อาชาเดินทางกลับมาที่ไร่ชาพรหมเทพของตัวเองและจัดการสารพัดปัญหา เขาเซ็นเอกสาร ตรวจสอบงาน รวมถึงจัดการศัตรูหัวใจ... อาจจะไม่ใช่ซะทีเดียว
แต่ธงคือคนที่ถูกขึ้นบัญชีดำอันดับ 1 ในหัวของอาชาเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอบคุณธงในวันนั้นที่ทำให้เหมยไม่ต้องเป็นแฟนกับเขา "ไอ้เสือ เดี๋ยวแกช่วยไปตามไอ้ธงอะไรนั่นมาพบฉันหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าทำไมสาขาที่กรุงเทพฯ ถึงให้มันมาฝึกงานที่สำนักงานใหญ่ที่นี่" อาชาอยากจะรู้สันดานที่แท้จริงของธง แม้จะเคยสัมผัสธงมาแล้ว 1-2 ครั้ง "ได้ครับนาย เดี๋ยวผมให้เด็กไปตามให้" พูดจบ เสือก็เดินออกไปด้านนอกแล้วให้บอดี้การ์ดไปตามธงที่กำลังเรียนรู้และฝึกการซ่อมเครื่องจักรที่ต้องใช้ภายในไร่ชา "คุณธงครับ พอดีพี่เสือให้ผมมาตามไปพบนายใหญ่ รบกวนคุณธงไปพบนายกับผมหน่อยครับ" บอดี้การ์ดชุดดำใส่แว่นเดินมาตามธง "เขาได้บอกหรือเปล่าว่ามีอะไร?" ธงถามในสภาพเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว "ไม่ได้แจ้งครับ แค่บอกให้คุณธงไปหา" บอดี้การ์ดพูดจบก็เดินกลับทันที "แม่ง..! วางท่าใส่กูกันทั้งไร่ชาเลยไงวะ" ธงสบถเบา ๆ รู้สึกว่าคนในไร่ชาไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่ อาชาที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ภายในห้องก็ได้ยินเสียงเคาะประตู "เข้ามาได้เลย" อาชานั่งหันหลังอยู่ ขณะนั้นธงก็เดินสวนประตูเข้ามา "ขออนุญาตครับ ไม่ทราบว่าเจ้านายเรียกผมมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?" ธงจำใจต้องเรียกอาชาว่า "เจ้านาย" ถึงแม้ทั้งใจจะเกลียดอาชาตั้งแต่แรกเจอตั้งแต่วันงานคืนสู่เหย้าของมหาวิทยาลัย "ผมจะเรียกคุณมาต้องมีอะไรด้วยเหรอครับ?" อาชาเริ่มยียวนกวนประสาทธง "ผมก็ไม่รู้สิครับ ว่าเจ้านายมีอะไรหรือเปล่า ก็เลยถาม" ธงก็ตอบกลับแบบมีอารมณ์ "ก็กล้าดีนี่" อาชาพูดจบก็หันหน้ากลับมามองธง จ้องตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า อย่าได้ไปยุ่งกับเหมยอีกนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าให้ผมเห็นคุณไปยุ่งวุ่นวายที่บ้านพ่อแม่เหมย หรือกับเหมยอีกเป็นอันขาด" อาชาพูดเสียงเรียบและจ้องมองหน้าของธงอย่างเอาเรื่อง "ขอโทษนะครับ แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับเหมย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน คิดว่าเจ้านายไม่น่าจะเข้ามายุ่งได้นะครับ" ธงเองก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้กับอาชาเช่นกัน เพราะเขาเองก็หมายตาเหมยอยู่ "งั้นแกก็ลองดู ฉันเตือนแกแล้วนะ" อาชาพูดคำที่ฟังดูเยือกเย็นและน่ากลัว เป็นคำเตือนที่แสนอันตราย "ขอบคุณครับที่เตือน เอาไว้ให้เหมยเป็นคนเลือกเองดีกว่า เจ้านายอย่าตัดสินใจแทน เหมยเลยครับ ผมรู้จักเหมยมาก่อนเจ้านายนะ ครับ" "ถ้าเจ้านายไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อนละกันนะครับ" ธงพูดจบก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่มั่นอกมั่นใจ คงไม่รู้เลยว่ากำลังกระตุกเสือหลับ "แม่ง เป็นส้นตีนอะไรวะ แล้วเกี่ยวอะไรกับเหมยด้วย!" ธงเดินออกจากห้องและหันกลับมองไปที่ห้องทำงานของอาชาด้วยท่าทีที่โกรธเกรี้ยว "เสือ มึงเข้ามาหากูหน่อย!" อาชากดโทรศัพท์ตรงออฟฟิศเรียกเสือเข้ามาข้างใน "ฉันเตือนไอ้ธงมันแล้วให้มันเลิกยุ่งกับเหมย แต่ดูท่ามันน่าจะไม่ยอมง่าย ๆ ส่งคนของเราจับตาดูมันให้ดี แล้วก็ดูแลเหมยอย่าให้ห่าง" อาชาบอกเสือ เพราะเขาไม่ยอมให้เหมยต้องเจ็บอีกครั้งแน่นอน "ครับเจ้านาย" เสือรับคำแล้วก็มีเรื่องจะพูดกับเจ้านายอีกจึงได้พูดออกมาต่อจากนั้นว่า "เจ้านายครับ คุณดารินเธอมาหาเจ้านายเมื่อวานนี้ครับ เธอบอกว่าเธอจะมาหาเจ้านายอีก" เสือทำท่าอึดอัดใจแต่ก็จำเป็นต้องรายงานให้อาชาได้รับรู้ "ดารินเหรอ...?" อาชาพูดเสียงแผ่วเบา ดารินคือผู้หญิงรักแรกของอาชา ที่เลือกทิ้งอาชาไปแต่งงานกับผู้ชายที่รวยกว่าเขา ย้อนอดีตไปเมื่อไหร่ปีก่อนหน้าที่อาชาจะกลับมาประเทศไทย.... ย้อนอดีตวันวานที่อาชาเรียนอยู่ต่างประเทศปริญญาโท ณ ขณะนั้นอาชาถือว่าเป็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัย มีทั้งอำนาจเงินรวมถึงหน้าตาที่สาว ๆ ทุกคนเห็นก็ต้องพากันคลั่งไคล้ แต่ผู้หญิงคนเดียว ณ ขณะนั้นที่ได้ครอบครองความรักทั้งหมดของอาชาคือ ดาริน สาวไทยพลัดถิ่นอายุน้อยกว่าอาชาประมาณ 6 ปี ฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคม ดอกไม้ต้นไม้เริ่มผลิบาน อากาศไม่ร้อนจนเกินไปและก็ไม่เย็นจนเกินไป อาชานั่งอยู่ที่สวนสาธารณะก่อนจะถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอังกฤษ ขณะนั้นเขานั่งอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลิน แต่ก็มีมือเล็ก ๆ มือหนึ่งปิดมาที่ตาทั้งสองข้างของเขา "ทายซิว่าใครเอ่ย?" เสียงเล็ก ๆ กระซิบข้างหูของอาชา "ผมไม่รู้เลยว่าใคร" อาชาแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วยกยิ้มขึ้น เขาวางหนังสือลงพร้อมกับจับไปที่มือเรียวเล็กแล้วเปิดมือทั้งสองข้างออก "จ๊ะเอ๋! ดารินเองค่ะ" รอยยิ้มสดใสของ ผู้หญิงที่สูง 170 ซม. ผมดำขลับ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม กำลังกอดคอของอาชาแล้วใช้คางเล็ก ๆ เกยไว้บนบ่าใหญ่ "ดาทานอะไรมาหรือยังครับ?" อาชาถามด้วยความอบอุ่น "ทานแล้วค่ะ แล้วอาชาล่ะคะทำอะไรอยู่?" ดารินอ้อมเก้าอี้สาธารณะมานั่งอยู่ข้าง ๆ อาชาพร้อมกับยื่นแก้วกาแฟคาปูชิโน่แก้วโปรดส่งให้อาชา "อ่านหนังสือเตรียมสอบรอบ Final ปีสุดท้ายแล้ว" อาชารับแก้วกาแฟจากมือของดาริน "อีกแค่เดือนเดียวก็เรียนจบแล้วสินะ แล้วอาชาจะทำอะไรต่อจากนี้ล่ะคะ?" ดารินกระดกกาแฟแล้วก็หันมาถาม "ผมว่าจะเที่ยวสักปีนึงแล้วอาจจะกลับประเทศไทยไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่" อาชาเขาก็คิดถึงประเทศไทยอยู่ไม่น้อย "ก็ดีสิคะ ดารินคงคิดถึงอาชามาก ๆ เลย" ดารินออดอ้อนอาชาอย่างน่ารัก "ดารินจะกลับไปประเทศไทยกับผมไหมล่ะ ผมจะแนะนำดารินให้พ่อกับแม่รู้จักดีไหม?" อาชาจริงจังกับดารินมาก ๆ เพราะดารินในสายตาของอาชาเป็นคนจิตใจดี แต่อาชาไม่รู้เลยว่าภาพที่สร้างกับร่างที่เป็นดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ดารินมาที่ต่างประเทศด้วยทุนการศึกษาของผู้ใหญ่อุปถัมภ์ส่งมาเรียน จนได้มาเจอกับอาชา มหาวิทยาลัยนี้เรียกว่าคัดคนที่มีเงินเท่านั้นถึงจะเรียนได้ ยกเว้นดารินที่ได้ทุนเรียนจนจบ ดารินได้ล็อคเป้าหมายอย่างอาชาเอาไว้แล้ว เธอไม่ได้ใสซื่ออย่างที่ทุกคนเห็น ดารินติดตามดูอาชาในทุก ๆ เช้าจะต้องแวะร้านกาแฟและสั่งอะไรเป็นพิเศษ เขาจะนั่งอ่านหนังสือที่ไหนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ดารินจดรายละเอียดทั้งหมดเอาไว้และมักจะเห็นเพื่อนสนิทคนนึงที่หน้าตาออกฝรั่งๆคอยไปมาหาสู่กับอาชาอยู่เป็นประจำได้ยินชื่อว่าชื่อไมเคิล "เฮ้ยอาชาวันนี้มีคลาสเรียนนี่หว่า ไปเรียนพร้อมกูเลยนะ"ไมเคิลเพื่อนรักของอาชาทั้งสอง เรียนด้วยกันมาแม้จะแตกต่างสาขาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนลดน้อยลง "เออก็เรียนจบแล้วว่ะของวันนี้ มึงจะไปหาอะไรกินกับกูดีกว่าไหมเบื่อๆเซ็งๆว่ะ"อาชาหันมาบอกไมเคิล "เออเอาดิวะกูเหลือคลาสเรียนอีกชั่วโมงเดียวเองอ่ะมึงรอกูได้ป่ะล่ะมึงรอกูได้เดี๋ยวกูไปเที่ยวเป็นเพื่อนมึง"ไมเคิลหันมาบอกเพื่อนรัก "ได้ดิเดี๋ยวกูรอมึงละกันไปนั่งรอที่ร้านกาแฟร้านเดิมนะ มึงรีบมาละกัน" พูดจบอาชาก็เก็บหนังสือแล้วกลับไปที่ร้านกาแฟก่อนทางเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเตรียมมัดใจของอาชาให้เป็นของเธอซึ่งดารินทร์นั้นตอนนี้คือผู้หญิงที่ได้กุมความรักเดียวของอาชาเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเธอเฝ้าสังเกตสองหนุ่มทั้งไมเคิลและอาชาที่เป็นเพื่อนรักกันเธอพยายามที่จะใช้ช่องว่างและช่วงเวลานี้เพื่อเข้าหาอาชา....เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด
เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน"ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน"ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง"งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ"พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก"จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเ
ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห
ผ่านไปไม่นานผลงานของเสือก็ออกฤทธิ์ เพราะนายธวัชชัยโทรตามให้ธงไปดูเครื่องซีลชาในไร่ทันที เพราะถ้าหากไปช้าอาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาหนัก“ฮัลโหลครับคุณธวัชชัย” นายธงรีบรับโทรศัพท์“คุณธงอยู่ไหนครับเนี่ย ผมให้เด็กไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ พอดีเครื่องซีลมีปัญหาน่าจะต้องรีบเข้ามาดูเลย” ธวัชชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ตอนนี้เลยเหรอครับ แต่นี่มันนอกเวลางานแล้วนะครับคุณธวัชชัย” ธงรีบปฏิเสธ“ผมเข้าใจครับ แต่เราเป็นช่างรีแพร์ ช่างซ่อมบำรุง ต่อให้นอกเวลางาน หากเครื่องมีปัญหาเราก็ต้องจัดการทันที อย่าให้มันลุกลามครับ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” สิ่งที่ธวัชชัยพูดทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ทำให้ธงเถียงไม่ออก เพราะด้วยเงินเดือนที่มากเป็นแสนๆ ของเขา หมายถึงต้องแลกมาซึ่งเวลาชีวิตและพร้อมสแตนด์บายตลอดเวลาในการทำงาน“ก็ได้ครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง” ธงวางสายจบก็เตรียมจะร่ำลาพ่อแม่ของเหมย เขารู้สึกโกรธมากที่ครั้งนี้อาชาก็ทำกับเขาแบบเดิม“พ่อกับแม่ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานเร่งด่วนเข้ามา” ธงพูดจบก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของเหมยแล้วขับรถออกจากไร่ไปทันทีเสือที่เห็นดังนั้นก็ถ่ายรูปขณะที่ธงกำลังขับรถออกไปส่งไปให้กับอาชาเพื