“ออกเดินทางได้” ลู่หลิงหลงเอ่ยสั้น ๆ “ท่านแม่ทัพ คนผู้นั้นต้องการพบท่านสองตรอกถัดไปขอรับ”รองแม่ทัพรายงานเพิ่มเติม เมื่อได้รับคำสั่งเคลื่อนขบวน “จิ่วหลงเจ้านำขบวนเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเลย ข้ากับรองแม่ทัพเมิงจะติดตามไป จำไว้อย่าย้อนกลับมามิว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พาท่านย่า ท่านแม่และเขาไปให้ถึงชายแดน เร่งเดินทางให้เร็วที่สุด” ทุกคำของลู่หลิงหลงหนักแน่นดั่งหินผา นางหมายความตามนั้น คำหยอกล้อที่มีได้เลือนหาย แทนที่ด้วยคำสั่งที่ต้องเป็นไปตามนั้น “ขอรับ” จิ่วหลงรับคำแม่ทัพสาว ก่อนที่ร่างระหงจะเบนหัวม้าออกไปยืนข้างขบวนพร้อมรองแม่ทัพข้างกาย หญิงสาวรับรู้ได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เพราะตลอดการเดินทางดูจะราบรื่นจนเป็นที่น่าแปลกใจ และตอนนี้นางมั่นใจยิ่งนัก ว่าหลายขั้วอำนาจกำลังเคลื่อนไหว โดยมีนางกับสามีเป็นตัวขับเคลื่อน ทุกคนหมายจะชักใยกันไปมาเพื่อให้อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ นางถูกดึงเข้ามาในวังวนนี้ เพราะฝีมือมารดาเลี้ยงและบุตรสาว “ไปกันเถอะ” ลู่หลิงหลงส่งขบวนของมารดาและสามีจนพ้นประตูเมือง ก่อนจะกระต
มือบางปลดเปลืองอาภรณ์ของชายหนุ่ม โดยที่ริมฝีปากยังคงแนบชิดกันมิห่าง ไท่ห้าวหนานดันร่างงามของภรรยาที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ให้หลังชนเสาต้นใหญ่ ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะลากปลายลิ้นลงไปตามลำคอระหง ไล่ต่ำไปยังเนินอกอวบอิ่ม ชายหนุ่มรัวลิ้นถี่ ๆ ทันทีเมื่อมาหยุดยังปลายประทุมถันสีชมพู สองมือกอบกุมเต้าเต่งตึง ปากอุ่นร้อนขบเม้มเม็ดบัวสีหวานสลับระรัวลิ้นหยอกเย้า ใบหน้างามแหงนสูงเมื่อถูกกระตุ้นจากปลายลิ้นสาก เสียงครางในลำคอดังเล็ดรอดออกมาเป็นระยะ ลู่หลิงหลงร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า เมื่อสามีคุกเข่าลงตรงหน้า ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าชิดหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดโลมเลียไปตามผิวนุ่ม โดยมือหนาลูบไล้ต้นขาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมายังเนินสวาทที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มไหมสีดำ “อ๊ะ! อ่า” เพียงปลายนิ้วของชายหนุ่มแทรกผ่านร่องสวาท ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นไปทั่วกาย ไท่ห้าวหนานยังคงหยอกเย้าสะดือเล็กของภรรยาอย่างอ้อยอิ่ง แต่นิ้วเรียวกำลังบดขยี้เม็ดสวาท ที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเส้นไหมอ่อนนุ่ม หญิงสาวสอดปลายนิ้วเข้าไปในเส้นผมดกดำของสามี ก
“เค่อหลาง/พี่ใหญ่” “ออกไปให้พ้น! ครั้งนี้เห็นว่าเป็นงานมงคลของน้องสาวข้า มิเช่นนั้นเจ้าสองคนจะต้องถูกโบยไปแล้ว หรืออาจหายไปอย่างไร้ร่องรอย” ไม่มีคำพูดใดออกจากปากสองแม่ลูกอีก ทั้งคู่รีบก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทุกสายตาหาได้สนใจสตรีสองนางไม่ แต่มองไปยังเจ้าสาวที่นั่งหัวเราะชอบใจอยู่ริมหน้าต่าง “ข้าจะได้เข้าหอหรือไม่คืนนี้ พี่ใหญ่มาเสียเต็มยศเช่นนี้ คงเร่งเดินทางกลับในคืนนี้เลยใช่หรือไม่” “อืม!” “เอาน่าอย่าได้ทำเสียงเข้มใส่ข้าอีกเลย ข้าก็เพียงโมโหหิวเลยเสียงดังไปสักหน่อย” “เจ้ารู้ว่าพี่คิดสิ่งใดน้องรอง” แม่ทัพหนุ่มหันกลับไปรับน้องเขย ก่อนจะกล่าวบางอย่างกับเจียงเส้าถง ชายหนุ่มปล่อยให้ลู่เค่อหลางพาอ๋องเก้าเข้าไปในห้องแทน เมื่อลับร่างของเจียงเส้าถงแล้ว จิ่วหลงจึงได้ปิดประตูลง โดยที่เขายืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เพื่อมิให้ผู้ใดลอบฟังสิ่งที่คนด้านในคุยกัน “เห็นทีคราวนี้จะหนักอยู่มากทีเดียว เจ้าจะตัดสินใจเช่นไรก็ลองปรึกษากันดูเถิด” “ข้าจะพาเจ้าบ่าวกลับคืนนี้เช่นกัน”
