แชร์

เพื่อนใหม่

ผู้เขียน: lianlian
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-31 08:14:53

แน่นอนว่าเมื่อการประชันบรรเลงพิณจบลง ย่อมมีผู้ที่พึงพอใจระคนลำพองด้วยชัยชนะ และผู้ที่เก็บสีหน้าผิดหวังระคนเคืองขุ่นเอาไว้ไม่มิดจากผู้พ่ายแพ้ ผู้ใดจะรู้ว่าฝีมือการบรรเลงพิณของหานลู่นั้นเหนือล้ำกว่าเนี่ยไหวหยางอยู่หลายขุม ทำเอาฮ่องเต้พอพระทัยอย่างยิ่ง “หานไฉเหรินฝีมือบรรเลงพิณเลิศล้ำ ราวกับได้เทพเจ้าขุย[1]คุ้มครองประทานพร ไม่เสียทีที่เรามอบพิณหยกขาวของราชวงศ์ก่อนให้กับเจ้า นับว่าให้กับผู้ที่คู่ควรโดยแท้”

หานลู่ซ่อนสีหน้าสาแก่ใจไว้ภายใต้รอยยิ้มนุ่มนวลอย่างที่สนมนางในพึงมี กล่าววาจาอ่อนน้อมถ่อมตน “ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไป หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ฝ่าบาทที่อุตส่าห์พระราชทานของล้ำค่าต้องทรงผิดหวังที่มอบให้กับคนที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องทำอย่างสุดความสามารถเพคะ”

ยิ่งได้ฟังฮ่องเต้ก็ยิ่งพึงใจ มือใหญ่แตะถูกหยกพกที่ห้อยอยู่ข้างเอว จึงปลดออกจากสายคาดเอวแล้วยื่นให้นาง “นี่คือหยกเหอเถียนที่เป็นของบรรณาการจากซื่อชวน ทั้งลวดลายสีสันเราชมชอบยิ่งนัก ช่วงนี้จึงมักพกติดกายเป็นประจำ บัดนี้ขอมอบให้เจ้า หวังว่าเราจะได้สดับรับฟังดนตรีอันยอดเยี่ยมเช่นนี้อีก”

หานลู่กล่าวขอบพระทัยพลางรับด้วยสองมือ คลี่ยิ้มยวนเสน่ห์ “
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   หลังพุ่มเฟื่องฟ้า 2

    “รีบไปที่ตำหนักหลักเถิด อย่าปล่อยให้เสด็จแม่รอนาน” ชายหนุ่มสำทับกับนางอีกคราพร้อมกุมมือนางเอาไว้แน่น ท่าทีสนิทสนมชิดใกล้พาให้ข้ารับใช้ที่พบเห็นพลอยอมยิ้มอย่างมีความสุขตามเนื่องจากมีการทำความสะอาดลานตำหนักไท่หยาง ทำให้มีการเปิดกระตูตำหนักเช็ดถูทำความสะอาด ขันทีน้อยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบานประตูสีแดงชาดอย่างตั้งอกตั้งใจ กระทั่งหมุดทองเหลืองที่ประดับประตูก็ขัดเสียเงาวับ ทอประกายรังรองสะท้อนแสงตะวัน รับกับแมกไม้ที่ประดับอยู่ด้านนอก เนื่องจากเป็นฤดูใบไม้ร่วง ทางฝ่ายคัดสรรพืชพรรณจึงสร้างร้านขึ้นมาแล้วนำต้นเฟื่องฟ้าสายพันธุ์จากหนี่ปั๋ว[1] มาปลูกตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน ปล่อยให้มันเลื้อยพันขึ้นเป็นพุ่มใหญ่แล้วหมั่นให้คนตกแต่งมิให้เลื้อยระพื้นจนเสียรูปทรง พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงจึงผลิดอกเบ่งบานสะพรั่ง ปลิวไสวไปตามสายลมดุจม่านไหมทองในห้องหอของดรุณีแรกรุ่น“เจ้าหยุดอันใด” อวิ่นรุ่นเห็นนางหยุดเดินจึงเอ่ยถาม เมื่อมองตามก็ร้องอ้อ “เฟื่องฟ้าสายพันธุ์นี้นอกจากสีดอกเป็นสีทองอมส้มคล้ายกับสีอาภรณ์พิธีการของเสด็จแม่ งดงามหาใดเปรียบ ยังไร้หนามให้ทิ่มตำเนื้อหรือเกี่ยวเสื้อผ้าให้รำคาญใจ ไม่ว่าจะสนมนางในหรือฮ่องเต้ที่ได้มาเ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   หลังพุ่มเฟื่องฟ้า 1

