LOGIN“ปีกข้าจะคอยคุ้มครองท่าน แม้พลังอันน้อยนิดของเทพชั้นล่างอย่างข้า คงไม่มีประโยชน์มากมาย”
“ไม่ต่างจากการขอแต่งงาน ยอมรับข้าเป็นสามี เจ้ามอบหัวใจให้ข้า...” เขาชื่นชมนาง กว่าจะฉุกใจนึกขึ้นได้ “แต่เจ้าเพิ่งมอบมันให้ข้า? ทั้งที่เราเป็นสามีภรรยากันมานานพอสมควร เราพบหน้ากันทุกวัน อาจร่วมปีได้แล้วกระมัง”
“ข้าลืมเจ้าค่ะ...”
“คืนนี้ข้าจะลงโทษเจ้า”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่ยอม ฮ่า ๆ” นางหัวเราะร่าเริง หันหลังเดินหนีเขาไป
ราชาจิ้งจอกซึ่งกำลังอารมณ์ดีเมื่อได้รับของชิ้นสำคัญ เพียงแต่แกล้งข่มขู่นางได้อย่างนั้น พลันกลับกลายเป็นคนละคน ใบหน้าหล่อเหลาเข้มขรึมบึ้งตึง คล้ายจะจับตัวนางมาหักปีกทิ้งเสียเพื่อเป็นการทำโทษ ทว่าพอภรรยาขยับฝีเท้าจากเดินเป็นวิ่ง ด้วยรองเท้าถักสานอย่างดี ประจวบเหมาะบ่าวรับใช้จิ้งจอกผ่านมาเห็นเข้า องครักษ์แอบหัวเราะเยาะเขา ราชาฮุ่ยเฟินเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
แทนที่เขาจะว่ากล่าวตักเตือนนาง เขาวิ่งหน้าตาตื่นตามไปจับนาง
“ภรรยา! เจ้าอย่าวิ่ง เจ้าระวัง จือจือ... เจ้าหยุดตรงนั้น...!”
---------
ล่วงพ้นไปมากกว่ายี่สิบราตรี ฮุ่ยเฟินไม่กล้ารบกวนภรรยา เมื่อองครักษ์คนสนิทกล่าวว่าการตั้งครรภ์ในเมืองปีศาจนั้นใช้เวลาไม่นานเท่าสตรีบนโลกมนุษย์ ในกรณีเทพอุ้มครรภ์ปีศาจค่อนข้างอันตรายกว่าปีศาจด้วยกัน เพราะธาตุหยินหยางที่แตกต่าง ถึงแม้ว่าเขาจะมีบรรพบุรุษเป็นเทพก็ตาม
ใบหน้าหล่อเหลาที่เงียบขรึมเฝ้ามองภรรยาพริ้มปิดตาลงในแต่ละค่ำคืนด้วยร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ครรภ์ของนางไม่ได้โตขึ้นมากนัก เพียงมองเห็นหน้าท้องเนินนูนเล็กน้อย ซึ่งสำหรับปีศาจนับว่านางครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มที นางลุกขึ้นดื่มยาสมุนไพรในรุ่งเช้า อาหารมากมายบนโต๊ะอาหาร แรก ๆ นางกินอย่างหิวโหยแต่แล้วก็อาเจียน เมื่อครรภ์ร่วมสี่เดือน อาหารนับสิบอย่าง นางใช้ตะเกียบคีบเข้าปากไม่กี่คำก็ล้มตัวลงนอน ที่ประจำของสามีจึงกลายเป็นมุมห้อง บริเวณตั่งนั่งสีนิลสนิท
“ปีศาจล้วนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน หมกมุ่นในราคะตัณหา เป็นธรรมดาวิสัย...”
ไม่มีทางที่เขาจะหักห้ามใจตนไหว แม้กระทั่งองครักษ์ทั้งสามก็คิดเช่นนี้ จึงยื่นข้อเสนอให้นายท่านลองดื่มพลังวิญญาณ สานสัมพันธ์ราคะกับครึ่งปีศาจที่ไว้วางใจได้ พวกนางไม่มีกลิ่นเหม็นอย่างสตรีทั่วไป สำหรับท่านผู้นำที่ว่ากลิ่นหอมฉุนกลายเป็นกลิ่นไม่พึงใจ เขากลับปฏิเสธ ยังกล่าวเรื่องวิสัยของปีศาจต่อตงหยาง จางเหว่ย
“นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้ปีศาจอสูรมักทิ้งร้างห่างหายบุตรของตนไปมีชีวิตใหม่ ไม่ใคร่สนใจบุตรและภรรยา แม้ภรรยาเองก็ไม่สนใจกับการมีสามีเดียว มิได้ฟูมฟักปกป้องบุตรอย่างมนุษย์ ปล่อยให้พวกเขาเติบใหญ่ด้วยตนเอง”
“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา บางกลุ่มเป็นมิตรต่อกันด้วยผลประโยชน์ รักษาสมาชิกในครอบครัวไว้เผื่อแผ่ขยายอาณาเขต ปรองดองกับอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งก็เพื่อความอยู่รอดของตน ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
ตงหยางหวังว่านายท่านจะยอมดับกระหายเสียบ้าง นับตั้งแต่มีภรรยาแม้ไม่กี่เดือนผ่านพ้นมา ฮุ่ยเฟินดื่มกลืนไอหยินทีละเล็กละน้อยจากธิดาปักษาเพียงเท่านั้น ต่างจากเมื่อก่อน คนสนิทจะเป็นผู้นำลูกแก้ววิญญาณมาให้เขา ด้วยการสูบพลังจากปีศาจตนอื่นอีกที เมื่อนายท่านเหม็นกลิ่นปีศาจสตรี
ขนาดว่าอารมณ์ภรรยาขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ฮุ่ยเฟินตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่แตะต้องสตรีอื่น
“ข้าไม่ได้กระหายมากมาย ขอบคุณเจ้ามาก”
“แต่ถ้าหากว่าทนไม่ไหว ได้โปรดดูแลสุขภาพของท่านนะขอรับ ภรรยาและบุตรชายรอพบบิดาที่แข็งแรง”
ลูกแก้วสีนิลสนิทที่มีกลุ่มควันหยินลอยฟุ้ง วางไว้บนโต๊ะไม้สนแดง ตงหยางจัดวางมันใส่หีบไม้ไว้เผื่อนายท่านจะได้ใช้ยามคับขัน ก่อนจะออกไป
ยังมีเรื่องกระบี่แห่งสัญญาอีกเรื่องหนึ่ง เหล่าองครักษ์ได้ตั้งข้อสงสัยว่านางอาจเป็นเทพระดับสูง ด้วยนิสัยถ่อมตัวของนางจึงไม่ยอมพูดความจริง
จือจือได้บอกว่านางได้มาจากท่านย่าของนางก่อนการสิ้นสลายของภพภูมิ พลังระดับนางหรือจะเป็นเทพชั้นสูงได้ นางมีหน้าที่ส่งสาร บำเพ็ญเพียรมาแค่แปดพันปี
ฮุ่ยเฟินเลือกที่จะเชื่อใจภรรยา เขาชี้แจงกับองครักษ์ทั้งสามว่าทุกสิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ว่าเขาอยากเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่งจึงเก็บนางมา เพียงรับรู้ได้ยามต้องตานาง จะต้องเป็นปักษาตนนี้เท่านั้น ที่จะเป็นภรรยา
“ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ เรื่องภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของราชาจิ้งจอก เป็นเรื่องจริงหรือขอรับนายท่าน?” จางเหว่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







