หลี่เหมยเวลานี้เธอทั้งร้อนทั้งอึดอัด และรู้ทันทีว่าตัวเองถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ แต่ก็ยังคงมีสติโต้ตอบกับคนที่ช่วยเหลือ
ซึ่งเหมือนเธอจะเคยพบเขาที่ไหนสักแห่งก่อนหน้านี้“สรุปคุณจะช่วยฉันไหม” เธอเริ่มไม่พอใจที่เขาพยายามห้ามปรามไม่ให้เธอทำตามที่ต้องการจึงถามอย่างไม่พอใจ
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร คุณช่วยใจเย็นก่อนได้ไหม”
ชายหนุ่มพยายามเรียกสติของเธอ แม้ว่าจะเข้ามาพักในห้องที่โรงแรมแล้วก็ตาม แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้หลี่เหมยแทบจะคุมสติตัวเองไม่ได้แล้ว
“ฉันเย็นไม่ไหวแล้ว ช่วยฉันหน่อยนะ นะคะ แล้วเราจะไม่มีการผูกมัดกัน” เธอพูดออดอ้อนเพื่อให้เขาช่วยเหลือ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เธอก็พร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเอง นั่นเพราะ
หลี่เหมยยังจำภาพลักษณ์ของชายหนุ่มได้ว่าน่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา และคงไปหางานทำในวันนั้นที่ตลาดมืด เธอคิดว่าการมีอะไรกับเขาในคืนนี้แล้วรีบแยกย้ายกันไป คงจะไม่มีพันธะผูกพันตามมาอย่างแน่นอน“พูดง่ายไปไหมครับ ถ้าเกิดมีลูกตามมาล่ะ” เขายังคงถามอย่างไม่ยินยอม
“ไม่รู้ ไม่สนใจ ช่วยฉันก่อนนะ”
หญิงสาวไม่สนใจอีกแล้ว เธอรู้สึกร้อนรุ่มและต้องการให้ใครสักคนมาสัมผัสร่างกาย เพื่อช่วยเธอปลดปล่อย เธอดึงทึ้งถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“เฮ้ย...ทำอะไรน่ะ” หยางอี้ข่ายเห็นอย่างนั้นก็พุ่งเข้ามากอดร่างเธอไว้ เพื่อไม่ให้เธอถอดเสื้อผ้า เพราะรู้ดีว่าความอดทนของตัวเองก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน หากเขาจะต้องเป็นคนช่วยเธอด้วยวิธีการนี้แล้ว ก็ไม่ต้องรอให้เธอรับผิดชอบหรอก เพราะเขานี่แหละจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบเธอเอง แต่นั่นจะเป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ
“คุณใจเย็นก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มห้ามอีกครั้ง
“ใครมันจะเย็นไหว ตอนนี้ฉันร้อนไปหมดแล้ว” เธอตอบกลับเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“คุณพูดเองนะว่าให้ผมช่วย แล้วไม่มีอะไรผูกมัดกัน ไม่ใช่ว่าพอมีสติกลับมา แล้วจะกล่าวหาว่าผมข่มขืนคุณ และให้ผมรับผิดชอบไม่ได้นะ”
เขาถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
“ฉันไม่ให้คุณรับผิดชอบหรอกน่า เดี๋ยวเราก็แยกย้ายกันไปแล้ว ช่วยฉันก่อนเถอะ ฉันร้อน” หญิงสาวยังคงพูดอย่างไร้สติ
“ก็ได้ในเมื่อคุณเลือกที่จะเดินเข้ากองไฟ ผมก็พร้อมที่จะเป็นไฟแผดเผาคุณเอง”
ชายหนุ่มพูดออกมา พูดจบก็ไม่รอช้า เขารีบประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที
การสัมผัสที่แปลกใหม่ ทำให้หลี่เหมยตกใจเล็กน้อย
“อื้อออ...” หญิงสาวส่งเสียงคล้ายจะทักท้วงกับสิ่งที่กำลังถูกกระทำ แต่เพียงชั่วครู่เดียวก็คล้อยตามด้วยฤทธิ์ของยา มือเล็กที่พยายามดันอกเขาให้ออกห่างค่อย ๆ เลื่อนไปโอบรอบคอเขาไว้ พร้อมกับจูบตอบด้วยความเคลิบเคลิ้ม
“หลังจากนี้ผมจะรับผิดชอบคุณเอง”
หยางอี้ข่ายถอนริมฝีปากออกมาแล้วกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ
จากนั้นเขาก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจนเปลือยกาย รูปร่างสมสัดส่วนของเธอสะดุดตาเขามาก จนอดไม่ได้ที่จะยกมือหนาไปเกาะกุมเต้างามทั้งสองไว้ แล้วบีบเคล้นเบา ๆ อย่างหยอกล้อ เขาซุกไซ้ซอกคอหอม เพราะอยากสร้างอารมณ์ให้กับเธอ
“อื้อออ...” หญิงสาวหลับตาพริ้มรับสัมผัสของชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ
แต่เพราะตอนนี้เธอร่างกายร้อนรุ่ม และมีความต้องการเรื่องนั้นจนถึงขีดสุดแล้ว จึงผละออกจากเขาอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือทั้งสองถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว
หยางอี้ข่ายเองก็เลือกที่จะให้เธอทำตามอำเภอใจ
“เดี๋ยวฉันทำให้นะ”
เมื่อทั้งเธอและเขาอยู่ในสภาพที่ร่างกายเปล่าเปลือย หลี่เหมยจึงพูดขึ้นพร้อมกับย่อตัวลงมา เธอมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
‘ไม่คิดว่าแก่นกายของเขาจะใหญ่โตแบบนี้’ เธอคิดในใจพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเผลอหลุดคำพูดที่ชวนขันออกมาว่า “มันใหญ่มาก มันจะเข้าไปในตัวฉันได้ไหม”
“หรือคุณจะเปลี่ยนใจ” ชายหนุ่มก้มลงไปถาม เพื่อให้โอกาสสุดท้ายแก่เธอ
“ไม่ ฉันต้องการมัน” หญิงสาวพูดอย่างจริงจัง จากนั้นก็ไม่รอช้า เธอใช้มือข้างหนึ่งไปจับมันไว้หลวม ๆ พร้อมกับลูบไล้มันเล่น แต่การเล่นของเธอคือรูดขึ้นรูดลง นั่นทำให้ความรู้สึกของชายหนุ่มตอนนี้มีความเสียวสะท้านไปทั้งตัว
“ซี้ดดด! อา...” หยางอี้ข่ายแหงนหน้าร้องครางด้วยความเสียวซ่าน ‘นี่ขนาดมือเธอ ฉันยังเสียวขนาดนี้ แล้วถ้าเธอเอาเข้าปากล่ะ’ นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของเขา แม้อยากจะจับเธอมากดบนเตียง แต่ก็ยังรอให้เธอเล่นกับร่างกายเขาจนพอใจเสียก่อน
ชายหนุ่มอดแปลกใจกับท่าทีของเธอไม่ได้ที่ดูจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าหลี่เหมยคือสาวยุคสองพันยี่สิบห้า ดังนั้นสื่อการเรียนเรื่องใต้สะดือ มีหรือที่เธอจะไม่เคยดู เธอเลยจัดการแก่นกายตรงหน้าอย่างที่เคยเห็นในหนังผู้ใหญ่ที่สามารถดูได้อย่างอิสรเสรีในยุคที่จากมา
หญิงสาวค่อย ๆ เอาปลายลิ้นแตะที่ปลายหัวหยัก ก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปเรื่อย ๆ เธอลากลิ้นจากปลายหัวไปที่ท่อนลำของแก่นกาย เธอดูดกินแก่นกายของอีกฝ่ายเหมือนกำลังกินไอศกรีมแท่งโปรด
เธอดูดเลียกินอย่างมูมมามเหมือนกลัวว่ามันจะละลาย ส่วนมือหนึ่งก็ส่งนิ้วเข้าออกในร่องเสียวของตัวเอง เพื่อเรียกน้ำหวานออกมา เวลาเสียบใส่จะได้ไม่เจ็บมากนัก
เพียงแค่เห็นการกระทำของเธอ หยางอี้ข่ายก็แทบจะอุ้มเธอขึ้นมา แล้วกระแทกน้องชายเข้าไปในกลางกลีบดอกไม้งามของเธอ
“อา...เสียวเหลือเกิน ปากคุณอุ่นและนุ่มมาก” ชายหนุ่มคำรามออกมาเสียงดังลั่น เมื่อเธออมส่วนนั้นของเขาจนมิดลำแล้วทั้งดูดทั้งยกหัวขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ
อ๊อก ๆ อ๊อก ๆ
เสียงน้ำลายในปากดังออกมา แต่เธอก็ไม่หยุดดูดกินไอศกรีมแท่งใหญ่ยักษ์
ชายหนุ่มมองการกระทำทุกอย่างของเธออย่างตื่นตะลึง เพราะแม้จะรู้สึกพึงพอใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอเก่งในเรื่องนี้ได้อย่างไร ซึ่งเขาเองก็ไม่ใช่ไม่เคยผ่านเรื่องพวกนี้มา แต่ก็ไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนทำแบบนี้กับเขามาก่อน
