“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”
“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”
“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”
วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้
“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”
“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”
“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”
วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง
“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่ ที่เราทำงานด้วยกันเจอกันทุกวันรวมถึงจูบในวันนั้นแล้วก็เมื่อวาน คุณไม่คิดอะไรกับผมจริงเหรอ”
“แต่คุณ กับคุณอลิซ”
“ผมไมไ่ด้ชอบอลิซ”
“แต่ว่า…เรื่องนี้”
“ผมบอกไปแล้วว่าผมให้คนตามสืบอยู่”
“แต่เราเป็นเพื่อนร่วมงาน”
“แล้วเป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอ”
“คือ….”
“ผมถามแค่ว่าชอบผมหรือเปล่า”
หลินเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามเธอ สบตาเขาอีกครั้ง ใบหน้าที่ราวกับเทพบุตรที่เมื่อก่อนเธอได้แต่คิดถึงเวลาฟังเพลงของเขาจากวิทยุคลื่นท้องถิ่นที่บ้าน มาตอนนี้กำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอ ไม่ใช่ความฝัน แต่เธออยากถามเขาอีกครั้ง
“คุณวายุ…ชอบหลินจริงๆเหรอคะ”
วายุเชยคางเธอขึ้นมาพร้อมสบตาเธออย่างแน่วแน่ สายตายังมีอารมณ์โกรธอยู่แต่เริ่มเบาบางลงแล้ว
“ผมชอบคุณจนแทบคลั่งขนาดนี้คุณยังมองไม่ออกอีกงั้นเหรอ ต้องให้ผมลงประกาศผ่านโซเชียลเลยไหมว่าคุณเป็นของผม ถึงจะเชื่อว่าผม…”
หลินยืดตัวขึ้นประกบปากเขาเพื่อเป็นคำตอบให้กับซุปตาร์ที่รักของเธอ คนที่เธอเฝ้าฝันมาตลอดยี่สิบปี เธอภาวนาว่าแม้จะไม่ได้เป็นศิลปินแต่ก็ขอทำงานดีไซเนอร์ในบริษัทที่เขาเคยเป็นศิลปินอยู่ก็ยังดี ไม่นึกว่าวันนี้ฟ้าจะให้โอกาสเธอได้พบเขา ไม่เท่านั้น เธอยังได้ชิงหัวใจเขามาได้อีกด้วย
“หลิน…ผมชอบคุณ”
“หลินก็ชอบคุณค่ะ ชอบมายี่สิบปีแล้ว”
“ผมน่าจะรู้นะ เสียงเพลงจากห้องคุณ…ดังมาที่ห้องผม เป็นเพลงของผม คุณก็คลั่งรักผมมาก่อนสินะ”
“คนบ้า”
“หลิน…คบกับผมนะ”
“ค่ะ”
“ขอจูบอีกหน่อย”
หลินไม่หลบอีกแล้วเมื่อรับจูบจากเขา ลิ้นของทั้งคู่เริ่มคลอเคลียเข้าหากัน วายุถอนปากออกมาได้ก่อนจะหันมาหอมแก้มเธอทั้งสองข้างและกอดหลินเอาไว้แน่น
“เฮ้อ…ดีใจจังที่กลับมาเล่นคอนเสิร์ตนี้”
“หลินเจ็บแขนค่ะ”
“ขอโทษนะ กลับไปที่เตียงเถอะ ไปนอนกัน”
“คุณไม่กลับห้องพักเหรอคะ”
“ไม่ละ คืนนี้กะเอาไว้แล้วว่าจะนอนที่นี่”
“ไม่ถูกต้องนะคะ ถ้าใครมาเจอเข้า”
“คิดว่ากล้าก็ลองดูสิ ไปนอนกันได้แล้วครับ”
หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มหมาดๆของเธอพร้อมกับขำ เมื่อเขาพยุงเธอมาที่เตียงและพาเธอนอน
“อย่าบอกนะว่าคุณจะมาเบียดด้วยกันบนเตียงนี้น่ะ”
“ไม่ได้เหรอ คืนนี้ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า นะ ขอนอนกอดหน่อย”
“ไม่ได้ หากว่าคุณหมอมาตรวจล่ะคะ”
“ไม่มาหรอก”
“แล้วพี่ต้อมอีก”
“คุณว่าที่พี่ต้อมหายไป เขาไปไหนล่ะ”
“คุณคงจะไม่....”
