Home / โรแมนติก / รักกล้วยกล้วย / ตอนที่ 8  ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น

Share

ตอนที่ 8  ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น

Author: Sitha
last update Last Updated: 2025-09-20 15:32:45

กัทลีย้ายของเข้าบ้านใหม่ซึ่งเป็นบ้านเช่าขนาดห้าสิบห้าตารางวา  เป็นบ้านแฝดชั้นเดียวสองห้องนอน  หนึ่งห้องโถง สองห้องน้ำ  มีห้องครัวแยกเป็นสัดส่วนและพื้นที่ซักล้างหลังบ้าน  นอกจากนั้นยังมีส่วนพื้นดินให้ทำสวนครัวและสวนหย่อมเล็กๆ ได้อีกพอสมควร

เธอมองบ้านที่ทำสัญญาเช่าไว้แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างพอใจ  มันเป็นบ้านสร้างใหม่ที่เจ้าของซื้อไว้และไม่มีโครงการมาอยู่จึงปล่อยเช่าไปก่อน 

“แม่ว่าหนูซื้อบ้านเลยดีไหมกล้วย  จะได้ไม่ต้องกังวลค่าเช่าเดี๋ยวแม่เอาเงินในส่วนของเจ้าหินมาซื้อให้”  แม่ย่าเคยออกปากจะซื้อบ้านให้ในวันก่อนที่นางมาเป็นเพื่อนเธอในตอนดูบ้าน

“อย่าเพิ่งเลยค่ะแม่  หนูอยากรอดูงานให้เข้าที่เข้าทางก่อนดีกว่า  อีกอย่างหนูไม่อยากได้เงินส่วนของหินด้วยค่ะ  เกรงว่าถ้าเขารู้ทีหลังจะไม่พอใจ” 

“ก็ลองให้มันไม่พอใจดูสิ  จริงๆ มันก็ยังเป็นเงินของแม่อยู่  แค่เคยคิดจะยกให้มันเฉยๆ  แต่มันเองไม่สนใจตรงนี้ก็ช่วยไม่ได้” 

นางพูดถึงบรรดากิจการต่างๆ ที่นางลงทุนไว้ให้ผลิดอกออกผล  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะพาร์ตเมนต์  บ้านเช่า  ตลาดสดแม้แต่ที่จอดรถก็มีและเหตุผลที่ย่าจันทร์‍หอมเห็นด้วยกับการที่กัทลีหาบ้านเช่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับนาง  ก็เพราะเกรงว่าลูกชายอาจจะมาก่อกวนอดีตสะใภ้ในสักวันโดยอ้างมาดูแลกิจการของแม่  นับว่านางรอบคอบหรือจะเรียกว่ารู้ทันลูกตัวเองก็คงใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง

“บ้านสวยจังค่ะแม่  หนูชอบมากเลย”  น้องบัววิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้อย่างตื่นเต้น  บ้านในเมืองมีความต่างกับบ้านหลังเล็กที่เธออยู่กับมารดาอย่างสิ้นเชิง

“งั้นเดี๋ยวหนูกลับไปอยู่บ้านปู่  แล้ววันศุกร์แม่จะรีบไปรับมาบ้านนี้นะคะลูก” 

“ได้เลยค่ะแม่” 

บ่ายแก่กัทลีขับรถไปส่งลูกที่บ้านปู่ย่า  จากนั้นเธอจึงกลับมาจัดของที่บ้านใหม่  ส่วนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าอบผ้า  กลุ่มเพื่อนก็ช่วยต่อสายไฟก๊อกน้ำให้เรียบร้อยพร้อมใช้แล้ว  หญิงสาวจึงไม่ลำบากมากนักในการเริ่มต้นกับที่อยู่ใหม่และที่ทำงานใหม่    

ส่วนบ้านหลังเดิมที่เธอเคยอยู่กับลูกเป็นบ้านที่พ่อแม่สามียกให้เธอ  เพราะตั้งใจให้หลานสาวอยู่ซึ่งกัทลีก็ตั้งใจว่าจะกลับไปดูแลเป็นครั้งคราว

เธอจัดของเข้าที่กว่าจะเรียบร้อยก็ค่ำแล้ว  หญิงสาวทำกับข้าวให้ตัวเองง่ายๆ ยังไม่ทันได้ลงมือรับประทานก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรหาลูก  พอดีกับที่มีเสียงสายเรียกเข้าจากน้องบัวพอดีเธอจึงกดรับ

“แม่ว่าจะโทรหาหนูอยู่พอดีเลยค่ะลูก  เป็นไงบ้างคะ” 

“หนูคิดถึงแม่จังค่ะ”  เสียงเล็กๆ ตอบกลับมาทำให้กัทลีน้ำตารื้น  ตั้งแต่น้องบัวเกิดมาเธอแทบไม่เคยแยกห่างจากลูกยกเว้นการไปเรียนหรือทำงานในช่วงกลางวันเลย

“แม่ก็คิดถึงลูกค่ะ  เดี๋ยวพอถึงวันศุกร์แม่จะรีบไปรับหนูเลยนะคะ  แต่เย็นนี้กินข้าวกับอะไรลูก”  เธอเปลี่ยนเรื่องไม่ให้บรรยากาศเศร้าเกินไป

“กินหมูทอดกับผัดผักค่ะ  แม่กินข้าวหรือยังคะ” 

“กำลังจะกินค่ะ  แม่เพิ่งจัดของเสร็จ  น้องบัวอย่านอนดึกนะลูก  อย่าดื้อกับคุณปู่คุณย่าเข้าใจไหมลูก”  หญิงสาวย้ำจนคนอีกฝั่งหัวเราะ  ย่าจันทร์‍หอมเองก็นั่งอยู่ด้วยตอนหลานสาววิดีโอคอลหามารดา

“ยายหนูไม่ดื้อเลยลูก  น้องบัวน่ารักว่านอนสอนง่ายจะตายเนอะ

หลานย่า” 

“จริงค่ะคุณย่า”  เด็กหญิงรับคำพลางหัวเราะสดใส  กัทลีมองภาพสองย่าหลานแล้วยิ้ม 

“ขอบคุณนะคะแม่  หนูเกรงใจแม่มากๆ เลยค่ะ”

“อย่าคิดมาก  แล้วเราก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะกล้วย  ไม่ต้องห่วงลูก  พ่อแม่ดูแลหลานได้  พ่อยายหนูมันก็นั่งหัวโด่อยู่นี่มีอะไรเดี๋ยวแม่ใช้งานมันเอง” 

“ขอบคุณมากค่ะแม่  ฝากขอบคุณพ่อเหมด้วยนะคะ”  กัทลีฝากขอบคุณไปถึงปู่เหมแต่เธอจงใจไม่พูดถึงหิรัญที่คอยเงี่ยหูฟังไม่ห่างกันนัก

แม่ลูกลากันอีกนิดหน่อยก่อนที่น้องบัวจะกดวางสายไป  หิรัญนั่งไม่ติด  “หรือว่าจะให้ผมเข้าไปดูกล้วยในเมืองดีแม่  ไปอยู่คนเดียวแบบนั้นจะดีเหรอ” 

นางจันทร์‍หอมมองลูกชาย  “แกหยุดคิดอะไรไปไกลแล้วไปปิดบ้านพาลูกเข้านอนได้แล้ว” 

หิรัญมองนาฬิกา  “มันเพิ่งสองทุ่มเองนะแม่  น้องบัวง่วงแล้วเหรอคะลูก”  ท้ายประโยคเขาหันไปถามเด็กหญิง

“ค่ะ  หนูง่วงแล้ว” 

“งั้นไปนอนกัน พ่อพาไปลูก”

“หนูต้องฟังนิทานก่อนนอน  คืนนี้หนูอยากฟังเรื่องเจ้าหญิงบนหอคอย” 

หิรัญคิดตาม  “เจ้าหญิงบนหอคอย  อ๋อ... สโนไวท์ใช่ไหมคะ” 

เด็กหญิงทำหน้าไม่ได้ดังใจ  “เจ้าหญิงราพันเซลต่างหากค่ะ”  เธอเดินเร็วๆ ไปเปิดกล่องสีชมพูใบหนึ่ง  ทำท่าค้นหาอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชูหนังสือภาพของเด็กขึ้นมา

“นี่ไงคะ  พ่อเล่าให้หนูฟังที”  

หิรัญปาดเหงื่อ  เลี้ยงลูกวันแรกเริ่มจากการเล่านิทานก่อนนอน  เอาวะ...  เล่าก็เล่า

“ได้เลยค่ะน้องบัว ขอพ่อดูแป๊บนะคะ  หนูไปรอในห้องได้เลยเดี๋ยวพ่อตามไปขอเวลาครึ่งนาที” 