“อา...ผมไม่ไหวแล้วนะ”
ชายหนุ่มครางเสียงสั่นแล้วปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มปากของเธอ ตอนนี้หลี่เหมยดูดกลืนกินน้ำในปากลงคอจนหมด ก่อนจะเงยหน้ามามองเขา เธอถอนปากออกมาแล้วยิ้มให้เขาอย่างยั่วยวน
“ฉันขอทำเองนะคะ” เธอพูดขึ้นเบา ๆ ก่อนจะผลักร่างสูงใหญ่ล้มลงบนเตียง แล้วพาร่างของตัวเองมานั่งคร่อมร่างใหญ่ไว้
“ทำไมล่ะ ให้ผมช่วยสร้างอารมณ์ให้คุณก่อนดีไหม”
ชายหนุ่มที่ถูกนั่งคร่อมอยู่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“คุณจะทำให้ฉันเหรอ คุณทำเป็นเหรอ” เธอถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนยุคนี้จะเล้าโลมเป็น
“เป็นไม่เป็นเดี๋ยวก็รู้” พูดจบเขาก็ดึงเธอเข้าไปบดจูบ มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียน ก่อนจะจับตัวเธอให้หงายหลังลงไปนอนแล้วเขาก็ตามลงไปประกบเหมือนโล้ชิงช้า
“อืมมม...” หลี่เหมยครางออกมาอย่างเสียวซ่าน เมื่อถูกจูบอย่างดูดดื่ม ส่วนสองเต้างามก็ถูกคลึงเคล้าด้วยมือหนา
ชายหนุ่มจูบซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอ แล้วมาหยุดอยู่ที่สองเต้า เขาใช้ลิ้นเรียวแตะลงที่ยอดอก ทำให้หญิงสาวสะท้านขึ้นทันที
นั่นทำให้เขายกยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะอ้าปากงับเอายอดอกเข้าปากแล้วดูดดึงเหมือนลูกกินนมแม่ ส่วนมือหนาก็เลื่อนลงไปที่เบื้องล่างเพื่อสัมผัสกับจุดสำคัญ“อืมมม เสียววว” หลี่เหมยครางออกมาเมื่อถูกสัมผัสที่ดอกไม้งาม และมีนิ้วขยี้ที่เกสรดอกไม้
“คุณ...ช่วยฉันด้วย” เธอพูดเสียงสั่น ๆ และผลักหัวของเขาลงต่ำ
ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยอมเลื่อนตัวลงไปตามแรงผลักดัน ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ตรงดอกไม้งามที่มี
แพรไหมปกปิดไว้อย่างลงตัว แพรไหมนั้นนุ่มมือมากจนเขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสเบา ๆ“ซี้ดดด! เสียววว” หญิงสาวบิดเร่าทันทีที่ลิ้นแตะลงที่ดอกไม้ นั่นทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปหาแล้วใช้ลิ้นเลียดอกไม้เหมือนที่เธอเลียแก่นกายของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหน แต่เขาก็พอใจที่จะทำให้เธอ เพราะเธอก็ทำให้เขามีความสุขอย่างไม่รังเกียจ
ชายหนุ่มทั้งใช้ปากดูด ทั้งใช้ลิ้นเลียกลีบดอกไม้อย่างรัวเร็วและเป็นจังหวะ ในขณะที่มือหนาก็สอดเข้าไปในดอกไม้ และขยี้เกสรไปเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ
“อาไม่ไหว ฉันจะปล่อยน้ำแล้ว” เธอครางออกมาแล้วเกร็งตัวเพื่อให้เขารู้ว่าเธอจะปลดปล่อยแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาปรนเปรอเธอไม่หยุด
“กรี๊ดดด! ไม่ไหวแล้ว” สุดท้ายแล้วหลี่เหมยก็กรีดร้องออกมา พร้อมกับปลดปล่อยน้ำออกมามากมาย
ชายหนุ่มผละตัวออก แล้วมองภาพที่เธอนอนหายใจหอบเหนื่อยอยู่อย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“คุณดีขึ้นแล้วใช่ไหม งั้นเราแยกย้ายกันเถอะ”
“ไม่! ฉันยังไม่พอ ฉันต้องการมากกว่านี้ แต่ฉันขอทำเองนะ”
หญิงสาวพูดขึ้น เพราะเธอคิดว่าการที่ควบคุมเองคงจะดีกว่าและเจ็บน้อยกว่าที่จะถูกเขาจับกระแทก
“ทำเอง ทำอะไร ทำยังไง”
ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย เพราะปกติแล้วเวลาเขาไปเที่ยว ก็จะเป็นคนทำมากกว่า โดยผู้หญิงพวกนั้นก็นอนเฉย ๆ
“ทำแบบนี้ไง” พูดจบเธอก็ผลักให้เขาลงไปนอนแล้วขึ้นคร่อมร่างหนาไว้อีกครั้ง ทำให้เขาตกใจมาก แต่ก็จับเอวบางไว้เพื่อช่วยประคอง
หลี่เหมยนั่งยอง ๆ แล้วจับแก่นกายอีกฝ่ายตั้งไว้ ก่อนจะค่อย ๆ กดดอกไม้ลงมาให้กลืนกินแก่นกายของเขา
“อื้ออออ มันใหญ่มาก เสียว” เธอร้องครางออกมาเพราะความเสียวและเจ็บ แม้ว่าจะมีน้ำหวานหล่อเลี้ยงร่องเสียวอยู่ก็ตาม
ปึก
“กรี๊ดดด!” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหลี่เหมยดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มกระแทกแก่นกายสวนขึ้นมาจนสุดลำในครั้งเดียวเพราะทนไม่ไหว
ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน
“นี่คุณยังไม่เคยเหรอ” เขารีบกอดเธอไว้และถามอย่างตกใจ
“ก็ไม่เคยน่ะสิ ทำไมคุณสวนขึ้นมาแบบนี้ มันเจ็บนะ”
เธอกอดคอเขาไว้แน่นแล้วตอบอย่างแง่งอน เพราะตอนนี้เธอเจ็บมาก
หยางอี้ข่ายรู้สึกพอใจที่เป็นคนแรกของเธอ ก่อนจะพลิกร่างขึ้นมาอยู่ด้านบน
“ขอโทษครับ แต่เจ็บแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายแล้ว แต่คราวนี้ถึงคุณอยากให้หยุด ผมก็หยุดไม่ได้แล้วนะ” เขากระซิบบอกข้างหูเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ค่อย ๆ โยกสะโพกส่งแก่นกายเข้าออกร่างของเธอช้า ๆ
“อื้อออ สะ...เสียว เร็วกว่านี้ได้ไหม”
หลี่เหมยร้องครางออกมาอย่างลืมตัว เธอยกแขนโอบคอเขาไว้ เธอไม่รู้อะไรแล้วตอนนี้ นอกจากความต้องการให้เขากระแทกแก่นกายเข้ามาในร่างของตัวเองให้เร็วและแรงกว่านี้
“ได้ครับ”
พูดจบเอวสอบของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ขยับให้เร็วขึ้นเล็กน้อย ทั้งที่เขาอยากจะกระแทกให้แรงและเร็วกว่านี้ แต่ก็ต้องข่มใจไว้ เพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บมากจนเข็ดกับการร่วมรัก
“เร็วกว่านี้ได้ไหม ฉันอยากได้เร็วและแรงมากกว่านี้ ฉันร้อนไปทั้งตัวเลย”
แต่การกระทำของเขากลับไม่เป็นที่พอใจของหญิงสาวที่กินยานรกเข้าไป เธอจึงร้องบอกอย่างคนเอาแต่ใจ และเริ่มดึงทึ้งตัวเขาจนมีร่องรอยเล็บ ทั้งนี้ก็เพราะตอนนี้ยาได้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว
หยางอี้ข่ายได้ยินก็เข้าใจและไม่ขัดใจ
“ในเมื่อคุณขอ ผมก็จะทำอย่างที่คุณต้องการ”
เขาตอบรับก่อนที่จะเริ่มขยับเอวสอบให้เร็วขึ้น และกระแทกให้เข้าลึกมากกว่าเดิมไปด้วย
การร่วมรักของทั้งคู่จากที่อ่อนโยน กลายเป็นเร่าร้อนและรุนแรงตามคำเรียกร้องของหลี่เหมย ทั้งสองผลัดกันอยู่ข้างบนอยู่ข้างล่างทั้งคืน จนสุดท้ายหลี่เหมยก็หลับกลางอากาศไป ชายหนุ่มถึงได้หยุดลง
“คุณเรียกร้องเองนะ แต่ถึงยังไงผมก็จะรับผิดชอบคุณเอง”
ชายหนุ่มบอกกับคนที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง
ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ
ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”
บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ
บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ
บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้