ่นจวนตะโกนด้วยความโกรธ “จ้าวเจินเจิน เรื่องเกี่ยวกับไร่นานั้นข้าบอกแค่เจ้า!”“จะต้องเป็นเจ้าแน่นอนที่ช่วยสายสืบผู้นั้น! แล้วเรื่องที่ใส่ร้ายพี่สะใภ้ของข้าในวันนี้ก็เป็นแผนการของเจ้าด้วย...”สีหน้าของจ้าวเจินเจินมิได้เปลี่ยนเมื่อเผชิญกับข้อกล่าวหาของเสิ่นจวน นางส่ายหัวให้กับทุกคนอย่างจนใจพลางเ
เซียวทงตกตะลึงไปแล้ว นางไม่คิดเลยว่าหลังจากที่มีทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคลแล้วหลิงอวี๋จะยังสามารถพลิกสถานการณ์ต่อไปได้อีก!เมื่อเห็นหลิงอวี๋กล่าวหาจ้าวซิง เซียวทงก็อยากจะวิ่งหนีไปทันทีเลยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้นางรู้แล้วว่าหลิงอวี๋เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ!นางจะไม่ปล่อยพวกคนที่รังแกหลิงอวี๋ไปเลยสักคน!เจิงจื่ออวี้ จูเหวินและลั่วอวี้จูที่แข่งความสามารถก่อนหน้านี้ก็ถือเสียว่าเป็นบทเรียนจากความล้มเหลวไป!ทว่าตนไม่เพียงแต่วางแผนจัดการกับหลิงอวี๋เท่านั้น แต่ยังใส่ร้ายนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำผิดยิ่งกว่าคนเหล่านั้นเสียอีก หลิงอวี๋จะปล่อยตนไปหรือ?เมื่อนึกถึงความผิดที่หลิงอวี๋กล่าวหาตนว่าแตกคอกันกับครอบครัว เซียวทงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรก หลิงอวี๋คงจะไม่ให้ท่านปู่เฉิงทุบตีตนจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่!ฉินรั่วซือเองก็นิ่งเฉยอยู่ไม่ได้แล้ว พอเห็นว่าหลิงอวี๋ขจัดเรื่องความผิดออกไปได้หมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องเป็นการคิดบัญชีอย่างแน่นอน!นางเป็นคนแนะนำให้องค์หญิงหกใส่ร้ายหลิงอวี๋ หากองค์หญิงหกถูกลงโทษ จะต้องโกรธนางเป็นแน่!ฉินรั่วซือเห็นว่า สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหกกั
แต่จ้าวเจินเจินกลับมิได้รับผลกระทบจากคำพูดเหล่านี้เลย พลางเอ่ยอย่างไร้ซึ่งความผิดด้วย“ทุกท่านเข้าใจผิดไปแล้ว… ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนว่าข้ามีลูกพี่ลูกน้องชื่อจ้าวซิง!”“ทุกท่านรู้ดีว่าครอบครัวแม่ของข้ามีลูกพี่ลูกน้องมากมาย ข้าจำได้แค่ลูกพี่ลูกน้องของข้าอย่างพวกจ้าวเฉียงฮั๋วที่ใกล้ชิดกันทางสายเลือด แต่ในเมื่อคุณชายจ้าวพูดเช่นนี้ ข้าก็อยากจะถามเขาให้ชัดเจนเสียหน่อย!”จ้าวเจินเจินพูดไป ก็มองจ้าวซิงด้วยสายตาที่เฉียบคมไปด้วย“คุณชายจ้าว ท่านคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูดเถิด...!”“ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าจริง ๆ หรือ? เหตุใดข้ามิเคยเห็นท่านมาก่อน? บิดามารดาของท่านคือผู้ใดกัน?”“ท่านช่วยเตือนข้าหน่อย แล้วข้าจะกลับไปถามท่านพ่อข้าว่ามีครอบครัวของท่านอยู่ในตระกูลหรือไม่!”จ้าวซิงรู้สึกหวาดกลัวสายตาเย็นชาของจ้าวเจินเจินครอบครัวของเขาเป็นญาติของตระกูลจ้าวก็จริง แต่อยู่ห่างจากตระกูลจ้าวที่จวนอัครเสนาบดีไปแสนแปดพันลี้เลยทีเดียวตอนแรกเขามาหาจ้าวเจินเจิน เพราะอยากให้นางช่วยพูดให้ครอบครัวจ้าวของพวกเขาได้รวมอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลจ้าวในจวนอัครเสนาบดีด้วย ครอบครัวจะได้มีอนาคตที่ดีแต่จ้าวเจิ
เสิ่นจวนโกรธเพราะคำพูดของเซียวทงกับจ้าวเจินเจินจนตัวสั่น เห็น ๆ กันอยู่ว่าแผนการใส่ร้ายหลิงอวี๋เป็นการหารือและดำเนินการร่วมกันทุกคน!บัดนี้พอเรื่องมันเปิดเผยออกมาแล้ว พวกนางจะให้ตนเป็นแพะรับบาปไปเพียงผู้เดียว!แต่ก่อนหน้านี้พวกนางได้หารือกันด้วยวาจา ไหนเลยจะมีหลักฐานมายืนยันได้ว่าจ้าวเจินเจินกับจ้าวซิงสมคบคิดกัน!เมื่อเห็นว่าเสิ่นจวนพูดมิออก จ้าวเจินเจินก็โค้งคำนับท่านอ๋องเฉิง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ“ท่านอ๋องเฉิง ความจริงปรากฏแล้วว่า เสิ่นจวนกับจ้าวซิงเห็นว่าเรื่องถูกเปิดโปงจึงใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้ ทั้งยังให้ร้ายหม่อมฉันเพคะ!”“คนเช่นนี้ควรถูกประหารเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้อื่นเพคะ!”เซียวทงก็ตะโกนเช่นกัน “ถูกต้อง! เสิ่นจวนกับจ้าวซิงร่วมมือกันใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้ เมื่อทำเรื่องผิดศีลธรรม นางก็ควรถูกประหารด้วย!”เซียวทงโกรธแค้นเรื่องที่เซียวหลินเทียนปกป้องหลิงอวี๋ในวันนี้ เสิ่นจวนเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซียวหลินเทียน เช่นนั้นจึงจะให้เสิ่นจวนตายไปด้วยเช่นกัน!ท่านอ๋องเฉิงเบื่อหน่ายกับเรื่องในวันนี้แล้ว เขาจ้องจ้าวซิงอย่างรังเกียจพลางพยักหน้า“จ้าวซิงใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้และย่ำ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร