“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”
“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”
“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”
วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้
“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”
“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”
“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”
วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง
“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่ ที่เราทำงานด้วยกันเจอกันทุกวันรวมถึงจูบในวันนั้นแล้วก็เมื่อวาน คุณไม่คิดอะไรกับผมจริงเหรอ”
“แต่คุณ กับคุณอลิซ”
“ผมไมไ่ด้ชอบอลิซ”
“แต่ว่า…เรื่องนี้”
“ผมบอกไปแล้วว่าผมให้คนตามสืบอยู่”
“แต่เราเป็นเพื่อนร่วมงาน”
“แล้วเป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอ”
“คือ….”
“ผมถามแค่ว่าชอบผมหรือเปล่า”
หลินเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามเธอ สบตาเขาอีกครั้ง ใบหน้าที่ราวกับเทพบุตรที่เมื่อก่อนเธอได้แต่คิดถึงเวลาฟังเพลงของเขาจากวิทยุคลื่นท้องถิ่นที่บ้าน มาตอนนี้กำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอ ไม่ใช่ความฝัน แต่เธออยากถามเขาอีกครั้ง
“คุณวายุ…ชอบหลินจริงๆเหรอคะ”
วายุเชยคางเธอขึ้นมาพร้อมสบตาเธออย่างแน่วแน่ สายตายังมีอารมณ์โกรธอยู่แต่เริ่มเบาบางลงแล้ว
“ผมชอบคุณจนแทบคลั่งขนาดนี้คุณยังมองไม่ออกอีกงั้นเหรอ ต้องให้ผมลงประกาศผ่านโซเชียลเลยไหมว่าคุณเป็นของผม ถึงจะเชื่อว่าผม…”
หลินยืดตัวขึ้นประกบปากเขาเพื่อเป็นคำตอบให้กับซุปตาร์ที่รักของเธอ คนที่เธอเฝ้าฝันมาตลอดยี่สิบปี เธอภาวนาว่าแม้จะไม่ได้เป็นศิลปินแต่ก็ขอทำงานดีไซเนอร์ในบริษัทที่เขาเคยเป็นศิลปินอยู่ก็ยังดี ไม่นึกว่าวันนี้ฟ้าจะให้โอกาสเธอได้พบเขา ไม่เท่านั้น เธอยังได้ชิงหัวใจเขามาได้อีกด้วย
“หลิน…ผมชอบคุณ”
“หลินก็ชอบคุณค่ะ ชอบมายี่สิบปีแล้ว”
“ผมน่าจะรู้นะ เสียงเพลงจากห้องคุณ…ดังมาที่ห้องผม เป็นเพลงของผม คุณก็คลั่งรักผมมาก่อนสินะ”
“คนบ้า”
“หลิน…คบกับผมนะ”
“ค่ะ”
“ขอจูบอีกหน่อย”
หลินไม่หลบอีกแล้วเมื่อรับจูบจากเขา ลิ้นของทั้งคู่เริ่มคลอเคลียเข้าหากัน วายุถอนปากออกมาได้ก่อนจะหันมาหอมแก้มเธอทั้งสองข้างและกอดหลินเอาไว้แน่น
“เฮ้อ…ดีใจจังที่กลับมาเล่นคอนเสิร์ตนี้”
“หลินเจ็บแขนค่ะ”
“ขอโทษนะ กลับไปที่เตียงเถอะ ไปนอนกัน”
“คุณไม่กลับห้องพักเหรอคะ”
“ไม่ละ คืนนี้กะเอาไว้แล้วว่าจะนอนที่นี่”
“ไม่ถูกต้องนะคะ ถ้าใครมาเจอเข้า”
“คิดว่ากล้าก็ลองดูสิ ไปนอนกันได้แล้วครับ”
หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มหมาดๆของเธอพร้อมกับขำ เมื่อเขาพยุงเธอมาที่เตียงและพาเธอนอน
“อย่าบอกนะว่าคุณจะมาเบียดด้วยกันบนเตียงนี้น่ะ”
“ไม่ได้เหรอ คืนนี้ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า นะ ขอนอนกอดหน่อย”
“ไม่ได้ หากว่าคุณหมอมาตรวจล่ะคะ”
“ไม่มาหรอก”
“แล้วพี่ต้อมอีก”
“คุณว่าที่พี่ต้อมหายไป เขาไปไหนล่ะ”
“คุณคงจะไม่....”
คนตัวโตยักคิ้วข้างเดียวส่งมาให้เธอ เป็นท่าเดียวกับในมิวสิควิดิโอเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เธอมักจะเห็นและหลงรักเขาจากเพลงนั้นๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่เธอได้เห็นเขาทำหน้าแบบนี้ใกล้ๆ
“เจ็บไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว อยากกินอะไร เดี๋ยวให้พี่ต้อมซื้อไปรอ”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ปกติก็กินง่ายๆอยู่แล้ว”
“อืม งั้นก็…”
“นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้มีอัดเสียง สุขภาพสำคัญนะคะ”
“นอนกอดคุณแบบนี้จะนอนหลับได้ยังไง ชวนคุยก่อนสิ กว่าจะมาถึงวันนี้ง่ายซะที่ไหน”
“แต่หลินง่วงแล้ว”
“งั้นคุณก็นอน”
“แต่ว่า….”
“ไม่ต้องห่วงหรอก หลินคุณบอกว่าชอบผมมายี่สิบปี นั่นมันก็เท่ากับว่า…”
“อัลบั้มชุดแรกของคุณเลยค่ะ ตอนนั้นหลินอยู่แค่ ม.สอง จำได้ว่าเพลงแรกของคุณออก ก็เฝ้ารอฟังทุกวัน เทปชุดแรกก็รับจ้างถอนหงอกป้าข้างบ้านเอาไปซื้อ จำได้ว่าตอนคุณไปเล่นคอนเสิร์ตที่เชียงใหม่ เอาเทปนั้นไปด้วยหวังว่าจะได้ลายเซ็น แต่ว่าสนามบินก็คนล้นจนพวกคุณออกมาไม่ได้ สุดท้ายเทปตลับนั้นก็หายเพราะโดนคนชนจะร่วงแล้วหาไม่เจอ จำได้ว่าเดินร้องไห้กลับบ้าน แม่สงสารเลยซื้อตลับใหม่ที่เป็นอัลบั้มพิเศษให้”
“นึกไม่ถึงว่าจะเจอแฟนคลับตัวน้อยอยู่ที่นี่เอง มิน่าถึงได้อยากทำงานที่นี่…หลิน….หลินครับ”
คนข้างๆเขานอนหลับไปแล้ว เขาลูปแผลบนหน้าผากเธอเบาๆ คนตัวเล็กทำหน้านิ่วเล็กน้อยเขาค่อยๆดึงตัวเองออกมาและห่มผ้าให้เธอพร้อมกับมองบาดแผลที่เธอได้รับ เขาสัญญากับตัวเองว่าไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน
“พี่ต้อม หลินหลับแล้ว อืม มีความคืบหน้าไหม”
“คุณหมอบอกว่าอาการอื่นๆไม่มีอะไร ที่ห้องและหน้าห้องก็มีกล้องวงจรปิดตลอดไม่ต้องห่วง”
“คืนนี้หลินน่าจะมีไข้นะ คุณไหวรึเปล่าถ้าไม่ไหวกลับไปนอนพักที่ห้องเถอะ พรุ่งนี้ยังมีอัดเสียงตอนเช้าอีก”
“ผมไม่เป็นไร ฝากทางนั้นด้วยก็แล้วกัน”
“อืม ได้ เจ็ดโมงผมจะไปรับคุณที่ห้องหลิน”
“ได้ครับ ขอบคุณพี่ต้อม”
“นังหลิน ครั้งนี้แกโชคดีที่รอดมาได้ แต่ครั้งหน้าอย่าคิดว่าจะโชคดีแบบนี้ กล้าจูบผุ้ชายของฉันเชียวเหรอ นังหน้าด้าน!!”
“เพล้ง!!”
