วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ที่บรรยากาศสดใสสำหรับหลายคน แต่สำหรับอาชาลุงหลานคู่นี้ที่มาอยู่บ้านของเหมยเป็นเวลา 2-3 วันกลับพากันงอแง ไม่อยากกลับไปที่ไร่ชา
“นายครับ ต้องกลับไปที่ไร่ชาแล้วครับ เพราะตอนนี้มีปัญหาเล็กน้อยที่ต้องเข้าไปจัดการ และมีเอกสารหลายอย่างที่ต้องเข้าไปเซ็น” เสือที่มาเชิญอาชากลับด้วยตัวเองกล่าว “มึงเอามาให้กูที่นี่ไม่ได้หรือไงวะไอ้เสือ” อาชาหันไปถามเสือด้วยท่าทีหงุดหงิด “เอามาให้ได้ครับนาย แต่บางสิ่งบางอย่างเป็นเอกสารที่ไม่สามารถนำออกจากบริษัทได้ครับ” เสือพยายามอธิบาย “เออๆ ไปเก็บของลงมา” อาชาบอกให้เสือไปเก็บเสื้อผ้าของเขาและหนูน้อยลิลลี่ลงมาข้างล่าง หนูน้อยลิลลี่ที่วันนี้ตื่นแต่เช้าไปทำกิจกรรมกับพ่อแม่ของเหมยอย่างสนุกสนานอยู่ข้างนอก โดยไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองจะต้องกลับไปที่ ไร่ชาแล้วไปอยู่กับป้าแจ่ม แม่บ้านประจำบ้านพักตากอากาศ “คุณตาคุณยายขา ดอกกุหลาบอันนี้สวยมากเลยนะคะ ลิลลี่อยากได้ไปปลูกที่ไร่ชามากเลยค่ะ” ลิลลี่ที่กำลังตักดินใส่กระถางกับแม่น้ำฟ้า โดยมีพ่อบุญทอง พ่อของเหมยนั่งดูอยู่ห่างๆ “ถ้าลิลลี่อยากได้ เดี๋ยวคุณยายจะให้คุณตาใส่กระถางไว้ให้แล้วส่งไปที่ไร่ชาดีไหมคะ” แม่น้ำฟ้าใช้มือเล็กๆ ลูบหัวของลิลลี่อย่างเอ็นดู เพราะย้อนนึกถึงเหมย ลูกสาวตัวเล็กของเธอเมื่อตอนยังเด็ก “ขอบคุณค่ะคุณยาย” ลิลลี่หันมายิ้มจนเห็นฟันหลอสองซี่ข้างหน้าของเธอ อาชาเดินมาหาเหมยที่อยู่ในครัว เพราะกำลังจะมาบอกเหมยว่าจะพาลลิลลี่กลับแล้ว เนื่องจากมีเอกสารหลายอย่างที่ต้องเข้าไปจัดการ “อ้าว คุณอาชา” เหมยที่เพิ่งจะเก็บถ้วยจานล้างหลังจากอาหารมื้อเช้าก็เห็นอาชาเดินเข้ามาหาเธอในห้องครัว “ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับ พอดีผมจะบอกคุณเหมยว่าเดี๋ยวผมจะพาลลิลลี่กลับวันนี้ ผมอาจจะกลับไปก่อนแล้วเดี๋ยวเย็นๆ ผมจะมารับลิลลี่นะครับ” อาชาพูดกับเหมยอย่างไม่อยากจะจากไปไหน “ไปเถอะค่ะ ไม่เป็นไร ลิลลี่อยู่นี่สบายมากค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่เหมยเอ็นดูแกมากๆ” เหมยเช็ดไม้เช็ดมือแล้วก็เดินมาหาอาชา “ผมรู้ครับ แต่ผมอดคิดถึงคุณเหมยไม่ได้นี่นา” อาชาเริ่มหยอดคำหวานใส่เหมย “โอ้โห เหมยเพิ่งรู้นะคะว่าคนรุ่นนี้เขาหยอดคำหวานกันขนาดนี้” เหมยแกล้งแหย่เรื่องอายุของอาชา อาชาเมื่อโดนคำล้อเลียน เขาก็พุ่งตรงไปหาเหมยแล้วโอบกอดเหมยเข้ามาแนบกาย จมูกโด่งๆ ประชิดบนใบหน้า ชนสันจมูกเล็กๆ ของเหมยอย่างตั้งใจ “ผมไม่ได้แค่หยอดคำหวานนะ ผมจริงใจ” อาชายังคงพูดกระซิบแผ่วเบาข้างหูของ เหมยจนเหมยรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เพราะเสน่ห์ที่แพรวพราวของอาชากำลังจะเล่นงานเหมยอย่างหนัก “คุณอาชา ปล่อยเหมยก่อนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เหมยที่ได้สติก็พยายามดีดตัวออกจากร่างใหญ่โตของอาชา “ผมแค่อยากรู้ ว่าคุณเหมยจะไปสอนยัยลิลลี่เมื่อไหร่ครับ” อาชาถามเหมยขณะที่เธอยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา “เอาไว้อีกสองวันเหมยจะไปสอนนะคะ เหมยเตรียมเอกสารการสอนไว้ให้บ้างแล้วเบื้องต้น” เหมยเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วบอกกับอาชาอย่างรู้สึกเขินๆ เธอรู้สึกว่าเธอกลับไปเป็นเด็กสาวแรกแย้มอีกครั้งเมื่อเจออาชาจีบแบบตรงๆ “ถ้างั้นผมจะรอนะครับ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นผมจะไปทานข้าวเย็นด้วย” อาชาที่คลั่งรักเหมยมากๆ แม้ว่าเหมยจะไม่ตอบตกลงว่าจะเป็นแฟนกับเขาหรือไม่ แต่พ่อแม่ของเหมยได้เปิดทางไฟเขียวให้เขาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีหรือว่าคนอย่างอาชาจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้ “ได้ค่ะคุณอาชา ไปทำงานเถอะ” เหมยแค่พูดสั้นๆ แต่ดูเหมือนหัวใจทั้งสองดวงกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่ทั้งสองกำลังตกลงไปในห้วงแห่งความรัก อาชายังคงไม่ปล่อยอ้อมกอดจากร่างเล็กของเหมย ก็มีเสียงเล็กๆ วิ่งเข้ามา “คุณครูเหมยขา.....” หนูน้อยลิลลี่วัยสี่ขวบที่วิ่งเอาต้นดอกกุหลาบที่ใส่กระถางเรียบร้อยแล้ว มาโชว์อวดให้กับเหมยและอาชา “อุ๊ย ..! ทำอะไรกันอยู่คะ” ลิลลี่หยุดแล้วเงยหน้าขึ้นถาม เพราะเห็นว่าเหมยกับอาชากำลังยืนกอดกันอยู่ “พอดีคุณครูเหมยโดนผงเข้าตานะครับ ลุงก็เลยมาเอาผงออกจากตาให้คุณครู”อาชารีบปล่อยมือออกจากเอวของเหมย ส่วนเหมยก็รีบถอยหลังออกห่างจากอาชา “คุณครูเจ็บมากไหมคะ ให้ลิลลี่ดูให้ไหม เดี๋ยวลิลลี่จะเป่าให้ค่ะ” หนูน้อยลิลลี่ที่เป็นห่วงเหมยยิ่งกว่าสิ่งใด เหมยจึงย่อตัวลงครึ่งหนึ่งให้เท่าความสูงของหนูน้อยลิลลี่ด้วยความเอ็นดู “คุณครูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะลิลลี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ไหนเมื่อกี้จะเอาอะไรมาอวดคุณครูคะ ขอคุณครูดูหน่อยได้ไหม” เหมยรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที “คุณตากับคุณยายน้ำฟ้าสอนให้ลิลลี่ปลูกดอกกุหลาบแล้วจะเอากลับไปที่ไร่ชาค่ะ” ลิลลี่อธิบายให้เหมยกับอาชาฟังแล้วยื่นกระถางดอกไม้ที่มีต้นกล้าดอกกุหลาบสีชมพูเอามาอวดให้กับทั้งสองคนดู “โอ้โห เก่งมากเลยค่ะหนูน้อยลิลลี่ของคุณลุง” อาชาเอ่ยชมหลานสาวแล้วลูบไปที่หัวเบาๆ “ลิลลี่ครับ เดี๋ยวคุณลุงจะต้องกลับไปที่ไร่ชา ลิลลี่จะกลับไปพร้อมคุณลุงเลยไหม”อาชาแกล้งเอ่ยถามลิลลี่ ทั้งๆ ที่เขาจะให้ลิลลี่อยู่ที่นี่แล้วรับกลับตอนเย็น “ไม่เอาค่ะ ลิลลี่ไม่กลับ” พูดจบลิลลี่ก็วางกระถางดอกกุหลาบลงแล้ววิ่งไปหลบด้านหลังของเหมยทันที “คุณครูขา ลิลลี่ไม่กลับนะคะ ลิลลี่จะอยู่กับคุณครูที่นี่ จะอยู่กับคุณตาคุณยาย” ลิลลี่เบะปากทำท่าจะร้องไห้ “ลิลลี่ครับ เราต้องกลับแล้วนะ เรามา รบกวนคุณตาคุณยายหลายวันแล้วนะครับ” อาชาเองก็ไม่ได้อยากให้ลิลลี่ร้องไห้แต่ก็ต้องบังคับในบางครั้ง “ไม่เอาค่ะ..ฮึก ฮือ” พูดไม่ทันขาดคำน้ำตาเม็ดใสๆ ก็ร่วงไหลเต็มสองแก้มยุ้ยของลิลลี่ ดูแล้วช่างน่าสงสาร “เอาอย่างนี้ได้ไหมคะคุณอาชา อีก 2 วันเหมยก็จะไปที่ไร่ชาอยู่แล้ว ให้ลิลลี่อยู่ที่นี่กับเหมยก็ได้ค่ะ ถ้าคุณอาชาไว้ใจเหมย” เหมยเสนอความคิดเพราะรู้สึกสงสารลิลลี่ และจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่เหงาด้วย “เอ่อ ผมกลัวเป็นการรบกวนคุณพ่อกับคุณแม่ของเหมยมากเกินไปนะครับ” อาชาก็รู้สึกเกรงใจแม้ว่าจะอยากอยู่กับเหมยมากๆ ก็ตาม “ไม่เกรงใจเลยลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่ดูแลหลานให้” แม่น้ำฟ้าตะโกนไล่หลังมา พ่อบุญทองก็เดินตามมาติดๆ “คุณตาคุณยายขา ลิลลี่อยากอยู่ที่นี่กับคุณตาคุณยายค่ะ อยากอยู่กับคุณครูเหมยด้วย ไม่อยากกลับไปที่ไร่ ไม่มีเพื่อน” ลิลลี่ก็เป็นเด็กช่างพูดประจบประแจง พูดไปก็สะอึกสะอื้นไปอย่างน่าสงสาร “ไม่เป็นไรลูก อยู่กับตากับยายอีกสองวันก็ได้ ตากับยายไม่ได้ทำอะไร เพราะว่าตอนนี้ในสวนก็ฉีดยาหมดแล้ว” แม่น้ำฟ้าเข้ามาโอบกอดปลอบประโลมหนูน้อยลิลลี่ ซึ่งกลายเป็นขวัญใจของคนทั้งบ้านเหมยไปเสียแล้ว....เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด
เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน"ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน"ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง"งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ"พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก"จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเ
ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห
ผ่านไปไม่นานผลงานของเสือก็ออกฤทธิ์ เพราะนายธวัชชัยโทรตามให้ธงไปดูเครื่องซีลชาในไร่ทันที เพราะถ้าหากไปช้าอาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาหนัก“ฮัลโหลครับคุณธวัชชัย” นายธงรีบรับโทรศัพท์“คุณธงอยู่ไหนครับเนี่ย ผมให้เด็กไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ พอดีเครื่องซีลมีปัญหาน่าจะต้องรีบเข้ามาดูเลย” ธวัชชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ตอนนี้เลยเหรอครับ แต่นี่มันนอกเวลางานแล้วนะครับคุณธวัชชัย” ธงรีบปฏิเสธ“ผมเข้าใจครับ แต่เราเป็นช่างรีแพร์ ช่างซ่อมบำรุง ต่อให้นอกเวลางาน หากเครื่องมีปัญหาเราก็ต้องจัดการทันที อย่าให้มันลุกลามครับ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” สิ่งที่ธวัชชัยพูดทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ทำให้ธงเถียงไม่ออก เพราะด้วยเงินเดือนที่มากเป็นแสนๆ ของเขา หมายถึงต้องแลกมาซึ่งเวลาชีวิตและพร้อมสแตนด์บายตลอดเวลาในการทำงาน“ก็ได้ครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง” ธงวางสายจบก็เตรียมจะร่ำลาพ่อแม่ของเหมย เขารู้สึกโกรธมากที่ครั้งนี้อาชาก็ทำกับเขาแบบเดิม“พ่อกับแม่ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานเร่งด่วนเข้ามา” ธงพูดจบก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของเหมยแล้วขับรถออกจากไร่ไปทันทีเสือที่เห็นดังนั้นก็ถ่ายรูปขณะที่ธงกำลังขับรถออกไปส่งไปให้กับอาชาเพื