แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-12 02:25:00

บทที่ 3

โจวหยางเฉิงที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมบุตรชายทั้งสามก็ได้แต่มองภรรยาของตนแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“นี่เจ้าจะจริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไปหรือเปล่า ข้ากับลูกจะต้องเดินทางอยู่อีกไม่กี่วันนี่แล้ว เจ้ายังจะวุ่นวายเรื่องนี้อยู่อีกหรือ”

“ท่านพี่อย่ามาว่าราวกับข้าบกพร่องในหน้าที่นะเจ้าคะ ข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องเตรียมสำหรับการเดินทางของท่านพี่และลูกชายของเราข้าล้วนเตรียมเอาไว้เสร็จสิ้นแล้ว ยังไปช่วยสะใภ้ใหญ่ของเราจัดการของอี้เทียนแล้วด้วย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ข้าจะต้องทำเพื่ออี้หลง หากข้าไม่ทำอะไรเลย ข้าจะนอนหลับได้อย่างไร”

“ท่านพ่อ ข้าว่าปล่อยให้ท่านแม่ทำเถอะ เพื่อความสบายใจของท่านแม่ ขนาดน้องเล็กยังไม่ขัดพวกเราก็ควรที่จะปล่อยให้ท่านแม่ทำไป” โจวอี้เทียนเอ่ยขึ้น แม้จะไม่ได้เห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่อยากขัดใจผู้เป็นแม่ อี้เหวินและอี้หลงก็พยักหน้า

โจวหยางเฉิงมองภรรยาและลูกชายก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง

“ข้าจะไม่ขัดเจ้าก็แล้วกัน แต่ขอบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ อีกสองวันข้ากับลูก ๆ ก็จะออกเดินทางไปที่ค่ายนอกเมืองเพื่อไปจัดเตรียมกองกำลัง มิได้อยู่รั้งรอในเมืองและไปพร้อมกับเสบียง หากเจ้าอยากทำอะไรก็คงต้องทำภายในสองวันนี้ หาไม่ ต่อให้หาคนที่ว่าเจอ พวกเราก็คงจะไม่ได้อยู่รอฟังผลด้วยแล้ว”

แม่ทัพโจวพูดอย่างนั้นกับภรรยาเพราะคิดว่านางจะยอมตัดใจและจบเรื่องราวทุกอย่างเพราะไม่มีเวลา แต่เปล่าเลย ฮูหยินของจวนโจวกลับดูเหมือนจะรีบเร่งจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมคอยท่าเอาไว้ก่อน

เพียงไม่กี่ชั่วยามภายในจวนโจวตอนนี้เลยมีสินสอดและของที่ต้องเตรียมตามธรรมเนียมการหมั้นวางเอาไว้ทั่วไปหมด และที่เตรียมก็มิใช่เพราะหาคนที่ซินแสว่าเอาไว้เจอแล้วด้วย

แต่เป็นเพราะซ่งอวี้หลินกลัวว่าเวลาเพียงน้อยนิด หากเจอคนที่ว่าเอาชั่วยามสุดท้ายก่อนสี่พ่อลูกจะเดินทาง นางที่เตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้วก็จะได้จัดการงานหมั้นขึ้นเสียเลย

“เจ้ายังไม่ถอดใจอีกเหรอ” โจวหยางเฉิงเดินมองข้าวของมากมายจนมาถึงภรรยาของตนที่นั่งมองสิ่งของเหล่านั้นอยู่ เมื่อผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาเจอ ก็ดูเหมือนจะท้อใจไประดับหนึ่ง

โจวอี้หลงที่เห็นพ่อกับแม่คุยกันก็ไม่ได้เดินเข้าไป เขามองบรรดาของที่แม่ของเขาเตรียมเอาไว้แล้วก็รู้สึกหนักใจ

มิใช่ไม่รู้ว่าแม่ของเขาคงกังวลมาก แต่เขากลับรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องดี การที่เขาจะได้ออกไปฝึกจริง ๆ ได้เจอกับสนามรบจริง ๆ มันคงทำให้เขาเข้าใจบรรดาทหารได้ดีกว่าฝึกอยู่ในเมืองและก็อ่านจากตำรา

คงไม่มีใครอยากได้แม่ทัพที่ไม่เคยออกรบ เขารู้ว่าพี่อี้เทียนไม่อยากเป็นใหญ่ในทางนี้แล้ว คงเพราะมีภรรยาและบุตรแล้ว และนางก็ดูกังวลไม่ต่างจากท่านแม่ ส่วนพี่อี้เหวินดู ๆ แล้วสุดท้ายคงจะอยากเข้าหน่วยราชองครักษ์มากกว่า