คนตัวโตยักคิ้วข้างเดียวส่งมาให้เธอ เป็นท่าเดียวกับในมิวสิควิดิโอเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เธอมักจะเห็นและหลงรักเขาจากเพลงนั้นๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่เธอได้เห็นเขาทำหน้าแบบนี้ใกล้ๆ
“เจ็บไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว อยากกินอะไร เดี๋ยวให้พี่ต้อมซื้อไปรอ”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ปกติก็กินง่ายๆอยู่แล้ว”
“อืม งั้นก็…”
“นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้มีอัดเสียง สุขภาพสำคัญนะคะ”
“นอนกอดคุณแบบนี้จะนอนหลับได้ยังไง ชวนคุยก่อนสิ กว่าจะมาถึงวันนี้ง่ายซะที่ไหน”
“แต่หลินง่วงแล้ว”
“งั้นคุณก็นอน”
“แต่ว่า….”
“ไม่ต้องห่วงหรอก หลินคุณบอกว่าชอบผมมายี่สิบปี นั่นมันก็เท่ากับว่า…”
“อัลบั้มชุดแรกของคุณเลยค่ะ ตอนนั้นหลินอยู่แค่ ม.สอง จำได้ว่าเพลงแรกของคุณออก ก็เฝ้ารอฟังทุกวัน เทปชุดแรกก็รับจ้างถอนหงอกป้าข้างบ้านเอาไปซื้อ จำได้ว่าตอนคุณไปเล่นคอนเสิร์ตที่เชียงใหม่ เอาเทปนั้นไปด้วยหวังว่าจะได้ลายเซ็น แต่ว่าสนามบินก็คนล้นจนพวกคุณออกมาไม่ได้ สุดท้ายเทปตลับนั้นก็หายเพราะโดนคนชนจะร่วงแล้วหาไม่เจอ จำได้ว่าเดินร้องไห้กลับบ้าน แม่สงสารเลยซื้อตลับใหม่ที่เป็นอัลบั้มพิเศษให้”
“นึกไม่ถึงว่าจะเจอแฟนคลับตัวน้อยอยู่ที่นี่เอง มิน่าถึงได้อยากทำงานที่นี่…หลิน….หลินครับ”
คนข้างๆเขานอนหลับไปแล้ว เขาลูปแผลบนหน้าผากเธอเบาๆ คนตัวเล็กทำหน้านิ่วเล็กน้อยเขาค่อยๆดึงตัวเองออกมาและห่มผ้าให้เธอพร้อมกับมองบาดแผลที่เธอได้รับ เขาสัญญากับตัวเองว่าไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน
“พี่ต้อม หลินหลับแล้ว อืม มีความคืบหน้าไหม”
“คุณหมอบอกว่าอาการอื่นๆไม่มีอะไร ที่ห้องและหน้าห้องก็มีกล้องวงจรปิดตลอดไม่ต้องห่วง”
“คืนนี้หลินน่าจะมีไข้นะ คุณไหวรึเปล่าถ้าไม่ไหวกลับไปนอนพักที่ห้องเถอะ พรุ่งนี้ยังมีอัดเสียงตอนเช้าอีก”
“ผมไม่เป็นไร ฝากทางนั้นด้วยก็แล้วกัน”
“อืม ได้ เจ็ดโมงผมจะไปรับคุณที่ห้องหลิน”
“ได้ครับ ขอบคุณพี่ต้อม”
“นังหลิน ครั้งนี้แกโชคดีที่รอดมาได้ แต่ครั้งหน้าอย่าคิดว่าจะโชคดีแบบนี้ กล้าจูบผุ้ชายของฉันเชียวเหรอ นังหน้าด้าน!!”
“เพล้ง!!”
เสียงแก้วไวน์แดงในมือฟาดไปที่พื้นจนแตก พร้อมกับสายตาที่บ่งบอกถึงความแค้นสุดชีวิตกับภาพคลิปวิดิโอตรงหน้า
โรงพยาบาลตอนเช้า
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ปวดหัวจังเลยค่ะ”
“คุณปวดหัวเหรอ เดี๋ยวผมเรียกหมอให้นะ”
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
วายุกดเรียกพยาบาลบอกว่าหลินปวดหัว ไม่นานหมอและพยาบาลก็รีบเข้ามาตรวจอาการของหลินทันที
“คนไข้เวียนหัวไหมครับ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ค่อยๆลุกได้ไหมครับ”
“ค่ะ”
“ผมช่วยเอง”
วายุวิ่งไปพยุงตัวหลินขึ้นมา หลินที่พยายามมองหน้าเขาเริ่มเวียนหัวอย่างรุนแรงและหรี่ตาลงพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ
“คนไข้ครับ”
หลินหมดแรงซบไปที่อกของวายุและไม่พูดอะไรอีก เธอลืมตาไม่ขึ้นเพราะปวดที่ศีรษะหนักมาก
“หลิน คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม"
“เจ็บจัง”
“หมอจะฉีดยาแก้ปวดให้ก่อนนะครับ คิดว่าน่าจะเจ็บที่แผลทำให้ปวดหนึบๆที่ศีรษะ”
“ขอบคุณครับ หลิน ไหวหรือเปล่า”
“ไหว…ไหวค่ะ”
หลินหันกลับมานอนพิงที่เตียงพร้อมกับเอามือมาจับที่หัวแต่วายุจับมือเธอเอาไว้
“อย่าจับ เดี๋ยวให้คุณหมอมาดูก่อน”
หมอเปิดแผลเพื่อตรวจดูอาการเธออีกครั้ง
“คนไข้ยังปวดอยู่ไหมครับ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะคุณหมอ”
“งั้นก็ไม่น่าผิดพลาด ผลการสแกนไม่ได้มีอะไรผิดปกติครับ อาการปวดหัวอาจจะมีได้เพราะยังมีบาดแผลอยู่ ต้องทานยาแก้ปวด แต่ยานี้ไม่ควรทานบ่อย ตอนนี้หมอฉีดยาเข้าไปที่สายน้ำเกลือแล้ว หากไม่มีอะไรน้ำเกลือกระปุกนี้หมด บ่ายนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
“ยินดีครับ”
พยาบาลสาวหันไปมองหน้าวายุ พวกเธอจำได้ว่าเขาคือใครหลินเองก็มองพวกเธออยู่เช่นกัน วายุเห็นหน้าแฟนสาวของตัวเองจึงนึกขำในใจ
“หมอครับ บ่ายนี้ผมจะพาแฟนออกจากโรงพยาบาล ต้องเฝ้าระวังเรื่องอะไรบ้างครับ”
หลินหันไปมองคุณพ่อที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ตอนนี้คุณแม่ของวายุเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ“ขอโทษหนูด้วย พ่อของวายุชอบเล่นแบบนี้เสมอ ชอบอำแขกตีหน้าขรึมอยากเป็นพระเอกละคร หนูคงตกใจแย่เลยสิลูก บอกแล้วเห็นไหมว่าอย่าแกล้งหนัก ดูสิถ้าเกิดลูกสะใภ้เตลิดไปอีกก็ไม่ต้องหวังจะได้อุ้มหลานแล้วค่ะคุณพี่”“ไม่ๆๆ ไม่ได้สิ หลินจะมาหนีไม่ได้นะ ก็หลินคุกเข่าขอลูกพ่อแต่งงานกลางคอนเสิร์ตเองนะ ไม่ได้ๆ คุกเข่าแล้วก็ถือว่าเข้าบ้านพ่อมาแล้ว หนีไม่ได้ๆ นี่คุณ จัดการเลยอีกสามเดือนแล้ว พรุ่งนี้ไปขอฤกษ์พระมา เรื่องเตรียมงานก็ให้ไว โรงแรมเอาที่คุณเลือกไว้”“เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแค่พาวายุกับหลินไปดู”“อะไรนะครับแม่ อย่าบอกนะว่าแม่กับพ่อ....”“เออสิวะ รอแกเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน นี่หนูหลินถือว่าเห็นแก่พ่อ ปลายปีหน้ามันช้าเกินไป เอาเป็นปลายปีนี้ก็แล้วกันนะลูกนะ พ่ออยากมีหลาน เพื่อนพ่อมันชอบเอารูปหลานๆมันลงโซเชียล พ่อไม่มีอวดเหมือนพวกมัน พ่ออยากมีโมเม้นท์อวดรูปหลานกับเขาบ้าง นะๆ”“พ่อครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ไปพบแม่ของหลินที่เชียงใหม่เลย”“มันจะไปยากอะไร ก็ยกขบวนไปกันหมดนี่แหละฉันกับแม่แกจะไปด้วย สู่ขอเป็นเรื่องเป็นราวทีเดี
“หลินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะหลินไม่ได้เป็นคนจ่าย”“โธ่ ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลย เรียบร้อยแล้วครับ หล่อหรือยัง”หลินหันมามองวายุที่สวมรองเท้าเสร็จแล้ว เธอหันไปจัดปกเสื้อให้เขาพร้อมกับตบที่ปกเสื้อเบาๆ“หล่อแล้วค่ะ เอ๊ะ รอยนี่??…”หลินหันไปเห็นรอยที่คอของเขา น่าจะเป็นเธอที่ทำเอาไว้เมื่อคืนนี้ วายุจับตัวเธอหันออกจากห้องและพาเดินออกไป“ไม่ต้องดูแล้ว ช่างมันเถอะไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”“ได้ยังไงกันคะอายคนอื่นแย่เลย”“แล้วทำไมเมื่อคืนตอนทำไม่อายละครับที่รัก”“พี่วายุ!! ทำไมพูดออกมาแบบนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไม่ได้ๆ รีบๆเลยเดี๋ยวไม่ทัน อย่ามาทำงอนตอนนี้พี่ไม่หลงกลหรอก ไปได้แล้ว ขึ้นรถเลย”หลินเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเขา รถหรูขับออกมาจากคอนโดของวายุมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จัดงานหมั้นของอลิซและภัทรงานหมั้น อลิซ & ภัทรงานในวันนี้เต็มไปด้วยญาติทั้งสองฝ่ายของทั้งคู่และยังมีเพื่อนดารา ศิลปินนักร้องหลายๆคนที่มาร่วมงาน ฝั่งเจ้าบ่าวก็มีเพื่อนร่วมงานทั้งพวกนักบินและเพื่อนๆของภัทรมาด้วย“คุณป้าปรานีสวัสดีค่ะ”“หลิน ลูกสาวป้ามาแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกไม่เจอกันเลย สบายดีนะ”“สบายดีค่ะ”“เสียดายที่แม่หนูไม่ได้มา
คอนเสิร์ตใหญ่ GSTเหล่าบรรดาแฟนเพลงมารอชมคอนเสิร์ตกันตั้งแต่เวลาก่อนสิบโมงเช้า ซึ่งด้านนอกก็มีทั้งซุ้มร่วมทำกิจกรรมพิเศษและบูธขายสินค้าที่ระลึกซึ่งวันแสดงวันแรกนี้คนมากมายกว่าที่คิด แต่เพราะบัตรที่ขายหมดทุกที่นั่งทุกรอบเป็นที่การันตีว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานของเมืองไทยที่รวมศิลปินมาได้มากมายเช่นนี้“พร้อมนะคะ”“อืม พร้อม แต่…”หลินไม่รอให้เขาขอ เธอปิดห้องแต่งตัวเขาเพื่อการนี้ เธอจูบเขาเนิ่นนาน เมื่อคืนนี้พวกเขาเองก็ผลัดกันบอกรักเกือบทั้งคืนมาแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาขึ้นแสดงในวันนี้“สู้ๆนะคะที่รักของหลิน”“สู้สุดหัวใจ”วายุจับมือหลินออกไปรอจะขึ้นแสดง พวกเขาจะเริ่มจากเพลงที่ร้องพร้อมกันทั้งหมดในอัลบั้มพิเศษและเพลงพิเศษที่พึ่งแต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้งหมดจับมือกันพร้อมกับเดินเข้าไปที่เวทีเพื่อจะเริ่มแสดงเสียงกรี๊ดที่กระหึ่มไปทั้งฮอล์จนแทบระเบิดทำเอาทีมงานทุกคนแทบจะร้องไห้เพราะความปราบปลื้มใจที่แฟนเพลงให้การตอบรับถึงขนาดนี้คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นและเพลงที่บรรจงคัดสรรมาอย่างดีก็ถูกนำมาร้องและทุกคนต่างร้องตามได้ หลินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีไปด้านหน้า เมื่
หลินมองที่ทั้งคู่ที่พากันเข้าห้องมา“ถ้างั้นไหนๆพี่ต้อมก็พาพี่วายุมาแล้ว หลินก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะคะ หลินจะไปนอนห้องของหลิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“อ้าว หลิน…”สาธิตมองไปที่โต๊ะอาหารที่เธอกำลังเก็บแต่คงเก็บยังไม่เสร็จ เขาถึงกับรู้สึกกลัวแทนวายุเสียแล้วในตอนนี้“งานเข้าแน่ๆ พรุ่งนี้ วายุเอ๊ย เฮ้ย..ตื่นก่อน!! เมียหนีแล้ว”วายุที่แทบจะไม่มีสติอะไรเลยถูกหามเข้าไปนอนในห้อง สาธิตเองก็ถูกจินนี่โทรตามแล้วเหมือนกัน เขาเลยรีบออกจากห้องของวายุไปทันทีวันรุ่งขึ้นวายุรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่เขาจำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไปเลยโดยที่ไม่รู้เรื่อง วันนี้มีซ้อมช่วงบ่าย ถือเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่คอนเสิร์ตจริงจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นหลิน ซึ่งเวลานี้เธอน่าจะยังไม่ออกไปทำงาน หรือว่าเธอไม่ได้กลับมากันแน่นะ“หึ ทิ้งกันจนวันสุดท้าย ดีเหลือเกิน”เขาลุกออกมากินน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดกับแก้วและดอกไม้บนโต๊ะที่เหมือนจะถูกเก็บไปไม่หมด เขาเริ่มมองรอบๆ เห็นว่ามีถุงขยะใบใหญ่ที่ผูกปากเอาไว้แต่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งจึงรีบเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นสเต็กเนื้อสองจานที่ถูกพลาสติ
“แล้วมันต้องมีอะไรด้วยงั้นเหรอ” ไม่สิ หลินนึกในใจ ฉากที่พระเอกขอนางเอกแต่งงานมันต้องมีดอกไม้เตรียมตัว ไปในสถานที่ที่โรแมนติกจุดพลุดูไฟหรืออะไรแบบนั้น ไม่ใช่มาขอเอาตอนป่วยแล้วนั่งกินข้าวต้มแบบนี้ นี่มันอารมณ์ไหนเนี่ย“หลิน….หลิน”“คะ”“พี่อิ่มแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ”“เอ่อ .พี่วายุยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเลยค่ะ รอก่อนสัก…สิบห้านาที”“อืม ได้”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก หลินเองก็พยายามจะหาจังหวะพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เลี่ยงที่จะไม่คุย เขากินยาและเดินเข้าไปนอนเลย หลินที่เก็บกวาดครัวอยู่ด้านนอกเสร็จและไปอาบน้ำ พอออกมาเขาก็หลับสนิทไปแล้วห้าวันก่อนคอนเสิร์ตใหญ่“พี่อลิซ ไหวแน่นะคะ”“ไหวสิๆ หมอให้ยามาแล้ว กันแท้งก็ฉีดมาสองเข็มแล้ว นี่หลิน ว่าแต่พี่วายุทำไมเอาแต่ซ้อมหนักขนาดนั้น นี่ไม่พักเลยนะ”“สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ”“ไม่มีอะไรแน่เหรอ หลิน บอกวายุพอก่อน พี่จะไม่ไหวแล้ว”“พี่จินนี่ ทำไมหอบมาเลยละคะ”“วายุของเธอน่ะสิ เอาแต่ซ้อม บอกว่าพี่ยังเต้นไม่เข้าจังหวะ พี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย พี่ต้อม ขอน้ำหน่อยค่ะ”“ครับๆ นี่ครับ เดี๋ยวพี่มานะ ไปดูวายุหน่อย”“นี่พี่ต้อมเขายังจำได้อยู่ใช่ไหมคะ
หลินรีบปิดหน้าจอลงหลังจากส่งเมล์ฉบับสุดท้ายเสร็จและหันมามองหน้าวายุ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“คุณภัทรบอกว่าอลิซตกเลือด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”“แย่แล้ว งั้นรีบไปเถอะค่ะ แต่ว่า….พี่วายุจะไปไหวเหรอคะ”“หลินขับรถก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะ”ทั้งคู่รีบเตรียมของและออกจากที่พักเพื่อไปที่โรงพยาบาลทันที โรงพยาบาล“พี่ภัทร เป็นยังไงบ้างคะ”“ยังไม่ออกมาเลย พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”“เห็นบอกว่าล้มระหว่างตอนซ้อมเต้นครับ ผมพึ่งออกมาจากห้องสอนนักบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของอลิซ เลยรีบมาที่นี่”ไม่นานแนนและโอปอก็วิ่งมาที่หน้าห้องที่พวกเขาอยู่“หลิน พี่วายุมาด้วยเหรอ เป็น…เป็นยังไงบ้างคะคุณภัทร”“ยังไม่ออกมาเลยครับ”“พี่ภัทรใจเย็นๆนะคะ พี่อลิซไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”วายุพาภัทรไปนั่งรอที่หน้าห้อง ทุกคนเองก็ตามมาเช่นกัน ภัทรดูร้อนรนมากเพราะนี่เ่ป็นลูกคนแรกของเขา แม่เขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าจะมีหลานคนแรก และดีใจมากที่สุดที่รู้ว่าแม่เด็กคืออลิซ ดาราที่แม่เขาชื่นชอบ ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมา“คุณหมอคะ อาการพี่อลิซเป็นยังไงบ้างคะ”“อ้อ ใครคือพ่อของเด็กครับ”“ผมเองครับหมอ ภรรยาและลูกผม..เป็นยังไงบ้