“แล้วใครจะได้สิทธิ์เลี้ยงก่อน” คำถามของเพลงพิณทำเอาโปรดคิ้วขมวด เพราะกำลังหาทางออกให้“เอางี้ เล่นกับดวงเลยแล้วกัน ถ้ารถที่เลี้ยวเข้ามาคลินิกทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ พิณเอาไปเลี้ยงก่อน แต่ถ้าลงท้ายด้วยเลขคี่ เบคเอาไปเลี้ยง โอเคนะ” “โอเค” เพลงพิณเอ่ยรับ ใครมันจะไปกล้าขัดสัตวแพทย์โปรดได้...หืม “ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับเช่นกัน ก่อนจะภาวนาให้รถที่เล่นเข้ามาภายในคลินิกคันต่อไปทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ ส่วนเพลงพิณก็ภาวนาตรงกันข้าม เลขคู่ เลขคู่ เลขคู๊!!! เสียงแอคโค่เธอดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างคนสวยอยากเลี้ยวแมว“เลขที่ออก...เจ็ด…จบข่าว อาทิตย์แรกเบคได้เลี้ยงเจ้าลัคกี้ก่อน ส่วนอาทิตย์ต่อไปก็แกพิณ” โปรดเอ่ยสรุปให้เสร็จสรรพ ก่อนจะได้ยินเสียงคนผิดหวังเบาๆ “อื้อ” เมื่อตกลงเรื่องใครจะเลี้ยงก่อนเลี้ยงหลังลงตัว เฟร์เรและเพลงพิณจึงเข้าไปดูอาการของเจ้าแมวน้อยใกล้ๆ และคนที่ขอตัวก่อนคนแรกคือเพลงพิณ เพราะใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว ตามด้วยเฟร์เรโปรดยืนกอดอกมองรถสองคันที่กำลังขับออกไปจากคลินิก อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแปลกๆ หรือทั้งคู่กำลังชอบพอกันอยู่“ไม่จริงมั้ง” โปรดส่าย
“บ้า…มาจูบสิ รสปลาร้าเต็มๆ” พี่ใหญ่ของกลุ่มค้อนควักให้คนแซวเรื่องปาก ที่มาแซวอะไรเอาตอนนี้ เดี๋ยวตบด้วยข้าวเหนียวในมือซะเลย “เผ็ดเหรอเจ้” สีหน้าของลลินดานั้นแสดงออกว่าห่วงเจ้ของเธอแบบสุดๆ “อื้อ…วันนี้ป้าแกโกรธอะไรเจ้เปล่า ใส่พริกซะเยอะซะแยะ เคี้ยวคำไหนเจอแต่พริก”“ไม่ได้โกรธหรอก คงเป็นพริกค้างครกมากกว่า เอ้า...น้ำๆ จะได้แก้เผ็ด” เอ่ยเสร็จ ลลินดาก็ส่งน้ำเย็นๆ ให้เพลงพิณดื่มดับเผ็ด“ขอบใจจ้ะ”“นี่เจ้…เค้ากำลังจะแต่งงานแหละ” ประโยคนี้ของลลินดาทำเอาเพลงพิณแทบจะบ้วนน้ำเย็นๆ ลงแก้วที่ถืออยู่ ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องตาปริบๆ “นี่เจ้เผ็ดจนหูแว่วไปเลยเหรอที่ได้ยินมิ้นบอกว่าจะแต่งงาน” เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ เพราะคิดว่าตัวเองหูฟาด “ไม่ได้หูแว่ว เค้ากำลังจะแต่งงานจริงๆ” ลลินดาย้ำให้ได้ยินอีกครั้ง ส่วนบุหลันนั้นก็ดูจะอึ้งไปอีกคน อึ้งจนข้าวเหนียวที่เพิ่งส่งเข้าปากหล่นมากองบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว “แต่งกับใคร” คนที่เอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวของลลินดาคือเพลงพิณ เพราะดูท่าเธอจะตั้งสติได้แล้ว “ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละเจ้ก็” ท่าทางของว่าที่เจ้าสาวดูขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด เพราะผักบุ้งที่อยู่ในมือตอนน
งานแต่งงานของยลดาและเจ้าบ่าวร้อยล้าน ที่ได้ชื่อแบบนี้เพราะเจ้าบ่าวอย่างบูรพานั้น เป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง แค่เอ่ยชื่อ คนครึ่งค่อนประเทศก็ร้องอ๋อ ภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้สีม่วงขาว ซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าสาว และคนที่โดดเด่นที่สุดของงานก็คงหนีไม่พ้นยลดา ที่วันนี้มาในชุดแต่งงานสีขาวจากแบรนด์ดัง ยิ่งส่งให้เธอเหมือนเจ้าหญิงที่ควงแขนมากับเจ้าชายผู้หล่อเหลา ธีมงานแต่งงาน คือธีมในฝันของสาวโสดหลายๆ คน ทุกอย่างดูโรแมนติกมาก มากเสียจนต่อมอิจฉาของเพลงพิณทำงานอย่างแรง“เฮ้อ...เราจะมีงานแบบนี้กับเขาบ้างมั้ยน้อ” คนโสดที่รั้งตำแหน่งคนสุดท้ายของกลุ่มตัดพ้อในโชคชะตา เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม เธอมักจะคว้าที่หนึ่งหรือลำดับต้นๆ มาครองเสมอ แต่เรื่องสละคานกลับรั้งที่สุดท้ายเสียได้ แต่ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เพลินๆ ช่อบูเก้เจ้าสาวก็หล่นตุ้บมาอยู่บนตัก สายตาแทบทุกคู่ในงานจับจ้องมาที่ทันตแพทย์คนสวยทันที เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน ก่อนจะถูกลากตัวขึ้นไปบนเวที“ว่าที่เจ้าสาวคนต่อไป” คำพูดของพิธีกรในงานยิ่งทำให้เพลงพิณเป็นจุดสนใจ และยิ่งสนใจยกกำลังสอง เมื่อทุกคนในงานรู้ว่าเธอยัง ‘โสด’“ว้าว! ไม่น่าเชื่อ
ตลอดเวลาที่เจ้าโชคดีหรือลัคกี้ รักษาตัวอยู่ที่คลินิกสัตว์ของโปรด ทั้งเพลงพิณและเฟร์เรก็ต่างแวะเวียนไปเยี่ยมเจ้าแมวน้อย แต่ไปทีไรก็คลาดกันตลอด กระทั่งครั้งล่าสุดที่เพลงพิณแวะไปก็เห็นว่าโชคดีนอนอยู่บนตักเฟร์เร“หมั่นไส้”“เอ้า! แกนี่ก็แปลก อยู่ๆ มาบอกหมั่นไส้ฉัน” เพลงพิณหันมาแหวใส่คนข้างๆ “แกนี่เลยจุดว่าหมั่นไส้ไปนานแล้วย่ะ ที่ฉันหมั่นไส้คืออีแมวนั่นต่างหาก แหม…ทีอย่างนี้มาทำเป็นอ้อน นอนตักผู้ชาย ทีฉัน…แค่จับนางมาตรวจแผลหน่อยเดียว มีข่วน มีขู่ฟ่อๆ ยังกะงูเห่า” โปรดเบ้ปาก หมั่นไส้แมวได้น่าหมั่นไส้มาก แต่ความจริงคือเขาเป็นคนชอบสัตว์ทุกชนิดต่างหาก ไม่งั้นคงไม่เรียนและเลือกที่จะมาเป็นหมอสัตว์หรอก “นังบ้า อิจฉาได้แม้กระทั่งแมว”“หรือไม่จริง” สีหน้าของโปรดยังคงจริงจังอยู่ เพลงพิณหมั่นไส้จึงตีลงไปบนแขนแรงๆ จนสัตวแพทย์หนุ่มสะดุ้ง “สงสัยแมวมันจะรู้ว่าแกคือชะนีในร่างผู้ชาย นางเลยไม่ยอมให้เข้าใกล้”“สู่รู้ไปนะนังแมวน้อย...ชิส์” สะบัดหน้าใส่แมวเสร็จก็เดินกลับไปทำงานต่อ เพราะมีเคสผ่าตัดคลอดให้สุนัขอยู่อีกเคส แต่พอนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเพลงพิณ จึงเดินกลับมาใหม่“ฉันมีเคสผ่าตัดหมาคลอดลูก คงอีกนานกว่าจ
ของคาวผ่านไปก็ตามด้วยของหวาน เฟร์เรได้แต่มอง ขณะที่เพลงพิณสั่งของหวานมาทาน สีหน้าเขาดูงุนงงกับของหวานที่ได้เห็น เพราะนึกว่าจะเป็นไอศกรีมหรือเค้กเสียอีก“ลองทานดูไหมคะ”“ของหวานของคุณหน้าตาแปลกดี” เฟร์เรมองไปยังถ้วยของหวานที่มีน้ำแข็งและอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จักลอยอยู่ในนั้น “มันเรียกว่าสละลอยแก้ว ทานตอนอากาศร้อนๆ อร่อย” สีหน้าของคนพูดดูจะมีความสุขกับการได้กินเมนูโปรดหน้าร้อน “ชื่อก็แปลก”“แน่สิ…ก็อาหารไทยนี่นา ลองชิมดู” เพลงพิณหยิบช้อนอีกคันมาตักสละลอยแก้วแล้วยื่นให้เฟร์เร ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปรับช้อนคันนั้นมาถือไว้ ก่อนจะลองชิมรสชาติดู “อร่อยไหม” คำถามของเพลงพิณ เฟร์เรตอบด้วยการส่ายหน้า นั่นทำให้เธอหัวเราะออกมา สงสัยเขาจะไม่ชอบรสหวานอมเปรี้ยวติดเค็มที่ปลายลิ้นของสละลอยแก้วถ้วยนี้ แต่สำหรับเธอ บอกเลยว่า ปลื้มมากเมื่อทานอิ่ม เฟร์เรก็ขับรถพาเพลงพิณกลับมาที่คลินิกสัตว์ของโปรด ช่วยเธอถือของไปเก็บไว้ในรถที่จอดอยู่ “ขอบคุณมากนะคะ สำหรับบัตรส่วนลด รวมถึงข้าวหนึ่งมื้อด้วย” ทันตแพทย์สาวเอ่ยขอบคุณเจ้าภาพใจดีของวันนี้ “ยินดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกขึ้นรถข
“ใช่…สลับกันเลี้ยงคนละอาทิตย์กับผู้หญิงบ้านข้างๆ คนที่ตีนายจนน่วมนั่นแหละ”“นายให้เธอเลี้ยงคนเดียวไม่ได้หรือไง” สีหน้าของฟาโรห์ช่างดูน่าสงสาร ตัวก็โตกว่า แต่มาแพ้แมวตัวเล็กๆ เสียได้ “คงไม่ได้ นายมีปัญหาอะไรมั้ย”“พอดีว่าฉัน…ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย!” ยังไม่ทันจะได้บอก ฟาโรห์ก็จามติดกัน “ว่างๆ ก็ไปให้หมอตรวจหน่อย” สีหน้าของเฟร์เรนั้นแสดงออกว่าห่วงน้องชายอยู่ไม่น้อยที่เอาแต่จามอยู่แบบนี้ และจังหวะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ น้องชายก็จามออกมาอีกสองสามครั้ง พร้อมกับรีบขยับหนีไปอีกทาง“นายยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามาใกล้”“ทำไม ไม่อยากอุ้มเจ้านี่เหรอ” เจ้านี่ที่ว่าคือแมวน้อยสีขาวที่เฟร์เรอุ้มอยู่ แล้วยังหวังดี ทำท่าส่งให้ฟาโรห์อุ้มบ้างอีกต่างหาก “ไม่…เอาออกไปห่างๆ ฮัดเช้ย!”“เอ้า! จามขนาดนี้ รีบไปหาหมอซะไป” เฟร์เรไล่น้องชายไปหาหมออีกครั้ง นั่นเพราะเขายังไม่รู้ว่าฟาโรห์แพ้ขนแมว เพราะไม่รู้จึงทำให้ไม่ได้เอะใจอาการจามนี้ว่ามาจากแพ้ขนสัตว์ หากแต่คิดว่าฟาโรห์คงแค่แพ้อากาศเท่านั้น “รู้แล้วน่า งั้นฉันขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่า ฮัดเช้ย!” ขณะที่กำลังจำอ้าวกลับขึ้นไปด้านบน เสียงจามของฟาโรห์ก็ยังคงดังมาให้ได้ยิ
หลังรับยาเสร็จ ฟาโรห์ก็ตรงกลับบ้าน เพื่อบอกพี่ชายเรื่องจะย้ายออกไปอยู่คอนโดมิเนียม แต่ยังไม่ทันจะได้พูดเรื่องนี้ ก็เห็นเฟร์เรสะพายกล้องเหมือนจะออกไปที่ไหนสักแห่ง“นั่นนายจะไปไหน” “มีงานด่วนเข้ามา ฉันฝากนายดูแลลัคกี้สักสามสี่ชั่วโมงสิ” งานด่วนที่ว่าคืองานถ่ายภาพที่สตูดิโอของเพื่อนสนิท ซึ่งมาเปิดธุรกิจผลิตสื่อโฆษณาที่เมืองไทยแม้จะไม่อยากรับงานด่วน แต่งานด่วนที่ว่าก็ช่างน่าสนใจ เพราะเป็นการถ่ายแบบที่มีสัตว์อย่างม้าเป็นองค์ประกอบหลัก ปกติ เฟร์เรนั้นชอบสัตว์อยู่แล้ว เขาจึงไม่เกี่ยงหากจะทำงานร่วมกับมัน “ห๊า!” คนฟังอุทานเสียงหลง แค่อยู่ใกล้ชีวิตเขายังลำบาก นี่เฟร์เรยังฝากให้ดูแลเจ้าแมวอีกเหรอ แค่คิดฟาโรห์ก็หน้าซีด “อย่าทำหน้าแบบนั้นไอ้น้องชาย แค่ดูแลแมว มันก็งานง่ายๆ เหมือนกับที่นายคอยเทคแคร์สาวๆ นั่นแหละ” เอ่ยจบเฟร์เรก็ก้าวตรงไปยังรถแล้วขับออกไปทันทีปล่อยให้ฟาโรห์ยืนอึ้ง ก่อนจะก้มมองถุงยาในมือตาปริบๆ งานนี้ดูท่าเขาจะรอดยาก ยืนถอนหายใจดังเฮือกสองสามครั้ง ก่อนจะเดินไปยืนด้อมๆ มองๆ แมวที่มุมห้องปีกซ้ายของบ้าน ซึ่งพี่ชายกั้นเป็นอาณาเขตพร้อมทั้งตกแต่งไว้อย่างดิบดี ลัคกี้เหมือนจะรู้ว่าเฟร์เ
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทำให้ฟาโรห์ที่นั่งกอดเข่าจ้องลัคกี้มานานนับชั่วโมงลุกพรวดขึ้น ก่อนจะจ้ำอ้าวตรงไปหาพี่ชายฝาแฝดหน้าตาตื่น“เบค…ฉันมีอะไรจะคุยด้วย” น้ำเสียงของฟาโรห์นั้นดูกระวน กระวายอย่างเห็นได้ชัด “ว่ามาสิ” เฟร์เรพยักหน้าให้ แต่ก่อนจะฟัง เขาก็เดินไปหาลัคกี้เสียหน่อย พอเห็นว่ามันหลับอยู่ จึงเดินกลับมาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้รอฟังสิ่งที่ฟาโรห์จะเอ่ย“ฉันจะย้ายออก อยากซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองอยู่สักห้อง” หลังจากนั่งคิด เดินคิดดีแล้ว ฟาโรห์ก็เอ่ยบอก ส่วนคนฟังกลับคิ้วขมวด ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายฝาแฝดต้องไปอยู่คอนโดมิเนียม“ทำไม นายไม่ชอบบ้านหลังนี้เหรอ”“ชอบ…แต่พอมานั่งคิดๆ ดู ฉันเดินทางไปทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” น้องชายให้เหตุผลที่พอจะฟังขึ้นอันดับต้นๆ มาก่อน เพราะหลังจากไปกลับที่ทำงานติดกันหลายวัน ก็ทำเอาเขาออกอาการเหนื่อยล้ากับการเดินทางอยู่ไม่น้อย “เหตุผลแค่นี้เหรอ”“ก็…ฮัดเช้ย!” ยังไม่ทันจะบอกอีกเหตุผล เสียงจามก็ดังขึ้น สงสัยยาแก้แพ้ที่กินเข้าไปจะหมดฤทธิ์“นายไปหาหมอแล้วนี่ หมอว่านายเป็นอะไร” คำถามของพี่ชาย ทำให้ฟาโรห์ดูอึกอัก ตัวโตแต่กลับเป็นภูมิแพ้ซะได้ “อันที่จริงฉันแ
แม้จะไม่เคยเสียจิ้นกินตับกับใคร แต่เรื่องจูบ เพลงพิณก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง แหม…เธออายุปูนนี้แล้วนี่นา ไม่ใช่สาวรุ่นวัยขบเผาะเสียเมื่อไหร่ แต่ดูท่าประสบการณ์จะน้อยนิดไปหน่อย เพราะตามความช่ำชองของเฟร์เรไม่ทัน ส่งผลให้เพลงพิณหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม ยามที่ริมฝีปากอุ่นจัดบดขยี้ลงบนปากอิ่ม บางครั้งก็อ้อยอิ่งคลอเคลียหยอกเย้าเอาใจการจูบโต้ตอบของเพลงพิณทำให้เฟร์เรพอใจ แม้เธอจะเก้ๆ กังๆ บ่งบอกว่ายังอ่อนประสบการณ์ไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะทำให้เธอเร่าร้อนได้ไม่ยาก ปากอุ่นจัดของเฟร์เรยังคงทำหน้าที่มอบจูบให้คนในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะยกมืออีกข้างขึ้นมาจับคางมนของเพลงพิณแล้วสัมผัสเบาๆ เพื่อให้ริมฝีปากเธอเผยอออก จากนั้นก็ส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เพื่อดูดดื่มความหวานจากเธอ“อื้อ…” เสียงครางคล้ายจะต่อต้านดังมาจากเพลงพิณ นั่นเพราะความเร่าร้อนที่มากขึ้นของเฟร์เร ทำให้เธอถึงกับขาอ่อน อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจูบเขามากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ไหนจะกอดแน่นๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้อีก แน่นเสียจนเธอหายใจไม่ออก เกือบจะแทรกเข้าไปในตัวเขาได้
“ก็มันน่าคิดออก” ได้ยินแบบนี้ เฟร์เรก็ทำท่าจะดีดหน้าผากเธออีกครั้ง นั่นทำให้เพลงพิณต้องรีบห้าม “อย่าดีดนะ เจ็บแล้ว”“คุณนี่ ไม่ไว้ใจกันเลย”“เอ้า! หรือไม่จริง”“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจทำ แต่สำหรับผม ไม่…ก็คือไม่” เฟร์เรตอบเสียงหนักแน่น พลอยทำให้เพลงพิณยิ้มออกและรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปอีก ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน เข้าบ้านไปเอาไม้เบสบอลมาตีหัวแล้วลากเลยซะดีมั้ยเนี่ย รวมทั้งร้องขออยู่ในใจว่า รักนี้…เจ้ขอ ได้ไหมส้ม...กรี๊ดดดด!!!“แล้วคุณให้เหตุผลอะไรไป เธอถึงปล่อยให้คุณรอด ทั้งๆ ที่ลงทุนทั้งจูบ ทั้งกอด อ้อ…มีเปลือยหน้าอกด้วยแบบนั้น” อารมณ์หึงนิดๆ กำลังมา แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะยังไม่รู้ตัว“ผมบอกเธอไปว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย แล้วแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ เธอก็เชื่อสนิทใจ ผมก็เลยรอดปลอดภัย ไม่เสียตัวให้คนที่ผมไม่ได้รัก” เฟร์เรเน้นคำว่า ‘คนที่ผมไม่ได้รัก’ ให้ชัดๆ พร้อมกับสบตาเพลงพิณไปด้วย แม้รอบข้างจะมืด แต่แสงสว่างจากไฟบนถนนและริมรั้วที่ส่องเข้ามาก็ทำใ
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” นี่คือประโยคแรกที่เพลงพิณเอ่ยเมื่อมาถึงร้านอาหาร เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มๆ ตรงหน้าคือวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตอนนี้พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะเลือนหายลับไปจากขอบฟ้า แต่ก็ยังคงทอแสงสีทองยามอัสดงที่ระยิบระยับ“ชอบมั้ยครับ”“ชอบค่ะ” ต่อให้เป็นร้านอาหารริมทาง แต่ถ้าได้นั่งทานกับเฟร์เร เพลงพิณก็ดูเหมือนจะชอบหมด