การเล่านิทานผ่านไปไม่เท่าไหร่  เด็กหญิงก็เบ้หน้า  “ไม่ใช่อย่างนี้ค่ะ  แบบนี้เรียกว่าอ่านให้หนูฟังไม่ใช่การเล่าสักหน่อย” 

หิรัญยิ้มจืดๆ  “เอาน่าลูก  พ่อเพิ่งหัดเล่าเดี๋ยววันต่อๆ ไปต้องสนุกกว่านี้นะคะ” 

“หนูไม่ฟังแล้ว  หนูง่วง” 

“ก็นั่นล่ะ  นิทานก่อนนอนก็ต้องฟังแล้วง่วงถูกต้องแล้วไงคะ  ถ้าฟังแล้วตื่นเต้น  อะดรีนาลีนหลั่งจนอยากไปวิ่งมันจะเป็นนิทานก่อนนอนได้ยังไง”  หิรัญตอบลูก‍สาวทำเอาย่าหอมที่แอบดูอยู่ถึงกับส่ายหน้าไปมา  ก่อนที่นางจะผละไปหาปู่เหมที่อ่านหนังสืออยู่

“เป็นไงบ้าง  ไอ้หินมันเล่านิทานได้ไหม”

“ได้เล่าค่ะ  แต่ไม่น่าจะผ่านน้องบัวบอกว่าพ่อพอเถอะ  หนูง่วงก็มันเล่นไปอ่านให้ลูกฟัง  น้ำเสียงราบเรียบเสมอกันหมดเหมือนท่องอาขยาน”  ย่าจันทร์เล่าอย่างเอือมระอาลูกชายตัวเอง  ส่วนปู่เหมหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยิน

“เอาน่าแม่จันทร์‍หอม  ลูกเรามันก็ตั้งใจปรับปรุงตัวอยู่นะ  รอดูมันไปก่อน”  จากนั้นท่านเปลี่ยนเป็นพูดจริงจัง

“แล้วเรื่องงานมันจะเอายังไง  จะให้มันลอยชายไปมาเก็บค่าเช่าแผงไปวันๆ เหรอแม่” 

“จะทำแค่นั้นแล้วมันจะเอาอะไรไปพอเลี้ยงลูกละพ่อ  เรื่องงานก็เหมือนกันเดี๋ยวฉันจะดัดสันดานมันใหม่  ทำแค่ไหนได้แค่นั้นจะมาลอยชายไปมาไปวันๆ ไม่ได้แล้ว  ลูกโตขึ้นทุกวันไอ้หินมันจะเอาอะไรไปสอนลูกล่ะ” 

นายเหมพยักหน้าเห็นด้วยกับเมีย  “พ่อก็ว่างั้น  งั้นเราเริ่มจากตัดเงินเดือนมันเดือนนี้ก่อนเลยแล้วกัน” 

วันต่อมาหิรัญไปส่งลูกที่โรงเรียน  เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อแวะเติมน้ำมันแล้วปั๊มบอกว่า  “ตัดบัตรไม่ได้อะพี่  เงินไม่พอ” 

“อะไรนะ  เอ็งทำไม่ถูกหรือเปล่า  เสียบผิดด้านอะไรไหม”  หยามกันมากไปแล้ว  ระดับลูกพี่หินลูกชายพ่อเหมแม่จันทร์  มีหรือที่เงินในบัญชีไม่พอจ่ายค่าน้ำมัน

“จริงๆ พี่  ผมลองหลายครั้งแล้ว  พี่จ่ายทางอื่นได้ไหม” 

“เออๆ  สแกนได้ไหม”  หิรัญเปิดแอปธนาคารบัญชีส่วนตัวอีกบัญชีที่ตอนนี้เงินทองก็ร่อยหรอไปมาก   ชายหนุ่มจัดการสแกนเงินจ่ายค่าน้ำมันรถก่อนจะรีบกลับบ้านไปถามเรื่องนี้กับแม่

“อะไรนะแม่  ตัดเงินเดือนผม”  ชายหนุ่มตะโกนเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาบอก

“ใช่  แม่จะเปลี่ยนเป็นจ่ายแกตามเนื้องาน  ทำเท่าไหร่เอาเงินไปเท่านั้น  ถ้าไม่พอใช้ก็ทำงานเพิ่ม” 

“ละตามเนื้องานที่แม่ว่า  ถ้าผมไปเก็บค่าแผงให้แม่ทุกวันแม่จะให้ผมเท่าไหร่” 

แทนคำตอบธนบัตรสีม่วงหนึ่งใบถูกวางลงบนโต๊ะ  “สำหรับลูกแม่จะให้มากกว่าคนอื่นๆ นะ  วันละห้าร้อยรวมค่าน้ำมันด้วยจ้ะ” 

“แม่...  แล้วผมจะเอาไหนเลี้ยงลูก  น้องบัวเข้าร้านสะดวกซื้อทีเดียวก็หมดแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 3: ทายาทแห่งฟาร์มบัวชมพู

    วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์แปรรูปล็อตแรกของ ฟาร์มบัวชมพู ตรงกับช่วงปลายฤดูร้อนของปีที่น้องบัวเรียนจบมหาวิทยาลัยหลังจากใช้เวลากว่าสี่ปีในคณะวิทยาศาสตร์การเกษตร จากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเกษตรกรรมแบบยั่งยืนบัวชมพูกลับมาบ้านด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม และมุ่งมั่นจะต่อยอดฟาร์มของครอบครัว ไม่ใช่แค่เป็นพื้นที่ปลูกพืชเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ งานวิจัย และแหล่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมผู้บริหารรุ่นใหม่ถูกจัดขึ้นที่ลานหน้าคาเฟฟาร์ม ซึ่งถูกรีโนเวตให้มีมุมจัดแสดงสินค้าทางการเกษตรของครอบครัว โต๊ะไม้ไผ่ถูกเรียงเป็นวงล้อมสนามหญ้า มีซุ้มเม‍ล่อน น้ำผลไม้เย็น แยมผลไม้โฮมเมดจากสวน และขนมพื้นบ้านที่กัทลีเป็นคนคิดสูตรบัวชมพูในวัยยี่สิบสองปีเต็ม วันนี้จากเด็กหญิงตัวเล็กเธอกลายเป็นสาวเต็มตัว หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายปักมือกับกางเกงยีนเอวสูง ผูกผ้าโพกหัวลายดอกไม้ เธอดูมีความเรียบง่ายแต่สดใส มีสไตล์เป็นของตัวเอง มีแววของความเป็นหญิงสาววัยทำงานที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในมือของเธอมีแผ่นพับสรุปเรื่องราวของฟาร์มซึ่งเธอเขียนเองตั้งแต่หน้าแรกจนถึงภาพประกอบเสียงพิธีกรประกาศเปิดงานอย่างเป

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 2: ความรักในหัวใจพ่อ

    เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวของปีถัดมา ท้องฟ้าในตอนเช้าอากาศดูปลอดโปร่ง ที่มียังคงมีหมอกบางคลุมยอดเขาในตอนเช้าตรู่ทำให้รู้สึกสดชื่น แสงแดดอ่อนของฤดูหนาวแตะผิวแปลงสตรอว์เบอรี่ที่ปลูกอยู่ด้านหลังโรงเรือนเม‍ล่อนของฟาร์มบัวชมพูจนเกิดเป็นประกายสีเงินระยิบระยับบนใบไม้หิรัญในชุดเสื้อแขนยาวพับข้อศอกสีเขียวเข้ม เดินถือกล่องพลาสติกขนาดกลางมาหาลูก‍สาวที่นั่งแกว่งขาบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามเทศ“หัวหน้าทีมตรวจผลผลิต พร้อมยังครับ” เขาถามพลางยื่นกล่องให้เด็กหญิงบัวชมพูวัยสิบขวบ เงยหน้าจากสมุดบันทึกแล้วลุกขึ้นยืนทันที“พร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ แต่คุณพ่อพูดผิดนะคะ คุณพ่อต้องเรียกหนูอย่างเป็นทางการว่าหัวหน้าบัวค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วทำท่าเคารพแบบทหาร“รับทราบค่ะ หัวหน้าบัว” เสียงหัวเราะของทั้งสองคนลอยไปตามลมหนาว ขณะพ่อกับลูก‍สาวเดินเข้าไปในแปลงสตรอว์เบอรี่ที่กำลังให้ผล เป็นรุ่นแรกที่หิรัญขยายแปลงออกไปอย่างเต็มพื้นที่หลังจากที่เขาทดลองปลูกมาสองปี ใบของสตรอว์เบอรี่สีเขียวเข้มตัดกับผลสีขาวและแดงคละกันไป ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา“คุณพ่อดูสิคะ ลูกนี้แดงจัดเลยต้อ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 1: งานแต่งของพ่อกับแม่

    ฤดูหนาวปีนั้น ทุ่งดอกไม้หลังฟาร์มบานสะพรั่งพอดีกับวันสำคัญที่ทุกคนรอคอย“งานแต่งของพ่อจ๋ากับแม่จ๋า” คือชื่องานที่น้องบัวตั้งไว้เอง แม้จะไม่ได้จัดอย่างใหญ่โตเหมือนในละคร แต่ก็เป็นงานแต่งที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มจากคนที่ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันจริง ๆหิรัญและกัทลีเลือกจัดงานในสวนข้างโรงเรือนเม‍ล่อน ใต้ร่มไม้ที่เด็กหญิงเคยนั่งมองผีเสื้อยักษ์ในวัยเจ็ดขวบ โต๊ะเก้าอี้ไม้ถูกจัดเรียงล้อมรอบลานดินกลางสวน ตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้เป็นระยะ หลักๆ คือทานตะวัน ดอกดาวเรือง และอ่างบัววางตกแต่งปลูกบัวที่บานชูช่อพอดีในวันงาน ซึ่งทั้งปู่เหมกับหลานสาวช่วยกันปลูกไว้ตั้งแต่ต้นฤดูฝนและกะเวลาไว้พอดีเป๊ะเพื่อนของหิรัญมาหลายคน ทั้งเพื่อนมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมงานสมัยก่อน บางคนมองไม่เชื่อว่าชายผู้เคยเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องชีวิตครอบครัว จะยืนอยู่ตรงนี้พร้อมภรรยาและลูก‍สาววัยสิบขวบได้อย่างมั่นคง “กล้วยนี่เพื่อนสนิทผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นี่บอม ธนัชส่วนนั่นไอ้ผามันชื่อจริงว่าภูผา สองคนนี้เป็นเพื่อนอยู่ห้องเดียวกัน หอเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” “สวัสดีค่ะ ยินดีที่รู้จักคุณ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่ 33 (จบ)  รักกล้วยกล้วยที่ไม่ได้แปลว่ารักง่ายง่าย

    ช่วงต้นฤดูร้อนท้องฟ้าของปีต่อมา อาจจะเป็นปีแรกที่กัทลีเห็นว่าฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสตามที่มันควรจะเป็น สายลมอบอุ่นจากทุ่งกว้างพัดเอากลิ่นหอมของดินและหญ้าโชยเข้ามาจนถึงระเบียงของบ้านแม้ว่าบ้านใหม่จะอยู่ห่างจากฟาร์มไกลกว่าบ้านน็อกดาวน์หลังเดิม แต่ความรู้สึกและกิจวัตรประจำวันของสมาชิกในบ้านยังคงไม่เปลี่ยนไป บัวชมพูนั่งระบายสีสมุดภาพเล่มใหม่บนโต๊ะกลางบ้านขณะที่หิรัญกำลังตัดแต่งต้นสตรอว์เบอรี่ที่ให้ผลแล้วในหน้าหนาวที่ผ่านมา ปีนี้เขาทดลองผลิตไหลเองโดยทำแปลงปลูกแบบยกพื้นที่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ต้นแม่สมบูรณ์พอจะผลิตไหลซึ่งส่วนมากต้นจะเริ่มมีไหลในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน และนำไปปลูกเป็นต้นใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมกัทลีมองสองพ่อลูกที่ต่างทำงานของตัวเอง จากนั้นเธอเข้าครัวไปเตรียมอาหารว่างไว้ให้ลูกและสามีโดยไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอมีมากกว่าทุกครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเสียงเรียกหาแม่ของเด็กหญิงดังขึ้นเบาๆ เธอชูภาพที่ระบายสีเสร็จแล้วขึ้นมาให้แม่ดู ระหว่างที่หญิงสาวยกของว่างออกมาให้ลูก"แม่ขา ดูสิหนูวาดครอบครัวของเรามีแม่มีพ่อแล้วก็น้องบัวอยู่ในฟาร์ม พร้อมกับพวกน้องเต่า น้องทานตะวันด้วยนะแม่"

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  32   จดหมายฉบับสุดท้ายถึงอดีต

    เช้านี้ หิรัญมีแพลนจะพาลูก‍สาวออกไปดูแปลงทานตะวันรอบใหม่ซึ่งจะปลูกที่หน้าฟาร์ม เขาอยากให้กัทลีไปด้วยแต่เธอปฏิเสธโดยการบอกว่าขอเวลาเคลียร์อะไรที่คั่งค้างที่บ้าน“กล้วยไม่ไปด้วยกันแน่นะ น้องบัวลองถามคุณแม่ดูอีกทีดีไหมคะลูก” หิรัญถามขณะที่สวมหมวกให้ลูก‍สาว ปีนี้น้องบัวโตขึ้นมากเกือบสองปีจากวันที่เขากลับมาที่นี่ จากเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบตัวเล็กๆ ที่ไม่ไว้ใจพ่อแบบเขา กลายเป็นเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่สูงขึ้นมากและแน่นอนตอนนี้เธอสนิทกับพ่อมากเช่นกันจากเด็กหญิงขี้อายที่เคยเขินเวลาคุณพ่อเข้าใกล้ หรือเคยพูดเพียงเบาๆ ว่า “คุณลุง” ในตอนแรก ตอนนี้น้องบัวกลายเป็นคนที่คอยดึงแขนพ่อไปดูดอกไม้ คอยบอกว่า“คุณพ่อถ่ายรูปหนูตรงนี้นะคะ” และคอยเล่าเรื่องราวในโรงเรียนให้ฟังทุกเย็น เด็กหญิงมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าแสดงออก และรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวที่มั่นคงหนุนหลังเสมอกัทลีมองเห็นได้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงในใจลูกไม่ได้มาจากคำพูด แต่เกิดจากความสม่ำเสมอของหิรัญที่อยู่ตรงนี้ในทุกเช้าเย็น“แม่ขา ไม่ไปด้วยกันเหรอคะแม่” ลูก‍สาวก็ช่างเชื่อฟังคุณพ่อดีจริงๆ บอกให้ทำอะไรก็ทำ กัทลีมองอย่างเอ็นดูแต่เธอก็ยืนยันคำตอบ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  31  ความฝันในสวนเม‍ล่อน

    หนึ่งปีผ่านไป ฤดูปลูกเม‍ล่อนเวียนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นภายในฟาร์มแห่งนี้ โรงเรือนที่เคยมีเพียงต้นเม‍ล่อนแปลงเล็กๆ ปลูกไว้ทดลอง กลายเป็นโรงเรือนขนาดกลางที่มีระบบน้ำหยดและแสงไฟอัตโนมัติ แปลงผักแนวยาวเพิ่มขึ้นอีกหลายแปลงหิรัญวางระบบบริหารจัดการภายในฟาร์มอย่างเป็นสัดส่วน และมีการวางแผนรายได้รายจ่ายรายเดือนอย่างจริงจังในสวนอีกมุมหนึ่ง แปลงดอกไม้หลากสีเริ่มผลิบานไล่จากดอกดาวเรือง ทานตะวัน ไปจนถึงโบตั๋นที่เริ่มอวดกลีบอ่อนชั้นแรก ทั้งหมดนี้เกิดจากความฝันเล็กๆ ของเด็กหญิงบัวชมพูที่เคยขอให้พ่อปลูกทุ่งดอกไม้เอาไว้ให้เธอวิ่งเล่นและถ่ายรูป หิรัญไม่เคยลืมคำขอของลูก‍สาว และในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง“หินพรุ่งนี้จะมีสองคณะที่ขอเข้าชมนะ คุณเตรียมไกด์ไว้แล้วหรือยัง” กัทลีถามถึงงานในวันรุ่งขึ้น “เรียบร้อย ชุดแรกอบต.บ้านนา ผมให้ไอ้สิงห์ดูแล ส่วนชุดที่สองโรงเรียนดงอรัญผมจะดูแลเอง” หิรัญเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับที่กัทลีเช็กงานอยู่ ฟาร์มแห่งนี้เริ่มมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเมื่อธุรกิจใหญ่ขึ้นชายหนุ่มก็ดันให้คนที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status