FAZER LOGINบทที่ 6 กลับมา
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่พี่ชมพู่กระซิบบอกเรื่องข่าววงในเกี่ยวกับการเข้ามาของผู้บริหารคนใหม่ ธารน้ำก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของใครคนนั้น หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับอิตาลีไปแล้ว? ช่างเถอะ... มันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่สิ่งที่น่าแปลกใจและทำให้ธารน้ำเป็นกังวลมากกว่าคือ ลูคัส ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วลูคัสมาส่งเขาที่คอนโด ชายหนุ่มคนนั้นก็หายตัวไปดื้อๆ เหมือนไม่เคยมีตัวตน ธารน้ำตั้งใจว่าจะติดต่อเขาเพื่อสอบถามเรื่องค่าซ่อมรถเก๋งที่โดนชนท้าย และค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเขาเองที่จู่ๆ ก็กลับมาสวยปิ๊งเหมือนใหม่... แต่ก็ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหน ไปดูที่ลานจอดรถของบริษัทก็ไม่เห็นรถสปอร์ตคันหรูของเขาเลย ‘เอ๊ะ! หรือว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ’ ความคิดผุดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็รีบสะบัดมันทิ้งไปว่าแล้วเขาก็กลับมาก้มหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงเรียกของพี่ชมพู่ที่ดังขึ้นข้างๆ “เจ้าเด็กๆ!” “ครับ?” ธารน้ำหันไปมองด้วยความสงสัยเต็มที่ เพราะอยู่ดีๆ พี่ชมพู่ก็หันมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตกใจราวกับเพิ่งเจอเรื่องเหลือเชื่อมา “ผู้บริหารคนใหม่... มาแล้วนะ! และตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องประชุมใหญ่” พี่ชมพู่กระซิบบอกด้วยแววตาเป็นประกาย “ครับ” ธารน้ำตอบรับสั้นๆ อย่างเฉยชา “อ้าว? ไม่ตื่นเต้นเหรอ” พี่ชมพู่ถามอย่างแปลกใจในปฏิกิริยาของเขา “ไม่ครับ อาทิตย์ที่แล้วพี่ชมพู่บอกผมแล้ว” ธารน้ำตอบเรียบๆ “มันก็ใช่... แต่พี่เพิ่งเจอกับเขามาเองนะ! หล่อมากๆ! หล่อแบบ... หล่อวัวตายควายล้มเลยล่ะเจ้าเด็ก! หล่อจนต้องเหลียวหลัง” “ครับ...” ธารน้ำได้แต่พยักหน้ารับอย่างส่งๆยอมรับว่าตอนแรกที่ได้ยินข่าวก็ตื่นเต้นอยู่หรอก แต่พอผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วความเฉยชาก็เข้าแทนที่ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้งานที่แผนกเยอะมากจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น และที่สำคัญ... คนที่เขาอยากเจอและเป็นห่วงอย่างลูคัสกลับหายหน้าไปอย่างไร้ร่องรอยเสียก่อน มันเลยทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นกับผู้บริหารคนใหม่ลดลงจนแทบจะเป็นศูนย์ . . ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาพักเที่ยง ธารน้ำรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษในวันนี้ จึงตัดสินใจที่จะหลบหนีความวุ่นวายในออฟฟิศขึ้นไปแอบงีบบนดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่สงบที่น้อยคนจะนึกถึง ว่าแล้วเขาก็แวะซื้อขนม นม และน้ำ ก่อนจะกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นสูงสุดของตึกทันที ทว่า... ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ลูคัส กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนม้านั่งพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ ในชุดสูทสีดำสนิทที่ดูภูมิฐาน ใบหน้าหล่อเหลานั้นนิ่งสงบ หลับตาพริ้มราวกับกำลังพักผ่อนอย่างเต็มที่ ธารน้ำค่อยๆ เดินย่องเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง แต่เพียงแค่ก้าวเดียว คนที่นอนอยู่ก็ลืมตาขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่คมกริบอย่างน่าตกใจ “เราขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตื่น” “อืม” “หายไปไหนมาตั้งเป็นอาทิตย์” “ทำงาน” “ที่ไหน” “ทำไมต้องบอก” “เคเลย!” ธารน้ำทำหน้าไม่พอใจให้กับคนตรงหน้าทันที ‘รู้งี้ไม่สนใจก็ดีแล้ว ไม่น่าเลยที่อุตส่าห์เป็นห่วง’ ว่าแล้วเขาก็หันหลังตั้งใจจะเดินหนีไปหาที่นั่งมุมอื่นแต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาออกไป ร่างสูงของลูคัสก็เอื้อมมือมาจับข้อมือเขาไว้ก่อน ธารน้ำจึงรีบสะบัดมือทิ้งอย่างแรงด้วยความโมโห ‘คนอุตส่าห์เป็นห่วง ดูทำนิสัยเข้าสิ! ช่างเถอะ ไม่สนใจแล้ว!’ “ไปอิตาลีมา” ลูคัสกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับรู้ว่าคำพูดเมื่อครู่ทำให้ธารน้ำโกรธ “...” ธารน้ำหยุดชะงักและหันกลับมามอง “ทำแผลให้หน่อยดิ” ลูคัสพูดต่อพลางยื่นกระเป๋าปฐมพยาบาลขนาดเล็กมาให้ ดูเหมือนเขาจะเตรียมทุกอย่างมาพร้อม เหมือนรู้ว่าวันนี้จะต้องเจอใครบางคน “ถือว่าเป็นค่าซ่อมรถ” ลูคัสพูดสั้นๆ เพื่อให้ธารน้ำคลายความกังวลใจและยอมทำแผลให้ “ครับ” ธารน้ำรับคำอย่างจำใจ แต่ยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของคนตรงหน้า จากนั้น ลูคัสก็เริ่มถอดเสื้อสูทสีดำออกทีละตัวอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่ด้านใน ก่อนที่เขาจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างไม่รีบร้อน ธารน้ำได้แต่มองตามตาไม่กะพริบ เมื่อเสื้อถูกปลดออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์ ก็เผยให้เห็นบาดแผลที่หัวไหล่ด้านขวา เป็นรอยแดงช้ำลึกที่ดูเหมือนรอยถูกยิงที่เพิ่งจะเริ่มแห้ง แต่สิ่งที่ทำให้ธารน้ำต้องตกตะลึงจนแทบหายใจไม่ทั่วท้องคือร่างกายภายใต้ร่มผ้านั้นถ้ามองผิวเผิน ลูคัสเหมือนจะสักแค่บริเวณคอเท่านั้น แต่เมื่อถอดเสื้อออกหมดแล้ว รอยสักสีดำสนิทก็ปรากฏเต็มไปหมด ตั้งแต่ที่คอ ลามลงมาที่หน้าอกทั้งสองข้าง เลื้อยยาวไปถึงอ้อมแขนจนเกือบถึงข้อมือ ลายสักดูซับซ้อนและน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป แต่มันกลับดูดีและทรงพลังอย่างน่าประหลาดสำหรับธารน้ำ “คุณไปทำอะไรมา” ธารน้ำถามออกไปอย่างลืมตัว “พี่” “เห้อ... พี่ไปทำอะไรมาครับ” “ถูกยิง” “⊙△⊙” “กลัวเหรอ?” ลูคัสถามด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ธารน้ำได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้กลัว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มที่ดูดีมีฐานะแบบนี้ถึงต้องถูกยิง หรือว่าเขาไปขัดผลประโยชน์ใครเข้า? แต่เป็นแค่ผู้จัดการก็ไม่น่าจะถึงขั้นนั้น... ธารน้ำไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าชีวิตของคนตรงหน้าซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่ . . . พาร์ทลูคัส ผมกำลังมองเด็กตัวอ้วนแก้มยุ้ยตรงหน้าที่ผมจงใจให้ทำแผลให้ ใบหน้ากลมๆ ของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ผมรู้ดีว่าธารน้ำอยากจะถามใจจะขาดว่าทำไมคนอย่างผมถึงถูกยิง นับตั้งแต่วันนั้น... วันที่ผมไปส่งเขาที่คอนโด ผมก็ได้รับสายด่วนจากแด๊ด (บิดา) ให้รีบเดินทางไปอิตาลีทันที เพื่อจัดการกับพวกหนอนบ่อนไส้ที่เข้ามาสอดแนมข้อมูลที่บริษัทแม่ กว่าจะตามรอยและจับตัวพวกมันได้ก็กินเวลาไปเกือบสัปดาห์เต็มๆ และต้องแลกมาด้วยบาดแผลจากการปะทะเล็กน้อยที่หัวไหล่ แต่พอเคลียร์เรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ผมก็รีบบินกลับประเทศไทยทันที ทำไมนะหรือ? ผมคิดถึงหน้ากลมๆ ของไอ้เด็กอ้วนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง!อยากเจอ อยากกอด อยากจะฟัดแก้มยุ้ยๆ นั่นให้ชื่นใจ แต่... มันเป็นได้แค่ความคิด ผมไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องมาเสี่ยงอันตราย หรือเข้ามาพัวพันกับโลกมืดที่ผมต้องเจอ แม้ว่าผมจะไม่อยากให้เขาเข้ามาเสี่ยง แต่ผมก็หักห้ามใจให้มาเจอเขาไม่ได้อยู่ดี เลยตัดสินใจขึ้นมานอนรอเขาบนดาดฟ้าทันทีหลังจากที่ประชุมผู้บริหารเสร็จสิ้น ผมขอแด๊ดแล้ว และท่านก็อนุญาต ผมจะย้ายมาประจำการที่บริษัทในไทยอย่างถาวรเลย ง่ายๆ เลย... ผมแค่อยากอยู่ใกล้เด็กตรงหน้า ผมไม่อยากห่างอีกแล้ว ผมยอมรับว่าผมชอบไอ้เด็กอ้วนที่กินเก่ง พูดเก่ง แถมยังใจดีเป็นบ้าคนนี้เข้าให้แล้วจริงๆ •••• ‘เห้อ... ถามไปเลยดีไหมนะว่าไปทำอะไรมาถึงถูกยิง จะได้ไม่ต้องคาใจ’ ธารน้ำก่นด่าตัวเองในใจ ‘นี่เราเป็นคนขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่นะ’ แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันก็พุ่งพล่านจนห้ามไม่อยู่ “เสร็จแล้วครับ”ธารน้ำบอกเสียงเรียบ พลางจัดการปิดกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่างระมัดระวัง “อืม” ลูคัสตอบรับสั้นๆ ก่อนจะมองตรงมาที่เขา เมื่อได้รับสัญญาณแล้ว ธารน้ำก็ตัดสินใจถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม “แล้วไปทำอะไรมาถึงถูกยิง” “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำติดจะดุเล็กน้อย “เชอะ!” ธารน้ำแสดงความไม่พอใจออกมาทันทีด้วยการเชิดหน้าและสะบัดหน้าหนีการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมานั้นกลับทำให้ลูคัสรู้สึกหมั่นเขี้ยว เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มย้วยๆ นุ่มนิ่มของธารน้ำด้วยความเอ็นดู เพี๊ยะ!! ธารน้ำปัดมือของลูคัสออกอย่างรวดเร็วและแรงจนเกิดเสียงดัง “อย่ามาจับ!” “งั้นเอาค่าซ่อมรถมา” ลูคัสเปลี่ยนเรื่องทันที ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง “ไม่ให้แล้ว! พี่หายหน้าไปเป็นอาทิตย์ เท่ากับหนี้เป็นศูนย์!” ธารน้ำเถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ยอมแพ้ “หึหึ” ลูคัสหัวเราะในลำคอเบาๆ ซึ่งมันฟังดูยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด “ไปทำงานดีกว่า” ธารน้ำตัดสินใจว่าการจบการสนทนาคือทางออกที่ดีที่สุด “เชิญ แล้วเดี๋ยวเจอกัน” ลูคัสกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่อยากเจอ! แบร่!” ธารน้ำหันไปแลบลิ้นใส่ร่างสูงตรงหน้าอย่างหาเรื่อง ก่อนจะวิ่งหนีเข้าลิฟต์ไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะตามมาทัน ส่วนลูคัส... เขายังคงนั่งอยู่บนดาดฟ้า มองประตูลิฟต์ที่ปิดลงด้วยแววตาอ่อนโยน และรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าเย็นชา‘น่ารัก’ เขาคิดในใจอย่างอดไม่ได้บทที่ 9 ขยันแกล้ง พาร์ทลูคัส ผมรู้อยู่แล้วว่าเด็กอ้วนจะต้องหาทางหลบหน้าผมหลังเลิกงาน ผมเลยมาแอบดักรอไว้ที่ลานจอดรถ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าตัวอยู่ในสายตาผมทั้งหมด ผมจึงตั้งใจแกล้งเข้าไปจับคอเสื้อด้านหลัง เพื่อทำให้เด็กคนนี้ตกใจเล่นที่ไหนได้... เจ้าตัวกริ๊ดเสียงดังจนหูผมเกือบดับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงจะเสียงดังแค่ไหน ผมก็ยังคงชอบที่จะแกล้งอยู่ดีผมรู้ดีว่าเด็กตรงหน้าไม่ค่อยพอใจเรื่องที่ผมปิดบังสถานะตัวเอง ถ้าผมบอกความจริงทั้งหมดว่าผมต้องพัวพันกับธุรกิจแบบไหน คนตรงหน้าก็จะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ผมอีก และนั่นคือสิ่งที่ผมทำใจยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้ตามไปวุ่นวายกับน้อง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองผมเลยแกล้งขอนั่งมอเตอร์ไซค์ไปด้วย ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของรถไม่อยากให้ไป แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะฟังเสียงคัดค้าน ตลอดทางผมจงใจจับเอว... จะเรียกว่าเอวไหมนั้นก็ไม่รู้ หึหึ แต่พุงเด็กนี่นุ่มนิ่มไปหมด สัมผัสที่ได้ช่างน่าหลงใหลจนอยากจะจับกดคาเตียงฟังแล้วเหมือนผมเป็นคนเลว... มันก็เลวจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งธุรกิจสีเทา ธุรกิจมืด ไหนจะต้องจัดการคนที่มาขัดผลประโยชน์จนถึง
บทที่ 8 ยิ่งหลบ ยิ่งเจอ หลังเลิกงานเย็น ธารน้ำรีบเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่ลานจอดรถ เขารีบคล่อมน้องฟักทองมอเตอร์ไซค์คู่ใจทันที เขากลัวว่าถ้าชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องเผชิญหน้ากับ ลูคัส ผู้บริหารปากแข็งที่หลอกลวงเขาอีกครั้ง ระหว่างที่กำลังจะสตาร์ทรถอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาจับคอเสื้อด้านหลังของเขาไว้แน่นกริ๊ดดดด!ธารน้ำร้องเสียงหลงด้วยความตกใจจนตัวโยน นึกว่าโดนผีอำหรือโดนใครมาทำร้ายยามวิกาล“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะ! เดี๋ยวลูกช้างจะทำบุญไปให้! ฮือๆ”“พี่เอง! จะร้องทำไมเนี่ย”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลัง“เอ้า! แล้วใครเขามาเงียบๆ แบบนี้ล่ะ! ตกใจหมด!” ธารน้ำหันไปโวยวายทันที แต่ก็ยังไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้คนด้านหลัง“ถ้าไม่มาแบบนี้จะรู้ได้ยังไง ว่าเราไม่อยากเจอหน้าพี่” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ก็ไม่อยากเจอไง! ไม่เข้าใจที่พูดเหรอไง!” “ไม่!”“ปล่อยนะ! จะกลับบ้าน!”“เดี๋ยวไปส่ง”“ไม่ไปกับคนแปลกหน้า!” “เหรอ”พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงที่รั้งคอเสื้อเขาไว้ก็จัดการปล่อยมือออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระโดดขึ้
บทที่ 7 ผู้บริหารคนใหม่แฮ่ก... แฮ่ก...เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังมาจากร่างของคนตัวอ้วนที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้าลิฟต์มาอย่างรวดเร็ว และรีบเดินกะเผลกๆ ไปที่แผนกด้วยความเร่งรีบ เขาเหนื่อยจากการวิ่งหนี ลูคัส บนดาดฟ้า แถมยังไปกวนประสาทร่างสูงคนนั้นเข้าอีก คิดแล้วก็หมั่นไส้ คนอะไรถามดีๆ ก็ไม่ยอมบอกความจริง ให้เราทำแผลให้ตั้งนาน แต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยว่าไปโดนอะไรมา มันน่าตีจริงๆ!พอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงาน พี่ชมพู่ ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาแทบจะทันทีแฮ่ก... แฮ่ก…“เจ้าเด็ก! เตรียมตัวเร็ว!”“มีอะไรครับพี่ชมพู่”“เรียกประชุมด่วน! ผู้บริหารคนใหม่เรียกแผนกของเราทั้งหมดให้เข้าไปประชุมตอนนี้เลย!”“โอ๊ย! เหนื่อยหายใจไม่ทันแล้วเนี่ย” ชมพู่โอดครวญ“ใจเย็นสิครับ หายใจลึกๆ” ธารน้ำพยายามปลอบ แต่สายตาก็ยังเร่งเร้า“ไปเร็ว! เดี๋ยวโดนหาว่าไปสายนะ”“ครับ!”มาแบบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เมื่อกี้ก็ว่าเหนื่อยจากการวิ่งหนีไอ้คนปากแข็งบนดาดฟ้าแล้ว นี่พี่ชมพู่ยังพาเหนื่อยอีกรอบเพราะความรีบร้อน ‘โอ้ย! ทำไมกันนะ ชีวิตของไอ้ธารน้ำคนนี้มักจะมีแต่เรื่องให้วิ่งเข้าใส่จังเลย’ เรียกประชุมอะไรเอาตอนนี้ แทนที่จะเรียกตั้งแต่เช
บทที่ 6 กลับมาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่พี่ชมพู่กระซิบบอกเรื่องข่าววงในเกี่ยวกับการเข้ามาของผู้บริหารคนใหม่ ธารน้ำก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของใครคนนั้น หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับอิตาลีไปแล้ว? ช่างเถอะ... มันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกใจและทำให้ธารน้ำเป็นกังวลมากกว่าคือ ลูคัส ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วลูคัสมาส่งเขาที่คอนโด ชายหนุ่มคนนั้นก็หายตัวไปดื้อๆ เหมือนไม่เคยมีตัวตน ธารน้ำตั้งใจว่าจะติดต่อเขาเพื่อสอบถามเรื่องค่าซ่อมรถเก๋งที่โดนชนท้าย และค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเขาเองที่จู่ๆ ก็กลับมาสวยปิ๊งเหมือนใหม่... แต่ก็ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหนไปดูที่ลานจอดรถของบริษัทก็ไม่เห็นรถสปอร์ตคันหรูของเขาเลย ‘เอ๊ะ! หรือว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ’ ความคิดผุดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็รีบสะบัดมันทิ้งไปว่าแล้วเขาก็กลับมาก้มหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงเรียกของพี่ชมพู่ที่ดังขึ้นข้างๆ“เจ้าเด็กๆ!”“ครับ?”ธารน้ำหันไปมองด้วยความสงสัยเต็มที่ เพราะอยู่ดีๆ พี่ชมพู่ก็หันมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตกใจราวกับเพิ่งเจอเรื่องเหลือเชื่อมา
