อวี้จินเดินออกมาจากสวน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มข้างซ้ายของตนเองที่ถูกตบ แรงมือของพ่อไม่เบาเลย มันทำให้เธอเจ็บเป็นอย่างมาก และเรื่องนี้อวี้จินก็ไม่ได้คิดจะปิดบังย่าของเธอเหมือนเช่นชาติก่อนอีกต่อไป ใครทำอะไรเธอ เธอจะให้พวกเขาไม่มีความสุขเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว อวี้จินรู้สึกหิวเป็นอย่างมาก เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านเธอกินโจ๊กมาเพียงไม่กี่คำกับขนมปังหนึ่งชิ้นเพียงเท่านั้นและรีบออกมาตรวจดูงาน ตอนนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมาเสียแล้ว
อวี้จินเดินมาตามทางเรื่อยๆ ระหว่างทางมีคนเอ่ยทักทายเธอหลายคน อวี้จินมองไปโดยรอบ ก่อนที่สายตาของเธอจะไปหยุดอยู่ที่ร้านขายโจ๊กร้านหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเพิ่งจะมาเปิดใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ที่ตรงนั้นเป็นบ้านเก่าที่เจ้าของปล่อยทิ้งร้างเอาไว้
ความทรงจำในชาติก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
อวี้จินมองดูชายวัยกลางคนที่กำลังต้มโจ๊ก เธอจำได้ เขาคือลุงหม่าลุงหม่ามีหลานชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่าอาฟาน หลานชายของเขาคนนั้นไม่ค่อยเอาการเอางาน วันๆนอกจากจะไล่แซวผู้หญิงไปทั่วแล้ว ก็ไม่ทำอะไรอีก ในชาติก่อนอาฟานเคยตามจีบเธอ ทั้งที่เขาอายุมากกว่าเธอตั้งหลายปีแต่กลับทำนิสัยเหมือนเด็ก
อวี้จินในตอนนั้นยังไร้เดียงสา เจอหน้าเขาก็เอาแต่เดินหนีไม่กล้าสบตา เธอไม่รู้ว่าสองลุงหลานมีภูมิลำเนาเดิมมาจากที่ไหน หลังจากที่รู้จักกันเขาก็บอกเธอเพียงว่าเขามาจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านนั้นขายของไม่ดี จึงย้ายมาเมืองซานซู เธอก็รู้เพียงเท่านี้นานวันเข้าหลังจากเริ่มสนิทกันเธอก็ได้รู้ว่า
อาฟานไม่ใช่คนไม่ดี เขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ดีกับเธอมาก เขาและเธอเคยมีความทรงจำที่ดีต่อกันมากมายในตอนนั้นไม่คิดว่าการย้อนเวลากลับมาครั้งนี้จะได้พบกับคนคุ้นเคยอีกครั้ง แต่เขาคงจะจำเธอไม่ได้แล้ว
อวี้จินยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอจำได้ว่าโจ๊กร้านลุงหม่ารสชาติดีไม่เหมือนใคร ในเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เธอก็อยากจะลองชิมโจ๊กร้านเขาอีกสักครั้ง
"คุณลุงคะ ขอโจ๊กข้าวโพดชามหนึ่งค่ะ"
พ่อบ้านหม่าที่กำลังวุ่นวายกับการต้มโจ๊กเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าเข้าร้านก็รีบมาต้อนรับทันที เดิมทีเขาไม่อยากจะทำงานพวกนี้ แต่คุณชายตัวดีของเขาอยากจะเล่นสนุก เขาเองก็รักกู้อวิ๋นฟานเหมือนลูกตัวเอง จึงยอมตามใจทุกอย่าง
อวี้จินรอไม่นานลุงหม่าก็ยกชามโจ๊กข้าวโพดมาวางตรงหน้าเธอ กลิ่นหอมของอาหารทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาในชาติก่อน ทุกครั้งที่เศร้าใจ เธอมักจะมาที่ร้านโจ๊กของอาฟานเสมอ บรรยากาศยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับทำให้เธออบอุ่นใจอย่างประหลาด
หญิงสาวตักโจ๊กขึ้นมากินคำหนึ่ง พบว่ารสชาติดีเหลือเกิน และเธอก็หิวมาก จึงกินหมดไปถึงสองชาม อวี้จินยกมือขึ้นมาลูบท้องตนเอง ในขณะที่เธอกำลังจะล้วงหยิบเงินขึ้นมาจ่าย ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา
"ลูกค้าสวยขนาดนี้ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกครับ ผมให้กินโดยไม่คิดเงินทุกวันเลย"
อวี้จินชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองและพบว่าเป็นอาฟานนั่นเอง
ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงหล่อเหลาไร้ที่ติ ทุกอย่างในตัวเขาเหมือนพระเจ้าตั้งใจสร้างเป็นอย่างดี รอยยิ้มที่ดูขี้เล่นนั่นมันชวนให้หญิงสาวหลายคนที่ได้เห็นหลงเสน่ห์ได้ไม่ยาก
ด้านกู้อวิ๋นฟานนั้นเขาแอบเดินตามอวี้จินมา ไม่คิดว่าหล่อนจะเดินเข้ามาในร้านโจ๊กของเขา ชาติก่อน กว่าเด็กสาวจะยอมเข้ามานั่งในร้านก็ใช้เวลาอยู่หลายเดือน แต่ครั้งนี้กลับเป็นฝ่ายเดินเข้ามาด้วยตนเอง
เขาปิดบังชื่อแซ่ของตัวเอง ใช้ชื่อว่าอาฟานเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของใคร ตระกูลกู้ของเขายิ่งใหญ่เกินไป ที่เขาไม่ใช้แซ่กู้ตอนอยู่ที่นี่ก็เพื่อต้องการลดความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น
กู้อวิ๋นฟานยักคิ้วให้อวี้จินอย่างหยอกเย้า อวี้จิน
กระแอมออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นและถอยห่างออกมาจากเขา"ไม่ดีมั้งคะ ฉันไม่ชอบกินของใครโดยไม่จ่ายเงิน ฉันจะจ่ายเงินให้ค่ะ"
"ไม่ต้องหรอกครับ คนสวยอยากมากินวันไหนก็ได้"
อวี้จินยกมือขึ้นเกาศีรษะตนเอง เธอคิดเอาไว้ไม่ผิดเลย เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก อาฟานก็เอ่ยวาจาแบบนี้กับเธอเสียแล้ว แต่เธอไม่ถือสาเขา เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดจะทำมิดีมิร้ายกับเธออยู่แล้ว
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่จ่ายก็ได้ แต่ว่าจะให้คนนำผักมาส่งให้ร้านโจ๊กของคุณเป็นการตอบแทน ห้ามคุณปฏิเสธเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มากินโจ๊กร้านคุณอีก"
"ได้ครับผม"
อาฟานยิ้มตาหยี รอยยิ้มของเขาเจิดจ้าเสียจนอวี้จินไม่กล้ามองตรงๆ เมื่อกินอิ่มแล้ว เธอจึงขอตัวกลับบ้านตนเองทันที อาฟานเดินมาส่งเธอถึงหน้าร้าน
"คุณชื่ออะไรเหรอ ผมชื่ออาฟาน"
อวี้จินหันไปมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ฉันชื่ออวี้จิน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
กู้อวิ๋นฟานค่อนข้างแปลกใจไม่น้อยที่ครั้งนี้ท่าทีที่เธอมีต่อเขาออกจะเป็นมิตรมากกว่าชาติก่อน อีกทั้งรอยยิ้มของเด็กสาวก็ยังสดใสร่าเริง ไม่ได้มีท่าทีกล้าๆกลัวๆ หรือทำตัวอ่อนแอเหมือนในตอนนั้นเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่าเขากลับชอบอวี้จินตอนนี้มากกว่าอวี้จินในชาติที่แล้วเสียอีก
เพราะถูกชายหนุ่มตรงหน้าจ้องมองไม่ลดละ อวี้จินจึงรู้สึกประหม่า
"จินจิน ขอเรียกว่าจินจินนะ"
อวี้จินพยักหน้าให้เขาอย่างไม่ถือสา
“ว่าแต่หน้าคุณไปโดนอะไรมา ให้ผมพาไปหาหมอไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรขอบคุณมาก”
อวี้จินเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มให้เขาเล็กน้อย กู้อวิ๋นฟานพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์
"คุณระวังด้วยนะครับ"
"ระวังอะไรเหรอคะ"
"ระวังสะดุดความหล่อของผม"
อวี้จิน "...."
อวี้จินถึงกับหมดคำจะกล่าว แต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นเช่นนี้ แต่ไม่คิดว่าการพบเจอกันครั้งนี้เหมือนนิสัยชอบแทะโลมจะหนักกว่าเดิม อวี้จินไม่เอ่ยอะไรเพียงยิ้มอย่างฝืดฝืน ก่อนจะเดินกลับบ้านของตนไป
กู้อวิ๋นฟานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับเข้ามาในร้านก่อนจะเอ่ยกับพ่อบ้านหม่า
"โจ๊กวันนี้ไม่ต้องขาย แจกหมดหมู่บ้านเลย"
พ่อบ้านหม่าแทบทำถ้วยโจ๊กร่วงพื้น เขาหันขวับมามองเจ้านายของตนทันที
"วันนี้ยังไม่ได้ทุนคืนเลยนะครับ คุณ เอ่อ
อาฟานทำแบบนี้มันจะขาดทุนเอาได้นะ""ขาดทุนก็ช่างหัวมันสิครับลุง วันนี้ผมอารมณ์ดี แจกเลย แจกให้หมดหมู่บ้านไปเลย!"
เรื่องราวทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากเกิดเรื่องกับฟ่านหยวน ฟ่านหลีก็ถูกรับตัวกลับไปที่บ้าน เธอสูญเสียแม่ไป และพี่ชายก็ติดคุก โชคดีที่พ่อฟื้นกลับมาได้ เธอจึงตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตใหม่ ตัดใจจากกู้อวิ๋นฟาน ก้าวเดินไปตามทางของตนเอง แบกรับภาระหน้าที่ของตระกูลแทนพี่ชายกู้อวิ๋นฟานอาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะเกิดเรื่องทำให้เขาไม่ได้กลับบ้าน นายพลกู้รีบมาที่เมืองซานซูพร้อมครอบครัวเพื่อดูอาการลูกชาย นั่นทำให้อวี้จินได้พบกับครอบครัวของกู้อวิ๋นฟาน พวกท่านใจดีมาก อีกทั้งยังสนทนากับเธออย่างไม่ถือตัว ทำให้อวี้จินไม่รู้สึกเกร็งเลยแม้แต่น้อยอวี้จินอยู่เฝ้ากู้อวิ๋นฟานที่โรงพยาบาลทุกวัน จนอาการของเขาดีขึ้นและสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ กู้อวิ๋นฟานกอดอวี้จินเอาไว้และปลอบโยนเธอเรื่องของหยางเมี่ยว อวี้จินยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร หยางเมี่ยวได้เลือกทางเดินของตนเองแล้ว เธอเคารพการตัดสินใจของเพื่อนรัก งานศพของหยางเมี่ยวนั้นไป๋เซียงและฟางมู่เองก็มาแสดงความไว้อาลัยและเสียใจไม่ต่างจากอวี้จินเช่นเดียวกันตอนนี้หยางเมี่ยวคงได้พบกับแม่ของเธอบนสวรรค์แล้วคนตระกูลกู้พักอยู่ที่เมืองซานซูจนอาการขอ
กู้อวิ๋นฟานไม่ได้เกรงกลัวฟ่านหยวนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขามองฟ่านหยวนเหมือนมองคนแปลกหน้า"ฟ่านหยวน ที่ผ่านมาระหว่างพวกเรามีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด แล้วมันเพราะอะไรกันที่ทำให้นายคิดจะฆ่าฉัน คิดจะทำร้ายฉันและตระกูลกู้ ต้นเหตุมันมาจากอะไรกันแน่"ฟ่านหยวนเมื่อได้ยินก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยัน"ต้นเหตุของเรื่องนี้น่ะเหรอ.."เขาจ้องมองกู้อวิ๋นฟานราวศัตรูคู่อาฆาต ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กู้อวิ๋นฟานได้ฟังอย่างไม่มีตกหล่น ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของเขาและพ่อของกู้อวิ๋นฟาน ไปจนถึงเรื่องที่แม่ของเขาตั้งท้องและแต่งเข้าตระกูลฟ่าน ต้องถูกคนตระกูลฟ่านกดขี่ ถูกสามีทุบตีเหมือนวัวเหมือนลาอวี้จินหันมามองกู้อวิ๋นฟานพร้อมกับจับมือเขาเอาไว้แน่น กู้อวิ๋นฟานที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะพ่อของเขาและแม่ของฟ่านหยวนเคยมีความสัมพันธ์กันอย่างนั้นเหรอและฟ่านหยวนแท้จริงก็เป็นพี่น้องกับเขา!นี่มันเรื่องอะไรกันกู้อวิ๋นฟานไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ฟ่านหยวนเล่ามาจะเป็นความจริง ที่ผ่านมาพ่อและแม่ของเขารักกันดีมาตลอด พ่อไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ และแม่ของเขาก็ไม่เคยเอ่ยถึงเช่นกัน
หลายสิบวันต่อจากนั้น ก็มีคนนำอาหารกระป๋องราคาถูกกว่าโรงงานของตระกูลกู้มาขาย เมื่อกู้อวิ๋นฟานที่ทราบเรื่องไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกเท่าใดนัก ตอนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าฟ่านหยวนคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ครั้งนี้ฟ่านหยวนกลับไม่ได้เปิดโรงงานโดยใช้ชื่อคนอื่นบังหน้าเหมือนที่เคยทำในครั้งก่อนอีก แต่กลับเลือกเอามาขายโดยผ่านพ่อค้าคนกลาง เปิดเป็นร้านขายอาหารกระป๋องธรรมดาทั่วไป อวี้จินเมื่อได้ทราบเรื่องก็ตรงมาหากู้อวิ๋นฟาน และพูดคุยหารือกับเขาในเรื่องนี้"ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของฟ่านหยวนจริงๆ"กู้อวิ๋นฟานเพียงยกยิ้มมุมปากและไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อยเมื่อสองคืนก่อนเขาฝันถึงเรื่องในชาติก่อนอีกครั้ง ครั้งนี้ความฝันชัดเจนกว่าครั้งก่อนๆ เขาเห็นแผ่นหลังของฆาตกรที่ฆ่าเขาในชาติที่แล้ว แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังแต่เขากลับจำได้ดีเป็นฟ่านหยวน!คนที่ฆ่าเขาในชาติก่อนก็คือฟ่านหยวนทุกอย่างล้วนปะติดปะต่อร้อยเรียงและเกี่ยวพันกับฟ่านหยวนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงแต่แรงจูงใจที่ทำให้ฟ่านหยวนผูกใจเจ็บจนอาฆาตแค้นเขามันคือเรื่องอะไรกันแน่อวี้จินไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เธอนั่งอยู่ข้
ในที่สุดวันหยุดก็มาถึง อวี้จินได้ทำตามที่กู้อวิ๋นฟานบอกเอาไว้ นั่นก็คือชวนหยางเมี่ยวไปที่บ้านของกู้อวิ๋นฟานด้วยกัน เธอบอกเพียงว่าจะจัดงานฉลองให้กับตัวเองที่ทำคะแนนสอบได้ดี กินกันแค่สองคนออกจะเหงาเกินไป ย่าก็ไม่สะดวกไปร่วมงานเลี้ยงเพราะแก่แล้ว ส่วนพ่อของอวี้จินก็ไม่ได้ลงรอยกับกู้อวิ๋นฟาน เธอจึงชวนหยางเมี่ยวไปด้วยกัน แรกเริ่มหยางเมี่ยวลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนฟ่านหยวนบอกกับเธอว่าเขาอยากได้ขั้นตอนการผลิตอาหารกระป๋องของกู้อวิ๋นฟานให้เธอหลอกถามจากอวี้จิน แต่อวี้จินกลับไม่รู้อะไรเลย เธอจึงยังไม่มีข้อมูลไปให้เขาวันนี้ได้ไปที่บ้านของกู้อวิ๋นฟานนับว่าเป็นเรื่องดีแม้ในใจจะรู้สึกผิด แต่หยางเมี่ยวไม่มีทางเลือกเธอกลัวว่าคนตระกูลอวี้จะต้องลำบาก ตระกูลอวี้มีบุญคุณกับเธอ หยางเมี่ยวไม่ใช่คนเนรคุณคน เธอไม่มีทางทำให้บ้านตระกูลอวี้ต้องประสบภัยแม้นี่จะฟังดูเหมือนเป็นเหตุผลที่ดี แต่ภายในส่วนลึกแล้วมันเป็นเพราะว่าเธอรักฟ่านหยวนเธอหลงรักคนสารเลวนั่นจนหมดหัวใจ!ท่าทีของหยางเมี่ยวล้วนอยู่ในสายตาของอวี้จิน เธอเดาไม่ผิดจริงๆ หยางเมี่ยวมีเรื่องบางอย่างที่กำลังปิดบังเธอเอาไว้แต่อ
วันคืนก็ผ่านพ้นไปเช่นนี้ ในที่สุดโรงงานของกู้อวิ๋นฟานก็ได้เปิดรับคนงานเข้ามาทำงานเสียที ครั้งนี้พ่อของเขาส่งพ่อบ้านคนใหม่มาช่วยดูแลเขาแทนลุงหม่า กู้อวิ๋นฟานแม้ภายนอกจะทำตัวปกติ แต่เขารู้ดีอยู่ในใจว่าไม่มีใครแทนลุงหม่าได้อวี้จินยังคงไปเรียนตามปกติ เพราะระยะนี้ใกล้ถึงวันสอบแล้วเธอจึงเอาแต่อ่านหนังสือและไม่ค่อยได้พบกับกู้อวิ๋นฟานเท่าใดนัก ต่างคนต่างมีงานให้ต้องจัดการสุขภาพของย่าช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก อวี้จินค่อนข้างเป็นกังวล แต่คุณย่าบอกกับเธอว่าย่าแก่มากแล้ว การเจ็บป่วยอย่างไรย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่อวี้จินกลับหวั่นใจ ชาตินี้เธอช่วยย่าไม่ให้ตายอย่างปริศนาได้แล้ว แต่เธอไม่ได้เตรียมใจที่จะสูญเสียย่าไปอีก แม้ว่ามันจะต้องเป็นไปตามครรลองก็ตามทุกคนล้วนมีเรื่องที่ตนยึดติดไม่ใช่หรืออวี้จินวางหนังสือในมือลง ก่อนจะเดินลงมาที่ชั้นล่าง ตอนนี้ย่าของเธอกำลังนอนหลับตอนกลางวัน ส่วนพ่อก็ไปที่สวนผัก ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น อวี้จินสังเกตได้ว่าพ่อของเธอดูเปลี่ยนไปมาก เขาพยายามพูดคุยและทำดีกับเธอ แต่อวี้จินกลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเท่าใดนัก อาจเพราะความเจ็บปวดในชาติก่อนมันยังคงกัดกินจิตใจของเธอ
เวลาก็ผ่านไปเช่นนี้ การก่อสร้างโรงงานของกู้อวิ๋นฟานนับว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างราบรื่นเป็นอย่างมากวันนี้อวี้จินไม่มีเรียน เธอจึงมาหาเขาที่บ้านพร้อมกับนำอาหารมื้อกลางวันติดมือมาด้วย กู้อวิ๋นฟานที่เห็นว่าคนรักมาแล้วก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก อวี้จินวางอาหารลงบนโต๊ะและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"ฉันทำอาหารมาให้พี่หลายอย่างเลย พี่ลองชิมดูสิว่าชอบไหม""อะไรที่เธอทำพี่ก็ชอบหมด"อวี้จินยิ้มตาหยี ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหาชายหนุ่มและมอบจูบที่แสนหวานให้กับเขา กู้อวิ๋นฟานมองอวี้จินด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะจูบตอบหล่อนอย่างดูดดื่มในขณะที่คนทั้งสองกำลังมีความสุขแสนหวานชื่น ฟ่านหลีก็เดินเข้ามามาพอดี เธอเห็นเต็มสองตาว่าสองคนนั้นกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม ฟ่านหลีกำมือแน่น รู้สึกเจ็บปวดในใจเป็นอย่างมาก เธอหลงรักกู้อวิ๋นฟานมานานหลายปี แต่เขากลับไม่สนใจเธอและยังมาเลือกเด็กสาวบ้านนอกคนนี้อีกอวี้จินและกู้อวิ๋นฟานหันมามองฟ่านหลีพร้อมกัน เป็นกู้อวิ๋นฟานที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย"ฟ่านหลี มีอะไรเหรอ"ฟ่านหลียิ้มออกมาอย่างฝืดเฝื่อน"ฉันให้คนทำอาหารมาให้พี่ พี่ลองชิมดูสิ"เอ่ยจบหล่อนก็นำอาหารมาวางบนโต๊ะ
หยางเมี่ยวมองฟ่านหยวนด้วยความหวาดหวั่น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยนคนนั้น แท้จริงแล้วจะซ่อนความอำมหิตเอาไว้เธอพอจะรู้เรื่องของกู้อวิ๋นฟานมาบ้าง เพราะอวี้จินเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง กู้อวิ๋นฟานเป็นลูกชายของนายพลกู้ มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แต่ที่เขามาที่นี่เพราะต้องการมาช่วยกิจการของที่บ้าน เธอก็รู้เพียงเท่านี้ แต่ไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลคนมีอำนาจมากกว่านี้เลยแม้แต่เรื่องเดียวทั้งที่ฟ่านหยวนเป็นเพื่อนสนิทของกู้อวิ๋นฟานแต่กลับคิดจะฆ่าเพื่อนของตนเองและทำร้ายตระกูลกู้แท้จริงแล้วพวกเขามีเรื่องบาดหมางอะไรกันแน่หยางเมี่ยวเอ่ยอะไรไม่ออก เธอเดินเข้ามารู้เรื่องราวนี้เอง คาดว่านับจากวันนี้คงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว แต่จะให้เธอทำอะไรได้ หากชะตาชีวิตกำหนดมาว่าให้เธอต้องตายอยู่ที่นี่นั่นก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียดายก็แต่ไม่อาจช่วยอวี้จินและคนรักของเพื่อนได้ ไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณก็ต้องมาจากไปเสียก่อนฟ่านหยวนมองหยางเมี่ยวด้วยแววตาที่ครุ่นคิด เด็กสาวคนนี้แต่ก่อนเขาไม่ได้สนใจจะมองหน้าตาของหล่อนให้มากนัก แต่วันนี้เมื่อได้มองดูให้ชัดเจนก็พบว่าสวยไม่เบาเลย อยู่ๆ ความ
ระยะนี้กู้อวิ๋นฟานและอวี้จินสนิทสนมกันมากกว่าเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็คืบหน้าไปไม่น้อยเลย เขามักจะไปรับส่งเธอที่มหาวิทยาลัยเป็นประจำ ตั้งแต่ที่เขาบอกความจริงว่าตัวเองเป็นใครนั้น กู้อวิ๋นฟานก็ไม่ได้กลับไปนอนที่ร้านโจ๊กอีก เดิมทีคิดว่าจะปิดร้านไปซะ แต่มันกลับขายดีและทำเงินได้เขาจึงให้ลุงหม่าเปิดร้านต่อไป กู้อวิ๋นฟานซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของอวี้จิน แม่เฒ่าอวี้และอวี้ตงออกจะตกใจไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าฐานะของกู้อวิ๋นฟานไม่ธรรมดา อีกทั้งยังกังวลเป็นอย่างมาก แต่อวี้จินกลับบอกว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเธอไม่นานมานี้คนของกู้อวิ๋นฟานมารายงานว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างคนก่อนที่ถูกเขายกเลิกงานไปได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นแล้ว จากนั้นไม่นานก็บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้รับเหมาจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย มองผิวเผินแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่สำหรับกู้อวิ๋นฟานกลับรู้สึกว่ามันผิดปกติ ดูแล้วราวกับเป็นการจัดฉากเพื่อฆาตกรรมเสียมากกว่ากู้อวิ๋นฟานมีท่าทีครุ่นคิด เขามาอยู่ที่ซานซูนานแล้ว หาทางปิดช่องโหว่ทุกอย่าง พ่อของเขาเองเมื่อได้ทราบเรื่องน่าสงสัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในทุกๆ คืนเขามักจะ
กู้อวิ๋นฟานเมื่อได้เห็นชายหญิงทั้งสองคน แววตาเขาก็ทอประกายความเป็นมิตรขึ้นมาหลายส่วนสองคนนี้เป็นคนที่สนิทกับเขาตอนอยู่ที่เมืองหลวงชื่อว่าฟ่านหยวนและฟ่านหลี ฟ่านหยวนเป็นเพื่อนรักของเขา มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่าฟ่านหลี สองพี่น้องตระกูลฟ่านเป็นลูกของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีโรงงานหลายแห่ง และที่สำคัญฟ่านหยวนเองก็กำลังจะมีโครงการก่อสร้างโรงงานที่เมืองซานซูเช่นเดียวกัน แม้จะทำธุรกิจเหมือนกัน แต่เขาและฟ่านหยวนกลับไม่ได้เป็นศัตรูกัน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่นานมานี้ฟ่านหยวนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้"อาหยวน นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่"กู้อวิ๋นฟานไม่ได้ตอบคำถามของฟ่านหลี แต่กลับเอ่ยถามฟ่านหยวนแทน ฟ่านหยวนยิ้มและเอ่ยตอบ"เพิ่งกลับมาไม่กี่วันนี้ อีกอย่างโรงงานใกล้จะสร้างแล้ว ฉันเลยต้องมาดูเสียหน่อย""มีที่พักหรือยัง""มีแล้ว ฉันซื้อบ้านเอาไว้หลังหนึ่ง"เอ่ยจบฟ่านหยวนก็หันมามองอวี้จินพร้อมกับส่งยิ้มให้หล่อน อวี้จินเพียงยิ้มตอบอย่างมีมรรยาทเมื่อเห็นว่ากู้อวิ๋นฟานเมินตน ฟ่านหลีก็รู้สึกไม่พอใจ เธอถลึงตาใส่อวี้จินทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหมายจะแทรกกลางคนทั้งสอง แต