ไม่เคยคิดว่าหนุ่มมาดเซอร์ๆ จะโรแมนติกกับเขาได้เหมือนกัน“ดีใจที่คุณชอบ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเลือกว่ามื้อนี้จะทานอะไร เมื่อสรุปลงตัวก็สั่งกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่แล้วและขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ เพลงพิณก็มองบรรยากาศเลิศๆ ตรงหน้าอย่างเพลินตา นานๆ จะมานั่งกินข้าวริมน้ำแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะบรรยากาศมันช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี กระทั่งสมองหวนคิดถึงบุหลันขึ้นมา นั่นเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ เกิดมองหน้ากันไม่ติดจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าส้มชอบคุณ”“ผมรู้ครับ”“แล้วคุณคิดยังไงกับส้มคะ”&ldquo
“อ้อ…นิดหน่อยน่ะจ้ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะตั้งสติทำงานของตัวเธอต่อ กระทั่งได้เวลาเลิกงาน ขณะที่ทันตแพทย์สาวกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของบนโต๊ะ ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา“เลิกงานแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง“คุณนี่! ฉันตกใจหมดเลย”“พึ่งรู้ว่าคุณขวัญอ่อน” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ แต่คนฟังกลับแยกเขี้ยวใส่“ชิส์…ใครจะไม่ขวัญอ่อน อยู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ นี่ถ้ามีไม้เบสบอลอยู่ในมือ ฉันฟาดคุณไม่เลี้ยงเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” ตอนนั้นที่ว่า คือตอนที่อยู่ๆ ฟาโรห์ก็โผล่เข้าไปในบ้านของเพลงพิณ ด้วยเหตุผลว่าตนเข้าบ้านผิด ซึ่งถึงตอนนี้ทันตแพทย์สาวก็ยังเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นคือเฟร์เร“คุณนี่โหดกว่าที่ผมคิดไว้อีก” หนุ่มมาดเซอร์เออออตามน้ำไปก่อน เพราะเขาตั้งใจให้เธอได้พบกับน้องชายฝาแฝดของเขาอยู่แล้ว“แน่ล่ะ”“สรุปคุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน...หืม”
“ครับๆ ไว้ผมจะส่งรูปที่เราถ่ายวันนี้ให้” ขณะเอ่ยก็โน้มตัวมาใกล้ๆ อามาเรีย เพราะรังเกียจ เธอจึงผลักเขาให้ออกห่าง แล้วกระโดดลงจากเตียงรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมทันที“ถ้าจะส่งก็ส่งผ่านมาทางพี่ลูกศรเลยนะ ระหว่างเราจบแค่นี้ เพราะฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนสาวเพิ่ม”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับได้น่าฟัง แต่สำหรับอามาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น เฟร์เรกลับมาเก็บกล้องและอุปกรณ์ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จก็กลับออกไปปล่อยให้อามาเรียยืนหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย เพราะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ ที่อ่อยใครไม่อ่อย กลับมาอ่อยชายที่ไม่ใช่ชาย“กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า…บ้าๆ” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของอามาเรีย ทำให้ลูกศรรีบเข้าไปดู ส่วนเฟร์เรนั้นได้แต่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากตรงไปยังรถอย่างอารมณ์ดี“หยุด ไม่ต้องถามอะไรเลยนะพี่ลูกศร” พอเห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวที่ตั้งท่าจะถาม อามาเรียก็รีบยกมือห้าม“สรุป…นี่มีอะไรกันแล้วเหรอ” แม้จะถูกห้าม แต่ลูกศรก็อดที่จะถามไม่ได้จ
อามาเรียจึงไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นนอนบนเตียงทันที การกระทำของเธอทำให้เฟร์เรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทำงานของตัวเองต่อไป“เซ็ตนี้ อามาเรียอยากได้รูปครึ่งตัวนะคะเบค”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แต่การกระทำต่อจากนี้ของอามาเรียก็ยิ่งทำให้เฟร์เรอึ้ง เพราะอยู่ๆ เธอก็โยนหมอนที่กอดอยู่ไปอีกทาง เผยให้เห็นหน้าอกคู่สวยท้าทายสายตาชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จากที่อึ้งอยู่แล้วคราวนี้เฟร์เรถึงกับอึ้งยกกำลังสอง และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น“เบคขา ถ่ายรูปอามาเรียให้สวยๆ นะคะ” อามาเรียยิ้มหวาน เอ่ยเสียงกระเส่า ไหนจะสีหน้าท่าทางที่ยั่วยวนนั่นอีกเฟร์เรได้แต่กัดฟันกรอดๆ ตัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากสมอง เพราะไม่อยากเป็นคนเชิญความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตเสียเอง แต่ยิ่งเขาไม่สนใจ อามาเรียก็ยิ่งอยากเอาชนะ เธอใช้ทีเผลอที่เฟร์เรขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆ คว้าตัวเขาไว้ แล้วออกแรงรั้งจนร่างหนาลงไปนอนบนเตียงพร้อมเธอ จากนั้นก็ขยับมาขึ้นคร่อมทับตัวเฟร์เรไว้“คุณไม่ชอบแบบนี้เหรอ” แบบนี้ที่ว่าคือการที่อามาเรียจงใจโน้มตัวลงมาห
บทที่ 42เพราะมีงานถ่ายแบบด่วนจากซิโน่ แถมยังเป็นงานที่เฟร์เรชอบเป็นพิเศษและไว้ใจ นั่นทำให้เขาตอบรับงานนี้ไปทันที โดยไม่ถามรายละเอียดมากนัก ก่อนจะเดินทางไปยังสถานที่ทำงานของเขาในวันนี้ตามแผนที่ที่ซิโน่แนบมาให้ทางอีเมล์แต่เมื่อมาถึง เฟร์เรก็ถึงกับคิ้วขมวดกันเป็นปม เพราะตรงหน้าคือบ้านหลังหนึ่ง ขณะที่กำลังยืนลังเลๆ ว่าเขามาผิดบ้านหรือไม่ คนที่อยู่ภายในก็ก้าวออกมาเปิดประตูให้ เขาคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดี แม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวก็ตาม“เชิญค่ะ”“ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับคำเชิญของลูกศร คิ้วหนายังคงขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูก หรือเขากำลังถูกปั่นหัวจากนางแบบที่ชื่อว่าอามาเรียเข้าให้แล้ว“ขอบคุณที่มาเป็นช่างภาพให้วันนี้นะคะคุณเบค”“ยินดีครับ” แม้จะไม่รู้สึกยินดี แต่เฟร์เรก็ไม่อาจเอ่ยคำนั้นออกไปได้“งั้นเชิญข้างในค่ะ” เฟร์เรพยักหน้ารับคำเชิญของลูกศร แล้วจึงสาวเท้าเดินตามเธอเข้าไปภายใน ผ่านห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่าง กระทั่งขึ้นไปชั้นบนลูกศร
“ฉันเกรียมหมดแล้วแก ไม่ต้องเผาแล้ว...พอ” เพลงพิณหันมาแยกเขี้ยวให้ แต่ยลดากลับหัวเราะก๊ากกับท่าทางของเพื่อนแทน และเพราะสงสารจึงไม่ได้เผาต่อยลดาอยากจะพูดเหลือเกินว่าตอนนี้เพลงพิณนั้นโสดสนิท แต่ก็ไม่ยอมพูดออกไป เพราะถ้าออกตัวแรงว่าอยากให้เฟร์เรกับเพลงพิณคบหากัน มันจะไม่งาม ที่สำคัญคือเกรงใจบูรพาสามีด้วยคุยไปคุยมาก็ชักเพลิน ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงทั้งสองฝ่ายจึงแยกย้าย เฟร์เรขับรถพาเพลงพิณไปเอารถที่จอดไว้หน้าร้านขายต้นไม้ ซึ่งระหว่างทางทั้งคู่ก็สรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยเพื่อฆ่าเวลา“นั่งรถผ่านที่ทำงานก็รู้สึกแปลกๆ ดีเนอะ” ขณะพูดก็หันไปมองตึกของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ สถานที่ทำงานของเธอ เพราะนอกเหนือเวลางานแล้ว เพลงพิณแทบไม่เฉียดมาทางนี้ท่าทางของเธอทำให้เฟร์เรพลอยชะเง้อมองไปดูด้วยอีกคน เขารู้ว่าเพลงพิณเป็นทันตแพทย์ ทำงานที่โรงพยาบาลและยังเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง“ฉันพึ่งรู้ ว่าคุณอายุน้อยกว่าฉัน”“อายุสำคัญเหรอครับ” คำตอบของเฟร์เรทำเอาเพล
“อ้อ…พอดีบ้านผมกับบ้านคุณพิณอยู่ติดกัน เลยทำให้เรารู้จักกันไปโดยปริยายน่ะครับ” คำตอบของเฟร์เรทำเอายลดารีบหันมามองหน้าเพื่อน“บ้านติดกัน บ้านใหม่แกน่ะเหรอพิณ” จะว่าไป ตั้งแต่เพลงพิณย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ เธอก็ยังไม่มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเลยนี่นา“อื้อ”“ผมว่าเราไปหาร้านนั่งคุยกันก่อนดีมั้ย” บูรพาเสนอขึ้น อีกสามคนที่เหลือจึงพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งหมดเดินตรงมาอีกหน่อยก็พบกับร้านกาแฟที่ออกแบบได้อย่างลงตัว จึงเข้าไปนั่ง ก่อนที่หนุ่มๆ จะเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ยลดาจึงใช้จังหวะนั้นหันมามองเพลงพิณ ที่ตอนนี้เอาแต่จ้องหนุ่มมาดเซอร์ตาเป็นประกายวิบวับ ยิ่งมองก็ยิ่งชวนให้สงสัย จนต้องเอ่ยถามเอาความจริง“แต่ดูท่าทางแกกับเบคจะไม่ได้รู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนบ้านธรรมดาๆ นะยัยพิณ แกมีอะไรจะบอกฉันมั้ยยะ” ขณะถามก็จ้องหน้า สบตาเพลงพิณไปด้วย นั่นทำเอาเพลงพิณชักจะร้อนตัว นั่งไม่ค่อยติดที่ซะแล้ว“ไม่มีเลย แกคิดมากไปเปล่า