ตอนที่ 10
“นิดก็บอกไปตรงๆ เลยว่าคุณสิริมีคนอื่น พี่ว่าคุณหญิงคงเข้าใจ” กมลวรรณเอ่ยแนะนำ
“นิดก็ภาวนาขอให้คุณหญิงเข้าใจเหมือนกันพี่มล”
“งั้นพี่จะช่วยภาวนาอีกคนนะ แต่ถ้านิดถอนหมั้นกับ คุณสิริจริงๆ นิดไม่เสียใจเหรอ”
“นิดไม่เสียใจเลยพี่มล”
“นิดนี่ก็พูดแปลกๆ พูดเหมือนตัวนิดไม่ได้รักคุณสิริ”
“นิด...”
“อย่าบอกนะว่านิดไม่ได้รักคุณสิริ” เห็นทีทางอ้ำๆ อึ้งๆ แล้วกมลวรรณก็พูดขึ้นเสียงดัง
“พี่มล เบาๆ ค่ะ”
“โทษที พี่ลืมตัวไป ว่าแต่นิดไม่ได้รักคุณสิริจริงเหรอ”
นิธาราพยักหน้าแทนการพูดตอบ ทำเอากมลวรรณถึงกับถอนใจ แล้วก็คิดไม่ตกกับเรื่องนี้ ถ้าหากทางคุณหญิงไม่ยอมให้ยกเลิกงานหมั้น
“พี่มล ตอนเที่ยงเราไปหาทานด้วยกันนะ” นิธาราเปลี่ยนเรื่อง เพราะยิ่งพูดเธอก็ยิ่งเครียด
“จะเที่ยงแล้วเหรอ”
“ยังหรอกพี่มล นิดแค่ชวนไว้ก่อน”
“งั้นเที่ยงแล้วเจอกัน ส่วนตอนนี้พี่ขอไปทำงานนะ มาเม้าท์ซะนาน ป่านนี้คุณสิริไม่บ่นพี่ยืดยาวแล้วเหรอเนี่ย แล้วแม่เด็กพิณแก้วนั่นก็ไม่รู้จะทำงานแทนได้หรือเปล่า”
“เดินดีๆ นะพี่มล”
“ขอบใจที่ห่วงจ๊ะ งั้นพี่ไปนะ” กมลวรรณบอกกล่าวแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เป็นจังหวะเดียวกับที่พิณแก้วก็ออกจากห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม
“พิณแก้ว”
“มีอะไรคะพี่มล” ผู้ช่วยเลขาสาวที่เพิ่งผ่านมรสุมรักกับเจ้านายหนุ่มมาสดๆ ร้อนๆ ขานรับด้วยท่าทางตกอกตกใจ ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับกมลวรรณ แล้วดูเสื้อผ้าก็ยับ ปากก็แดงช้ำ
“นี่เธอเพิ่งจะออกมาจากห้องคุณสิริเหรอ”
“ค่ะพี่มล”
“ตั้งแต่ตอนที่พี่ไปห้องน้ำน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะพี่มล พิณเพิ่งเอากาแฟไปให้คุณสิริ”
“งั้นเหรอ”
“ค่ะพี่มล”
“งั้นก็มาทำงานต่อเถอะ แล้วตอนเที่ยงไปกินข้าวกลางวันกับพี่ไหม พี่นัดกับนิดไว้แล้ว”
“พิณทำอาหารคลีนมาทานเองค่ะพี่มล ต้องขอโทษด้วยนะคะที่พิณไปด้วยไม่ได้”
กมลวรรณพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าไปนั่งทำงานจนเที่ยงก็หยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินไปหานิธารา และเมื่อกมลวรรณไปไม่กี่นาที สิริก็เปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครก็เข้าสวมกอดผู้ช่วยเลขาจากด้านหลัง ก่อนจะกดปากจูบไซ้ทั่วซอกคอ
“อย่าค่ะคุณสิริ เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะคะ” พิณแก้วร้องห้ามด้วยใบหน้าแดงก่ำ เอียงศีรษะออกเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้เจ้านายหนุ่มซุกไซ้ได้เต็มที่
“หอมมาก” สิริพึมพำชิดซอกคอพร้อมกับกดปากจูบจนเกิดรอยแรง