    เหตุการณ์ในงานเลี้ยงผ่านไปไม่กี่วัน ตำหนักไท่หยางก็ได้ต้อนรับอาคันตุกะมาใหม่อีกสองคน เสียงของทั้งสองเจื้อยแจ้วสดใสขนาดที่ทำให้ตำหนักปีกที่หานฉงหรงกำลังนั่งอ่านตำราอยู่เงียบกลายเป็นรังนกกระจอกขึ้นมาทันที“พี่สาว! ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก”เป็นหย่งเยี่ยกับเสี่ยวมี่นั่นเอง พวกเขาสองคนแข่งกันวิ่งมาหาข้าที่ตำหนักปีกอย่างไม่มีใครยอมใคร หานฉงหรงรีบเดินออกมาต้อนรับพอดีกับที่เด็กชายตัวแสบพุ่งมากอดนางเต็มรัก หญิงสาวแม้จะดีใจที่มีคนรู้จักมาเยี่ยมเยียนแต่ก็อดเอ็ดเสียงอ่อนมิได้ “องค์ชาย ที่นี่เป็นพระราชฐานชั้นใน อีกทั้งยังเป็นที่ประทับของพระนางไทโฮ่ว ส่งเสียงดังเช่นนี้จะเป็นการรบกวนพระนางนะเพคะ”หย่งเยี่ยใช้ใบหน้าซุกหน้าท้องของหญิงสาวพลางเอ่ยอู้อี้ “เสด็จย่าอนุญาตให้ข้าเสียงดังได้แล้ว อีกทั้งพี่สาวเอาแต่อ่านหนังสือ ข้าวิ่งเสียงดังขนาดนี้ยังไม่สนใจจะเงยหน้ามอง ข้าเลยต้องส่งเสียงดังเช่นนี้”หานฉงหรงส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “แล้วกัน ไฉนกลายเป็นหม่อมฉันที่ผิดไปได้เล่า”ว่าจบก็พินิจร่างเล็กๆ ที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะลูบแก้มยุ้ยๆ นั้นเล่น “ไม่พบเพียงหนึ่งเดือน ทั้งองค์ชายและเสี่ยวมี่ก็สูงขึ้นอีกห

