“ข้าไม่เคยอายที่จะบอกว่าเคยเป็นลูกขอทาน และตัวข้าก็เป็นขอทานเช่นกัน เพราะท่านแม่ก็ไม่เคยอาย ที่จะบอกว่านางเป็นเช่นกัน”หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ มิใช่การขอผู้อื่นกินทำให้นางรู้สึกดี แต่นางอยากสื่อให้เห็น ว่ายาจกผู้นี้ เป็นยอดมารดา ยอดสตรีที่ไม่เคยย่อท้อต่อชะตา เพราะสุดท้ายท่านแม่ก็พาลูกๆ ก้าวผ่านทุกภัยอันตราย มาพบแสงสว่างจนได้ “พวกเจ้าคงลำบากมากใช่หรือไม่” “ปางตายเชียวล่ะ แต่ท่านแม่หรือจะยอมแพ้ต่อชะตา เมื่อพวกข้าสามพี่น้องถูกรังแก ท่านแม่ก็เลิกที่ยอมอีกต่อไป” “สามพี่น้องหรือ” “ใช่! แฝดสาม ก็คนที่พวกเรามารอข่าวเขาอย่างไรเล่า พี่ชายฝาแฝดทั้งสองของข้า ส่วนอี้หยางนั้นเป็นบุตรชายที่กำเนิดจากบิดาเลี้ยงของข้า” “แฝดหรือ! พวกเจ้าหน้าตาเหมือนกันไหม แล้วบิดาเลี้ยงดีกับพวกเจ้าหรือไม่”อวี๋มู่หลง ถามด้วยความตื่นเต้น พร้อมทำตาโตประหนึ่งไข่ไก่เลยก็ว่าได้ นั่นทำให้เจียงอี้หลิงอดขำขันไม่ได้ “ดีกว่าบิดาแท้ๆ ของข้าเสียอีก”เจียงอี้หลิงพูดตามที่เป็นจริง ท่านพ่อคนนี้ของนาง ดีเลิศเป็นที่หนึ่งในเรื่องรักลูกๆ อย่างเท่าเทียม “ชีวิตของเจ้าเริ่ม
“ข้าขอโจ๊กเป่าฮื้อ ใส่เห็ดหอมด้วยนะ ชาดอกเหมยกุ้ยหนึ่งกา เกี้ยวดอกหลันฮวาไส้ปลาหิมะ นอกนั้นก็มื้อเช้าเมนูหลัก” หญิงสาวสั่งเมนูที่น้อยคนจะสั่ง แต่ที่โรงเตี๊ยมมีในรายการอาหารอยู่แล้ว เพราะนางเองเป็นคนร้องขอ ให้นายน้อยจ้านเกอ ช่วยเพิ่มเข้าไป เพื่อรำลึกความหลัง ที่นางกับท่านประมุขน้อย เคยมีต่อกันในวัยเด็ก “คุณหนูโปรดรอสักครู่นะขอรับ” รายการอาหารของสตรีแปลกหน้า ทำให้อวี๋มู่หลงถึงกับยกตะเกียบที่กำลังจะยื่นไปคีบอาหาร นิ่งค้างราวถูกสาป รายการอาหารนี้คงมีเพียงเขา ที่ชอบกินในมื้อเช้าอยู่บ่อยครั้ง และจะเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง นำมาให้เขาอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน ทว่าเมื่อบิดาและอนุฉินเริ่มแคลงใจ เรื่องที่เหล่าผู้อาวุโสกำลังคิดทำ มื้อสุดท้ายที่เด็กน้อยนำอาหารเช้ามาส่งให้ พร้อมกับรอยยิ้มสดใส ทว่านั้นคือมื้อสุดท้ายสำหรับเขาและนาง เด็กน้อยช่างเจรจา ถูกส่งออกไปจากหุบเขา เพื่อกลับมาเคียงข้างเขาในภายหน้า คงมีเพียงจดหมายลับ ที่นานครั้งเขาจะได้รับมา แต่ทุกฉบับที่ได้รับเขาไม่อาจเก็บไว้ได้ เพราะถ้าบิดารู้ว่าเขามีคู่หมาย ความปลอดภัยของนางและครอบครัว คงไม่มีอีกต่อไป ดังนั้น