เขาเองเห็นบิดากังวลเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย จริงอยู่ บุตรของตระกูลจอมทัพไม่จำเป็นต้องส่งไม้ต่อรุ่นต่อรุ่น แต่หากรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ได้ก็ถือเป็นการดีและยังไม่ทำให้บรรพบุรุษเสียใจอีกด้วย

“คู่ชีวิตหรือ” โจวอี้หลงมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีเป็นยามค่ำคืน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายถึงอะไร แต่หากเขาจะต้องแต่งกับใครและอยู่กับใครสักคนจริง ๆ คนคนนั้น ควรจะต้องเป็นคนที่เขารักชอบมิใช่หรืออย่างไร และตัวเขาเองมีความฝันประหลาดว่ากำลังรอใครบางคนอยู่ แต่นั่นอาจจะเพราะเห็นมารดาเป็นเช่นนี้จึงเก็บเอาไปฝันก็อาจเป็นได้

พอคิดเช่นนั้นก็หันไปมองของที่ท่านแม่ตระเตรียม พรุ่งนี้เขาจะต้องเดินทางออกไปที่ค่ายนอกเมืองแล้ว บรรดาสินสอดของท่านแม่ที่วางอยู่ตรงนี้สงสัยจะต้องรอเก้อเสียแล้ว

แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่า หลังจากที่ทุกคนกำลังจะเข้านอน บ่าวของร้านขายข้าวในเมืองก็เกิดความโลภอยากได้รางวัลที่ฮูหยินโจวว่า จึงแอบนำเอาความลับที่คหบดีหลี่จงใจปิดบังตั้งแต่มีคนตามหาเด็กหญิงที่เกิดวันเดือนปีเดียวกับบุตรของท่านแม่ทัพ

“ฮูหยินขอรับ บุตรสาวคนเล็กของนายท่านของข้าเกิดปีเถาะเดือนเจียอย่างแน่นอนขอรับ”

“แล้วจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร” แม้สีหน้าจะดูเคร่งขรึมแต่ดวงตาของคนที่เอ่ยคำถามกลับสะท้อนความดีใจออกมาอย่างชัดเจน

เพราะยามนี้ในใจของซ่งอวี้หลินเชื่อไปหมดทั้งใจแล้วว่านี่คงเป็นคนที่ฟ้าประทานมาให้บุตรชายของนางแน่ ๆ

และต่อให้เด็กหญิงที่ว่าจะไม่ได้เกิดวันนั้นจริงแต่นี่อาจจะเป็นการแก้เคล็ดที่ดีก็ได้

หากสามีจะหาว่านางหน้ามืดตาบอดนางก็ไม่บ่น นางขอทำทุกอย่างที่จะทำให้บุตรชายคนเล็กปลอดภัย แค่ต้องกังวลเรื่องสามีอยู่ทุกคราที่อีกฝ่ายออกรบนางก็แทบบ้าแล้ว

เมื่อฟ้าสางฮูหยินตระกูลโจวก็เร่งไปจวนคหบดีหลี่ในทันที แน่นอนว่าเจ้าของจวนนั้นหาได้ต้องการจะต้อนรับแขกในเวลานี้ไม่ แต่เมื่อรับรู้ว่าคนที่มาเป็นฮูหยินตระกูลโจวซึ่งเป็นขุนนางชั้นสูงจึงขัดไม่ได้

เพราะถึงแม้พวกเขาจะเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยแต่กลับเทียบอะไรไม่ได้เลยกับเหล่าขุนนาง สองสามีภรรยาตระกูลหลี่จึงเร่งแต่งตัวออกมาต้อนรับแขกที่ไม่ได้นัดเอาไว้ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าธุระของอีกฝ่ายจะเกี่ยวกับบุตรสาวคนเล็กที่น่ารักของพวกเขา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 5

