“อยู่หอลำบากแน่เลย ลูกป๊า กลับมาอยู่บ้านดีกว่านะ สวิทตี้ ถ้าลูกขี้เกียจขับรถก็ให้การ์ดรับส่งก็ได้“
“ไม่เอา~ก็หนูอยากใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง” “แต่_____” “ไม่มีแต่ค่ะป๊า หนูตัดสินใจแล้ว!” ม๊วฟ!! หญิงสาวเงยหน้าหอมแก้มผู้เป็นบิดาที่คอยเอาแต่ตามใจ เป็นห่วงเป็นไยเธอไม่มีที่สิ้นสุด หอมเสร็จฃก็รีบวิ่งแจ้นออกไปก่อนจะหันมาตะโกนไล่หลัง “รักป๊านะคะ!!!” ชายร่างใหญ่ ยืนส่ายหน้าไปมาไหให้กับความซนของลูก ตอนเด็กซนยังไงโตมาก็ยังซนแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ ชายวัยกลางยืนพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเดินออกไป “เฮ้อ…สวิทตี้ของป๊าเริ่มโตขึ้นแล้วสินะ” คาบเรียน “ชิ คาบนี้น่าเบื่อชะมัด อาจารย์พูดแต่อะไรก็ไม่รู้!” มือเล็กเท้าคางกับอีกมือหมุนปากกาเล่นอย่างเบื่อหน่าย แต่เมื่อมองไปรอบๆกลับเห็นว่าทุกคนตั้งตาฟังอาจารย์ที่พูดแว่วๆอยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง ยกเว้นเธอคนเดียวสินะ แต่เจสสิก้าอย่างเธอจะไม่ทนอยู่กับสถานการณ์ที่น่าเบื่อเจียนตายแบบนี้แน่ๆ พรวด! หญิงสาวลุกขึ้นกระทันหันจนทุกคนหันมามองรวมถึงเพื่อนสองคนที่นั่งข้างๆ “ยัยเจสเป็นอะไรของมัน?” สายตาที่มองมายันเธอหนึ่งในนั้นรวมถึงอาจารย์ แต่นั่นมันไม่ได้สะทกสะท้านต่อเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเดินออกไปด้านหน้า จ้องครูหน้าตาเฉยก่อนจะเอ่ยปากกล่าวขึ้น “ขอไปห้องนํ้านะคะ อาจารย์“ “อื_____” อาจารย์เพิ่งจะเอ่ยปากตอบอนุญาตไม่ทันจะพ้นคอ แต่เธอได้เดินไปด้านหน้าแล้ว เด็กคนนี้เสียมารยาทสะจริง แต่ใครจะทำอะไรเธอได้ล่ะ เธอก็เป็นของเธอแบบนี้อยู่ตลอด ไม่เคยกลัวอะไรในเมื่อพ่อแม่เธอยังไม่เคยที่จะว่าจะด่า แล้วเธอต้องกลัวใครล่ะ เจสสิก้าเดินเตะพื้นเล่นอย่างเบื่อหน่ายเดินไปเรื่อยจนถึงชั้นสูงสุดของโรงเรียน ซึ่งก็เป็นดาดฝ้า เวลานี้ที่นี่มันช่างเงียบสงบ ท้องฟ้าสดใสงดงาม ลมเย็นพัดผ่านไม่มีใครมากวน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ยาวแกว่งขาเล่นไปมา สุดลมแสนบริสุทธิ์เข้าจมูก ปากเอ่ยพึมพำคนเดียวเสียงดัง “น่าเบื่อชะมัด!!” “เด็กหนีเรียน ไม่ดีเลยนะครับ” ก่อนเสียงที่คุ้นเคยอยู่ๆก็ลดดังออกมาทางด้านหลังกระทันหัน นำพาหญิงสาวหันไปมองตามเสียง ก็เห็นรุ่นพี่คนดีคนเดิมเดินมาเข้ามาหาเธอจากทางด้านหลัง “พี่ปอร์เช่?” เจสสิก้าเอ่ยปากเรียกชื่อคนตรงหน้าขึ้นด้วยความงุนงง ไม่ว่าเธอจะไปไหน เขาก็คอยโผล่ออกมาข้างหลังอยู่เรื่อย เป็นผีรึยังไงกัน! ปอร์เช่เดินเข้ามาฟุบนั่งลงข้างๆรุ่นน้องสาว สายตาชำเลืองมองขาเรียวเล็กในกระโปงนักศึกษาที่แกว่งเล่นไปมาไต้เก้าอี้ หึ น่ารักชะมัด ชายหนุ่มอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นความน่าเอ็นดูของรุ่นน้องที่เมื่อเทียบกับตัวเองแล้วเธอนั้นตัวเล็กตุ้นนุ้ยน่าจับกอดจริงๆ “ฮึ…” “พี่ขำอะไรคะ!” “ขำเด็กที่โดดเรียนยังไงหล่ะคะ” “เหอะ! พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ!” หญิงสาวหน้ามุ่ยกอดอก ตอบกลับชายตรงข้างที่เอาแต่มองเธอ แล้วยิ้มไม่หุบ “แล้วยังจะมายิ้มอีก! ชิ! ว่าแต่…” อยู่ๆเจสสิก้าก็เกิดมองเขาด้วยแววตามีลับลมคมใน ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วทันที “หืม…?” !!!! เขาสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ดีๆก็ลุกพรวดแล้วคว้าข้อมือเขาก่อนจะลากให้วิ่งตามอย่างไม่ทันตั้งตัว “ฮ่าๆๆ ไปทำอะไรสนุกๆ กันดีกว่า!” “จะลากพี่ไปไหน เดี๋ยวก็ล้มกันพอดีหรอก!” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่เขาก็ยอมวิ่งตามเธออยู่ดี มือเล็กยังจับแขนเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังก้องไปทั่วทางเดิน จนกระทั่ง… “แฮ่ก… แฮ่ก…” ทั้งคู่หยุดหอบหายใจอยู่หน้ารั้วมหาวิทยาลัย “แฮ่ก… น้องพาพี่มาหน้ารั้วทำไมเนี่ย?” “คิกๆ อย่าเพิ่งบ่นเป็นคนแก่สิ เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มแล้ว!” “เฮ้อ…! เจส!! จะทำอะไร!?” ชายหนุ่มตาโต รีบร้องห้ามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินไปใกล้รั้ว แล้วเริ่มปีนขึ้นอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางแสบๆซนๆเหมือนลิงน้อยนั่นทำเอาเขาทั้งเอ็นดูทั้งปวดหัว “อย่ามาดุเลยน่า หรือว่า…พี่ไม่กล้า?” เธอหันมายักคิ้วให้พร้อมรอยยิ้มกวนสุดใจ ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนรั้วได้เรียบร้อย ท่าทางท้าทายสุดฤทธิ์ “ใครบอก!” จะให้โดนหยามต่อหน้าก็ใช่เรื่อง! เขาจึงปีนขึ้นตามไปทันที ถึงจะไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้ แต่ด้วยขายาวๆของเขา ทำให้ใช้เวลาแค่ไม่กี่ก้าวก็ตามเธอทันและนั่งลงข้างๆได้ เจสสิก้ามองเขาอย่างทึ่ง ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะยอมปีนรั้วกับเธอจริงๆ เสือหนุ่มจอมเจ้าชู้ที่วันๆมีแต่ข่าวกับผู้หญิง กลับมายอมเล่นซนกับเธอแบบนี้… แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร— “เฮ้ย!! ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงยามดังขึ้น ทั้งสองรีบกระโดดลงจากรั้วแทบจะพร้อมกันก่อนจะวิ่งหัวเราะหนีแบบไม่คิดชีวิต “เธอนี่นะ…” เขาถอนหายใจอย่างหนัก หน้าตาเหนื่อยใจแต่ก็แอบขำในใจ “คิกๆๆ~ ตื่นเต้นดีใช่มั้ยล่ะ?” แม้จะเหนื่อย แต่เขาก็เผลอยิ้มตามเธอทุกที ความสดใสของเธอมันช่างดึงดูดเสียจน… ถึงจะปวดหัว แต่ในใจก็แอบคิดว่า… จริงๆ แล้ว… ชอบเธอก็ไม่ได้แย่นะสหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข