อาชาซึ่งยืนแอบอยู่ข้างๆ เฝ้าดูพฤติกรรมทุกอย่างของเหมยด้วยตัวเขาเอง เขามั่นใจแล้วว่าเหมยเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก
เพราะแม้แต่ลิลลี่จะพุ่งเข้าไปหาหรือแกล้ง เหมยก็ไม่มีทีท่าจะโกรธหรือดุลิลลี่เลย ซ้ำยังก้มลงไปหอมแก้มลิลลี่อีกต่างหาก "ลิลลี่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ลิลลี่มีแต่คุณลุง คุณตา และคุณยายค่ะ" เมื่อลิลลี่พูดถึงพ่อกับแม่ที่เสียไป ก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย เหมยที่เห็นอาการของลิลลี่ดูเศร้าลง จึงกล่าวคำขอโทษลิลลี่จากใจจริง เพราะไม่รู้ว่าลิลลี่ต้องพบเจออะไรมาบ้าง "หนูชื่ออะไรคะ พี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูเสียใจ" เหมยบอกขอโทษลิลลี่ "ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ คุณครูคนสวยของลิลลี่ คุณครูสอนหนังสือให้ลิลลี่นะคะ ลิลลี่จะเป็นเด็กดี" ลิลลี่ก็ยังคงพูดเรื่องการเรียนกับเหมยอยู่ "ก่อนที่เราจะตกลงกัน งั้นพาไปหาผู้ปกครองได้ไหมคะ เผื่อผู้ปกครองตามหาอยู่" เหมยหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากเธอ เหมยวางลิลลี่ออกจากตักแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับยื่นมือให้ลิลลี่จูงเหมยไปหาผู้ปกครองของลิลลี่ "คุณลุงของลิลลี่อยู่ตรงโน้นค่ะ" ลิลลี่ด้วยความใสซื่อจึงชี้ไปที่ด้านหลังทางเข้าประตูที่อาชาแกล้งแอบยืนดูอยู่ "อยู่ตรงนู้นหรอคะ" เหมยรีบหยิบแว่นขึ้นกลับมาสวมแล้วส่องไปตรงบริเวณที่เด็กน้อยลิลลี่ชี้ไป พลันก็เห็นร่างใหญ่สูงสง่าของใครคนหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากมุมอับ ผู้ชายคนนั้นก็เป็นใครไปไม่ได้ อาชา นั่นเอง "อ้อ หนูเป็นหลานของคุณลุงอาชาหรอคะ" เหมยที่เห็นภาพอย่างชัดเจนเมื่อได้หยิบแว่นขึ้นมาสวม "ใช่ค่ะ คุณลุงอาชาเป็นลุงของลิลลี่ค่ะ แล้วลุงของลิลลี่ก็ยังโสดด้วยนะคะ คุณครู ฮิ ฮิ" หนูน้อยลิลลี่จอมแสบรีบขายคุณลุงกับคุณครูคนใหม่ที่แสนน่ารักคนนี้ "ฮิ ฮิ โอ้โห รู้จักขายคุณลุงด้วยหรอคะ" เหมยก้มลงไปอุ้มลิลลี่ขึ้นมาแล้วเดินตรงไปหาอาชาที่ยืนอยู่ตรงบริเวณระเบียงมุมลับตาของคาเฟ่ "คุณลุงขา คุณครูมาหาค่ะ" เสียงลิลลี่ตะโกนเรียกคุณลุงอาชาที่หันกลับมายืนยิ้มอย่างสง่างามอยู่ "คุณอาชาคะ เอาลูกศิษย์คนสวยมาส่งค่ะ" เหมยที่ส่งลิลลี่คืนให้กับอาชาแล้วส่งยิ้มกลับไป "เรียกว่าลูกศิษย์คนสวย แปลว่าคุณเหมยยอมสอนหนังสือให้กับยัยลิลลี่แล้วใช่ไหมครับ" อาชาที่รอลุ้นคำตอบจากเหมย "ก็ได้นะคะ น้องลิลลี่น่ารักขนาดนี้น่าจะสอนง่ายค่ะ ดูท่าจะแสบไม่เบา" เสียงหัวเราะคิกคักของเหมยกับลิลลี่ทำให้หัวใจของอาชารู้สึกพองโตขึ้นมา ตัดภาพมาที่เพื่อนรักอย่างเจสซี่ ที่วันนี้อาชาได้มอบหมายหน้าที่ให้บอดี้การ์ดคู่กายพาเจสซี่เที่ยวตระเวนรอบไร่ และทำทุกกิจกรรมภายในไร่ โดยมีเจสซี่ที่เป็นสายลุย ลุยทุกอย่าง ขนาดเสือที่เป็นบอดี้การ์ดก็ยังทึ่งว่าผู้หญิงที่สวยดูลูกคุณหนูอย่างเจสซี่ จะเป็นคนที่ทำกิจกรรมด้านนอกเก่งมาก "คุณเสือ เราเก็บใบชากันเสร็จแล้ว เราจะไปทำอะไรกันต่อ" เจสซี่ที่ใส่กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบสีขาว และเสื้อแขนยาวที่กันแดดได้เล็กน้อย "คุณอยากทำอะไร เดี๋ยวผมพาไปทำทั้งหมดเลย" "เราขับรถเที่ยวชมไร่ชาได้ไหมคะ" เจสซี่ที่วิ่งเล่นรอบไร่ชาอย่างสบายอารมณ์ โดยมีเสือเป็นคนคอยแนะนำและทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งสองดูทีท่าจะเข้ากันได้มากกว่าครั้งแรก "คุณเสืออยู่ที่นี่มานานหรือยัง" เจสซี่หันไปยิ้มแล้วถามเสืออย่างเป็นมิตร "คุณจะถามไปทำไม" เสือไม่ค่อยอยากตอบและไม่อยากเป็นมิตรกับเจสซี่สักเท่าไหร่ "ก็ฉันอยากรู้ เดี๋ยวฉันก็กลับออสเตรเลียแล้ว คุณไม่ต้องทำหน้าบูดใส่ฉันขนาดนั้นก็ได้" เจสซี่ที่เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกเต็มใบหน้า ทำให้หน้าแดงแจ๋จนดูเหมือนคนเมา "ผมอยู่กับนายมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมด้วยกัน" เสือตอบส่งๆ "หมายความว่าคุณเสือกับคุณอาชาเป็นเพื่อนกันใช่ไหม" เจสซี่ที่หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันไปหาเสือ ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา "ฮืม.." เสียงสั้นๆ ตอบกลับมา "ผมว่านี่ก็เกือบบ่ายแล้ว คุณเข้าร่มเถอะ เดี๋ยวจะเป็นไข้เอา" เสือที่เห็นว่าเจสซี่หน้าแดงไปหมด จึงอยากพาเจสซี่กลับเข้าไปที่คาเฟ่หน้าไร่ชา "เอาสิ งั้นเรากลับกันดีกว่า ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน" เจสซี่ใช้มือเรียวลูบไปที่ท้อง ทางด้านอาชาและเหมยได้เรียนรู้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ในระยะเวลาเพียงแค่สองวัน ลิลลี่มีอาการชอบเหมยมากเป็นพิเศษ พูดคุยกับเหมยอย่างสนิทใจ ไม่เหมือนกับคุณครูคนก่อนๆ ที่มักจะโดนลิลลี่แกล้งสารพัดจนไม่สามารถสอนลิลลี่ได้ "คุณครูคะ คุณครูสัญญาว่าถ้าลิลลี่มาอยู่กับคุณลุงอาชา คุณครูจะมาสอนลิลลี่นะคะ" ลิลลี่ที่ไม่ยอมลงจากตักของเหมย นั่งกินเค้กอยู่ก็หันมาพูดเจื้อยแจ้วเหมือนนกแก้วนกขุนทอง "ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณครูมา สัญญาว่าจะตั้งใจเรียนได้ไหมคะ ห้ามดื้อนะคะ" เหมยใช้มือหยิกไปที่แก้มของลิลลี่เบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว อาชาที่เดินถือแก้วกาแฟพร้อมกับขนมเค้กเอามาให้เหมยได้นั่งกินกับลิลลี่ "เท่าไหร่คะคุณอาชา" เหมยที่เตรียมจะหยิบเงินออกมาจ่ายให้กับอาชา "ไม่คิดเงินครับ" อาชาพูดเสียงเรียบ "ไม่ได้หรอกค่ะ ของซื้อของขาย แค่ให้ เหมยกับเพื่อนมาเที่ยวฟรีิ ก็มากเกินพอแล้ว" เหมยพูดออกไปด้วยความเกรงใจ "ถ้าคุณเหมยจะจ่ายเงินผม ผมคงรู้สึกแย่แน่เลยครับ ว่าที่คุณครูของยัยลิลลี่ ยัยลิลลี่คงโกรธผมน่าดูเลย" อาชาโยนคำตัดสินทั้งหมดให้กับลิลลี่ผู้ใสซื่อ "ใช่ค่ะคุณครูขา คุณครูกินเถอะนะคะ คุณลุงอุตส่าห์เอามาให้ เดี๋ยวลิลลี่เสียใจนะคะ" ลิลลี่ก็เหมือนรู้งาน ช่างประจบประแจง "ใครสอนให้พูดคะ พูดน่ารักขนาดนี้คุณครูจะทิ้งลิลลี่ไปไหนได้คะเนี่ย" เหมยปกติไม่ค่อยเปิดใจคบใครง่ายๆ แต่กลับถูกเด็กหญิงลิลลี่ผู้น่ารักตกเข้าอย่างจังด้วยความขี้อ้อนและรอยยิ้มที่แสนใสซื่อ "งั้นถ้าคุณเหมยไม่รังเกียจ อยู่เขียนนิยายต่อที่นี่ยาวๆ เลยได้ไหมครับ เพราะว่าลิลลี่น่าจะอยู่ที่นี่อาทิตย์นึง ผมอยากให้คุณเหมยทำความรู้จักกับลิลลี่ครับ" อาชาพยายามดึงรั้งเหมยเอาไว้ให้ได้นานที่สุด "ขอเหมยปรึกษากับเพื่อนก่อนนะคะ เพราะว่าเจสซี่อีกวันสองวันต้องเดินทางกลับออสเตรเลียแล้วค่ะ" เหมยหันไปตอบอาชา "อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ แล้วแต่คุณเหมยตัดสินใจเลยครับ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณเหมย" นี่เป็นครั้งแรกที่อาชายอมให้คนอื่นตัดสินใจแทนตัวเอง โดยปกติอาชาจเป็นคนที่เด็ดขาดและเผด็จการที่สุด....เวลาที่ไร่ชาผ่านไปเร็วไวเหมือนโกหก วันนี้เป็นวันที่สี่ ที่เหมยมาอยู่ที่ไร่ชาแสนสุขนี้ โดยมีเจสซี่และสมาชิกใหม่แสนน่ารัก 1 คนที่ไม่ยอมไปนอนกับอาชา ขอมานอนกับเหมยทุกวันตั้งแต่พบกัน"คุณครูเหมยขา ลิลลี่เขียนตัวนี้ถูกต้องไหมคะ" ลิลลี่เอ่ยถาม "ตั้งแต่เจอคุณครูเหมย ลิลลี่ก็เหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป แม้แต่คุณตาคุณยายก็ไม่อาจเติมเต็มให้ลิลลี่ได้"สวยมากค่ะลิลลี่" เหมยที่กำลังนั่งปั่นต้นฉบับนิยายอีกเล็กน้อย จึงไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ ถือโอกาสทำความรู้จักกับลิลลี่ผู้ น่ารัก"ฮาย...หนูลิลลี่!" เสียงเจสซี่ที่เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะตามประสาเพื่อนรัก"คุณน้าเจสซี่ ดูนี่สิคะ ลิลลี่เขียนถูกต้องด้วยค่ะ" ลิลลี่เอาผลงานไปโชว์เจสซี่ด้วยความภาคภูมิใจ"โอ้โห หนูลิลลี่ของคุณน้าเจสซี่เก่งมากค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูลิลลี่ไปนั่งบนเตียงนะคะ ขอคุณน้าคุยธุระกับคุณครูเหมยแป๊บนึง" เจสซี่บอกให้ลิลลี่ไปนั่งรออย่างเรียบร้อย"ยัยเหมย ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" ท่าทีดูจริงจังของเจสซี่ทำให้เหมยวางมือแล้วเดินตามเจสซี่ออกไปนอกห้อง"นี่แกจะเป็นคุณครูของหนูลิลลี่จริงๆ เหรอ" เจสซี่ถามเพื่อนรักอย่างจริง
อาชาซึ่งยืนแอบอยู่ข้างๆ เฝ้าดูพฤติกรรมทุกอย่างของเหมยด้วยตัวเขาเอง เขามั่นใจแล้วว่าเหมยเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก เพราะแม้แต่ลิลลี่จะพุ่งเข้าไปหาหรือแกล้ง เหมยก็ไม่มีทีท่าจะโกรธหรือดุลิลลี่เลย ซ้ำยังก้มลงไปหอมแก้มลิลลี่อีกต่างหาก"ลิลลี่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ลิลลี่มีแต่คุณลุง คุณตา และคุณยายค่ะ" เมื่อลิลลี่พูดถึงพ่อกับแม่ที่เสียไป ก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อยเหมยที่เห็นอาการของลิลลี่ดูเศร้าลง จึงกล่าวคำขอโทษลิลลี่จากใจจริง เพราะไม่รู้ว่าลิลลี่ต้องพบเจออะไรมาบ้าง"หนูชื่ออะไรคะ พี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูเสียใจ" เหมยบอกขอโทษลิลลี่"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ คุณครูคนสวยของลิลลี่ คุณครูสอนหนังสือให้ลิลลี่นะคะ ลิลลี่จะเป็นเด็กดี" ลิลลี่ก็ยังคงพูดเรื่องการเรียนกับเหมยอยู่"ก่อนที่เราจะตกลงกัน งั้นพาไปหาผู้ปกครองได้ไหมคะ เผื่อผู้ปกครองตามหาอยู่" เหมยหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากเธอเหมยวางลิลลี่ออกจากตักแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับยื่นมือให้ลิลลี่จูงเหมยไปหาผู้ปกครองของลิลลี่"คุณลุงของลิลลี่อยู่ตรงโน้นค่ะ" ลิลลี่ด้วยความใสซื่อจึงชี้ไปที่ด้านหลังทางเข้าประตูที่อาชาแกล้งแอบยืนด
เหมยกับเจสซี่อยู่ที่ไร่ชาของอาชาเป็นวันที่ สอง วันนี้เหมยได้ไปเยือนคาเฟ่ชาสุดชิกพร้อมกับดูการทำงานของบาริสต้าชงชาฝีมือฉมัง ลูกค้าเข้ามาที่คาเฟ่ของอาชาไม่ขาดสายตั้งแต่ผู้ใหญ่ เด็ก ไปจนถึงวัยรุ่น ที่นี่ตกแต่งออกมาเป็นบรรยากาศวิวภูเขาที่สบายตามากๆเหมยถือโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งบริเวณด้านนอกเพื่อรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าพลางจิบกาแฟเบาๆ ค่อยๆ บรรจงพิมพ์งานลงไปทีละตัวอักษร ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ลงไปบนตัวหนังสือสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เหมยแทบไม่วางตาพร้อมกับยืนจิบกาแฟหอมกรุ่นในยามเช้าเช่นกัน อาชาที่เปิดกระจกในห้องทำงานพลันสายตาก็เห็นร่างเล็กของผู้หญิงที่หมายปองอย่างเหมย เขาจึงยืนจิบกาแฟแล้วจ้องมองเหมยด้วยความเสน่หาอย่างเต็มหัวใจส่วนเจสซี่ เพื่อนสาวสุดที่รักก็สนุกสุดเหวี่ยงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เล่นทุกกิจกรรมที่มี จนตอนนี้ยังนอนสลบอยู่บนเตียงไม่ฟื้น“นายชอบคุณเหมยไหมครับ นายรู้ไหมว่านายชอบเผลอยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงคุณเหมยเลยนะ” เสือหันไปพูดกับอาชา“ฉันว่าเหมยเป็นผู้หญิงที่น่ารักดีนะ แต่ฉันคงไม่ถึงขั้นชอบเหมยหรอก” อาชายืนจิบกาแฟล้วงกระเป
พระอาทิตย์อัสดงยามเย็น แสงแดดสีแดงสดใสบวกกับพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่กำลังจะลับไปหลังภูเขาเขียวขจีลูกใหญ่ ณ ไร่ชาพรหมเทพ เหมยและอาชากำลังนั่งจิบชายามเย็นตรงระเบียงห้องพักตากอากาศอาชากำลังเฝ้ามองเหมยระหว่างที่เหมย กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบอยากให้มีเพียงเหมยและเขา“คุณเหมยดูท่าจะชอบเขียนนิยายเอามากๆ เลยนะครับ” อาชาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเหมยกำลังนั่งขะมักเขม้นกับหน้าจอตั้งแต่มาถึงที่นี่เหมยจึงหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง พร้อมยิ้มตอบกลับไปให้อาชาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจในแบบฉบับของสาวแว่น“เหมยว่าเวลาที่เหมยเขียนนิยาย เหมือนเหมยหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เหมยอยากจินตนาการตัวละครตัวใดตัวหนึ่งให้อยู่บน โชคชะตาและเส้นด้ายที่เหมยได้เขียนเอาไว้” เหมยอธิบายเรื่องราวมากมายให้อาชาฟัง อาชาโดยปกติเป็นคนไม่ค่อยเอาเวลาที่เป็นเงินเป็นทองมานั่งเฝ้าผู้หญิงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เสือเห็นกิริยาของเจ้านาย“นี่..! คุณบอดี้การ์ด ช่วยเปิดขวดเนยถั่วให้หน่อยได้ป่ะ” เจสซี่ที่เดินมาหาเสือขณะที่ยืนคุมเชิงอยู่บริเวณด้านนอกเสือทำคิ้วขมวดเมื่อจ้องมองหน้าสาวสวยลูกครึ่งฝรั่ง“คุณช่วยทำหน้าให้มันดูเป
และแล้วเวลาที่อาชารอคอยก็มาถึง วันนี้เขายกเลิกงานและการประชุมทุกอย่าง เพื่อเตรียมตัวมารับเหมยด้วยตัวเอง เขาตื่นเต้นกว่าคนที่จะมาพักเสียอีก"เจ้านายครับ นี่เพิ่ง 15:30 น. เอง เจ้านายจะรีบไปไหนครับ? ผมเห็นเจ้านายรีบตั้งแต่ 15:00 น. แล้ว จะไปรับเหมยท่าเดียวเลย" เสือพูด"ครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านใหม่พอดี มึงรีบแต่งตัวเลย" อาชาตอบ "คนภายนอกมองไม่มีใครรู้หรอกว่าเสือกับอาชาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนด้วยกันมาและผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่เสือให้ความเคารพอาชาในฐานะเจ้านาย นอกจากบางครั้งที่อาชาอยากจะได้ความเป็นเพื่อน เสือก็จะอยู่ข้าง ๆ อาชาเสมอ"ผมน่ะไม่ต้องแต่งตัวแล้วครับ เชิญเจ้านายขึ้นรถเลย เดี๋ยวผมขับรถให้" เสือพูดกึ่งแซวทางด้านสองสาวที่เตรียมเสื้อผ้าและกระเป๋าสำหรับการไปพักผ่อน 2-3 วันตามคำเชิญของอาชา ส่วนเหมยตั้งใจจะไปสูดอากาศที่ไร่ชาให้เต็มปอด แล้วเขียนนิยายเรื่องโปรดเพื่อให้แฟน ๆ ได้อ่านต่อไป"ฉันว่านะ ฉันจะต้องมีพลังในการเขียนนิยายมากแน่เลย ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ" เหมยหันมาคุยกับเจสซี่ที่ยืนทาลิปสติกอยู่หน้ากระจก
ทุกอย่างผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากที่เหมยกับอาชาทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยในช่วงเวลาเช้า เสียงรถคันหรูก็แล่นเข้ามาที่บ้านของเหมยอีกครั้งเพื่อมารับอาชากลับไป“คุณเหมยครับ จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอแลกไอดีกับคุณเหมยหน่อย” อาชาที่อยากจะทำความรู้จักเหมยมากกว่านี้จึงได้เอ่ยปากขอช่องทางการติดต่อกับเหมย“ยินดีมากค่ะคุณอาชา เป็นเพื่อนคนที่สองของเหมยเลยนะ” เหมยยิ้มจนแก้มแทบฉีกที่ได้เพื่อนใหม่ต่างวัย“งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณเหมยไปลองชิมชาที่ไร่ แล้วก็ไปกินเค้กที่คาเฟ่ คุณเหมยโอเคไหมครับ” อาชาหันมาถามเหมยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถหรูไป“ได้สิคะ เหมยขออนุญาตพายายเจสซี่ไปด้วยได้ใช่ไหมคะ” เหมยเองที่ยังไม่แน่ใจว่าอาชาเป็นคนแบบไหน จึงเลือกที่จะพาเจสซี่ เพื่อนสาวที่แสนฉลาดหลักแหลมติดไปด้วย“ได้สิครับ ยินดีมากๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมมารับคุณเหมยกี่โมงดี” อาชารวบรัดตัดตอนเลือกทั้งกระทั่งเวลาให้กับเหมย“ที่ไร่ชาปิดกี่โมงคะ” เหมยหันไปถามอาชาเพราะไม่เคยไปเลยสักครั้ง“ที่ไร่ชาของผม สำหรับคุณเหมยเปิดตลอดครับ” อาชาพูดอย่างคนเป็นต่อ“ถ้าเหมยไม่เกรงใจจะไปน