เหมยกับเจสซี่อยู่ที่ไร่ชาของอาชาเป็นวันที่ สอง วันนี้เหมยได้ไปเยือนคาเฟ่ชาสุดชิกพร้อมกับดูการทำงานของบาริสต้าชงชาฝีมือฉมัง
ลูกค้าเข้ามาที่คาเฟ่ของอาชาไม่ขาดสายตั้งแต่ผู้ใหญ่ เด็ก ไปจนถึงวัยรุ่น ที่นี่ตกแต่งออกมาเป็นบรรยากาศวิวภูเขาที่สบายตามากๆ เหมยถือโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งบริเวณด้านนอกเพื่อรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าพลางจิบกาแฟเบาๆ ค่อยๆ บรรจงพิมพ์งานลงไปทีละตัวอักษร ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ลงไปบนตัวหนังสือ สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เหมยแทบไม่วางตาพร้อมกับยืนจิบกาแฟหอมกรุ่นในยามเช้าเช่นกัน อาชาที่เปิดกระจกในห้องทำงานพลันสายตาก็เห็นร่างเล็กของผู้หญิงที่หมายปองอย่างเหมย เขาจึงยืนจิบกาแฟแล้วจ้องมองเหมยด้วยความเสน่หาอย่างเต็มหัวใจ ส่วนเจสซี่ เพื่อนสาวสุดที่รักก็สนุกสุดเหวี่ยงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เล่นทุกกิจกรรมที่มี จนตอนนี้ยังนอนสลบอยู่บนเตียงไม่ฟื้น “นายชอบคุณเหมยไหมครับ นายรู้ไหมว่านายชอบเผลอยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงคุณเหมยเลยนะ” เสือหันไปพูดกับอาชา “ฉันว่าเหมยเป็นผู้หญิงที่น่ารักดีนะ แต่ฉันคงไม่ถึงขั้นชอบเหมยหรอก” อาชายืนจิบกาแฟล้วงกระเป๋าอย่างสง่างาม “นายแน่ใจเหรอครับว่านายไม่ได้ชอบคุณเหมย ปกตินายไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาพักในรีสอร์ตส่วนตัวของนายเลยนะครับ” เสือก็แกล้งถามอาชาอีก “ฉันแค่สนใจว่าเธอไม่เหมือนใครดีก็เลยอยากทำความรู้จักก็เท่านั้นแหละไอ้เสือ มึงก็พูดเกินไป” อาชาปลายตามองเสือที่รู้ทันเขาไปซะทุกเรื่อง “เดี๋ยววันนี้น้องลิลลี่จะมาหาคุณอาชาที่ไร่ชานะครับ” “วันนี้วันเสาร์ใช่ไหม” “ใช่ครับ เดี๋ยวคุณหนูลิลลี่จะมาหาคุณอาชาที่นี่ครับ” ลิลลี่ หรือหลานสาวเพียงคนเดียวของอาชา ที่อาชารักเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของคนในบ้าน เพราะพี่สาวและพี่เขยของอาชาได้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำและจากไป มีเพียงลิลลี่ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้น ส่วนลิลลี่ก็อยู่กับพ่อแม่ของอาชาในตัวเมืองเชียงใหม่ ห่างจากไร่ชาไปประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตร “ก็ดีสิ ฉันจะได้ให้ลิลลี่ทำความรู้จักกับคุณเหมยสักหน่อย” อาชาคิดจะเริ่มแผนการผูกรั้งเหมยให้มาเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาไทยให้กับลิลลี่ “แต่คุณหนูลิลลี่จะยอมจริงๆ เหรอครับ” เสือที่รู้ว่าลิลลี่ไม่ค่อยยอมรับใครที่เข้าใกล้อาชาเลยสักคน “ฉันคิดว่าคุณเหมยเอาอยู่” ผ่านไปไม่นาน มีเสียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ วิ่งเจื้อยแจ้ว ฟันหลอ ยิ้มจนเห็นเหงือก ตะโกนเรียกอาชามาแต่ไกล “คุณลุงอาชาคะ ลิลลี่มาหาแล้วค่ะ” ลิลลี่ที่หิ้วกระเป๋าสะพายสีชมพูน่ารัก ถักเปียสองข้างพร้อมกับยิ้มจนเห็นเหงือก อาชาที่ได้ยินเสียงหลานสาวก็หันกลับไปทันทีแล้วอ้าแขนใหญ่ๆ ไว้รอรับให้หลานวิ่งเข้ามาหา “คุณลุงงงงงงงงงงงงง..ขาาาา” ลิลลี่ที่มาถึงก็กระโดดกอดคอของอาชาเอาไว้แน่น อาชากดจมูกโด่งๆ ก้มลงไปหอมแก้มซ้ายขวาของลิลลี่ด้วยความคิดถึงและเอ็นดู “วันนี้ทำไมหลานสาวของลุงสวยขนาดนี้คะ” อาชากอดลิลลี่แล้วอุ้มขึ้นมานั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงาน “วันนี้ลิลลี่อยากกินขนมเค้กในร้านได้ไหมคะ ลิลลี่หิวมากเลย” เสียงเด็กน้อยที่ออดอ้อนคุณลุงอย่างสุดฤทธิ์เพราะอยากกินขนมเค้กสุดอร่อยในคาเฟ่ “ได้สิคะ แล้วนี่จะอยู่กับคุณลุงกี่วัน” อาชาถามหลานสาวที่เสือไปรับมาจากคุณพ่อและคุณแม่ของเขา “ลิลลี่อยากอยู่กับคุณลุงทุกวันเลยค่ะ แต่คุณตากับคุณยายบอกว่าถ้ามารบกวนคุณลุงทุกวันคุณลุงจะไม่มีเวลาทำงาน” ลิลลี่ทำหน้าเศร้า “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ลิลลี่อยากอยู่กับคุณลุงกี่วันก็ตามใจได้เลย” อาชาที่รักหลานสาวลิลลี่เป็นที่สุด เพราะหลานสาวไม่มีทั้งพ่อและแม่คอยให้ความรัก ทำให้อาชาเลี้ยงดูลินลี่ตั้งแต่อายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น “ลิลลี่จะปิดเทอมแล้วนะคะ ขอลิลลี่มาอยู่กับคุณลุงที่นี่ได้ไหมคะ” ลิลลี่ที่ใช้มือเล็กๆ อวบอูมกอดไปที่คอของอาชาแล้วก็ก้มลงไปซุกอยู่ที่อกแกร่งด้วยท่าทางน่ารัก อาชาจึงนั่งลงที่โซฟาโดยมีลิลลี่นั่งอยู่บนตักพร้อมกับตั้งใจฟังสิ่งที่หลานสาวตั้งใจจะพูดกับเขา “ได้สิคะ ถ้าลิลลี่อยากจะอยู่ เดี๋ยวคุณลุงจะขอคุณตากับคุณยายให้นะคะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าลิลลี่ปิดเทอมมาอยู่ที่ไร่ จะต้องเรียนพิเศษกับคุณครูที่คุณลุงเตรียมให้นะคะ ลิลลี่ตกลงไหม” อาชาเริ่มแผนใช้หลานสาวเป็นสะพานในการตามจีบเหมย “ได้ค่ะ แต่คุณครูใจดีไหมคะ” ลิลลี่หญิงสาววัยเพียงสี่ขวบที่ออดอ้อนอาชา “คุณครูใจดีและน่ารักมากค่ะ อยากไปรู้จักคุณครูไหมคะ” อาชาแกล้งถามหลานสาวสุดที่รัก “ได้เหรอคะ คุณครูอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ” เด็กอนุบาบ วัยสี่ขวบที่กำลังเรียนรู้จึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น “อยู่สิคะ เดี๋ยวอีกสักพักคุณครูก็น่าจะมาทานข้าวแล้วค่ะ งั้นเราไปหาขนมที่คาเฟ่ทานกันเลยดีไหมคะ” “เย้! คุณลุงอาชาใจดีที่สุดเลย ลิลลี่รักคุณลุงค่ะ” ลิลลี่ที่พูดจาประจบประแจงอาชา ทางด้านเหมยและเจสซี่นั่งรถกอล์ฟคันหรูที่ไปรับจากบ้านพักตากอากาศมาที่คาเฟ่ชาเขียวของไร่อาชา เหมยกำลังนั่งเขียนนิยายอย่างทะมัดทะแมงืพร้อมกับจิบชาเบาๆ บรรยากาศรอบตัวเย็นสบายทำให้เหมยมีไอเดียในการเขียนนิยายมากมาย โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าอาชากำลังอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนหนึ่งมาด้วย “นั่นไงคะคุณครูคนใหม่ของลิลลี่ สวยไหมคะ” อาชาใช้มือชี้ไปที่เหมยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนนิยายอยู่กับโน้ตบุ๊ก เหมยที่สวมแว่นหนาเตอะ ขมวดผมเป็นปม สวมเสื้อครอปกับกางเกงยีนส์ “คุณครูน่ารักมากเลยค่ะ คุณลุงอาชาขา ขอลิลลี่ไปหาคุณครูได้ไหมคะ” เด็กหญิงตัวน้อยที่พูดจายังไม่ค่อยชัดก็ส่งยิ้มหวานตาหยีมาให้ “ได้สิคะ ลองเข้าไปหาคุณครูดูสิ” อาชาค่อยๆ นั่งยองๆ แล้ววางลิลลี่ลงที่พื้น เจ้าหนูลิลลี่ก็ทำเหมือนรู้งาน รีบวิ่งดุ๊กดิ๊ก ออกจากอ้อมอกแกร่งของอาชาแล้วตรงไปหาเหมยที่กำลังตั้งใจพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้น เหมยที่รู้สึกว่าเหมือนมีร่างเล็กๆ ยืนอยู่ประกบด้านข้าง เหมยหันมองเพียงปลายหางตาเลยมองได้เป็นเพียงเงาดำๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง ลิลลี่ค่อยๆ เอื้อมมือเล็กสะกิดที่แขนของเหมยเบาๆ เหมือนอยากจะแกล้งเหมยพร้อมกับวิ่งแอบหลบด้านหลังเหมยเพื่อไม่ให้เหมยเห็น อาชาที่ยืนมองหลานสาวตัวแสบอย่างลิลลี่ที่แสนจะน่ารักสำหรับเขาวิ่งเข้าไปแกล้งว่าที่คุณครูคนใหม่ในช่วงปิดเทอม 2 เดือนของเธอ “เอ๋ เมื่อกี้ใครสะกิดนะ” เหมยคิดอยู่ในใจแต่ก็ยังไม่ได้สนใจหันกลับไปมอง เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับการเขียนงานตัวละครที่กำลังเข้าได้เข้าเข็ม ลิลลี่ที่เห็นเหมยไม่สนใจก็จัดการสะกิดแขนเหมยอีกครั้งแต่แรงขึ้นกว่าเดิมแล้วแอบหลบด้านหลังเก้าอี้ เหมยจึงถอดแว่นตาออกแล้วหันตามหามือปริศนาคู่นั้น “เอ๋...หนูสะกิดพี่เหรอคะ” เหมยที่หันมาเห็นเด็กตัวเล็กฟันหลอ หน้าขาวนวลเนียน ยิ้มจิ้มลิ้มอย่างน่ารักก็อดที่จะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มเล็กๆ ที่กลมเหมือนซาลาเปาไม่ได้ “อุ๊ย พี่เป็นคุณครูคนใหม่ของลิลลี่เหรอคะ” หญิงสาวที่เอามือจับแก้มป้อยๆ เพราะโดนเหมยหยิกไปที่แก้มอย่างมันเขี้ยว “คุณครูคนใหม่เหรอคะ เอ๊ะ ไม่นะคะ” เหมยที่ไม่รู้ว่าลิลลี่เป็นหลานสาวของอาชาก็ตอบปฏิเสธทันควัน “แต่คุณลุงของลิลลี่บอกว่าพี่เป็นคุณครูคนใหม่ของลิลลี่ค่ะ” ลิลลี่พูดจบก็เดินเข้าไปหาเหมยแล้วทำท่าทางออดอ้อน “นี่ลูกใครคะเนี่ย น่ารักจังเลย” เหมยที่อดหมั่นเขี้ยวเด็กผู้หญิงจ้ำม่ำคนนี้ไม่ได้ก็อุ้มขึ้นมาแล้ หอมแก้มไปฟอดใหญ่...เวลาที่ไร่ชาผ่านไปเร็วไวเหมือนโกหก วันนี้เป็นวันที่สี่ ที่เหมยมาอยู่ที่ไร่ชาแสนสุขนี้ โดยมีเจสซี่และสมาชิกใหม่แสนน่ารัก 1 คนที่ไม่ยอมไปนอนกับอาชา ขอมานอนกับเหมยทุกวันตั้งแต่พบกัน"คุณครูเหมยขา ลิลลี่เขียนตัวนี้ถูกต้องไหมคะ" ลิลลี่เอ่ยถาม "ตั้งแต่เจอคุณครูเหมย ลิลลี่ก็เหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป แม้แต่คุณตาคุณยายก็ไม่อาจเติมเต็มให้ลิลลี่ได้"สวยมากค่ะลิลลี่" เหมยที่กำลังนั่งปั่นต้นฉบับนิยายอีกเล็กน้อย จึงไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ ถือโอกาสทำความรู้จักกับลิลลี่ผู้ น่ารัก"ฮาย...หนูลิลลี่!" เสียงเจสซี่ที่เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะตามประสาเพื่อนรัก"คุณน้าเจสซี่ ดูนี่สิคะ ลิลลี่เขียนถูกต้องด้วยค่ะ" ลิลลี่เอาผลงานไปโชว์เจสซี่ด้วยความภาคภูมิใจ"โอ้โห หนูลิลลี่ของคุณน้าเจสซี่เก่งมากค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูลิลลี่ไปนั่งบนเตียงนะคะ ขอคุณน้าคุยธุระกับคุณครูเหมยแป๊บนึง" เจสซี่บอกให้ลิลลี่ไปนั่งรออย่างเรียบร้อย"ยัยเหมย ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" ท่าทีดูจริงจังของเจสซี่ทำให้เหมยวางมือแล้วเดินตามเจสซี่ออกไปนอกห้อง"นี่แกจะเป็นคุณครูของหนูลิลลี่จริงๆ เหรอ" เจสซี่ถามเพื่อนรักอย่างจริง
อาชาซึ่งยืนแอบอยู่ข้างๆ เฝ้าดูพฤติกรรมทุกอย่างของเหมยด้วยตัวเขาเอง เขามั่นใจแล้วว่าเหมยเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก เพราะแม้แต่ลิลลี่จะพุ่งเข้าไปหาหรือแกล้ง เหมยก็ไม่มีทีท่าจะโกรธหรือดุลิลลี่เลย ซ้ำยังก้มลงไปหอมแก้มลิลลี่อีกต่างหาก"ลิลลี่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ลิลลี่มีแต่คุณลุง คุณตา และคุณยายค่ะ" เมื่อลิลลี่พูดถึงพ่อกับแม่ที่เสียไป ก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อยเหมยที่เห็นอาการของลิลลี่ดูเศร้าลง จึงกล่าวคำขอโทษลิลลี่จากใจจริง เพราะไม่รู้ว่าลิลลี่ต้องพบเจออะไรมาบ้าง"หนูชื่ออะไรคะ พี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูเสียใจ" เหมยบอกขอโทษลิลลี่"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ คุณครูคนสวยของลิลลี่ คุณครูสอนหนังสือให้ลิลลี่นะคะ ลิลลี่จะเป็นเด็กดี" ลิลลี่ก็ยังคงพูดเรื่องการเรียนกับเหมยอยู่"ก่อนที่เราจะตกลงกัน งั้นพาไปหาผู้ปกครองได้ไหมคะ เผื่อผู้ปกครองตามหาอยู่" เหมยหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากเธอเหมยวางลิลลี่ออกจากตักแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับยื่นมือให้ลิลลี่จูงเหมยไปหาผู้ปกครองของลิลลี่"คุณลุงของลิลลี่อยู่ตรงโน้นค่ะ" ลิลลี่ด้วยความใสซื่อจึงชี้ไปที่ด้านหลังทางเข้าประตูที่อาชาแกล้งแอบยืนด
เหมยกับเจสซี่อยู่ที่ไร่ชาของอาชาเป็นวันที่ สอง วันนี้เหมยได้ไปเยือนคาเฟ่ชาสุดชิกพร้อมกับดูการทำงานของบาริสต้าชงชาฝีมือฉมัง ลูกค้าเข้ามาที่คาเฟ่ของอาชาไม่ขาดสายตั้งแต่ผู้ใหญ่ เด็ก ไปจนถึงวัยรุ่น ที่นี่ตกแต่งออกมาเป็นบรรยากาศวิวภูเขาที่สบายตามากๆเหมยถือโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งบริเวณด้านนอกเพื่อรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าพลางจิบกาแฟเบาๆ ค่อยๆ บรรจงพิมพ์งานลงไปทีละตัวอักษร ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ลงไปบนตัวหนังสือสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เหมยแทบไม่วางตาพร้อมกับยืนจิบกาแฟหอมกรุ่นในยามเช้าเช่นกัน อาชาที่เปิดกระจกในห้องทำงานพลันสายตาก็เห็นร่างเล็กของผู้หญิงที่หมายปองอย่างเหมย เขาจึงยืนจิบกาแฟแล้วจ้องมองเหมยด้วยความเสน่หาอย่างเต็มหัวใจส่วนเจสซี่ เพื่อนสาวสุดที่รักก็สนุกสุดเหวี่ยงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เล่นทุกกิจกรรมที่มี จนตอนนี้ยังนอนสลบอยู่บนเตียงไม่ฟื้น“นายชอบคุณเหมยไหมครับ นายรู้ไหมว่านายชอบเผลอยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงคุณเหมยเลยนะ” เสือหันไปพูดกับอาชา“ฉันว่าเหมยเป็นผู้หญิงที่น่ารักดีนะ แต่ฉันคงไม่ถึงขั้นชอบเหมยหรอก” อาชายืนจิบกาแฟล้วงกระเป
พระอาทิตย์อัสดงยามเย็น แสงแดดสีแดงสดใสบวกกับพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่กำลังจะลับไปหลังภูเขาเขียวขจีลูกใหญ่ ณ ไร่ชาพรหมเทพ เหมยและอาชากำลังนั่งจิบชายามเย็นตรงระเบียงห้องพักตากอากาศอาชากำลังเฝ้ามองเหมยระหว่างที่เหมย กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบอยากให้มีเพียงเหมยและเขา“คุณเหมยดูท่าจะชอบเขียนนิยายเอามากๆ เลยนะครับ” อาชาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเหมยกำลังนั่งขะมักเขม้นกับหน้าจอตั้งแต่มาถึงที่นี่เหมยจึงหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง พร้อมยิ้มตอบกลับไปให้อาชาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจในแบบฉบับของสาวแว่น“เหมยว่าเวลาที่เหมยเขียนนิยาย เหมือนเหมยหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เหมยอยากจินตนาการตัวละครตัวใดตัวหนึ่งให้อยู่บน โชคชะตาและเส้นด้ายที่เหมยได้เขียนเอาไว้” เหมยอธิบายเรื่องราวมากมายให้อาชาฟัง อาชาโดยปกติเป็นคนไม่ค่อยเอาเวลาที่เป็นเงินเป็นทองมานั่งเฝ้าผู้หญิงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เสือเห็นกิริยาของเจ้านาย“นี่..! คุณบอดี้การ์ด ช่วยเปิดขวดเนยถั่วให้หน่อยได้ป่ะ” เจสซี่ที่เดินมาหาเสือขณะที่ยืนคุมเชิงอยู่บริเวณด้านนอกเสือทำคิ้วขมวดเมื่อจ้องมองหน้าสาวสวยลูกครึ่งฝรั่ง“คุณช่วยทำหน้าให้มันดูเป
และแล้วเวลาที่อาชารอคอยก็มาถึง วันนี้เขายกเลิกงานและการประชุมทุกอย่าง เพื่อเตรียมตัวมารับเหมยด้วยตัวเอง เขาตื่นเต้นกว่าคนที่จะมาพักเสียอีก"เจ้านายครับ นี่เพิ่ง 15:30 น. เอง เจ้านายจะรีบไปไหนครับ? ผมเห็นเจ้านายรีบตั้งแต่ 15:00 น. แล้ว จะไปรับเหมยท่าเดียวเลย" เสือพูด"ครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านใหม่พอดี มึงรีบแต่งตัวเลย" อาชาตอบ "คนภายนอกมองไม่มีใครรู้หรอกว่าเสือกับอาชาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนด้วยกันมาและผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่เสือให้ความเคารพอาชาในฐานะเจ้านาย นอกจากบางครั้งที่อาชาอยากจะได้ความเป็นเพื่อน เสือก็จะอยู่ข้าง ๆ อาชาเสมอ"ผมน่ะไม่ต้องแต่งตัวแล้วครับ เชิญเจ้านายขึ้นรถเลย เดี๋ยวผมขับรถให้" เสือพูดกึ่งแซวทางด้านสองสาวที่เตรียมเสื้อผ้าและกระเป๋าสำหรับการไปพักผ่อน 2-3 วันตามคำเชิญของอาชา ส่วนเหมยตั้งใจจะไปสูดอากาศที่ไร่ชาให้เต็มปอด แล้วเขียนนิยายเรื่องโปรดเพื่อให้แฟน ๆ ได้อ่านต่อไป"ฉันว่านะ ฉันจะต้องมีพลังในการเขียนนิยายมากแน่เลย ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ" เหมยหันมาคุยกับเจสซี่ที่ยืนทาลิปสติกอยู่หน้ากระจก
ทุกอย่างผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากที่เหมยกับอาชาทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยในช่วงเวลาเช้า เสียงรถคันหรูก็แล่นเข้ามาที่บ้านของเหมยอีกครั้งเพื่อมารับอาชากลับไป“คุณเหมยครับ จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอแลกไอดีกับคุณเหมยหน่อย” อาชาที่อยากจะทำความรู้จักเหมยมากกว่านี้จึงได้เอ่ยปากขอช่องทางการติดต่อกับเหมย“ยินดีมากค่ะคุณอาชา เป็นเพื่อนคนที่สองของเหมยเลยนะ” เหมยยิ้มจนแก้มแทบฉีกที่ได้เพื่อนใหม่ต่างวัย“งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณเหมยไปลองชิมชาที่ไร่ แล้วก็ไปกินเค้กที่คาเฟ่ คุณเหมยโอเคไหมครับ” อาชาหันมาถามเหมยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถหรูไป“ได้สิคะ เหมยขออนุญาตพายายเจสซี่ไปด้วยได้ใช่ไหมคะ” เหมยเองที่ยังไม่แน่ใจว่าอาชาเป็นคนแบบไหน จึงเลือกที่จะพาเจสซี่ เพื่อนสาวที่แสนฉลาดหลักแหลมติดไปด้วย“ได้สิครับ ยินดีมากๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมมารับคุณเหมยกี่โมงดี” อาชารวบรัดตัดตอนเลือกทั้งกระทั่งเวลาให้กับเหมย“ที่ไร่ชาปิดกี่โมงคะ” เหมยหันไปถามอาชาเพราะไม่เคยไปเลยสักครั้ง“ที่ไร่ชาของผม สำหรับคุณเหมยเปิดตลอดครับ” อาชาพูดอย่างคนเป็นต่อ“ถ้าเหมยไม่เกรงใจจะไปน