“ข้าน้อยคือคนของหยินกวง ตายก็จะเป็นผีของหยินกวง ความภักดีนี้มิใช่ภาพที่สร้างขอรับ แต่ทุกความรู้สึกของข้าน้อย มาจากใจทั้งสิ้นขอรับ”ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น บ้านเมืองใดบ้างไม่มีระรอกคลื่น คอยกระทบจากคำว่าอำนาจ แต่สกุลอวี๋ที่ยังคงครอบครองที่นี่มายาวนาน เพราะความดีที่มิเคยเสื่อมคลายของทายาทในทุกๆ รุ่น“เนี่ยวเนี่ยว ต่อไปที่นี่คือบ้านที่เจ้าต้องช่วยข้าดูแล รวมถึงว่าที่ท่านประมุขคนใหม่ เจ้าต้องเคียงข้างเขา มิว่าจะอย่างไรอย่าได้คิดคดต่อเขาแม้เพียงน้อยนิด”หญิงสาวในชุดสีหวาน ทว่าใบหน้าของนางกลับปกปิดเอาไว้ด้วยหน้ากาก ทำให้ไม่รู้ว่าใบหน้าแท้จริงขี้ริ้วหรืองดงาม หญิงสาวก้าวมายืนเคียงข้างชายชรา ก่อนจะย่อกายลงอย่างนอบน้อมนางคือบุตรสาวของหนึ่งในห้าสกุลอาวุโส ที่ถูกส่งออกไปอยู่นอกหุบเขา เพื่อฝึกฝนสำหรับการเป็นสตรี ที่จะเคียงข้างประมุขคนต่อไป“ข้าจะไม่มีวันให้หลานชายของข้า ก้าวพลาดเยี่ยงพี่หญิง เขาจะพอใจหรือคัดค้าน ก็ปฏิเสธการมีเนี่ยวเนี่ยวเคียงข้างไม่ได้”คำพูดที่เด็ดขาดนี้ เขาไม่ได้อยากที่จะใช้มันกับหลานชาย แต่เขาก็ไม่อาจทนให้เกิดเรื่องซ้ำรอบเดิมได้ ตอนนี้สวี่เทียนคงต้องชดใช้ให้แก่ทายาท
สวี่เทียน กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนเด่นชัด ดวงตาที่จ้องมองไปยังคงตรงหน้า มันเต็มไปด้วยความชิงชัง ความคิดบ้าบออันใดกัน ที่ให้สายเลือดไปใช้ชีวิตที่อื่น โดยไม่มีการเอ่ยถึงหรือให้ใครรับรู้ แล้วนี่ก็ผ่านมาตั้งสิบห้าปี ทำไมถึงเพิ่งกลับมาก “เพราะอะไรเจ้าไม่กลับมาตั้งแต่แรก” สวี่เทียนถามด้วยเสียงอันกร้าวกระด้าง “เจ้าอยากรู้ไปทำไมกัน” เรียวปากหนาบิดขึ้นเล็กน้อย อย่างเย้ยหยันอีกฝ่าย เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบาย ให้คนเช่นสวี่เทียนได้เข้าใจ แม้ว่าเขาอยากที่จะกลับมาจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่เพราะคนชราด้านนอกหุบเขา บอกว่ายังไม่ถึงเวลา และมันก็จริงอย่างที่ชายชรากล่าวไว้ ตัวเขายังไม่พร้อม การมาด้วยโทสะย่อมจะทำให้หลานชาย ที่จะก้าวสู่อำนาจถูกมองในทางลบมิเว้นแม้แต่ตัวเขา ที่จะถูกกำจัด หากถูกกล่าวหาว่าคิดช่วงชิงอำนาจ มู่หลงยังเล็กนักในเวลานั้น เขาทำเพียงรับข่าวสาร และแอบมาสอดส่องบ้าง ในฐานะเจ้าของโรงเตี๊ยม“ฮ่าๆ เจ้าคิดที่จะช่วงชิงอำนาจของบุตรชายข้าสินะ! เจ้าจึงไม่มีคำมาพูดให้ข้ากระจ่างใจ แต่เจ้าอย่าลืมว่าข้าถูกแต่งตั้งจากขุนนางทุกคน ให้อ
รุ่งสางจวนผู้รักษาการแทน ณ เมืองหยินกวง เสียงดังโหวกเหวกจากด้านหน้าเรือน ทำให้สวี่เทียนรีบก้าวออกมาดูทันที ก่อนจะหรี่ตามองไปยังกลุ่มทหาร ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เว้นแค่ชุดที่ทุกคนสวม รวมถึงชุดคลุมที่ชายผู้ก้าวตรงมาที่เขาสวม มันเหมือนกับที่อดีตภรรยา เคยลงมือปักด้วยตนเอง “เจ้าเป็นใคร! กล้าบุกรุกจวนของข้า รู้หรือไม่ว่าโทษนี้ถึงตาย” สวี่เทียนชี้นิ้วตรงไปยังคนที่ก้าวตรงมาที่เขา ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ พวกมันเป็นใครกันช่างกล้าเกินไปแล้ว! “แค่กาฝากชั้นต่ำ จะเอาอันใดมาแตะต้องตัวข้า” เอ่ยจบดาบคม ได้วางพาดบนลำคอหนาของสวี่เทียน เขารับรู้ได้ถึงความชิงชัง ที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่ม สายตาเย็นชามองมาที่เขา ราวกับเป็นสิ่งไร้ค่าก็มิปาน “บังอาจ! ปล่อยสามีข้าเดี๋ยวนี้” อนุชินรีบวิ่งเข้ามาสั่งการ ให้คนแปลกหน้าปล่อยสามีของนาง แต่ก็ไม่อาจหาญเข้าใกล้อีกฝ่ายมากนัก “ชายหญิงต่ำช้า สมสู่กันในบ้านเมืองของสกุลข้า ช่างมิรู้อายฟ้าดิน หากวันนี้ข้าไม่ได้พบหลานชาย พวกเจ้าสองผัวเมีย ก็อย่าได้หวังจะได้ตายดีเลย” “หลานชาย!” สวี่เทียน
“ได้ข่าวท่านประมุขน้อยหรือยัง” ชายหนุ่มถามผู้ดูแลโรงเตี๊ยม ที่ก้าวเข้ามายืนไม่ห่างอย่างพินอบพิเทา แค่เสี้ยวหน้าของท่านอวี๋จ้านเกอ ก็ทำให้ขาของเขาสั่นเทาจนยากจะควบคุม เพราะงานที่ได้รับคำสั่งให้ทำ มันยังไม่ลุล่วง “เรียนท่านจ้านเกอ เราทราบเพียงมีสตรีกับเด็กคนหนึ่ง และผู้ติดตามของนาง ช่วยเหลือท่านประมุขน้อยเอาไว้ขอรับ ทั้งหมดยังซ่อนตัวอยู่ ส่วนที่คนของสวี่เทียนกำลังติดตามหา คือหญิงสาวคนนั้น เพราะบุตรชายหญิงของเขา ตกไปอยู่ในมือของนางขอรับ” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมรีบรายงาน เท่าที่เขาส่งคนไปแทรกซึมอยู่ในจวน และจากคนที่ยังภักดีต่อท่านประมุขน้อย ที่ส่งข่าวมาให้ทราบ แต่งานของเขาคือการหาตัวของท่านประมุขน้อยให้เจอ ยังคงไม่สำเร็จ เพราะผู้รักษาการแทน ประกาศไปเพียงว่าประมุขน้อยสร้างปัญหาจึงหลบหนีไปพักใจ แม้ทุกคนจะไม่เชื่อ แต่ก็ยากจะทำอะไรโจ่งแจ้งได้ “คนต่างถิ่นสินะ!”ชายหนุ่มแค่อยากให้แน่ใจ ว่าเขาคิดไม่ผิดเรื่องผู้ที่ช่วยเหลือหลานชาย ว่ามิใช่คนในหุบเขา “ขอรับ เห็นว่านางหลบหนีการตามล่าเข้ามาในหุบเขา แต่จากที่ข้าน้อยสืบข่าวมา นางเหมือนรู้จักทุกซอกมุมของหุบเขาเป็นอ
“แคลงใจแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต่อให้นางอยากตัดหัวเขาเพื่อลูก แต่นางก็ยังไม่ยอมให้เสียโอกาส สำหรับอำนาจที่สวี่เทียนครอบครอง หากเขาตายเจ้าคือตัวจริงตามฐานะ แล้วนางกับลูกจะอยู่อย่างไร นางย่อมต้องรักตัวเองมากกว่า จะเลือกพาสวะไร้ค่ากลับมาเป็นตัวถ่วงชีวิต แต่แบบนี้ดีแล้วมันเข้าตามแผนที่ข้าวางไว้” ช่างเป็นความคิดที่เลือดเย็นนัก หากเป็นเช่นคำพูดของเจียงอี้หลิง อวี๋มู่หลงรู้สึกรักและคิดถึงมารดาขึ้นมาในฉับพลัน ท่านแม่ของเขายอมสละทุกอย่าง เพียงเพื่อให้เขามีลมหายใจอยู่ต่อ แม้แต่เสี่ยวไป๋ที่แก่ชราแล้ว ยังอดทนเฝ้ารอให้เขาเติบโต เพื่อสักวันที่มันจะหลับใหลแบบหมดห่วง อวี๋มู่หลง แอบยกชายเสื้อขึ้นซับหางตา เขาจะอ่อนไหวเสมอ เมื่อนึกว่าถ้าวันหนึ่งเสี่ยวไป๋ จากเขาไปเช่นมารดา และเหล่าผู้อาวุโส ที่ถูกกำจัดไปจากชีวิตเขาจนสิ้น การที่บิดาของเขายังไว้ชีวิตมัน เพราะคนผู้นั้นมั่นใจยิ่งนัก ว่าเสี่ยวไป๋รู้ที่ซ่อนของตราประทับ “เจ้าเป็นอะไรไป” เจียงอี้หลิงกระซิบถามคนข้างกาย ก่อนที่อวี๋มู่หลงจะรู้สึกตัว ว่าตนเองกำลังฝังความคิดอยู่กับเรื่องราว ที่มิอาจย้อนคืนได้แล้ว ชายหนุ่มรั้งร่างของหญิงสา