    บทที่ 5คหบดีหลี่และฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างในจวนหันมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมา แม้จะพยายามยิ้มแย้มแต่ใบหน้าพวกเขากลับเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ “เราควรทำอย่างไรดี” ฮูหยินหลี่ถามเสียงเบา สายตาจับจ้องไปยังขบวนสินสอดที่กำลังขนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นกับมูลค่าของมันเลยแม้แต่นิด เพราะตระกูลหลี่ก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวย พวกเขาค้าขายได้ดี มีเงินทองมากมาย ร้านขายข้าวของพวกเขาก็เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ขายได้ดีที่สุดในเมืองร้านหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงพ่อค้าคหบดีหลี่ถอนหายใจหนักอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไปอย่างไร้หนทาง “เราไม่มีทางเลือกอื่น ขุนนางใหญ่โตอย่างตระกูลโจวจะทำอะไร ใครจะสามารถขัดขวางได้ ถ้าเราปฏิเสธ... พ่อค้าทุกคนในเมืองคงจะหันหน้าหนีไม่ทำการค้ากับพวกเรา ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องแน่ ๆ เรื่องนี้ค่อยหาวิธีแก้ไขกันภายหลังก็แล้วกัน”ทั้งคู่ตกลงจะตามน้ำไปก่อนเพราะรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อต้านตระกูลโจว ตระกูลแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ แม้ในใจจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนโดยมิได้รู้เลยว่าไม่ได้มีแต่พวกเขาที่ไม่ต้องการให้งานหมั้นหมายครั้งนี้เกิดขึ

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 4

    บทที่ 4ซ่งอวี้หลินเดินเข้าไปในจวนหลี่พร้อมผู้ติดตาม เมื่อได้พบกับคหบดีหลี่ นางก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ถึงกระนั้นก็แอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดคั้น“ข้ามาเพื่อไต่ถามเรื่องเวลาตกฟากของบุตรสาวคนเล็กของท่านคหบดีหลี่ ข้าทราบมาว่านางเกิดปีกระต่าย เดือนเจีย เพียงแต่วันนั้นคหบดีหลี่พอจะบอกความจริงแก่ข้าได้หรือไม่”คหบดีหลี่หายใจยาว เขาคิดอยู่แล้วว่าอาจจะมีวันนี้ ตั้งแต่ได้ยินข่าวคนตามหาเด็กสาวที่เกิดปีและเดือนเดียวกับลูกสาวของเขาตอนแรกไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นตามหาไปเพื่ออะไร และใครเป็นคนตามหา แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรเขาก็หวังว่าคงจะมีเด็กสักคนที่มีวันเดือนปีเกิดใกล้เคียงกับบุตรีของเขาแล้วเดี๋ยวเรื่องมันก็คงจะซาไปเอง แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว ชายมีอายุหันไปมองภรรยาของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่สบตากันอย่างจำยอมก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เพื่อตอบรับคำของฮูหยินของตระกูลโจว“บุตรีคนเล็กของข้า เกิดปีเถาะ เดือนเจีย วันขึ้น 8 ค่ำ ยามเหม่าขอรับ”ดวงตาของซ่งอวี้หลินสว่างวาบ นางยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เช่นนั้นข้าขอทำการสู่ขอและหมั้นหมายบุตรีของท่านกับบุตรชายของข้าโจวอี้หลงจะได้หรือไม่ อีกไม่เกินชั

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 3

    บทที่ 3โจวหยางเฉิงที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมบุตรชายทั้งสามก็ได้แต่มองภรรยาของตนแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ “นี่เจ้าจะจริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไปหรือเปล่า ข้ากับลูกจะต้องเดินทางอยู่อีกไม่กี่วันนี่แล้ว เจ้ายังจะวุ่นวายเรื่องนี้อยู่อีกหรือ”“ท่านพี่อย่ามาว่าราวกับข้าบกพร่องในหน้าที่นะเจ้าคะ ข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องเตรียมสำหรับการเดินทางของท่านพี่และลูกชายของเราข้าล้วนเตรียมเอาไว้เสร็จสิ้นแล้ว ยังไปช่วยสะใภ้ใหญ่ของเราจัดการของอี้เทียนแล้วด้วย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ข้าจะต้องทำเพื่ออี้หลง หากข้าไม่ทำอะไรเลย ข้าจะนอนหลับได้อย่างไร”“ท่านพ่อ ข้าว่าปล่อยให้ท่านแม่ทำเถอะ เพื่อความสบายใจของท่านแม่ ขนาดน้องเล็กยังไม่ขัดพวกเราก็ควรที่จะปล่อยให้ท่านแม่ทำไป” โจวอี้เทียนเอ่ยขึ้น แม้จะไม่ได้เห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่อยากขัดใจผู้เป็นแม่ อี้เหวินและอี้หลงก็พยักหน้า โจวหยางเฉิงมองภรรยาและลูกชายก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง“ข้าจะไม่ขัดเจ้าก็แล้วกัน แต่ขอบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ อีกสองวันข้ากับลูก ๆ ก็จะออกเดินทางไปที่ค่ายนอกเมืองเพื่อไปจัดเตรียมกองกำลัง มิได้อยู่รั้งรอในเมืองและไปพร้อมกับเสบียง หากเจ้าอยากทำอะไรก็ค

