INICIAR SESIÓN“ท่านทวงถามบุญคุณจากข้านับพันครั้งได้ กลัวข้าจะโบยบินไปจากท่านพร้อมบุตรในครรภ์หรือ?”
“ลองกล้าไปจากข้า... จะหักปีกเจ้า ล่ามโซ่ขังเจ้าไว้ในคุกใต้ดิน ไม่ให้เห็นแม้แสงตะวัน ธิดาจือจือ เจ้าไม่มีวันได้โบยบินกลับท้องนภา สรวงสวรรค์อันงดงามของเจ้าอย่างไรก็ไม่ใช่เมืองปีศาจ ไม่น่าอยู่”
“ท่านเคยไป? ทำไมจึงว่าไม่น่าพำนักอาศัย”
“ข้าเห็นว่าเจ้าชอบที่นี่ อาจมากกว่าเมืองเทพที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังด้วยซ้ำไป เจ้าไปเที่ยวเตร็ดเตร่เป็นเพื่อนข้าได้ทุกวัน จะร่ำสุราค่ำคืนใดก็ได้ทั้งนั้น”
“ข้าหิว...” เสียงหงอยของสตรีเทพ นางก้มหน้าลง เหลือบตามองหมั่นโถว สองมือกุมหน้าท้อง ไม่รู้ด้วยเหตุใดวันนี้สามีนางใจร้ายกับนางนัก
“ไม่มีสิ่งใดมาแลกเลยหรือ?”
“ข้าจะมอบความรักให้ท่านเจ้าค่ะ ทั้งหมด... ในหัวใจข้า”
“เจ้าจะควักหัวใจเจ้าออกมา? ข้าว่าไม่ดี เพราะข้าก็ตายไปกับเจ้าด้วย”
“ข้าจะมอบปีกปักษาให้ท่าน นี่ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเทพปักษา”
ทีแรกสามีปรารถนาเพียงจุมพิตบนเคราสาก การกระทำแสนน่ารักของนางมักทำให้เขากระชุ่มกระชวยหัวใจเสมอ ไม่คิดว่านางจะให้ของล้ำค่าอะไรนั่น ฮุ่ยเฟินเลิกคิ้วขึ้นถาม “ปีกปักษา? ฟังดูน่าสนใจ คงพอแลกเปลี่ยนกับหมั่นโถวแสนอร่อยของข้าได้”
ใบหน้าสดสวยแลดูน่าสงสาร เกล้าผมซึ่งลักษณะเหมือนหูจิ้งจอกทั้งสองข้างตกลงอย่างจิ้งจอกน้อยถูกรังแก นางขยับดวงตาอ้อนวอนตามนัยน์ตาสีชาดเย็นชา
“จือจือรับปากว่าไม่บินหนีท่านไป ส่งหมั่นโถวลูกนี้ให้ภรรยากับบุตรชายของท่านกินมันเถิด ข้าหิวจะแย่...”
ท่าทางอ้อนขอเป็นแมวนำพารอยยิ้มให้ปรากฏขึ้น มองเห็นเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากของราชาจิ้งจอก ใจนึกอยากกลั่นแกล้งนางอีก จะได้ชื่นชมความน่ารักใคร่ของนางอย่างมิรู้หน่าย ฮุ่ยเฟินยอมส่งหมั่นโถวให้ด้วยการเลื่อนไปตรงริมฝีปากของนาง มองด้วยสายตาเป็นเชิงปรามสั่ง ให้นางกินอาหารจากมือของเขาเฉกเช่นเจ้าปักษาในกรงทอง
จือจือยอมตามใจเขาเพราะว่ามือของนางจะได้ไม่เปื้อนด้วย นางกินหมั่นโถวไส้หวานที่สามีป้อนให้นางไปสามลูก พอหมดแล้วเขาก็เสกมันขึ้นมาใหม่ ในมือของเขามีตะกร้าหมั่นโถวควันลอยฉุย เพิ่งอุ่นจากเตา เขาเตรียมมาค่อนข้างเยอะ เขาป้อนนางจนอิ่มท้อง ผายฝ่ามือออกขอของที่นางเอ่ยว่าจะมอบให้
เมื่อลั่นวาจาไปแล้วเทพธิดาย่อมรักษาคำพูด แถมนางคิดว่าหากไม่ให้ปีกของนางกับเขา จะมอบให้ใครได้อีก นางสลัดปีกขาวสะอาดงดงามออกมา ดึงขนปีกเส้นหนึ่งจากแผ่นหลังของนาง กลายเป็นขนปีกสีชาด ส่งมันให้สามีกับมือ ฮุ่ยเฟินยิ้มหน้าระรื่น แค่นหัวเราะในลำคอ
“ขอบใจสำหรับปีกของเจ้า ข้าจะเก็บรักษาไว้ให้ดี”
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย...
หมั่นโถวที่ซื้อวัตถุดิบมาจากตลาด ขอให้บ่าวรับใช้สตรีปั้นและอบมันจนหอมฟูเต็มถังไม้ด้วยเวทปีศาจ มิได้ลงมือทำด้วยฝีมือตน แลกเปลี่ยนกับปีกปักษา สมบัติล้ำค่าของเผ่าพันธุ์เทพปักษา
ฮุ่ยเฟินตระหนักว่าเขาเอาเปรียบภรรยาพอสมควร รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยเมื่อเขาเป็นถึงเจ้าผู้ครองนครปีศาจอันเกรียงไกร จึงมอบเครื่องประดับและของวิเศษในคลังปีศาจให้นางเป็นน้ำใจตอบแทน ก่อนที่จะตกใจหน้าตาตื่นเมื่อทำมันหายไป ตอนยกมันขึ้นสูดดมกลิ่นหอมอ่อนรัญจวน สะบัดหน้าหันไปทางองครักษ์ นึกโมโหนางที่เดินออกไปพร้อมปิ่นสีนิลสวยงาม บังอาจดึงปีกปลอมมาหลอกเขาเสียได้ ครั้นพอจะกลับไปเอาเรื่อง ถึงได้รู้สึกว่าปีกปักษาฝังเข้าไปในอก ตงหยางยืนอยู่ด้วยกันในคลังของวิเศษยังตกใจ
‘ข้าอยู่ในหัวใจท่าน สามี’
เขาได้ยินเสียงนางในหัว รีบตรงไปหาภรรยาในสวนด้านหลังจวน นางเดินไปเดินมา นั่งลงจิบชา บำเพ็ญตนด้วยการหลับตานิ่ง ๆ โดยไม่ได้ใช้เวทใด ๆ ให้สามีเป็นกังวล ขณะบ่าวรับใช้นำอาหารมากมายมาบำรุงบำเรอนาง มีมิตรสหายมากขึ้นเมื่อนางปรับตัวเข้าหาปีศาจ
“ปีกปักษานี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
“เผ่าพันธุ์ปักษาเลือกสามีภรรยาได้ครั้งเดียว ถ้าหากว่าท่านมีใจเป็นอื่น นอกเสียจากข้าจะสูญเสียปีกไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว ข้าอาจทุกข์ตรมจนตาย”
“เช่นนั้น นับว่าเป็นของดี” ฮุ่ยเฟินเลื่อนมือขึ้นจับกุมอาภรณ์สีนิลบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ในแววตาเย็นชาปรากฏรอยยิ้มตื้นตัน ก้มหน้าลงมองแก้มแดงซ่านของภรรยา นางยิ้มตอบด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







