로그인“กินเสร็จแล้วตามแม่ออกไปตรงลานอาบน้ำ ถ้วยจานไม่ต้องเก็บเดี๋ยวแม่จัดการเอง” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แค่วันแรกที่ย้อนเวลากลับมาก็งานหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ
จือหลินเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง แล้วจากนั้นจึงเรียกของวิเศษออกมาแล้วจัดการหาชุดสำหรับเด็กและผู้ใหญ่อย่างละสามชุด ผ้าเช็ดตัว สบู่ก้อนสำหรับเด็ก ครีมนวดผม แชมพู และที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือหวีเสนียด นางสังเกตเห็นในตอนที่บุตรชายเดินผ่าน เด็กน้อยเกาหัวยุกยิกในบางครั้งจะมีตัวเหาไต่ขึ้นมาด้านบนให้เห็น สิ่งแรกคงจะต้องจัดการอาบน้ำให้เสี่ยวหลงเสียใหม่
หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ร่างบางจึงได้หอบเอาของทั้งหมดออกไปตรงลานสำหรับใช้อาบน้ำ จะเรียกว่าลานก็ไม่ได้ เป็นเพียงแค่ไม้ไผ่สานตั้งเป็นฉากสูงถึงปลายคาง แล้วเอาใบไม้มาแปะทับไว้เพื่อไม่ให้คนภายนอกได้เห็น ส่วนน้ำก็ต้องไปตักมาจากลำธาร และก็ต้องเดินไกลออกไปพอดู
“ขอโทษขอรับท่านแม่ ที่ยังไม่ได้ตักน้ำ” เด็กน้อยยืนก้มหน้าจนปลายคางชิดอก เตรียมรับโทสะจากมารดา วันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกวัน และมัวแต่ดีใจที่มารดาพูดดีด้วยจนลืมไปว่ายังไม่ได้ไปตักน้ำใส่อ่างน้ำใช้ ตามคำสั่งของท่านแม่ที่เขาจะต้องทำเช่นนี้ทุกวัน
“ถอดชุด” ในระหว่างนำชุดและผ้าเช็ดตัวที่หอบมาพาดไว้กับราว ก็สั่งให้เสี่ยวหลงถอดชุดที่สวมอยู่ออก ก่อนจะหันกลับมาหยิบขันตักน้ำในอ่างรอบุตรชาย
น้ำเหลือเพียงครึ่งถัง อาบให้เสี่ยวหลงเสร็จก็คงจะหมดพอดี ไม่รู้ว่าไอแพดจะสามารถเนรมิตเอาน้ำมาไว้ในอ้างได้หรือไม่ ถ้าได้จะเป็นการดีมากมันสามารถทุ่นแรงนางได้เยอะเชียวล่ะ
เสี่ยวหลงรีบทำตามที่ท่านแม่บอกแต่โดยดี เขารู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อยที่วันนี้ท่านแม่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เมื่อวานยังลงโทษด้วยการใช้ไม้ตีก้นเขาอยู่เลย ทำโทษที่ตนมัวแต่เล่นละเลยการทำงานบ้าน
“เสี่ยวหลงมานั่งตรงนี้สิ”
“ขอรับ”
จือหลินให้บุตรชายเดินมานั่งตั่งข้างถังน้ำ จากนั้นนางจึงจัดการแกะมวยผมของเสี่ยวหลงออก เหาที่เห็นในตอนแรกเพียงตัวสองตัว แต่พอแกะมวยผมออกกลับไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงได้เอาแต่เกายุกยิกทั้งวัน
ก่อนจะสระผมนางให้เสี่ยวหลงก้มหัวลง จากนั้นจึงเอาหวีเสนียดหวีผมที่พันกันจนยุ่ง ค่อยสางออกทีละนิดๆ แต่บางปอยผมก็พันกันจนไม่สามารถหวีลงได้ เล่นเอาเจ้าเด็กน้อยร้องโอดโอยฉี่แทบเล็ด ในยามที่มารดาพยายามสางผมออกให้ได้ เจ้าตัวทนไม่ไหวร้องต้องร้องเสียงหลง
“ท่านแม่ ข้าเจ็บขอรับ โอ๊ยยย!”