เสียงแก้วไวน์แดงในมือฟาดไปที่พื้นจนแตก พร้อมกับสายตาที่บ่งบอกถึงความแค้นสุดชีวิตกับภาพคลิปวิดิโอตรงหน้า
โรงพยาบาลตอนเช้า
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ปวดหัวจังเลยค่ะ”
“คุณปวดหัวเหรอ เดี๋ยวผมเรียกหมอให้นะ”
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
วายุกดเรียกพยาบาลบอกว่าหลินปวดหัว ไม่นานหมอและพยาบาลก็รีบเข้ามาตรวจอาการของหลินทันที
“คนไข้เวียนหัวไหมครับ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ค่อยๆลุกได้ไหมครับ”
“ค่ะ”
“ผมช่วยเอง”
วายุวิ่งไปพยุงตัวหลินขึ้นมา หลินที่พยายามมองหน้าเขาเริ่มเวียนหัวอย่างรุนแรงและหรี่ตาลงพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ
“คนไข้ครับ”
หลินหมดแรงซบไปที่อกของวายุและไม่พูดอะไรอีก เธอลืมตาไม่ขึ้นเพราะปวดที่ศีรษะหนักมาก
“หลิน คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม"
“เจ็บจัง”
“หมอจะฉีดยาแก้ปวดให้ก่อนนะครับ คิดว่าน่าจะเจ็บที่แผลทำให้ปวดหนึบๆที่ศีรษะ”
“ขอบคุณครับ หลิน ไหวหรือเปล่า”
“ไหว…ไหวค่ะ”
หลินหันกลับมานอนพิงที่เตียงพร้อมกับเอามือมาจับที่หัวแต่วายุจับมือเธอเอาไว้
“อย่าจับ เดี๋ยวให้คุณหมอมาดูก่อน”
หมอเปิดแผลเพื่อตรวจดูอาการเธออีกครั้ง
“คนไข้ยังปวดอยู่ไหมครับ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะคุณหมอ”
“งั้นก็ไม่น่าผิดพลาด ผลการสแกนไม่ได้มีอะไรผิดปกติครับ อาการปวดหัวอาจจะมีได้เพราะยังมีบาดแผลอยู่ ต้องทานยาแก้ปวด แต่ยานี้ไม่ควรทานบ่อย ตอนนี้หมอฉีดยาเข้าไปที่สายน้ำเกลือแล้ว หากไม่มีอะไรน้ำเกลือกระปุกนี้หมด บ่ายนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
“ยินดีครับ”
พยาบาลสาวหันไปมองหน้าวายุ พวกเธอจำได้ว่าเขาคือใครหลินเองก็มองพวกเธออยู่เช่นกัน วายุเห็นหน้าแฟนสาวของตัวเองจึงนึกขำในใจ
“หมอครับ บ่ายนี้ผมจะพาแฟนออกจากโรงพยาบาล ต้องเฝ้าระวังเรื่องอะไรบ้างครับ”
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
GST สตูดิโอ "คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวที่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แผนกเสื้อผ้าของเราก็ต้องทำงานหนักอีกเช่นเคย เอาล่ะ แผนผังคร่าวๆก็ได้รับกันไปหมดแล้วนะ เริ่มประชุมได้""นี่หลิน ครั้งนี้งานยักษ์เลยนะแก ดูรายชื่อศิลปินแต่ละคน ตัวพ่อทั้งนั้น"นิรมลหรือจีนแผนกดูแลเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายกระซิบบ่นกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างรู้สึกขนลุกเมื่อพลิกไปดูรายชื่อศิลปินที่จะขึ้นแสดงในงานนี้"มืออาชีพเสียอย่าง แค่ทำตามหน้าที่ก็พอ อ๊ะ พี่วายุ!!"เสียงของนิลินทร์ ดีไซเนอร์สาวมือหนึ่งของบริษัทอุทานขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้คนทั้งทีมที่กำลังประชุมกันอยู่ ทัพเทพ หัวหน้าและผู้ดูแลโปรเจคครั้งนี้ก็ตกใจจนต้องหันมาถามเธอเช่นกัน"หลิน...มีอะไรจะเพิ่มงั้นเหรอ พี่ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องเสื้อผ้าเลย ยังอยู่ที่ฉากบนเวทีและการเล่นไปแอลอีดีอยู่เลย""เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อได้เลยค่ะขอโทษที""แก..เป็นอะไรตะโกนซะดังเลย ดูทีม B จ้องเราตาเขม็งแล้ว"จีนหมายถึงพรพิมล หรือแนน หัวหน้าฝ่ายออกแบบให้ทีม B ซึ่งดูแลเรื่องฉากและการแต่งหน้า พวกเขาจะเรียกทีมของนิลินทร์ซึ่งดูแลเรื่องเสื้อผ้า เครื่องปร
หลังจากงานวันนั้นเริ่มดำเนินการ ทีมของหลินและจีนก็เริ่มนัดคุยคอนเซ็ปชุดของแต่ละคนพร้อมกับรับฟังความคิดเห็นของศิลปินแต่ละคนว่าแต่ละคนอยากสวมชุดแบบไหนบ้าง ดูเหมือนว่าทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยังเหลือเพียงสองคนที่ยังเหลืออยู่ที่พี่ทัพเคยเตือนว่า พวกเขาคือ "โจทย์ยากที่สุด" สำหรับงานนี้"บีเอาแบบร่างชุดออกมาแล้วลองส่งไปที่ทีม B เพื่อให้พวกเขาลองดูแบบชุดให้เข้ากับการแต่งหน้า ฝ่ายอาร์ตจะได้ลองปรับดู แล้วก็อย่าลืมโลโก็ของคอนเสิร์ต""ค่ะพี่หลิน""หยก เรื่องเสื้อยืดล่ะมาหรือยัง ที่สั่งปักและสกรีนไป""มาวันพรุ่งนี้บ่ายๆค่ะพี่หลิน พึ่งแจ้งมาค่ะ มีสองสี ขาวกับดำเอาไว้ใส่ซ้อมค่ะ""จีนไปไหน ยังไม่เข้ามาอีกเหรอ""เห็นว่ามีนัดคุยกับศิลปินนะคะ""อ้อ โอวี่สินะ เป็นยังไงบ้างนะ เอาล่ะ รีบส่งแบบตัวอย่างเสื้อยืดไปพร้อมกับแบบของชุดที่ร่างเอาไว้ให้ทีม B ทีเดียวเลย""ได้ค่ะพี่หลิน อ้อพี่หลินคะ พี่ทัพฝากกุญแจห้องมาให้พี่แล้วนะคะ""ขอบใจมาก พวกเราพักชั้นเดียวกันหรือเปล่า""ไม่นะคะ พี่พักอยู่ชั้นบนร่วมกับพวกศิลปินอีกสามคนค่ะ พวกเราพักชั้นเดียวกับ...เฮ้อ....อลิซกับจินนี่ค่ะ""เอาน่า พักชั้นเดียวกันแต่คนละ
นิลินทร์ลุกขึ้นด้วยความโมโห สายตานั้นทำเอาวายุหยุดกึกและหันมามองหน้าเธอ หลินเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาด้วยความโกรธ"เอาไอแพดฉันคืนมา""คุณไม่ได้ต้องการถ่ายรูปและนอนกับผมเหรอ""นอนกะผีอะสิ!! หลงตัวเองโคตรๆ หล่อมากเลยมั้ง ไอ้...ฉันบอกให้เอาไอแพดฉันมา!!""เดี๋ยว นี่คุณมาเคาะห้องผมเพราะผู้จัดการ.."หลินคว้าน้ำส้มในแก้วที่เขาคงดื่มและวางเอาไว้สาดเข้าไปยังหน้าขาวๆ นั้นทันทีพร้อมกับดึงสมุดที่เขาถืออยู่กลับมาแต่เขากลับไม่ยอมคืนให้เธอง่ายๆจนเธอโมโหและถอยออกมา"ไอ้คนเฮงซวย เสียดายที่....ฮึ้ย!!"หลินโกรธจนตัวสั่นพร้อมกับหันหลังกลับไปและเดินออกจากประตูทันทีเพื่อเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เธอสวนกับใครบางคนเป็นหนุ่มหล่ออีกคนที่มองหน้าเธอพร้อมกับสงสัยเพราะห้องที่เธอพึ่งจะเดินออกมานั่น...คือห้องของ...."วายุ ไม่เลวนี่ นี่นาย...เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้น"วายุหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมกับเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำส้มคั้นครึ่งแก้วที่ถูกสาดมา"ผมต้องถามพี่มากกว่า นั่นไม่ใช่เด็กที่พี่บอกว่าพ่อจะหามาให้ผมเหรอ""โธ่ กว่าจะบอกปัดแล้วปัดอีกใช้เวลาอยู่ตั้งนาน ต้องบอกให้รถพาขับกลับไปส่งเลยนะกว่าจะปลีกตัวมาได้ แทบแย่ ว่า
วันจันทร์“พี่หลินแบบที่ส่งไปทีม B ส่งกลับมาแล้ววางอยู่บนโต๊ะค่ะ”“พี่หลินคะ ตัวอย่างเสื้อยืดกับโปโลมาถึงแล้วนะคะ วางอยู่ที่โต๊ะนะคะ”“ขอบใจนะหยก บีวันนี้จีนเข้าบริษัทหรือเปล่า”“เห็นบอกว่าจะเข้าช่วงเช้าค่ะ เพราะช่วงบ่ายจะย้ายของมาที่ตึกนะคะ”“อ้อ โอเค งั้นช่วงบ่ายพี่จะแวะไปดูหน่อย วันนี้มีอะไรด่วนไหม”“ไม่น่ามีแล้วนะคะ อ้อ อีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มประชุมแล้วนะคะ”“ได้ไม่มีปัญหา แค่พบปะศิลปินน่ะ ไปด้วยกันสิ”""ค่าา""ห้องประชุม“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ที่พบหน้าพบตากันครบเป็นวันแรก ผมจะขอแนะนำทีมงานให้รู้จักนะครับ”ทัพเทพแนะนำทีมงานเริ่มจากทีม A ของหลินไปเรื่อยๆจนถึงทีม B ของแนน จนถึงทีมงานเบื้องหลังทุกคน “หวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะประสบความสำเร็จนะครับ”“พี่ทัพคะ ทำไมทีมงานมีแต่ผู้หญิงละคะ ไม่เห็นมีผู้ชายในทีมออกแบบเลย”“อ้อ ทีม AB ของเราเป็นทีมงานที่มืออาชีพมากครับ หากจะมีก็มีสาวสองพอได้ไหมครับ ฮ่าๆ แต่งานพวกเรารับรองว่าถูกใจน้องอลิซแน่นอนครับ”“ขอให้เป็นแบบนั้นค่ะ”ศิลปินหลายคนหันไปมองหน้าอลิซพร้อมกับส่ายหน้าให้กับเธอ เป็นนิสัยที่ไม่ยอมเปลี่ยนเลยจริงๆ ศิลปินชายหลายๆคนกำลังคุยก
อลิซหันไปมองหน้าวายุพร้อมกับเงียบไปและหันมามองหน้าหลินอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้คุณแค่พลั้งมือ ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“เอ่อ…”อลิซยังไม่ทันได้พูดอะไรหลินก็เดินออกไปจากห้องแล้ว วายุมองไปที่หลินที่เดินไปแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีกวันถ่ายรูป“เตรียมชุดหรือยัง”“ทางนี้ค่ะพี่หลิน”“หยกแล้วรองเท้าละ ทั้งสองคู่เลย”"เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ"“พี่หลินคะ พี่วายุมาแล้วค่ะ"“ให้เขาเปลี่ยนชุดได้”“ค่ะๆ”“พี่หลินคะ พี่วายุให้มาเรียกค่ะ บอกว่ามีปัญหาเรื่องชุด”“ปัญหางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไป ทีทิพย์รอสักครู่นะคะ”“ไปเถอะๆ ทางนี้ไม่ต้องห่วง”หลินบอกฝ่ายกล้องและจัดเตรียมสตูถ่ายรูปอย่างเกรงใจเพราะวันนี้ต้องให้พวกเขามาถ่ายภาพสองศิลปินสุดท้ายที่จะมาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ หลินเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของวายุเธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปเลย เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเขากับอลิซอยู่ด้วยกัน เธอกำลังทำบางอย่างและเขาก็ผลักเธอออก“อุ้ย…คุณหลิน”หลินถอนหายใจพร้อมกับพยายามทำใจอยู่หลายวันที่ไม่ได้เจอเขา เธอพยายามจะไม่คิดมาก แต่พอมาเห็นแบบนี้กลับทำให้ยิ่งคิดมาก“เห็นหยกบอกว่าชุดของคุณมีปัญหาให้
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่
วายุและสาธิตเดินออกจากที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ตอนนี้เขารู้ว่าหลินปลอดภัยแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบ คือคนที่ทำร้ายนิลินทร์ต่างหาก“นั่นพี่วายุกับผู้จัดการเขาจะรีบไปไหนกันคะ”“ไปเก็บกวาดที่เหลือน่ะสิ ถามได้”“รีบไปสืบมาก่อนที่มันจะรู้ตัว หรือไม่ก็ลองสืบดูว่าใครเป็นคนประกันตัวพวกมันออกมา ผมว่าไม่มีทางที่มันจะเล่นงานผิดตัว”“ได้ แล้วนายจะอยู่ที่นี่เหรอ”“ผม…”“วายุ เรื่องนี้มีคนเห็นมาก เร็วๆนี้คงเป็นข่าว นายอยู่ที่นี่น่าจะไม่ดีแน่ กลับก่อนเถอะ”“แต่พวกเราอยู่นี่กันตั้งเยอะ”“แต่คนที่เห็นนายอุ้มเธอมาก็มีเยอะเหมือนกัน ระวังตัวก่อนดีกว่า”“ก็ได้ กลับไปที่พักรอหลินกลับไปก่อนก็แล้วกัน”GST สตูดิโอ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บอะไรกันขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะซ้อมยังไง”“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ทัพ ที่น่าห่วงน่ะ น้องหลินต่างหาก”“หลินเจ็บแต่ก็ได้ไม่ได้ขึ้นเวทีเหมือนพวกคุณ โอย เอาตารางฝึกมา ต้องปรับตารางฝึกของโอปอก่อน วายุ คุณไหวนะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมไม่มีปัญหา”“นี่โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ทำไมพี่โอปอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงช่วยคนอื่นด้วยคะ แทนที่จะให้เขาจัดการเอง เลยบาดเจ็บโดยไม
“พี่วา…”อลิซเห็นภาพตรงหน้า เธอเข้าใจว่าเขาวัดตัวอยู่แต่ไม่ใช่ ตอนนี้วายุกำลังก้มลงจูบดีไซเนอร์สาวตรงหน้าเธอ คนที่เธอคิดว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่วันนี้กลับมาจูบผู้ชายของเธอต่อหน้า“นังหลิน ตบเดียวไม่น่าพอแล้วล่ะมั้ง”หลินผลักคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว จนรวบงานทั้งหมดและจะเดินออกไปแต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ได้และยังก้มไปถาม“ยังจะกล้าไปร้านกาแฟอีกงั้นเหรอ”“ไปค่ะ”“หลิน!! นี่คุณยังต้อง…”“พี่วายุคะ เสร็จหรือยังคะ”“คุณอลิซคะ หลินวัดตัวคุณวายุเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ กลับดีๆนะคะ…คุณหลิน”หลินรีบรวบงานทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป วายุยืนหันหลังพร้อมกำหมัดแน่นโดยไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาสักนิด “พี่วายุคะ ไปกันหรือยังคะ”“พี่ไม่ว่าง อลิซกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีอัดเสียงอีก ขอตัว”“แต่ว่า…เมื่อกี้…”“นึกได้ว่าต้องแก้น่ะ ขอตัวนะ กลับดีๆล่ะ”“อลิซ…ไปด้วย”“ไม่ต้อง พี่ต้องการสมาธิ”วายุคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องไปทันที อลิซมองตามวายุที่เดินไปคนละทางกับห้องอัดอย่างน่าสงสัยแต่เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่เจอเขา วายุไม่เคยมีท่าทีที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่อทั้งสิ้น แม้ว่าจะพยายามแ
วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันทีสี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต“เอาแบบตรงนั้นมาที”“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”“พรุ่งนี้ล่ะ”“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่า
หลินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ เกี่ยวอะไรกับโอปอ เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่เวลานี้เธอไม่ได้อยากเถียงกับเขาเพราะเธอได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีเรื่องกับศิลปินเจ้าอารมณ์พวกนี้“นั่นคุณจะไปไหน”“ก็คุณจะเปลี่ยนชุด…จะให้หลินอยู่ทำไมคะ”“คุณไม่ได้บอกว่าดูแลเรื่องชุดเหรอ เห็นบอกว่าเป็นหน้าที่คุณนี่”“ใช่ค่ะ แต่..”“ถือชุดนั่นไว้ ผมจะถอดตัวนี้”“แต่ว่า!!”“คุณก็เห็นว่าผู้จัดการผมไม่อยู่ ช่วยหน่อยละกัน”หลินยืนถือชุดใหม่ให้เขาระหว่างที่เขาเริ่มถอดเสื้อตัวเดิม ตัวเขาขาวกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก และไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รูปร่างที่ดูดีของซุปตาร์คนนี้จะมีกล้ามท้องที่แน่นและแผงอกที่พอดีตัวจนน่าหลงใหลอย่างนี้ซ่อนอยู่คนที่แอบมองถึงกับใจสั่นเมื่อเห็น ราวกับว่าคนที่แอบมองก็รู้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้เธออย่างจงใจ“ส่งเสื้อมาสิ”เสียงกระซิบนั้นทำเอาหลินทำตัวไม่ถูก วายุเองก็สังเกตว่าเธอรักษาอาการไม่ค่อยอยู่ อย่างน้อยตอนนี้หูเธอก็แดงจัดจนน่าเอ็นดู อยากจะเอื้อมไปกัดเล่นเสียจริงแต่เขาและเธอพึ่งรู้จักกัน ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาอยากเข้าใกล้ได้แบบนี้ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิง“หลินว่าอ
อลิซหันไปมองหน้าวายุพร้อมกับเงียบไปและหันมามองหน้าหลินอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้คุณแค่พลั้งมือ ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“เอ่อ…”อลิซยังไม่ทันได้พูดอะไรหลินก็เดินออกไปจากห้องแล้ว วายุมองไปที่หลินที่เดินไปแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีกวันถ่ายรูป“เตรียมชุดหรือยัง”“ทางนี้ค่ะพี่หลิน”“หยกแล้วรองเท้าละ ทั้งสองคู่เลย”"เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ"“พี่หลินคะ พี่วายุมาแล้วค่ะ"“ให้เขาเปลี่ยนชุดได้”“ค่ะๆ”“พี่หลินคะ พี่วายุให้มาเรียกค่ะ บอกว่ามีปัญหาเรื่องชุด”“ปัญหางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไป ทีทิพย์รอสักครู่นะคะ”“ไปเถอะๆ ทางนี้ไม่ต้องห่วง”หลินบอกฝ่ายกล้องและจัดเตรียมสตูถ่ายรูปอย่างเกรงใจเพราะวันนี้ต้องให้พวกเขามาถ่ายภาพสองศิลปินสุดท้ายที่จะมาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ หลินเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของวายุเธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปเลย เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเขากับอลิซอยู่ด้วยกัน เธอกำลังทำบางอย่างและเขาก็ผลักเธอออก“อุ้ย…คุณหลิน”หลินถอนหายใจพร้อมกับพยายามทำใจอยู่หลายวันที่ไม่ได้เจอเขา เธอพยายามจะไม่คิดมาก แต่พอมาเห็นแบบนี้กลับทำให้ยิ่งคิดมาก“เห็นหยกบอกว่าชุดของคุณมีปัญหาให้