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   อดเปรี้ยวไว้กินหวาน 2

    ตลอดมื้ออาหาร หานฉงหรงรู้สึกเจริญอาหารไม่น้อยถึงกับรับประทานข้าวหมดไปถ้วยหนึ่ง อีกฝ่ายยังคงเท้าคางมองนางที่กำลังตักสาลี่ตุ๋นเข้าปาก นางเม้มปากยิ้มแล้วไม่ได้เอื้อนเอ่ยอันใด เขาเองก็มองนางกินจนหมดแล้วค่อยเอ่ยถาม “วันนี้ข้าไม่ได้อยู่เห็นเจ้าแสดงความสามารถ นับว่าน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน”“ถึงแม้ท่านอ๋องมิได้เสด็จมาที่งานเลี้ยง แต่เนื้อแกะที่เป็นเบี้ยหวัดของจวนเป่ยหนาน ยังไม่นับเครื่องเทศและเครื่องปรุงแบบป๋อสื่อ (เปอร์เซีย) ที่ท่านอ๋องให้พี่เหวินซิ่วจัดหามาให้ ก็ช่วยเป็นกำลังให้หม่อมฉันได้มากเหลือเกินแล้วเพคะ”“กาลก่อนเจ้าชอบบ่นว่าข้าใช้อำนาจมิถูกมิควรทั้งติดสินบน ทั้งข่มขู่ แต่ครานี้อำนาจและเบี้ยหวัดที่มีล้วนยกให้เจ้าอย่างไม่เสียดาย” เขาว่าพลางขยิบเข้ามาใกล้“ข้าลงทุนลงแรงไปมากเช่นนี้ จะไม่มีรางวัลสักหน่อยหรือ”หานฉงหรงวางถ้วยลงแล้วหันไปสบตาเขา “อย่างที่หม่อมฉันเคยบอก หม่อมฉันมาร่ำเรียนมารยาทชาววังย่อมมาตัวเปล่า จะมีก็แต่ปิ่นเหมยกุ้ยทองคำที่ข้ารักใคร่หวงแหนยิ่งกว่าชีวิต ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมมอบให้ผู้ใดเด็ดขาด เช่นนี้แล้วหม่อมฉันจะมีสิ่งใดมอบให้เพื่อตอบแทนท่านอ๋องกัน”ยังไม่ทันได้ตั้งตัว วงแ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   อดเปรี้ยวไว้กินหวาน 1

    หลังจากนั้น หานฉงหรงก็อยู่สนทนากับหวงไทโฮ่วอีกครู่หนึ่งจึงขอตัวกลับห้องของตน ฟ้าด้านนอกเริ่มมืดอากาศเริ่มหนาวเย็น เหล่าขันทีน้อยประจำตำหนักเริ่มแยกย้ายกันไปจุดโคมตามทางเดินและจุดต่างๆ ในราชอุทยาน จนเกิดแสงนุ่มนวลอบอุ่นประหนึ่งอาทิตย์อัสดง พลันนึกขึ้นได้ว่าห้องของตนเองยังมิได้จุดเทียน ยิ่งเมื่อนึกถึงอากาศหนาวเย็นที่ไร้แสงเทียนและไอร้อนจากถ่านให้ความอบอุ่น นางก็อดลูบแขนของตนไปมามิได้ นึกหงุดหงิดตนเองที่อาการกลัวเปลวไฟยังคงไม่หายไป ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่อาการพรั่นพรึงอย่างมิอาจควบคุมนั้นจะหายไปเสียทีจะให้รบกวนบรรดานางกำนัลขันที ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนเอง จะให้พวกเขามาทำตามที่นางต้องการก็ใช่ที่ เช่นนั้นก็รอสักหน่อยค่อยเรียกนางกำนัลเด็กสักคนมาจุดเทียนกับขอกระถางถ่านสักใบก็แล้วกันทว่าเมื่อเดินใกล้ถึงห้องของตนกลับเห็นแสงสว่างนวลตาสาดลอดออกมาจากช่องประตูที่บุกระดาษสาลวดลายประณีต ดวงตาของหานฉงหรงฉายแววประหลาดใจน้อยๆ นางผลักประตูเข้าไปก็เห็นว่าหลานชุ่ยกำลังยิ้มกว้างมองนาง จากนั้นจึงเอ่ยทักทาย “ฉงหรงจวิน ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”นางมองไปรอบๆ เทียนไขจำนวนหนึ่งถูกจุดทั่ว ทำให้ทั้งห

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   สนทนา

    ถึงแม้จะทยอยส่งบรรดาแขกเหรื่อออกไปจนหมดแล้ว แต่งานของผู้จัดงานนั้นยังคงดำเนินไป ทั้งดูแลการเก็บกวาด ดูแลการคืนของเข้าคลังให้ครบถ้วน จนกระทั่งเย็นย่ำจึงนับได้ว่างานเลี้ยงเสร็จสิ้นอย่างแท้จริง ส่วนผู้ร่วมจัดอีกคนอย่างองค์หญิงเวินอี๋นั้น นางถือโอกาสสนทนากับองค์หญิงใหญ่เคียงไหล่อย่างสนิทสนมออกจากวังหลวงกลับจวนองค์หญิงของนางอย่างแนบเนียนไปนานแล้วเนื่องจากประสบพบเจอเรื่องราวที่ชวนให้ลุ้นระทึกทั้ง ร่างกายของหานฉงหรงจึงอ่อนเพลียอย่างยิ่ง ตั้งใจว่าเมื่อถึงห้องจะเปลี่ยนอาภรณ์และพักผ่อนสักครู่ ค่อยไปปรนนิบัติหวงไทโฮ่วเสวยพระกระยาหารเย็น ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นหลานชุ่ยนางกำนัลเด็กของตำหนักรออยู่ในห้องแล้ว นางยิ้มละไมให้กับหานฉงหรงพลางเอ่ย “ฉงหรงจวินกลับมาแล้ว ข้าเตรียมน้ำร้อนและเสื้อผ้าชุกใหม่ให้ท่านผลัดเปลี่ยน จากนั้นพระนางไทโฮ่วมีรับสั่งให้พักผ่อนให้เต็มที่ มิต้องมาปรนนิบัติพระนางไทโฮ่วในมื้อเย็นเจ้าค่ะ”“ขอบใจเจ้ามาก” หานฉงหรงพยักหน้ารับพลางเดินเข้าไปในห้องด้านในที่เป็นห้องนอน หลังฉากกั้นแก้วผลึกลายบงกชแฝดที่วางถังไม้สำหรับชำระร่างกายมีควันลอยกรุ่นพร้อมกลิ่นหอมสายหนึ่งลอยเข้าสู่คลองนาสา ท

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ในงานเลี้ยง 5

    องค์หญิงเผิงเฉิงร้องอ้อ “ที่แท้มีผู้บอกว่าข้าโปรดปรานเนื้อแกะแบบชาวหูกับเจ้า ไม่ทราบว่าเจ้าบอกนามของคนผู้นั้นได้หรือไม่”หานฉงหรงมีสีหน้าลำบากใจ “ขอประทานอภัยเพคะ วันนั้นหม่อมฉันอารามรีบร้อน พอเห็นคนของจวนองค์หญิงใหญ่ออกมาก็รีบถามไถ่โดยไม่ได้ถามชื่อของคนผู้นั้นเอาไว้เพคะ”องค์หญิงใหญ่เผิงเฉิงคีบเนื้อรับประทานชิ้นหนึ่งก่อนเอ่ย “อาห์...เกรงว่าคนของจวนข้าคงเข้าใจผิดไป ที่จริงข้าเกลียดอาหารประเภทเนื้อแกะเข้ากระดูกดำ นอกจะมีกลิ่นสาบและเครื่องเทศที่ตัวข้าไม่ชอบ ยังทำให้ข้านึกเรื่องที่ไม่น่าจดจำเมื่อครั้งอยู่ที่เผ่าหู ปกติในเมืองหลวงมักทำแต่อาหารจงหยวนไม่นิยมนำเนื้อแกะมาประกอบอาหารเลี้ยงรับรองแขก ยามข้าไปเยือนจวนขุนนางก็จัดอาหารตามรสชาติชาววัง จึงไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงล่วงรู้เรื่องนี้ นอกเสียจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดตัวข้า...”กล่าวถึงเพียงนั้นนางก็ปรายตาไปยังองค์หญิงเวินอี๋กับเหรินปี้นางกำนัลคนสนิททั้งสอง สายตาคมปลาบอย่างที่ไม่เคยมองที่ตนมาก่อนทำเอาเวินอี๋สะดุ้งน้อยๆ ทว่าเผิงเฉิงกลับเพียงอมยิ้มน้อยๆ กลับไปเป็นเสด็จป้าผู้เปี่ยมเมตตาก่อนเอ่ย “...หลายวันนี้เหรินหมิ่นรับใช้ข้าอย่างใกล้ชิดไม่ห่าง เช่นน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status