“ทนอีกนิดนะเสี่ยวหลง เชื่อแม่แล้วจะดีเอง” ยิ่งเจอเหาติดมากับหวีมากเท่าไหร่ อาการอยากจะสางมันออกจากหัวบุตรชายก็ยิ่งมากเท่านั้น เรียกได้ว่านางกำลังมันมือนั้นเอง ตอนสมัยเด็กๆ ยายก็เคยทำแบบนี้กับนางอยู่บ่อยๆ ความรู้สึกมันเป็นเช่นนี้เอง
“โอ๊ย!! ท่านแม่ โอ๊ยยยยย” ท่านแม่ดึงจนหัวสั่นหัวคลอนไปหมดแล้ว แต่จะบอกให้มารดาหยุดก็ไม่กล้า จึงได้แต่ก้มหน้าจำใจยอม
“นั่นเจ้าทำอะไรเสี่ยวหลงน่ะ สตรีร้ายกาจปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงที่ดังลอยมาจากภายในบ้านทำเอาสองแม่ลูกถึงกับชะงัก เด็กน้อยที่รู้ตัวว่าตนเองส่งเสียงดังจึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก แต่กระนั้นก็ไม่วายตะโกนบอกบิดาที่เข้าใจผิดคิดว่ามารดาตีเขา
“ท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรขอรับ”
“เจ้าไม่ต้องกลัวนาง บอกพ่อมานางตีเจ้าใช่ไหม” ชายหนุ่มที่นอนรอฟังบุตรชายได้แต่กัดฟันข่มความโกรธ ถ้าหากเขาไม่พิการ ถ้าหากเขาสามารถเดินได้ช่วยเหลือตนเองได้ สาบานได้เลยว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้แน่
“ลูกไม่ได้โกหกขอรับ ท่านพ่อวางใจเถิด”
เสียงตอบรับของบุตรชายดังแว่วมาจากหลังบ้าน ทำให้เหมาเสี่ยวถงได้แต่นิ่งเงียบ หากบุตรชายยืนยันเช่นนั้นเขาจะทำอันใดได้
“ถึงแล้วล่ะ นี่บ้านข้าเอง” แม้จะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น“ท่านพ่อ ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ” เหมาเสี่ยวถงเรียกหาผู้ให้กำเนิดเสียงดัง พร้อมกันนั้นเขาก็ได้จับมือนุ่มนิ่มเดินตามตนเข้าบ้านไปอย่างลืมตัว“เสี่ยวถงมาแล้วหรือ การสอบเป็นเช่นไรบ้าง” เหมาอี้ร้องทักบุตรชายเพียงคนเดียวของตน เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่บุตรชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบคัดเลือกชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถทำตามความฝันของบิดาได้“ไม่เป็นไรไม่ต้องเสียใจ อีกสี่ปีค่อยไปสอบก็ได้ แม่เจ้าทำกับข้าวเสร็จพอดี รีบมานั่งเร็วเข้า” ชายชรากวักมือเรียกบุตรชาย เห็นสีหน้าไม่สู้ดีเขาก็รู้สึกไม่สบายใจสอบจอหงวนใช่ว่าจะสอบได้โดยง่ายเสียเมื่อไหร่กัน“ขอโทษขอรับท่านพ่อ” ชายหนุ่มเดินคอตกเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงมือหญิงสาวติดตามตนเข้าไปด้วยกันจือหลินเองเมื่อเข้ามาภายในบ้านหลังน้อย พร้อมกับมองสำรวจทุกซอกทุกมุม ภายในบ้านแทบไม่มีอะไรเลยสักชิ้น นอกจากโต๊ะไม้กลางเก่ากลางใหม่วางอยู่ตรงกลาง มีกระบุงสำหรับเก็บของป่าวางอยู่มุมหนึ่งของห้อง กระนั้นก็ยังคงความสะอาดสะอ้านเป็นอย่างดี“อ้าว เสี่ยวถงมาถึงแ
“ฮึบ... ตื่นได้แล้ววววว”“ตื่นแล้ว ๆ” เหมาเสี่ยวถงที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งโหยง เขาหันซ้ายแลขวาก็พบแต่ความมืดมิด หลังจากปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ก็ต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นสตรีที่ตนใจเต้นแรงด้วยเอาแต่จดจ้องเขาไม่วางตา“ตื่นเสียทีนะเจ้าคะ ข้าปลุกท่านตั้งนาน” หลังจากปลุกบุรุษตรงหน้าให้ตื่นขึ้นมาได้ จือหลินจึงกลับไปเก็บเอาห่อผ้าขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเตรียมเดินทางต่อไปเพื่อจะได้ไปถึงหมู่บ้านข้างหน้า