หวี๊ด!! เจียงอี้หยางหันหาที่มาของเสียง นี่คือสัญญาณจากท่านลุงอู๋ เด็กชายใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว ด้วยอีกฝ่ายเหมือนจะใช้กำลังสู้ไม่ได้ จึงเลือกใช้ยาพิษ เขามั่นใจว่าในไม่ช้า คนจากหนานจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง ถึงเขากับพี่ม่อเหลียวจะไม่เป็นอะไร ด้วยร่างกายนั้นทดลองยาพิษมามาก จนเรียกได้ว่าร้อยพิษมิกล้ำกลาย แต่ใช่ว่าพี่ม่อเหลียวจะรับมือเพียงลำพัง กับคนที่มีฝีมือระดับเดียวกัน ในจำนวนที่มากกว่าได้ ต่อให้สู้ไหวใช่ว่าจะมิบาดเจ็บเล่ห์เหลี่ยมแพราพราวเหลือเกิน ชายที่ถูกเรียกว่าชายชูถาน เพราะเสื้อผ้าของคนพวกนี้ ล้วนอาบไปด้วยผงพิษ ทุกการเคลื่อนไหว มันจะคละคลุ้งจนเขาได้กลิ่น ทว่ามันไร้สีสันให้เห็น “พวกเขาวางยาพิษ ระวังด้วย!” เมื่อมีคนมาเพิ่ม เจียงอี้หยางจึงตัดสินใจตะโกนออกไป พร้อมกับลุกขึ้น พุ่งตัววิ่งตรงไปยังหน้าประตู ตามสัญญาณที่ได้รับจากท่านลุงอู๋ ชานชูถาน รีบเปลี่ยนเป้าหมาย จากนายน้อยแห่งหนาน เป็นไล่ตามเด็กชายไปอย่างกระชั้นชิด เขาจะปล่อยให้ตัวล่อเผ้าหมายหลุดมือไปไม่ได้ ปึก! ตุบ! ทว่าร่างของเขากลับต้องลอยละลิ่ว จากแรงกระแทกเข้าที่กลางแผ่นอกกว้าง แผ่นหลังของเขาเห
ตู้ฮั่นเอ่ยถามอดีตสหาย ด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะหยัน เมื่อเห็นแววตาที่แตกตื่นของอีกฝ่าย แม้มันจะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ แต่ก็หาได้รอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้ “เหอะ! เจ้ามันช่างมากเล่ห์กลนัก แต่อย่างไรเสียวันนี้ ข้าต้องได้ตัวเขาไป เจ้าอย่าได้คิดมาขัดขวางเสียให้ยาก” ชานชูถาน ตอบโต้ตู้ฮั่นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ เขาหรือจะไม่มีแผนสำรอง ในการทำภารกิจ เมื่อไม่ได้ด้วยกำลังก็ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม “หากนายน้อยไม่เต็มใจก้าวไปที่ใด ใครหน้าไหนก็แตะนายของข้าไม่ได้เป็นอันขาด!” ตู้ฮั่น ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกร้าวกระด้างไม่แพ้กัน ต่อให้ใครจะยังแคลงใจ ว่าคุณชายม่อเหลียวมิใช่นายน้อย แต่เขามองไม่พลาดอย่างแน่นอน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป นายน้อยจึงอาจยังไม่ทันตั้งรับต่อสถานะที่แท้จริงก็เป็นได้ อีกทั้งความรอบคอบของนายน้อยแล้ว ย่อมไม่มีวันที่จะโอนอ่อนต่ออำนาจ ที่มิรู้ที่มาอย่างง่ายดายแน่นอน “ข้าแค่ทำตามคำสั่ง เชิญนายน้อยกลับหนาน เจ้าคิดว่าไม่ดีหรือ เราก็กลับไปเสียพร้อมกันเลย” ชานชูถาน มองเลยไปยังด้านหน้าประตู เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดมาเพิ่มเติม นอกเหนือจากตู้ฮั