บทที่ 5 ตายแล้วกล้วยทอด หลังจากหาหมอเสร็จ ลูคัสก็ให้ลูกน้องจัดการขับรถมาส่งธารน้ำถึงหน้าคอนโดหรูอย่างรวดเร็ว พอรถเก๋ง BMW จอดเทียบ เขาก็ลดกระจกแล้วพูดสั้นๆ ว่า “ถึงแล้ว” ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็วธารน้ำยืนงงอยู่หน้าคอนโด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ‘อะไรเนี่ย... รีบไปไหนของเขา’ พลางหันกลับไปที่ลานจอดรถของอาคาร และก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถมอไซด์เวสป้าคู่ใจสีเหลืองที่เขาตั้งชื่อเล่นว่า 'น้องฟักทอง' จอดอยู่ในช่องจอดเรียบร้อย ‘เอ๊ะ! เขารู้ได้ไงวะ ว่ารถเราจอดอยู่ตรงไหน แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันก็ทำให้เขาเลิกสนใจความสงสัยนั้นไปในทันที ‘ช่างเถอะ! ขอขึ้นห้องนอนก่อนละกัน’ ว่าแล้วก็เดินกะเผลกๆ ตรงขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 20 ทันทีทันทีที่เข้าห้อง ธารน้ำก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำก่อนเลย วันนี้เจอศึกหนักมาทั้งวัน ทั้งเข้างานสาย รถชน เจ็บตัว แถมยังต้องมานั่งเถียงกับผู้ชายหน้าหล่อที่กวนประสาทเป็นที่หนึ่งอีก ‘เอ๊ะ หรือเราจะโทรหาแม่ก่อนดี? ไม่สิ... อาบน้ำก่อนดีกว่า!’เขาใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ไม่ใช่อะไรนะ... ลีลาจ้า! เนอะ ตามประสาคนหล่อที่ดูดีทุกอณูอย่างเขา ก็ต้องพิถีพิถันหน่อย! พออาบน้ำเส
บทที่ 4 คุณเป็นใครกันแน่โห..รถอย่างสวย!ทันทีที่ธารน้ำก้าวขึ้นมานั่งในรถ เบาะหนังนุ่มนิ่มหอมกลิ่นใหม่ ๆ ทำเอาแทบอยากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียวแม่เจ้า... รถหรูขนาดนี้ คนขับก็หล่อ ลูกน้องยังดูดีอีก นี่มันชีวิตในฝันของใครสักคนแน่ ๆ แต่ทำไมมันดันเป็นเขานะ เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แอบสำรวจเงียบ ๆ ตั้งแต่ข้างล่างขึ้นบนสูทดี น้ำหอมแพง หน้าแบบนี้ไม่ได้อยู่แผนกเดียวกับพี่เพ็ญแน่ ๆ …แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่าแล้วก็เปิดบทสนทนาเลยดีกว่า“เอ่อ... คุณทำงานแผนกอะไรอ่ะ ถึงได้มีรถหรูแบบนี้?”เสียงถามเต็มไปด้วยความอยากรู้แบบเด็กซื่อ ๆ ที่พยายามทำเนียนไม่ให้ดูอยากรู้อยากเห็นจนเกินไป“ทำไมต้องบอก?”เสียงตอบกลับเรียบเฉย แต่แฝงรอยยิ้มมุมปากบาง ๆ“คุณจะเล่นตัวทำไมเนี่ย เราถามดี ๆ นะ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ ยังไม่ตอบเลย”ธารน้ำเถียงเสียงอ่อย ๆ พร้อมทำหน้ามุ่ยนิด ๆ เหมือนงอน“ผู้จัดการ”คำตอบสั้น ๆ ทำเอาธารน้ำชะงักไปนิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือลูกน้องทั้งสองที่นั่งข้างหน้าดีนกับคาลหันมามองหน้ากันผ่านกระจกมองหลังแทบจะพร้อมกันผู้จัดการ?ในเมื่อเจ้านายตัวจริงคือเจ้าของบริษัททั้งคน จะโกหกท





![[Bad Loves] บำเรอแค้นศัตรูพี่ชาย (3P)](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