ไท่ห้าวหนานยื่นมือรับเจ้าสาวให้ก้าวลงจากเกี้ยว ก่อนจะช้อนอุ้มร่างระหงขึ้นสู่อ้อมแขน ลู่หลิงหลงรับรู้ได้ถึงพละกำลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในกายของชายหนุ่ม แต่ยังคงเก็บงำทุกอย่างเอาไว้ภายในใจ หญิงสาวโอบรัดรอบคำคอแกร่ง แสร้งทำเหมือนกลัวจะหลุดจากอ้อมแขนของเจ้าบ่าว ทั้งที่นางรู้แก่ใจว่าเขาจะมิทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอย่างแน่นอน ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมิได้หนาจนนางมองไม่เห็นสิ่งใด เพียงก้าวข้าวประตูเข้าสู่จวนอ๋อง สายตาคู่งามก็พบเข้ากับครอบครัวฝั่งบิดา ที่พยายามให้ผู้คนรับรู้ว่านางคือบุตรสาวคนสกุลลู่ “ท่านพี่ข้าหวังว่าท่านจะถามข้าก่อน ที่จะยื่นมือช่วยผู้ใด ต่อให้บอกว่าเป็นครอบครัวของข้าเข้าใจหรือไม่” “มิทันเข้าหอ เจ้าก็ออกคำสั่งกับสามีแล้วอย่างนั้นหรือน้องหญิง” “มิใช่สักหน่อย ข้าแค่มิอยากให้ท่านช่วยผู้ใดโดยมีข้าเป็นข้ออ้างก็เท่านั้น” “พี่ย่อมต้องเชื่อฟังเจ้าภรรยา” ปึก! กำปั้นทุบลงยังอกแกร่งมิหนักมิเบา ทำให้มีคำเย้าแหย่ตามมาจากกลุ่มคนด้านหลัง แน่นอนว่าวันนี้ทั้งคนในกองทัพและวังหลวง ต่างมาเผชิญหน้ากัน เสมือนสองขั้วอำน
ไท่ห้าวหนานหัวเราะร่าอยู่ภายในใจ เขารู้สึกชื่นชมว่าที่พระชายาของตนกับความเป็นธรรมชาติของนาง ถึงเขาจะไม่เป็นที่ต้องการของสตรีชั้นสูงทั่วไป ทว่า...สำหรับสตรีชนชั้นกลาง เขาเป็นตัวเลื่อนฐานะของพวกนางได้เป็นอย่างดี ดังนั้นยามมีงานเลี้ยงจวนต่าง ๆ เขาจะพบเพียงจริตมารยาของสตรีเหล่านั้นจนชาชินภายในห้องอาหาร ไท่ห้าวหนานประสานมือตอบรับฮูหยินชราและว่าที่แม่ยาย ก่อนจะส่งสายตาคาดโทษไปยังน้องสาว ที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างฮูหยินชรา โดยอีกข้างมีแม่ทัพหนุ่มนั่งอยู่ องค์หญิงสิบเอ็ดทำได้เพียงส่งสายตาเว้าวอนมาให้พี่ชาย ทว่าหาได้สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อยในสายตาของอ๋องเก้า แต่จากที่มองแก้มแดงปลั่งของน้องสาว บอกได้ว่านางกับแม่ทัพหนุ่ม ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ “เชิญนั่งเพคะท่านอ๋อง คุณชายเจียง” ฉินเหนียง ผายมือเชิญแขกของบ้านด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ใบหน้าของว่าที่บุตรเขย แม้จะซูบซีดไปบ้าง แต่ก็ยังคงความมีไร้สง่าราศีตามฐานะชาติกำเนิด “ขอรับท่านแม่” “ท่านอ๋องช่างเอาใจผู้ใหญ่ยิ่งนัก” ฮูหยินชราเอ่ยเย้าว่าที่หลานเขย ที่กล
ภายในห้องรับแขก ไท่ห้าวหนานรู้สึกเป็นกระวนกระวาย ด้วยเวลาล่วงเลยมาพอสมควร แต่น้องสาวยังไม่กลับมาอีก “ข้าจะออกไปตามน้องสิบเอ็ด” ชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวตรงไปยังหน้าประตู ปึก! ด้วยความรีบร้อนทำให้ ทั้งผู้ที่กำลังจะก้าวออกไป กับผู้กำลังจะเข้ามาด้านในชนกันอย่างแรง ดวงตาคู่งามจ้องมองไปยังชายหนุ่มในชุดสีขาว ก่อนจะมองเลยไปยังชายหนุ่มอีกคน จากการแต่งกายบอกได้เป็นอย่างดี ว่าใครคือว่าที่สามีของนาง แม่ทัพสาวมองสำรวจชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ “ลู่หลิงหลง ถวายบังคมท่านอ๋องเก้าเพคะ” ลู่หลิงหลง รีบย่อกายทำความเคารพว่าที่สามี เพื่อมิให้ถูกตำหนิไปถึงมารดาว่านางไร้มารยาท ซึ่งแท้จริงแล้ว เพราะนางถูกจิ่วหลงกระตุกแขนเสื้อเบา ๆ เป็นการเตือนว่าคนตรงหน้าคือผู้ใด “เป็นน้องหญิงเองหรอกหรือ มิต้องมากพิธี เป็นพี่เองที่ไม่ทันระวังจนชนเจ้าเข้า เจ็บที่ใดบ้างหรือไม่” ชายหนุ่มรีบเอ่ยขึ้นทันที เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือว่าที่ภรรยา ซึ่งสายตาที่หญิงสาวมองมานั้น บอกชัดเจนว่านางกำลังค้นหาบางอย่างจากคำพูด และท่าทางของเ