ชั้นปีที่ 4
คาบเรียน เสียงอธิบายเนื้อหาในสไลด์ของอาจารย์ยังคงดังอยู่หน้าห้อง ขณะที่นักศึกษาหลายคนตั้งใจจดตาม แต่บรรยากาศการเรียนต้องชะงักลงชั่วคราว เมื่อชายร่างสูงเดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างไม่รีบร้อน “เพิ่งจะมาเนี่ยนะ! รู้มั้ยว่านี่มันกี่โมงแล้ว?” “ขอโทษครับ” “ทีหลังก็หัดมาตรงเวลาบ้าง ไปนั่งที่ได้แล้ว” เขาตอบรับอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเดินไปนั่งที่ด้านหลังสุด เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆหันมามองอย่างสงสัย แล้วกระซิบถาม “มึงไม่เคยเข้าสายไม่ใช่หรอวะ กูจำได้ว่าถ้ามึงจะโดดก็โดดเลย ทำไมวันนี้ถึงมาสายวะ?” “มีเรื่องสนุกๆให้ทำนิดหน่อย” ปากตอบเพื่อนแต่สายตามองไปทางหน้าห้อง ทว่าก็ยังดูเหมือนสมองเขาจะไม่ได้รับอะไรจากอาจารย์เลยสักนิด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังค้างอยู่บนหน้า “ได้เหยื่อใหม่ล่ะสิ หน้ายิ้มไม่หุบขนาดนั้น” “โว้ย ไอ้เซน มึงไม่รู้รึไงว่าตอนนี้มันลงจากเสือกลายเป็นหมาไปแล้ว” “เออจริง น้องเจสนั่นแหละตัวดี” “จริงจังกับคนนี้จริงดิ?” “ไม่รู้ว่ะ ถ้าเบื่อก็แค่ทิ้ง” “สุดท้ายก็ยังเหี้ยเหมือนเดิม” ปึก! เสียงปากกาอันใหญ่กระแทกพื้นดังสนั่น ทำให้วงสนทนาสามคนสะดุดทันที อาจารย์เท้าเอว กวาดสายตามามอง “นักศึกษาแถวนั้น! เงียบหน่อย ฉันกำลังอธิบายอยู่ไม่เห็นรึไง! หรือว่าอยากให้ตัดคะแนน!?“ “คร๊าบบ“ ⸻ หลังเลิกคาบ “พวกมึงเห็นป่ะ! ตอนที่ยัยเจสตอกกลับอาจารย์แก่นั่น กูโคตรสะใจเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” “เออ อาจารย์นี่ถึงกับอ้าปากค้าง หน้าเหวอไปเลย” “ยัยเจสนี่ตัวตึงจริงๆ กูนับถือเลย” “หึ… ระดับเจสสิก้า แค่นี้จิ๊บๆ” เสียงหัวเราะดังอยู่ภายในร้านคาเฟ่ข้างหอพัก กลุ่มเพื่อนสนิทของเจสสิก้านั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ⸻ เช้าวันรุ่งขึ้น — มหาวิทยาลัย วันนี้บรรยากาศแปลกกว่าทุกวัน เสียงซุบซิบดังไม่หยุดทั่วมหาวิทยาลัย “เฮ้ย วันนี้พี่เจสต้องเรียกผู้ปกครองมาใช่ป่ะ” “ใช่ๆ ได้ข่าวว่าพ่อพี่เขา…เป็นมาเฟีย!” “จริงดิ? บ้าไปแล้ว เป็นไปได้ไง!” ข่าวลือเกี่ยวกับเจสสิก้า สาวฮอตที่ทำอะไรก็ไม่แคร์ใคร ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้ความจริงมากขึ้น และในที่สุด เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ⸻ ห้องผู้อำนวยการ “เชิญนั่งก่อนครับ คุณเจมส์” ชายในสูทดำสนิทอายุราวสี่สิบปลายเดินเข้ามาด้วยท่าทีสุขุม ใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาเย็นเฉียบ ทำเอาทั้งห้องเงียบกริบ ตึก… ตึก… ตึก… เสียงส้นเท้าของหญิงสาวที่เดินตามหลังเขา เธอนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นพ่อ ทั้งท่าทางและสายตาเหมือนถอดแบบกันมา ผอ.ถึงกับหันมองสลับไปมา “ลูกผมทำผิดอะไร ถึงต้องเรียกผมมาคุย?” “เจสไม่ตั้งใจเรียนค่ะ แถมยังหลับในห้อง เข้าเรียนไม่เป็นเวลา” อาจารย์หม่าตอบ “แค่นั้นเอง? ลูกผมเก่งพอจะไม่ต้องฟังที่คุณสอนก็ได้” “ยังไม่หมดค่ะ เธอชอบมีเรื่องกับเพื่อนร่วมชั้น และทุกครั้งอีกฝ่ายก็บาดเจ็บ” “มีเรื่องก็ต้องมีคนเจ็บอยู่แล้ว มันก็เรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ?” อาจารย์หม่าถึงกับหน้าตึงทันที “คุณไม่คิดจะห้ามลูกบ้างเลยเหรอคะ แทนที่จะเข้าข้างแบบนี้?” “ถ้าคุณไม่พอใจ บอกมาเถอะครับ ผมย้ายลูกไปมหาลัยอื่นได้ทันที” “ไม่มีแน่นอนครับ!!” ผอ.รีบพูดแทรก สายตาจ้องอาจารย์หม่าอย่างเอาเรื่องจนเธอเงียบ “ผมเชื่อว่าหนูเจสคงไม่ทำร้ายใครก่อน เว้นแต่จะถูกหาเรื่อง แล้วทางเราก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนครับ” “ก็ดีครับ” “ขออภัยที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา” “ป๊าคะ งั้นเรื่องก็จบแล้วใช่มั้ย?” “ใช่แล้วล่ะ สวีตตี้” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อพูดกับลูกสาว เต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยน ราวกับยืนยันว่าลูกคนนี้ ไม่มีใครแตะต้องได้ สองพ่อลูกเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ผอ.และอาจารย์หม่าเงียบงันอยู่ในห้อง “คุณรู้มั้ยว่าคุณเพิ่งทำอะไรลงไป!?” ผอ.หันขวับมามอง “ทำไมผอ.ต้องกลัวขนาดนั้นคะ?” “คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ!? ถ้าคุณเจมส์ไม่พอใจขึ้นมา มหาลัยเรานี่แหละจะเดือดร้อน!! เขารักลูกสาวเขามาก…มากขนาดที่ใครแตะต้องไม่ได้เลย!” “ขะ…ขอโทษค่ะ ผอ. ฉันไม่รู้จริงๆ…”สหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข