LOGIN“เมื่อกี้ผมเช็กซูเปอร์มาร์เก็ตแถวนี้แล้ว ของที่ต้องซื้อเยอะมาก ไปซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่เลยดีกว่า จะได้ซื้อทีเดียวจบ” เขาพูด“...ดีค่ะ” เซ่าเยว่กำลังจะหยิบโทรศัพท์มาค้นหา พอมีซางจื้อเหนียนอยู่ด้วยแบบนี้ เธอไม่ต้องใช้สมองเลยจริง ๆวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ รถติดเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่ได้รีบร้อน ในรถเปิดเพลงเพราะ ๆ เธอจึงเอนตัวพิงเบาะข้างคนขับพักผ่อนอย่างเงียบ ๆ เซ่าเยว่รู้สึกสบายใจเป็นพิเศษซางจื้อเหนียนหันไปชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง มีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตา ก่อนจะละสายตากลับมาตั้งใจขับรถต่อเมื่อเซ่าเยว่อยู่เบาะข้างคนขับ เขาจะขับรถอย่างนิ่งและมั่นคงเสมอซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่มีสินค้าทุกอย่างที่จำเป็นในชีวิตประจำวันก่อนลงจากรถ เซ่าเยว่หยิบหน้ากากอนามัยออกมา “ประธานซาง จะใส่ไหมคะ?”ใบหน้าของเขานั้นโดดเด่นสะดุดตาเกินไป เซ่าเยว่ไม่สงสัยเลยว่าการที่เขาออกไปข้างนอกจะต้องถูกแอบถ่ายรูปอย่างแน่นอนซางจื้อเหนียนมองใบหน้าของเซ่าเยว่ “ใส่ด้วยกันเถอะ”เซ่าเยว่ “ค่ะ”ทั้งสองสวมหน้ากากอนามัยสีขาวลงจากรถ โดยใส่ชุดวอร์มสีเทาเหมือนกัน แม้ซางจื้อเหนียนจะสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเ
เซ่าเยว่ “ย้ายเข้ามาอยู่ตอนนี้เลยเหรอคะ?”“วันเกิดคุณปู่ใกล้จะถึงแล้ว แม่อาจจะมาเมื่อไหร่ก็ได้” ซางจื้อเหนียนตอบ “มาทำความคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่บ้านคุณก่อนดีกว่า”จริงอย่างที่เขาว่า การอยู่ร่วมกันก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เซ่าเยว่จึงไม่มีอะไรต้องพูดมาก ตกลงกันได้อย่างราบรื่น“ขนเสื้อผ้าก่อนเลยค่ะ” เซ่าเยว่ตั้งใจจะช่วยขนของ แต่เธอรู้สึกถึงแรงกระชับที่ข้อมือ ซางจื้อเหนียนจับเธอไว้ ความอบอุ่นจากฝ่ามือเขาสัมผัสได้ที่ผิวซางจื้อเหนียน “คุณสั่งการ ผมออกแรง”เซ่าเยว่ยังคงสงสัย “คุณจะทำเรื่องพวกนี้เป็นเหรอคะ?”“ดูเหมือนคุณจะไม่รู้จักผมเลย” ซางจื้อเหนียนดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็กเซ่าเยว่ไม่รู้จะพูดอะไรดีซางจื้อเหนียนปล่อยมือจากเซ่าเยว่ “รอผมเปลี่ยนชุดที่เหมาะกับการทำงานก่อน”เซ่าเยว่ “ค่ะ ฉันจะรอที่ห้องนั่งเล่น”ไม่นาน ซางจื้อเหนียนก็ออกมา จากชุดลำลองที่ค่อนข้างเป็นทางการเมื่อครู่ กลายเป็นชุดวอร์มสีเทาทั้งตัว ซางจื้อเหนียนมีคิ้วคมสันและใบหน้าที่ดูมีราศี ชุดวอร์มสไตล์มินิมอลธรรมดา ๆ ก็ยังสวมใส่ได้อย่างหล่อเหลาจนบรรยายไม่ถูก เมื่อเทียบกับชุดสูทเต็มยศแล้ว เขากลับดูเข้าถึงง่ายขึ้นมากรู
เซ่าเยว่ “...ตอนนี้เธอกลายเป็นคุณแม่จู้จี้ไปแล้วนะ รีบไปจัดการงานของเธอเองซะ อย่ามายุ่งกับพี่นักเลย”เซ่าสวิน “...”เซ่าสวินจากไปพร้อมกับความขุ่นเคืองเต็มอก ผนังลิฟต์ที่เป็นโลหะสีส้มสะท้อนแสงวาววับจนสามารถใช้เป็นกระจกได้เซ่าสวินมองดูตัวเองในนั้น เขาเห็นใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม ดวงตาที่ได้รับมาจากแม่ของเขาเย็นชาอยู่แล้ว เมื่อบวกกับโหนกคิ้วที่ลึก ทำให้มันดูเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นไปอีกภายนอกเขาเป็นคนพูดน้อย บรรยากาศรอบตัวโดยรวมที่แผ่ออกมาทำให้ดูเป็นคนไม่กล้าเข้าใกล้ แม้แต่สุนัขเห็นก็ยังต้องเดินเลี่ยงในบริษัท เซ่าสวินคือเสาหลักที่สร้างความมั่นคงให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพอเจอเซ่าเยว่กับซางจื้อเหนียนทีไร เขาก็ต้องตกอยู่ในบทบาทของน้องชายไปโดยปริยายไม่ว่าเขาจะพูดอะไรหรือทำอะไร ก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าเซ่าเยว่และซางจื้อเหนียนได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งซางจื้อเหนียน ยังแกะกุ้งให้เขาอีกวินาทีนั้นเซ่าสวินรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เพราะเขารู้สึกเหมือนเพิ่งอยู่ชั้นประถม ถูกดูแลโดยพี่ชายคนโตเซ่าสวินรับไม่ได้จริง ๆ เขาอายุยี่สิบปีแล้ว เป็นชายหนุ่มสูงหนึ่งเมตรแปดส
ใบหน้าของเซ่าสวินตึงเครียดถึงขีดสุด เขาคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปแล้ว จึงมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ไม่มีทาง!”ซางจื้อเหนียนคิดจะมาเป็นพี่ชายของเขาได้ยังไงกัน หน้าหนาเกินไปแล้ว “นายชอบเป็นพี่ชายให้คนอื่นขนาดนี้ นายไม่มีน้องชายหรือน้องสาวของตัวเองบ้างล่ะ?”เซ่าเยว่ชะงักไปเล็กน้อยซางจื้อเหนียนเหลือบมองเธออย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะละสายตากลับมามองเซ่าสวิน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉันมี”“อย่างนี้นี่เอง! มิน่าล่ะถึงได้มีนิสัยชอบเป็นพี่ชายให้คนอื่น”แต่ซางจื้อเหนียนกลับพูดว่า “นายคิดมากไปแล้ว พวกเขาไม่เคยเรียกฉันว่าพี่ชายเลย”เซ่าสวินไม่รู้เรื่องนี้ “นายหมายความว่าไง?”น้ำเสียงของซางจื้อเหนียนเย็นชาและไม่ใส่ใจ “ความสัมพันธ์ไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก” เซ่าสวินเกลียดเจียงเฉินหานมากอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มขึ้น และไม่ได้ตั้งใจจะบอกเซ่าสวินเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้เซ่าสวิน “งั้นก็แสดงว่านายเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง!”ซางจื้อเหนียนหยุดไปสองวินาที “อาจจะ”เซ่าเยว่ไม่ได้ยินอารมณ์ใด ๆ จากน้ำเสียงของเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยถึงเจียงเฉินหานและเจียงอวี่เสียนเซ่าเยว่รู
เซ่าเยว่ยอมแพ้จริง ๆ หลายครั้งที่อยากจะตบหน้าเซ่าสวินแรง ๆ สักฉาด แต่เขาก็ทำเรื่องที่ทำให้หัวใจเธออบอุ่นได้ในอีกหลายครั้งเซ่าเยว่กินเนื้อปูขาอย่างมีความสุขเซ่าสวินแกะเนื้อปูขาให้เซ่าเยว่ด้วยความตั้งใจของเขาเอง ไม่ใช่เพื่อแสดงให้ใครเห็น แต่ในเมื่อซางจื้อเหนียนอยู่ที่นี่ เขาก็พูดเหน็บแนมออกไปเลย “ประธานซางนิ้วมือไม่เคยแตะต้องงานบ้านแบบนี้ คงทำเรื่องแบบนี้ไม่เป็นล่ะมั้ง หึ ๆ”เซ่าเยว่ตบแขนเขาเบา ๆ “เธอทำอะไรน่ะ?”“ฉันคุยเล่นกับประธานซางนิดหน่อย จะเป็นอะไรไปอีก?” เซ่าสวินมองเธอ “พี่ อย่ามาห้ามฉันบ่อยนักเลย กินของเธอไปเถอะ”ซางจื้อเหนียนไม่พูดอะไร แต่สวมถุงมือแล้วแกะกุ้งห้าตัว ส่งไปตรงหน้าเซ่าเยว่ “กินเถอะ”ท่าทางที่ชำนาญเช่นนี้ ราวกับฝึกฝนมานับพันครั้งก่อนหน้านี้เซ่าเยว่เคยกินเนื้อปลาที่ซางจื้อเหนียนแกะให้แล้ว ดังนั้นเธอจึงหยิบเนื้อกุ้งเข้าปากอย่างสบายใจเซ่าสวินมองภาพนี้แล้วตกตะลึงอย่างแท้จริง ต่อให้จินตนาการได้เก่งแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคิดว่าซางจื้อเหนียนจะแกะกุ้งให้พี่สาวของเขาได้หรือว่าซางจื้อเหนียนแค่เสแสร้ง ทำเพื่อเอาใจพี่สาวเขา?ซางจื้อเหนียนไล่จีบพี่สาวเขา ช่างมีแผนการและ
ทันใดนั้นเอง ในสมองของเซ่าสวินก็ผุดเงื่อนไขมากมาย แต่สุดท้ายมันก็วกกลับมารวมกัน และดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากซางจื้อเหนียนมากนัก ผู้ชายในอุดมคติที่เขาจินตนาการได้ย่อมต้องเป็นระดับสูงสุด และซางจื้อเหนียนก็เป็นเช่นนั้นพอดีเซ่าสวินถึงกับไปไม่เป็นในทันที “ไม่มีอะไรทำเหรอ มาคุยเรื่องไร้สาระพวกนี้ทำไม?”เซ่าเยว่เหลือบมองซางจื้อเหนียน คำตอบของเขาก็ไม่ผิด แถมยังยั่วโมโหเซ่าสวินได้อีก ท่านประธานซางนี่ร้ายลึกจริง ๆ เธอเองก็อยากถามเซ่าสวินบ้าง “เธอมีเงื่อนไขอะไรบ้างล่ะ?”เซ่าสวินจ้องเซ่าเยว่ “ถามฉันทำไม? เธอชอบก็พอแล้ว ต่อให้ฉันมีข้อคัดค้าน เธอก็ไม่ฟังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”เซ่าเยว่คิดว่าเซ่าสวินจะยังคงต่อต้านเธอ แต่เขากลับถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อรุกคืบเสียอย่างนั้น “เธอพูดมาก่อนสิ”“ฉันไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าพี่เขยนี่...ไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรกจะดีที่สุด” เซ่าสวินพูดอย่างไม่เกรงใจเซ่าเยว่ “...”ซางจื้อเหนียน “...”“ประธานซาง ถ้านายมีน้องสาวหรือลูกสาว นายจะเข้าใจว่าฉันคิดยังไง” เซ่าสวินยังคงเหน็บแนมซางจื้อเหนียนต่อไปเจียงเฉินหานคือตัวอย่างที่เลือดสาด เซ่าสวินไม่มั่นใจเลยว่าเซ่า