“คุณสิริ พอก่อนค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” เมื่อถูกจูบหนักขึ้นหญิงสาวก็ร้องห้ามอีกครั้ง
“ถ้าไม่อยากให้ใครเห็นก็ตามผมเข้าไปในห้อง ผมจะชวนคุณไปทานกลางวัน” สิริกระซิบบอกสียงแหบพร่า ด้านผู้ช่วยเลขาสาวก็ค้อนขวับเข้าให้ แต่ก็ยอมให้เจ้านายหนุ่มพากลับเข้าไปในห้อง เพราะเวลานี้ไม่มีใครขึ้นมารบกวนแน่นอน กระทั่งเข้าไปในห้องได้แล้วเพลิงสวาทก็ลุกโชนทั่วห้อง
********
ช่วงค่ำของวัน
“จอดตรงนี้แหละค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอกวินมอเตอร์ไซด์ทันทีเมื่อมาถึงที่หมาย และหลังจากจ่ายค่าเดินทางเรียบร้อยเธอก็เดินเข้าไปซื้อข้าวของในมินิมาร์ท ก่อนจะหอบหิ้วของในมือสองสามถุงเดินเข้าซอยเพื่อไปยังคอนโด โดยไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้มีรถตู้สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาใกล้ๆ
“อื้อ!” ร้องออกมาได้เท่านั้นก็ถูกจับขึ้นรถ เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง
“ถ้าไม่อยากตาย ก็อยู่เฉยๆ” เจ้าของมือลึกลับที่ตะปบปิดปากเหยื่อสาวเอ่ยเสียงเหี้ยมยิ่งทำให้คนโชคร้ายหวาดกลัวหนักขึ้นพร้อมกับดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีบางสิ่งจ่อที่ขมับ
“อยากตายนักใช่ไหม” เอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม แววตาดุกร้าวไม่ต่างจากเสือร้าย
“พะ..พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” คนโชคร้ายถามกลับเสียงตะกุกตะกัก พยายามนึกว่าตัวเองไปทำอะไรให้ใครไว้หรือไม่ ถึงได้ถูกจับตัวมา
“หุบปาก!” เจ้าของปลายกระบอกปืนตะคอกกลับ เหยื่อสาวจึงทำได้เพียงแค่อยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งของพวกมัน กระทั่งรถตู้คันดังกล่าววิ่งมาตามถนนในซอยเปลี่ยวทำให้คนถูกจับขึ้นรถหวาดกลัวไปสารพัด
‘หรือจะเป็นคนของพิณแก้ว’ นิธาราที่กำลังครุ่นคิดถึงสาเหตุ เพราะตอนนี้เธอน่าจะมีศัตรูอยู่คนเดียวก็คือพิณแก้ว ที่กำลังลักลอบคบหากับพี่สิริ
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นฉุดรั้งให้คนกำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองพวกมันที่ยื่นโทรศัพท์มาให้
“ฉันต้องรับเหรอ”
“รับไป!” สิ้นเสียงตวาดสั่ง นิธาราก็ยื่นมือสั่นๆ ของตัวเองออกไปรับโทรศัพท์ ที่แค่ได้ยินเสียงคนในสายก็ตกใจ
“คุณ คุณเซียล่า” นิธาราขานเรียกด้วยเสียงแหบแห้ง
“ยังดีที่หล่อนจำเสียงของฉันได้”
“คุณต้องการอะไร” หญิงสาวถามกลับเสียงสั่นๆ พลางมองท่าทีของผู้ชายหน้าเหี้ยมในรถอย่างหวาดระแวง
“ฉันโทรมาเตือนหล่อน”
“เตือนเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องคนรอบข้างของหล่อนไง”
“คุณเซียล่า คุณจะทำอะไรพวกเขา”
“ฉันทำแน่ๆ ถ้าหล่อนกลับไปยุ่งกับหลานชายของฉันอีก!”
“นิดไม่คิดจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับหลานชายของคุณอีกแล้วค่ะ” นิธาราตอบกลับเสียงแข็ง เพราะเธอไม่เคยลืมว่าเขาสร้างบาดแผลอะไรไว้กับเธอบ้าง
ตอนอวสาน สามทุ่มตามเวลานัดหมาย คลินท์ก็เดินทางมาถึงตึกร้างตามเวลานัด จากนั้นเขาก็เดินถือกระเป๋าเงินเข้าไปในด้านใน เดินไปได้สักพักก็มีคนออกมารับพร้อมอาวุธในมือ “เงินอยู่ไหน!” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยถามพร้อมกับมองไปที่กระเป๋า “นี่ไง” คลินท์โยนกระเป๋าเงินให้สองคนร้าย แล้วมองหาผู้เป็นย่าด้วยความเป็นห่วง ส่วนคนร้ายก็เปิดกระเป๋าดูเงิน เห็นแล้วพากันตาโต ไม่คิดว่าจะหาเงินได้ง่ายขนาดนี้ “ครบหรือเปล่าว่ะ” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยถาม “ถ้าพวกแกกลัวฉันให้ไม่ครบ ก็นับดู แต่ปล่อยคุณย่าของฉันมาก่อน” คลิน
ก่อนอวสาน ช่วงเย็นของวันคลินท์เดินทางมาถึงบ้านของคุณหญิงฤทัยรัตน์และขอเข้าพบเจ้าของบ้าน ที่ตอนนี้คนในบ้านกำลังนั่งเล่นอยู่กับหนุ่มน้อยช่างพูด นิธาราเองก็มองลูกชายอย่างรักใคร่ แต่ดูเหมือนความสุขจะหยุดชะงัก เมื่อสาวใช้เข้ามาแจ้งว่ามีผู้ชายชื่อ คลินท์ อธิวัตน์ คาร์เตอร์ มาขอพบคุณหญิงฤทัยรัตน์ “ไปเรียกเข้ามาเลย” จบคำเจ้าของบ้าน คลินท์ก็เดินเข้ามาและทันทีที่น้องฟลินท์เห็นพ่อก็วางของเล่นแล้ววิ่งเข้าไปหา สองพ่อลูกกอดหอมกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คลินท์จะปล่อย หนุ่มน้อยลงแล้วเข้าไปทักทายเจ้าของบ้าน ที่นั่งอยู่กับแม่สาย “นี่แม่สาย แม่ของยัยนิด” คุณหญิงฤทัยรัตน์เอ่ยแนะนำ
ตอนที่ 51บ้านคุณหญิงฤทัยรัตน์ที่ห้องรับแขกเวลานี้เจ้าของบ้านและแม่บ้านคนสนิทกำลังพากันมองหนุ่มน้อยที่มากับนิธาราเป็นตาเดียว แล้วก็สงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน “นิด มีอะไรก็บอกคุณหญิงไปสิ จะมัวนั่งเงียบอยู่ทำไม แล้วเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน เราไปเก็บมาได้หรือไง” คนเป็นแม่สะกิดบอกลูกสาวเสียงเครียด ใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ใจกำลังคิดเลย นิธารามองหน้าลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกมือลูกศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ ก่อนจะหันมาก้มลงกราบขอโทษมารดาและคุณหญิงฤทัยรัตน์ ที่ท่านเมตตาส่งเสียเงินทองให้เธอไปเรียนแต่เธอกลับทำให้ท่านผิดหวัง แล้วยังปิดบังเรื่องนี้มาหลายปี “ยัยนิด เป็นอะไรนะเรา จู่ๆ ก็มากราบแม่กับคุณหญิง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวเสียงสั่น
ตอนที่ 50 วันต่อมานิธาราขับรถไปยังบ้านของราชันแต่เช้าตรู่ หลังจากเมื่อคืนอีกคนกลับเข้ามาบอกว่าต้องอยู่เฝ้าผู้เป็นย่า เพราะท่านไม่ค่อยสบาย ที่เธอก็อยากจะเข้าไปเยี่ยมเหมือนกัน แต่กลัวไปแล้วจะยิ่งทำให้ท่านเครียด เธอจึงตัดสินใจไม่ไปและเช้ามืดวันนี้เธอก็ตั้งใจจะพาลูกชายไปกราบขอโทษผู้มีพระคุณและมารดา หลังจากเธอปิดบังเรื่องมีครอบครัวเอาไว้ เกือบสี่ปี ที่เธอเก็บเงียบ ไม่ยอมบอกใครแม้กระทั่งเพื่อน ที่วันนี้เธอตัดสินใจมาที่ร้านของเพื่อนก่อนไปบ้านผู้มีพระคุณ“นิด! ไปอุ้มลูกใครมาเนี่ย” ศุภิสราที่ไม่ได้เจอหน้าเพื่อนนานเอ่ยทัก และดีใจมากๆ ที่เพื่อนโทรมาหาว่าจะมาหาที่ร้าน แต่เมื่อเห็นหน้าเพื่อนแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนรักมาพร้อมเด็กฝรั่ง หน้าตาน่ารัก“เข้าไปคุยในร้านนะ แล้วในร้านมีคนเยอะหรือเปล่า”“ไม่มีเลย”“งั้นเข้าไปในร้านก่อนนะแล
ตอนที่ 49 “แล้วผู้หญิงคนนั้นก็จะมาอยู่กับตาคลินท์หลานของย่า” คนอยากชังหน้าเมียของหลานชายพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็พอให้แซนด้าได้ยิน “เอ่อ...” แซนด้าถึงกับพูดไม่ออก เพราะรู้ดีว่าผู้อาวุโสไม่ชอบเมียของหลานชายจนถึงกับเอาชีวิตเด็กตัวเล็กๆ มาข่มขู่ จนอีกฝ่ายต้องเผ่นกลับประเทศ “หนูไม่ต้องพูดหรอก เพราะถ้าย่ายังอยู่ ย่าไม่มีวันให้ตาคลินท์ได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้น” “โธ่...คุณย่า” “นี่ก็ดึกแล้ว ย่าว่าหนูไปพักผ่อนเถอะ” 
ตอนที่ 48นิธาราเดินกลับห้องพักไปอย่างคนใจลอย หลังจากมาถึงบ้านพักแล้วเธอกับคุณคลินท์ก็พากันไปเดินเล่นรับลมสักครู่ก็พากันกลับเข้าบ้าน แล้วก็เจอกับแซนด้าที่เข้ามาขอคุยธุระกับคุณคลินท์แบบส่วนตัว เธอเลยเดินกลับห้องพักตามลำพัง แต่ขณะที่กำลังจะถึงห้องพักท่อนแขนก็ถูกกระชากอย่างแรง“นิด!”“พี่สิริ!”“ใช่! พี่เอง”“พี่...พี่มีธุระอะไรกับนิดเหรอคะ” ถามไปก็พยายามปลดมือของอีกคนไปด้วย“เธอแอบมีลูกมีผัวอยู่แล้วทำไมต้องปิดบังพี่”“พี่สิริ!”“ตกใจมากหรือไงที่พี่รู้ความจริง”“นิด...นิดขอโทษค่ะ”“คิดว่าขอโทษแล้วจะจบง่ายๆ หรือไง” สิริบีบแขนเล็กจนเจ้าของแขนหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ“พี่สิริ นิดเจ็บ” นิธาราพยายามดึงแขนออกจากมือของคู่หมั้นหนุ่ม“แล้วทีเธอหลอกพี่ล่ะ แล้วไหนจะทำเป็นเล่นตัวกับ พี่อีก สะใจเธอมากใ