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 2

    บทที่ 2ห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งด้วยผ้าปักอักษรจีนที่ดูเหมือนยันต์ยากจะอ่าน และกลิ่นของกำยานที่ค่อนข้างเฉพาะตัวทำให้ใครก็ตามที่เข้ามาหาซินแสเฒ่าในที่แห่งนี้ก็มักจะมีกลิ่นประหลาดนี่ติดตัวออกไปและมันก็เป็นสิ่งที่โจวอี้หลงไม่ชอบเลยสักนิด เขามองไปทั่ว ๆ และพบกับซินแสเฒ่านั่งลูบเคราอยู่หลังโต๊ะไม้ใหญ่กลางห้องใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา และเพียงแค่สบตากับโจวอี้หลงเครานั่นก็ขยับเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังยกยิ้ม มือที่แห้งเหี่ยวตามกาลเวลาหยิบแผ่นดวงชะตาของอี้หลงไปดู โจวอี้หลงมองมารดาของตัวเองที่นั่งอยู่เคียงข้างบิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขารู้ว่าแม่ของเขาเชื่อถือซินแสคนนี้มาก เขาก็ได้แต่หวังว่าซินแสผู้นี้จะไม่พูดอะไรแปลก ๆ จนทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวาย เด็กหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างเหนื่อยใจก่อนจะกลับไปนั่งนิ่งสงบเสงี่ยมตามเดิมแม้จะอายุเพียงแค่สิบสามปี แต่คุณชายโจวคนนี้ก็ทำตัวราวกับบิดา เขานั่งหลังตรง หน้าตาที่ควรจะยิ้มแย้มสมวัยกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น สายตาของเด็กชายมองทุกอย่างด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นมิเพียงแค่ท่าทางที่ไม่สมวัย แต่รูปร่างสูงโปร่งของเขาก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ก

  • ยามเมื่อใจ เพรียกหาเพียงเจ้า   บทที่ 1

    บทที่ 1เสียงฝีเท้าของแม่ทัพโจวดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของตระกูลโจว หลังจากเขาไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสร็จก็เร่งตรงกลับมาที่จวนเพราะรู้ว่าข่าวที่เขาจะต้องเปลี่ยนตัวกับแม่ทัพจางที่จะกลับมาจากชายแดนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บคงถึงหูภรรยาที่รักแล้วเมื่อก้าวเข้าเรือนใหญ่ ซ่งอวี้หลินผู้เป็นภรรยาของเขาก็สะอื้นเสียงดังขึ้นจนแม่ทัพโจวต้องเร่งวางของทุกอย่างในมือและเข้าไปประคองนางหญิงสาวนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักสีเข้ม ข้างกายมีผ้าเช็ดหน้าอีกสองผืนที่เปื้อนคราบน้ำตาแล้ววางเอาไว้ และในมือก็ยังมีอีกผืนราวกับจะบอกเขาว่านางนั่งร้องไห้เช่นนี้มานานหลายชั่วยามแล้ว เขากังวลใจที่ภรรยาที่รักจะเสียใจ แต่เพราะแต่งงานและอยู่ร่วมกันมานานหลายสิบปีจึงมองออกว่า ที่เป็นอยู่ฮูหยินของเขาคงแค่แสดงเพียงเท่านั้น ถึงกระนั้นเขาก็ต้องปลอบนางเหมือนทุกครั้งที่เขาและบุตรชายจะต้องออกไปรบ“หลินเอ๋อร์...มิใช่เจ้าก็รู้อยู่แล้วหรือว่า การแต่งเข้ามาในตระกูลโจวย่อมต้องเผชิญกับเรื่องเช่นนี้ ข้าเป็นแม่ทัพ ต่อไปบุตรชายของเราก็จักต้องเป็นมิต่าง วันนี้พวกเขาได้ออกศึกก็ถือเป็นการเรียนรู้” โจวหยางเฉิงอธิบายกับภรรยา แม้น้ำเสียงจะดูจ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status