หากให้นางนอนกลางป่าก็คงไม่ไหว น่ากลัวเกินไป“ขออภัยแม่นาง รบกวนเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากชุด แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร สตรีผู้งดงามก็เดินทิ้งห่างเขาออกไปเสียแล้ว“เดี๋ยวก่อนสิแม่นาง นั่นเจ้าจะไปไหนค่ำมืดเช่นนี้เดินทางคนเดียวมันอันตรายนะ” เหมาเสี่ยวถงรีบร้อนวิ่งตามให้ทันคนตัวเล็ก นางก็ช่างเดินเร็วเอาแต่จ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง“ข้าจะรีบไปให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้าเจ้าค่ะ” นางไม่แม้แต่จะหยุดรออีกฝ่าย ในใจตอนนี้ระหว่างรีบเดินให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้า กับการยืนคุยกับบุรุษแปลกหน้าอันไหนจะอันตรายมากกว่ากัน“เจ้ารู้จักใครในหมู่บ้านหรือ” ถ้าได้รู้ว่าเป็นบุตรสาวบ้าน
ร่างเล็กผอมบางก้าวลงจากรถม้า นางยืนเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายปลายทางอยู่พักใหญ่ เดิมทีตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิดมารดา แต่มันผิดพลาดตรงส่วนไหนกัน หมู่บ้านที่ตั้งใจจะไปไม่ใช่ที่แห่งนี้นี่นา จือหลินได้แต่ยืนกอดห่อผ้าไว้แน่น ในตอนนี้นางเหลือเงินติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นใช่แล้วนางหนีออกจากจวนเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เพียงเพราะโกรธเคืองบิดาที่เอาแต่หลงมัวเมาสตรี ละเลยคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานานนับสิบปีหลังจากมารดาสิ้นใจก็ยังบังคับให้ตนแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รัก ท่านพ่อทำเกินไปแล้วหรือไม่ความอัดอั้นตันใจมากมาย เป็นเหตุให้นางตัดสินใจหนีออกจากจวนเพียงเพราะไม่อาจทำใจอยู่ในจวนที่ไม่มีความอบอุ่น ความรักและความเข้าใจ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับบิดาเพียงคนเดียวเท่านั้นหลังจากรถม้าที่ว่าจ้างจากไป จือหลินตัดสินใจเดินเท้าไปเรื่อย ๆ ในสมองน้อย ๆ ของนางคิดอะไรไม่ออก ไม่มีที่ให้ไปไม่มีคนรู้จัก ครั้นจะออกไปหาโรงเตี๊ยมนอนสักคืน ก็กลัวเงินที่มีอยู่จะไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในยามจำเป็นไม่น่ามีทิฐิเยอะเลย ถ้าหากรู้ว่าอย่างนี้นางจะหอบเอาสมบัติท่านพ่อมาด้วยสักหลาย ๆ ชิ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาลำบากเช่นตอนนี้หญิงสาวก
หลังจากอาเหมาแยกตัวออกมาแล้ว เสี่ยวหลงจึงแนะนำผ้าแต่ละชนิดให้บุคคลสำคัญทั้งสองต่อ เสี่ยวเหมยที่ถูกพามานั่งเล่นศาลากลางสวน เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยเห็นสวนที่มีดอกไม้มากมายเช่นนี้มาก่อนเลย“หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม”เสียงดังแว่วอยู่ไม่ไกลนักทำให้เสี่ยวเหมยรู้สึกสนใจ นางหันไปมองพี่ชายรองแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่วุ่นวายกับของว่างที่นางกำนัลนำมาให้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สองขาเล็กป้อมจึงได้ลุกเดินเตาะแตะตามเสียงนั้นไป“ทำใยเย้อ” เสี่ยวเหมยยืนมองพี่ชายตรงหน้าแกว่งดาบไม้ไปมา ดูแล้วน่าสนุกนางก็อยากจะเล่นด้วย“เจ้าเป็นใคร เข้าวังข้ามาได้อย่างไร” อ๋องน้อยหยุดการฝึกดาบในทันที เด็กน้อยหน้าตาน่ารักผู้นี้เป็นใคร ไยถึงเข้ามาในวังของเขาได้“เหมยจ้า” พี่ชายเป็นอะไรกัน เหตุใดถึงได้ทำหน้ายุ่ง สงสัยคงจะไม่ชอบให้นางเข้ามาวุ่นวาย เช่นนั้นกลับไปหาพี่รองดีกว่าคิดได้ดังนั้นเสี่ยวเหมยจึงได้หันหลังวิ่งหลุน ๆ กลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจพี่ชายแปลกหน้าอีกเลย“เดี๋ยวก่อนสิ รอข้าก่อน” อ๋องน้อยรู้สึกหลงใหลในดวงตากลมโตแวววาวลูกนั้น เขาถึงกับทิ้งดาบไม้ในมือวิ่งตามร่างเล็ก ๆ นั้นไปท
ความโกลาหลวุ่นวายในจวนได้เกิดขึ้น เมื่อคุณหนูเล็กได้หายตัวไปโดยที่ไม่มีผู้ใดเห็นจือหลินและเหมาเสี่ยวถงวุ่นวายตามหาบุตรสาวเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มสั่งให้บ่าวไพร่ทั้งจวนค้นหาทุกซอกทุกมุมอย่างไรก็ไม่เจอ แม้แต่นายท่านซ่งและท่านหมอเหมินเองก็ร้อนใจไม่ต่างกันชายชราทั้งสองแม้จะแก่ลงไปมาก แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีมากพอจะเดินหาหลานสาวสุดที่รักได้ทั่วทั้งจวน เด็กน้อยมีใบหน้าเหมือนภรรยาคนแรกของเขาราวกับโขกกันมา อีกทั้งนิสัยช่างอ้อนออเซาะ ยิ่งทำให้คนแก่ทั้งสองทั้งรักทั้งหลง และติดหลานสาวหนึบอย่างกับอะไรดีหลานสาวผู้นี้ช่างซุกซนนัก ห่างสายตาได้ไม่ทันไรก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ซ่งจิ้งหลุนและหมอเหมินละสายตาจากเด็กน้อย หันกลับมาเดินหมากด้วยกันแค่แว็บเดียว หันกลับมาอีกทีหลานสาวที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“พ่อผิดเองดูแลเสี่ยวเหมยไม่ดี” นายท่านซ่งถึงกับน้ำตาซึม กล่าวโทษตนเองที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นางไปอยู่ที่ใด ภาวนาอย่าให้ตกสระบัวหรือเป็นอันตรายอะไรเลย“เป็นข้าเองที่ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้คุณหนูคลาดสายตา” ท่านหมอเหมินนั้นได้ร้องไห้นำหน้านายท่านซ่งไปก่อนแล้ว คุณหนูเป็นแ
“โอ๊ย” คนที่เอาแต่นอนขี้เกียจมาทั้งวัน กลับต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกแปล๊บตรงหน้าท้องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ“หลินหลินเป็นอะไร หรือว่ามีแมลงกัน” เหมาเสี่ยวถงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกายภรรยาต้องตกใจ ที่อยู่ ๆ ภรรยาก็เสียงหลง“ข้ารู้สึกเจ็บท้องเจ้าค่ะ” มันรู้สึกเจ็บเป็นพัก ๆ ราวกับมีอะไรอยู่ในท้องกำลังเคลื่อนที่“ใครอยู่ด้านนอกเรียกท่านหมอให้ข้าที” เหมาเสี่ยวถงหน้าขาวซีด สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือภรรยาเจ็บป่วย ในตอนเขาป่วยนอนติดเตียงยังทรมานแสนเข็ญ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ จะทนได้อย่างไร“ข้าว่าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มจะเบาลงแล้ว” ในตอนที่สามีโดนตัว นางก็รู้สึกทุเลาลงมาก แต่เมื่อเขาห่างออกไปกลับรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นรอไม่นานท่านหมอเหมินก็ได้มาถึง เจ้าตัวจะแก่ลงไปมากแต่วิชาทางการแพทย์ฝีมือไม่ตก อีกทั้งในตอนนี้ ท่านหมอเหมินได้รับลูกศิษย์ที่คอยเจริญรอยตามเจตนารมณ์เพิ่มมาหนึ่งคน“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของภรรยา ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจมากยิ่งขึ้น“นายหญิงท่านมีอาการง่วงนอนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”“เป็นมาได้ราว ๆ สี่เดือน







