“อะแฮ่ม... ท่านแม่” รั่วเฉินกระแอมกระไอ
“อะไรหรือ”
“เรื่องแต่งงานใหม่เพิ่ม... อ่า...”
“ทำไม” ท่านแม่ถามเสียงดัง
“ภรรยาของข้า ฮ่องเต้เป็นผู้ประทานให้ หากจะแต่งงานหาภรรยาอีกหลายคน ต้องได้รับราชโองการจากฮ่องเต้อีกขอรับ” ที่แม่ทัพรั่วตอบออกไปอย่างนั้น เพราะเขาอ่านใจท่านแม่ออก
“เรื่องขออนุญาตจากฮ่องเต้หรือ แม่จะให้พ่อเจ้าจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ท่านแม่ขอรับ ลูกไม่ได้อยากให้มีปัญหา”
“ปัญหาอะไรอีกเล่า”
“มีภรรยาหลายคนปวดหัวนี่ขอรับ อีกอย่างดูอย่างท่านแม่ ท่านยังไม่ยอมให้ท่านพ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อย ใครก็พูดกันว่าท่านพ่อรักท่านแม่มากน่ะขอรับ จนไม่คิดจะมีหญิงอื่นอีก”
ท่านแม่เผลอยิ้ม แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้ง
จ้าวอวี้เจินกลับตีความหมายทุกอย่าง เหมือนว่าเขาจะไม่อยากแต่งงานกับตนเอง เพราะที่รั่วฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ ก็เพราะอยากได้จ้าวอวี้เจินมาเป็นสะใภ้อีกคน
“ข้าอยากจะเป็นหญิงหนึ่งเ
“แก้ตัวไป ก็ไม่มีประโยชน์ หากเรารักเขา เราก็บอกว่ารักออกไป และก็ไม่เห็นจะยากลำบากเลย ถ้าจะพูดมันออกไป เวลาที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับท่านแม่ทัพ นายหญิงก็เอื้อนเอ่ยคำนี้ออกมาได้นะเจ้าคะ”“เจ้าสอนข้า ทั้ง ๆ ที่เจ้าไม่มีสามี”“แต่ก็เกิดก่อน แก่กว่า ก็เห็นมาเยอะแล้ว”ฟู่หลินหลินยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่ดี“เขายังไล่ข้ามานอนพักผ่อนอีกด้วย” ปากก็พูดบ่น“ดื่มน้ำชาก่อนนะเจ้าคะ นายหญิงจะได้เย็นใจ” เจียงอ่าวรีบมารินน้ำชาให้“แต่อย่างไรก็ตาม นายหญิงจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้นะเจ้าคะ ถ้าหากแม่นางจ้าวผู้นั้นมาหาและพบกับท่านแม่ทัพบ่อย ๆ เข้า ก็อาจจะเป็นเรื่องเอาได้ ดีไม่ดีจะเป็นแผนการของท่านรั่วฮูหยินก็ได้ที่ท่านอยากจะได้สะใภ้เป็นคนบ้านเดียวกัน”“ถ้าเขาไม่ได้รักข้า ก็ปล่อยให้เขาแต่งงานไปเถอะ” ฟู่หลินหลินมองหน้าเจียงอ่าว แต่ทว่าเจียงอ่าวก็ได้เห็นว่านายหญิงของตนมีน้ำตาคลอหน่วยฟู่หลินหลินยังพูดอีก “เขาก็เห็นข้าเป็นเพียงหญิงบนเตียงที่คอย
“แล้วท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรหรือ”“ข้าบังเอิญไปส่งด้วย ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะมีสีหน้าที่เศร้าสร้อยมาก ๆ ก็คนคบหากันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ต้องจากกันไปไกลก็ต้องออกอาการบ้างแหละ”“ขอบใจเจ้ามากนะ”“อ้าว จะถามกันแค่นี้เองหรือ”“ข้าต้องรีบไปหานายหญิง” เจียงอ่าวเดินออกมาในทันที นางตรงกลับไปที่ห้องพักของนายหญิง ฟู่หลินหลินเมื่อเห็นเจียงอ่าวนางก็ปรี่เข้ามาในทันที“ได้ความไหม”“ได้เจ้าค่ะ” แล้วเจียงอ่าวก็เล่าเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาให้กับนายหญิงของตัวเอง ฟู่หลินหลินทำหน้าทำตาอยากรู้เอามาก ๆ ถึงกับจ้องเจียงอ่าวแบบตาไม่กะพริบ“พวกเขาสองคน อาจจะเป็นการรักกัน แต่ยังไม่รู้ใจตัวเองเป็นได้ แล้ววันนี้นางจะกลับมาทำไมอีก ไปจากชีวิตของท่านพี่ตั้งหลายปีแล้ว เฮ้อ… อยู่ ๆ นางก็โผล่เข้ามาในชีวิต และในตอนนี้” ฟู่หลินหลินพูดเหมือนกับคนสิ้นหวัง“ก็บิดาของแม่นางจ้าวถูกฮ่อง
“เจ้าต้องการข้าในคืนนี้”“ข้าต้องการท่านพี่ในทุกคืน ไหนว่าเราสองคนจะทำลูกกันอย่างไรเจ้าคะ”“เจ้าพร้อมแล้วเหรอฮึ... หลินหลิน”“ยิ่งกว่าพร้อมมากมายเจ้าค่ะ” แล้วนางได้กระชากใบหน้าของเขาลงมา ให้บดกลีบปากลงบนกลีบปากของตัวเองฟู่หลินหลินส่งปลายลิ้นของตัวเองเข้าไปยั่วเย้าหยอกเกินกับปลายลิ้นของแม่ทัพรั่วท่านแม่ทัพผละจากริมฝีปากของนาง“หลินหลินถ้าเจ้าทำตัวอ่อนหวานอย่างนี้กับข้าตลอดไป ข้าจะถนอม และเอ็นดูเจ้า”“ข้าจะจำคำของท่านเอาไว้”“คืนนี้เจ้าต้องการจะให้ข้าทำเหมือนกับที่เราสองคนอยู่ในรถม้าใช่ไหม” ถามพร้อมกับจ้องหน้านาง ฟู่หลินหลินพยักหน้าน้อย ๆ เขาจึงชิดใบหน้าและอ้าปากเพื่อครอบครองยอดอิ่มก่อนจะอมและดูดเม้ม“อื้อ ท่านพี่ ข้าเสียว เสียวมาก เสียวมาก”“ขอแค่ให้เจ้ารู้สึกดี”“อะ... อ้า... อืม… ข้ารู้สึกดี” พลางกลั้นเสียงเสียวซ่านเอาไว้โดยการงับปากจนสนิทแม่ทัพรั่ว
แม่ทัพหนุ่มสูดปากเสียงสุขสม และเอ่ยชม “เจ้าเก่งจริง ๆ ทำให้ข้าแพ้เจ้าในเวลาอันรวดเร็ว”“ท่านพี่มีความสุข ข้าก็ดีใจ” หายใจหอบระรวยรั่วเฉินจึงกอดรัดและลูบไล้ร่างกายของนางด้วยความเอ็นดู“ว่าแต่คืนนี้ ท่านพี่จะโอ้โลมข้าครั้งเดียวหรือ”“หรือว่าเจ้ายังไม่พอ”“ถ้าไม่อยากให้ท่านพี่เหนื่อย”“ใครกันแน่ที่เหนื่อย ดูสิเจ้ายังหายใจไม่ทันเลย” เขาเอ่ยยั่วเย้า“ทำไมท่านพี่ต้องรอข้าด้วย” ฟู่หลินหลินซบหน้าลงไปที่หัวไหล่ของเขา“ถ้าอยากจะนอนซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของท่านพี่ทุกคืน ช่วงนี้มันจะเข้าฤดูหนาวแล้วนะเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินออดอ้อนเขาราวกับว่าเป็นแมวน้อยขี้หนาวก็ไม่ปาน“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็มานอนในห้องข้า”“จริงนะเจ้าคะ และตลอดไป”“อื้อ… ตลอดไป” ณ เวลานี้ นางคุ้นชินกับการบรรเลงเพลงรักร่วมกับแม่ทัพรั่วแล้ว จึงมิได้ตื่นขึ้นมาโวยวายเหมือนเมื่อก่อน แถมยังเริ่มก่อนได้อีก
“นี่” เสียงของฟู่หลินหลิน“เวลากินข้าวมิใช่หรือ แม่นางจ้าว ที่บ้านท่านได้สั่งสอนหรือไม่ว่ากินข้าวห้ามชวนคุย ข้าวมันจะติดคอ แล้วท่านพี่ก็เหมือนกัน มีอะไรกินข้าวเสร็จค่อยถามแม่นางเจ้าก็ได้ รีบไปไย” พูดพร้อมกับกระแทกสายตามองรั่วเฉินเหมือนอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อของเขาให้ออกเป็นชิ้น ๆ“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะหลินหลิน” กลั้นขำแทบแย่ เพราะเห็นนางหน้าบูด แล้วหันไปหาจ้าวอวี้เจิน“ข้าอยากได้ชิ้นนั้นน่ะ เจ้าคีบมาให้ข้าหน่อย”แม่ทัพรั่วบอกกับจ้าวอวี้เจินให้หยิบหมานโถวมาให้ ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเอื้อมหยิบเองก็ได้ แต่กลับไม่ทำใบหน้าของฟู่หลินหลินเปลี่ยนสีออกแดงจนเข้มแล้ว และร้อนลามไปถึงใบหู ที่รั่วเฉินเขาทำอย่างนี้ ก็เพราะสนุกที่ได้ยั่วโทสะของฟู่หลินหลิน และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้แน่ชัดว่า นางรู้สึกหึงหวงเขาจริง ๆ หรือไม่และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด เขาเก็บอาการไม่อยู่จนต้องยิ้มออกมา แต่ว่าทำเฉไฉเป็นยิ้มให้กับจ้าวอวี้เจินแทน“อิ่มแล้วเจ้าค่ะ อาหารจวนนี้จะไม่ยกขึ้นโต๊ะอีกนับตั้งแต่วันนี้
เขายิ้มให้ “ร้องไห้ทำไม คนที่แกร่งกล้าสามารถไปไหน ฮึ? แล้วคนที่ปากเก่ง ๆ”“ไม่มีแล้ว ข้ามาอยู่ที่นี่ ข้าคิดมาตลอดว่าถูกรังแก ข้าก็คงจะมีแต่พี่เจียงอ่าวที่คอยปลอบใจ และข้า…” กลืนความขมขื่นลงไปในลำคอการที่วิญญาณหลุดมาถึงที่นี่ แล้วมาเข้าร่างของแม่นางฟู่คนนี้ ฟู่หลินหลินก็ไม่คิดว่าจะเป็นการทดสอบจิตใจอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเหตุการณ์ใด ๆ ถูกบังคับให้ต้องฟันฝ่า“จะมีใครก็มี ไม่ว่าหรอก เพราะข้าอาจจะให้ความสุขกับท่านไม่พอ จะมีอีกสักสิบ ยี่สิบ หรือจะเป็นร้อยก็แล้วแต่ท่าน จะมีแม่นางจ้าวอีกสักสี่ห้าคนก็ตามใจ” ปากว่าตามใจ แต่หัวใจเหมือนถูกบีบ“นี่” เขาชิดใบหน้าลงมาใกล้อีก จากนั้นก็จูบพรมเช็ดน้ำตาให้“ข้ามีแต่พี่เจียงอ่าว แล้วก็ท่าน แต่ถ้าท่านจะมีนางน้อย ๆ อีกสักสิบคน ข้าก็คงจะ…”“โถ่! ข้าแค่อยากลองใจเจ้า”“ลองใจ จะลองทำไม ข้าใส่เสื้อผ้าที่ท่านจะต้องลองสวมใส่ก่อน ไม่เอาละ ข้าไม่อยากคุยอีก ออกไปจากห้องของข้าเถอะ ข้าง่วง ข้าจะนอน”“ก่อนจะนอนเ
เขาพานางไปแตะขอบสวรรค์ แม่ทัพหนุ่มกระเส่า ดึงตัวตนออกจากช่องทางหวาน ๆ อย่างรวดเร็วจับร่างของภรรยาสาวพลิกคว่ำ และยกร่างน้อย ๆ ให้คลานเข่า ฟู่หลินหลินก็ไม่ได้ขัดใจ หันหน้ากลับมามองแม่ทัพรั่วอย่างเย้ายวน นางหยัดสะโพกรอรับความซ่านเสียวจากสามี รั่วเฉินสอดแทรกแทงถอนแก่นกายของเขาเข้ามาอย่างรวดเร็วร่างบางสะท้านหวั่นไหว สองมือจับยึดขยุ้มผ้าที่รองนอนเอาไว้แน่น แม่ทัพหนุ่มมีใบหน้าแดงก่ำ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายรักรั่วเฉินไม่รอช้าเขาขยับชักแกนแกร่งขยับเข้าออก ๆ ฟู่หลินหลินหลับตาพริ้ม ขยับอ้าปากร้องครางตามจังหวะท่วงท่าของท่านแม่ทัพที่กระทำเรื่องเสียว ๆความใหญ่โตอัดกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม จนฟู่หลินหลินเกร็งแขม่วหน้าท้อง ร่องสาวขมิบตอดรัดรอบลำโตของเขาระรัวร่างสูงครางสูดปากเสียงกดต่ำ “โอ้เจ้า หลินหลิน เจ้าอย่าตอดแรงนักสิ ข้าจะแตกอยู่แล้ว อู้… อ้า ซี้ด”ส่งมือใหญ่หนาตะปบรวบเต้าอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแรงกระชั้นหนักหน่วงของตนเอง“อะ อะ ซี้ด... อุ๊ย... อะ”ฟู่หลินหลินเปล่งเสียงที่ดังไม่ได้
เจียงอ่าวจุดประเด็นใหม่ จนคนเป็นเจ้านายคิดตามอีก ยิ่งหวั่นไหวอยู่เต็มทรวง“ถ้าเขาจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ข้าจะทำอย่างไรได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาเกลียดชังข้าขนาดไหน ข้าไม่น่าลืม อีกอย่างข้าเป็นเชลย ข้าลืมไปได้อย่างไร” ฟู่หลินหลินพูดเสียงสั่น อารมณ์ของนางค่อนข้างปรวนแปรมาก ๆ ในช่วงนี้“นายหญิงเจ้าคะ เรื่องนี้ท่านอยากพิสูจน์ไหม” “จะพิสูจน์อย่างไรหรือ”“อีกไม่กี่วันจะมีงานเฉลิมฉลอง ที่ฮ่องเต้จะประทานรางวัลให้แก่ท่านแม่ทัพที่ชนะศึกมา นายหญิงก็ต้องเข้าวังไปกับท่านแม่ทัพด้วย”“แล้วไง”“ก็ลองเมียงมองหาบุรุษท่านอื่นที่สง่างาม”“ไม่ ข้าไม่ทำอย่างที่เจ้าบอกแน่ ๆ มันไม่มีทางดี ไม่แน่ท่านพี่อาจจะโกรธข้าเป็นฟืนเป็นไฟ ความคิดของเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้เรื่อง” ฟู่หลินหลินเดินหนี“ไม่ลองก็ไม่รู้ จะได้เห็นว่าท่านแม่ทัพคิดอย่างไรดีไหมเจ้าคะ เชื่อเจียงอ่าว”“อึ… ข้าไม
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป
เสียงเคาะดาบกับโล่ดังเป็นจังหวะ และเสียงกระทุ้งทวนกับพื้นก็ดังตามมา รองแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามสั่งให้เข้าบุกโจมตี พวกมันวิ่งเข้ามาในวงล้อมของค่ายกลแปดทิศ ราวกับว่าไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น และใช้ดาบฟันทุกอย่างที่ขวางหน้า ทหารทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตูกันเสียงกระทบกันของดาบและทวนดังไปทั่วทั้งเนินหวงหยางแม่ทัพรั่วกำลังใช้สายตามองหาซื่อเล่อ แต่ว่าหาอย่างไรก็หาไม่พบ ตามกฎของสงครามแล้วสงครามจะจบลงก็ต่อเมื่อ ประการที่หนึ่งแม่ทัพของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย หรือไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้วประการที่สอง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ แล้วถอนทัพไป ดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงต้องหาแม่ทัพของฝ่ายศัตรูให้พบ แล้วกำจัดเขาเสียฝีมือการสู้รบของชนเผ่าเร่ร่อน ถึงแม้ว่าจะไม่มีแบบแผนก็จริง แต่ว่าพวกเขาสู้รบได้ดุเดือด ยิ่งจนตอนนี้สามารถทำลายค่ายกลแปดทิศจนแตกแล้ว ทหารของแม่ทัพรั่วจึงได้เปลี่ยนไปใช้รูปแบบการตั้งรับแบบอื่นแทนแม่ทัพรั่วตัดสินใจขี่ม้าออกไปกลางความชุลมุนวุ่นวายนั่นแล้วตามหาตัวซื่อเล่อ ยิ่งหาตัวเขายากเท่าไร ก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นเท่านั้นที่จวนในวันนี้
รั่วฮูหยินยังเช็ดน้ำตาให้กับฟู่หลินหลินอีกด้วย“ห้ามร้องไห้เด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวลูกของเจ้าออกมาจะนั่งหงิกหน้างอ”“เจ้าค่ะ” บรรยากาศในจวนแห่งนี้เปลี่ยนไปในทันที ความสุขอบอวลไปทั่ว สีหน้าของทุกคนแช่มชื่น ที่ได้ข่าวการมาเยือนของหลานตัวน้อยที่อยู่ในท้องของภรรยาท่านแม่ทัพ“ท่านแม่อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านพี่นะเจ้าคะ”“ทำไมรึ”“ถ้ากลัวว่าท่านพี่จะเป็นห่วงเป็นใย”“ถูกของเจ้า จะให้มาพะวงเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่แม่จะต้องไปบอกท่านพ่อก่อน เขาจะต้องดีใจมาก”“แล้วแต่ท่านแม่”“ได้หรือยังน่ะของกินร้อน ๆ” รั่วฮูหยินหันไปถาม เพราะดูเหมือนจะนานไปแล้ว“มาแล้วเจ้าค่ะ ซุปไก่ร้อน ๆ ใส่สมุนไพรบำรุงด้วยเจ้าค่ะ”“เจ้าเอายาไปต้มให้กับฮูหยินน้อยด้วยหรือยัง” ท่านหันไปถามเจียงอ่าว“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสร็จแล้วคนในครัวจะยกมาให้”“ถ้าอย่างนั้นเจ้ากินน้ำ
“อร่อย! เจียงอ่าวเจ้าว่าอร่อยหรือไม่” ฟู่หลินหลินหันไปถามเจียงอ่าว ที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ยังไม่ทันได้กลืน ก็ตอบด้วยเสียงอู้อี้กลับมาว่า“อร่อยเจ้าค่ะ”ฟู่หลินหลินจึงได้ซื้อขนมถั่วตัดนี้มาห้าถุง หนึ่งถุงสำหรับส่งให้แม่ทัพรั่ว หนึ่งถุงสำหรับนางกับเจียงอ่าว อีกหนึ่งถุงให้ท่านแม่ และอีกสองถุงไว้ให้บ่าวไพร่ในเรือนแบ่งกันกิน พอกลับถึงจวน ฟู่หลินหลินก็ให้ทุกคนมาช่วยกันจัดสิ่งของที่ซื้อมาใส่จวน จวนแม่ทัพรั่วตอนนี้ได้สลัดกลิ่นอายของความเก่าทึมทึบออกไปแล้ว เมื่อมีเครื่องเรือนใหม่เข้ามาทำให้ดูสดใสขึ้นอักโขแต่ว่าฟู่หลินหลินก็ไม่ได้สั่งให้คนยกเครื่องเรือนเก่าออกไปเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับแม่สามี จึงทำเพียงแต่เติมของใหม่เข้าไปเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงที่ห้องนอนของนางแล้ว รั่วฮูหยินก็สั่งให้คนมาตามนางไปหา ฟู่หลินหลินจึงขัดไม่ได้ แม้จะแสนเพลีย แต่ก็ต้องไปหารั่วฮูหยินที่จวนของท่านทว่าเมื่อไปถึงแล้ว ไม่ได้มีแต่รั่วฮูหยินเพียงคนเดียว ยังมีแม่นางจ้าวนั่งอยู่ข้างกา
กองทัพออกเดินทางกันมาได้หลายวันแล้ว ตลอดระยะเวลาสองวันนี้ ทุกคนแทบจะไม่ได้พักเลย เนื่องจากจะต้องไปให้ถึงเมืองซุยโจว ก่อนที่ทัพของข้าศึกจะมาประชิดเมือง จะหยุดพักกันก็แค่ในตอนรับประทานอาหารเช้ากับเย็นเท่านั้นการนอนพักผ่อนก็จะพักให้หายเหนื่อยเพียงแค่สองถึงสามชั่วยาม นอกจากกายจะไม่ได้พักแล้ว ใจก็ไม่ได้พักเช่นกันตั้งแต่แม่ทัพรั่วออกมาจากจวน เขาก็เฝ้าคิดถึงแต่ฟู่หลินหลินภรรยาของตนพอ ๆ กับคิดถึงเรื่องสงครามที่อยู่ข้างหน้า การศึกครั้งนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะทำให้รวบรัดและทำการศึกให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อจะได้กลับไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาพวกเขาพักค้างแรมกันที่ชายป่าก่อนถึงเมืองซุยโจว จากตรงนี้ไปใช้เวลาเดินเท้าอีกแค่ไม่เกินสองวัน ก็จะถึงเขตเมืองซุยโจวดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงสั่งให้ทหารตั้งกระโจมพักผ่อนกันแบบยาว ๆ สักหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บแรงเอาไว้ต้านศึก“พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันตรงนี้เถิด” แม่ทัพรั่วสั่ง“เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้ว พักผ่อนกันให้เต็มที่ พวกเจ้าจะต้องนอนเอาแรง” เขาหันหน้าไปทางหวังหว่าน
เขากลับบ้านมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่เตรียมเอาเฉพาะของที่จำเป็นไปด้วยฟู่หลินหลินรอเขาอยู่ที่ห้อง เมื่อเห็นเขากลับมาในช่วงกลางวันก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วเวลาที่เขาเข้าวังไปประชุมข้อราชการ กว่าจะกลับมาก็ค่ำมืดทุกครั้ง“ท่านพี่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ” ฟู่หลินหลินถาม“ข้าต้องไปออกรบ และต้องไปเดี๋ยวนี้” แม่ทัพรั่วตอบ“เหตุใดจึงได้กะทันหันเช่นนี้เล่า” ฟู่หลินหลินเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าของนางมีแต่ความกังวลใจ ใครอยากให้สามีของตนไปผจญกับคมดาบและศึกสงคราม แต่นี่คือหน้าที่“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย เจ้าช่วยไปเก็บเสื้อผ้าของข้าให้หน่อย แล้วก็สิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย ข้าต้องรีบเปลี่ยนชุด” แม่ทัพรั่วกล่าวในขณะที่แม่ทัพรั่วกำลังถอดชุดเข้าเฝ้าออก แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบทหารนั้น ฟู่หลินหลินก็เรียกเจียงอ่าว และคนรับใช้อื่น ๆ ให้ทยอยเก็บข้าวของให้เขาเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ฟู่หลินหลินก็เรียกให้บ่าวไพร่มาขนหีบไปขึ้นรถม้า แม่ทัพรั่วแต่งตัวเสร็จ เขากำลังจะเดินออกไป เขาหันไปพ
“ทำไมท่านพูดอย่างนี้ ท่านไม่ไว้ใจข้าเหรอ ข้ามิได้…” ฟู่หลินหลินพูดไม่ทันจบ เขาก็กระโจนเข้าใส่แล้ว กิริยาอาการที่เถื่อนดิบท่านแม่ทัพจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกมาจนหมด จนฟู่หลินหลินเปลือยกายล่อนจ้อน แม้นางจะขัดขืนเพราะไม่ชอบความกักขฬะของสามีในตอนนี้แต่ด้วยไฟอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจที่เห็นภรรยาของตนอยู่กับชายอื่น ใบหน้าน้อย ๆ ของนางถูกท่านแม่ทัพจับเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ เขาก็ประทับจูบลงมาอย่างบดขยี้ จนฟู่หลินหลินเจ็บริมฝีปากไปหมด“อื้อ… ไม่นะเจ้าคะท่านพี่ ท่านอย่ารุนแรงกับข้า”แต่เพราะว่าสุราที่ร่ำในงานนั้นมีสมุนไพรบางอย่างที่คลับเคลื่อนอารมณ์กายกำหนัดของชายชาตรีให้ปะทุขึ้นท่อนบุรุษของท่านแม่ทัพแข็งขืนขึ้นมาจนตึง เขาเจ็บแกนกายของตัวเองอย่างมาก สิ่งเดียวที่ปรารถนาในตอนนี้ ก็คือการผนึกแน่นเป็นร่างเดียวกับฟู่หลินหลินเขาจับขาของภรรยาพร้อมกับดึงมาให้สะโพกมนอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับจรดแกนแกร่งเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของฟู่หลินหลิน เขากดแรงจนท่อนลำกระทุ้งฝังเข้าไปในร่องสาวอย่างรวดเร็วนางไ
“ที่นี่ไม่เหมาะที่อิสตรีจะมาเดินเที่ยวคนเดียว” เขาเอ่ยเหมือนตำหนิ“ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ คือข้าน้อยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”“เจ้ามิได้อยู่ในวังนี้ดอกหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมากับสามีของข้า”“หื้อ สามีของเจ้าหรือ คือผู้ใด”“ท่านแม่ทัพรั่ว”“อ้อ ท่านรั่วเฉิน”“ท่านรู้จักสามีของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”“ไม่เพียงแต่รู้จักเขา เจ้าก็คือเชลย”คำว่าเชลยสะกิดใจนัก แต่ฟู่หลินหลินก็ยังฝืนยิ้ม“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่ทัพรั่วแล้ว คำว่าเชลย มักใช้กับผู้ที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น”“จริงดังเจ้าว่า อ่า… ขอโทษนะ ถ้าหากข้าพูดอะไรทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ”“หามิได้เจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินรู้แล้วว่าไม่ควรจะอยู่ที่แห่งนี้นานมากไป จึงได้เอ่ย“ข้าขอตัวก่อน” นางกำลังจะหันหลัง ไม่อยากจะคุยกับบัณฑิตท่านนี้ต่อแล้ว ไม่พอใจนิด ๆ ที่เขาดูถูกตนเอง&ldqu
ประโยคนี้ทำให้จ้าวอวี้เจินผงะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฟู่หลินหลินนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำกับนาง จนตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคิดคำพูดใดมาตอบโต้ดี“ถ้าแม่นางจ้าวไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ข้าก็ขอตัว แต่อยากจะเตือนอย่างหนึ่ง แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่อะไรที่ทำแล้วเสื่อมเกียรติ หรือด้อยคุณค่าในตัวเองข้าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด“อีกอย่างถ้าสิ่งที่คิดทำไม่ได้สมดั่งมุ่งหวัง ความผิดหวังจักมากตามมา” เหมือนทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ให้กับจ้าวอวี้เจิน“ข้าก็ขอตัว” ฟู่หลินหลินไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง นางก้มโน้มศีรษะ พร้อมกับเดินจากมาฟู่หลินหลินพูดไปทั้งที่ก็หวั่น ๆ แต่ถ้าเป็นตัวของนางเอง หากว่ามีคนมาตอกย้ำและเตือนแบบนี้ จะล่าถอยทันที แม้จะรู้สึกเสียหน้าบ้างก็ตามเถอะสำหรับฟู่หลินหลินแล้ว หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของสามีของตน ก็ไม่ต้องมีสามีจะดีกว่า แม่นางจ้าวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง นางจะหาคนที่คู่ควรกับนางได้เอง หากเปิดใจยอมรับเขาผู้นั้น และเวลาอย่างนี้ แม่นางจ้าวก็สมควรจะล่าถอยไปได้แล้วผู้ที่ถูกตอกหน้าถึงกับเจ็บแค้น กำหมัดในมือแน่น