공유

Chapter 2. ซินหราน

last update 최신 업데이트: 2024-06-20 21:17:16

“พี่อู่เฉียง”

            เสียงใสเรียกทำให้ชายหนุ่มได้สติ ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกแล้ว อู่เฉียงพยักหน้ารับเป็นเชิงบอกนางว่า ‘อร่อย’ หญิงสาวจึงยิ้มกว้างออกมาได้ หลายปีมานี่ นางเป็น ‘สิ่งมีชีวิต’ เดียวที่ทำให้พรรคเพลิงอัคนีสดใส บนเกาะแห่งนี้มีคนอยู่มากก็จริง เฉพาะที่พรรคมารแห่งนี้มีเพียงเด็กคนเดียวที่เติบโตมาอย่าง ‘ปกติ’ นางไม่ใช่นักฆ่า ไม่มีวรยุทธ ไม่มีพิษ  นางเป็นหญิงสาวแสนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และหากก้าวเท้าออกจากเกาะแห่งนี้ไป ไม่รู้ว่านางจะใช้ชีวิตภายนอกได้อย่างไร

            เด็กหญิงคนหนึ่งถูกเรียกขานว่า ‘ซินหราน’ ผ่านมาถึงเวลานี้เป็นครบแปดปีแล้ว ภายนอกผู้อื่นมองว่านางโง่งม ไม่ทันเล่ห์กลใด แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้ารังแกนาง แม้กระทั้งสตรีที่อยู่ข้างกายจอมมารแห่งพรรคเพลิงอัคนี หากไม่เพราะผ่านคืนฝันร้ายนั้นมาแล้ว นางคงตื่นตระหนกหวาดกลัวกับผู้คนในพรรคเพลิงอัคนีไม่น้อย บางคนรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์บนภาพวาดในวัดที่นางเคยเห็น แต่เมื่อเติบโตขึ้น นางจึงรู้ว่าคนเหล่านี้แม้มีใบหน้าดุร้าย โหดเหี้ยมอำมหิต แต่ในส่วนลึกแล้วจิตใจดีนัก อย่างน้อย พวกเขาดีกับนาง เอ็นดูนางเหมือนนางเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง

            คนต่างหากที่น่ากลัว นางกลัวคนปกติธรรมดา พวกหน้าเนื้อใจเสือ คนเหล่านั้นฆ่าบิดามารดาและคนในหมู่บ้านอย่างไร้ความปราณี

            นางจึงใช้ชีวิตอย่างสงบในสถานที่ที่ใครต่อใครลำลือว่าโหดร้าย  เป็น ‘ซินหราน’ สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่ ‘อู่เฉียง’ อุ้มกลับมา เขาประกาศว่านางคือ ‘น้องสาวบุญธรรม’ แต่อู่เฉียงเองเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกซื้อตัวมาเลี้ยงแบบนักฆ่า ฝึกฝนจนได้รับตำแหน่งเป็นองครักษ์จอมมาร องครักษ์ที่นับว่ามีฝีอมือได้รับการคัดเลือกมีอยู่สามคนก็คือ อู่เฉียง,อู่ชิง,อู่ยิน    ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าที่ต่างที่มาแต่ถูกส่งมาด้วยจุดหมายเดียวกัน      ทั้งสามจึงสนิทสนมกันดุจพี่น้อง เมื่ออู่เฉียงประกาศว่าซินหรานคือน้องสาวบุญธรรมของเขา อู่ชิงกับอู่ยินก็ต้องยอมรับนางด้วยเช่นกัน

            “สายแล้ว เจ้ายังไม่ไปรับใช้ท่านจอมมารอีกรึ” อู่เฉียงเตือน

            “ข้าไปมาแล้ว ประเดี๋ยวจะยกน้ำชาไปให้นายท่านที่ห้องอักษร” 

นางยิ้มแย้ม ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวที่ต้องเข้าไปรับใช้ราชันจอมมาร  แม้นางจะอยู่ที่นี่ในฐานะน้องสาวบุญธรรมของอู่เฉียง แต่นางมิได้อยู่กินอย่างไร้ประโยชน์ งานการใดๆ ที่ควรทำ พ่อบ้านจูโหย่งเจาเป็นคนเข้มงวด ไม่ว่าจะการชงชาหรือฝนหมึกล้วนฝึก ทุกครั้งที่ทำผิดพลาดนางจะถูกเคาะมือเป็นการทำโทษ แต่นางไม่เคยร้องไห้หรือโกรธแค้น สิ่งที่พ่อบ้านสั่งสอนล้วนนับว่าเป็นประโยชน์กับนางมาก แต่เดิมนางอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ไม่เคยเรียนรู้กฏระเบียนธรรมเนียมใดๆ เมื่องานที่นางได้รับมอบหมายไม่มีสิ่งใดผิดพลาด พ่อบ้านก็จะทำหน้ายุ่งยากเพื่อหาเรื่องมาตำหนินางอีก แต่นางกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกชวนขบขันเสียมากกว่า

            ส่วนพ่อครัวเจี่ยนมีฝีมือการปรุงอาหารเป็นเลิศ เคยได้ยินว่าเป็นพ่อครัวในวังหลวงมาก่อน แต่เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี้นั้นมีเรื่องเล่าปากต่อปากมากมายนัก พ่อครัวเจี่ยนเอ็นดูนางมาก วิชาความรู้ในครัวสั่งสอนนางราวกับศิษย์เอก กระนั้นนางยังไม่มั่นใจว่าตนเองทำอาหารได้รสดีนัก มักนำมาให้อู่เฉียง อู่ชินและอู่ยิน รวมทั้งคนอื่นๆ ชิมอยู่เสมอ

            “เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”

            “อืม” ซินหรานพยักหน้ารับ ขนมเปี๊ยะในถาดหายวับไปกับตา  หญิงสาวเผยรอยยิ้มสดใส กอดถาดไม้ที่ว่างเปล่าแล้วหมุนตัวกลับ

            “ประเดี๋ยวก่อน”

            ซินหรานได้ยินเสียงอู่ยินเรียกก็หมุนตัวกลับมา ชายหนุ่มล้วงมือไปในอกเสื้อหยิบของบางสิ่งแล้วยื่นให้หญิงสาว

            “เจ้าไม่ได้ออกไปข้างนอก ข้าเลยซื้อมาให้” อู่ยินยื่นถุงเล็กๆ ส่งให้ ซินหรานยื่นมือไปรับอย่างประหลาดใจ นางลอบมองสีหน้าของอู่เฉียงเล็กน้อย เห็นเขาไม่มีท่าทีอะไร นางจึงเปิดออกดู พบว่าข้างในเป็นลูกปัดหลากสีและหลายรูปแบบ 

            “เห็นเจ้าชอบทำเครื่องประดับเอง ข้าเลยซื้อมาฝาก” นี่เขายอมควักเงินออกมาให้นางเลยนะ อู่ยินยกมือขึ้นกอดอกมองดูรอยยิ้มที่สดใสของหญิงสาวเบื้องหน้า 

            “ขอบคุณพี่อู่ยินมาก” นางรับมาด้วยความตื่นเต้น แม้อยู่ที่นี่อาหารการกิน เสื้อผ้าหรือที่อยู่อาศัยไม่ได้ลำบากอะไร นางเป็นหญิงย่อมมีความอยากได้เครื่องประดับบ้าง แต่เพราะนางเจียมตนว่าตนเป็นเพียงสาวใช้ จึงมักทำอะไรๆ ใช้เองเสมอ

            “รีบไปได้แล้ว”

            อู่เฉียงเตือนอีกครั้ง ซินหรานหันไปแลบลิ้นใส่แล้วรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามจึงเห็นเพียงแผ่นหลังของนาง และผมเปียที่แกว่งไปมา

            “ปีนี้นางอายุสิบหกแล้วไม่ใช่หรือ? ยังถักผมเปียเป็นเด็กอยู่เลย”

            “นางเป็นสาวใช้ ต้องรวบผมให้เรียบร้อย” อู่เฉียงเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ มองขนมเปี๊ยะที่แย่งชิ้นสุดท้ายมาครอบครองได้ในมือ

            “ปีนี่นางอายุสิบหกแล้วนะ” อู่ชิงยื่นมือไปจับไหล่สหาย เขารู้ดีว่าในสายตาของอู่เฉียงมิได้มองซินหรานเช่นพี่ชายมองน้องสาวมานานแล้ว

            “แต่นางเป็นสตรีของท่านจอมมาร” อู่เฉียงรู้สึกถึงความขมฝาดที่ต้องตระหนักถึงความจริงในเรื่องนี้ แม้นางไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่นางเสมือนเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวให้เขารู้ว่าเขายังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่

            นั่นคือเงื่อนไขที่จอมมารเหิงหยางเซิงยอมให้นางอยู่ที่นี่ และให้เขารับนางเป็นน้องสาวบุญธรรม

            ซินหรานล้างไม้ล้างมือจนมั่นใจว่าสะอาด เช็ดมือจนแห้งสนิทแล้วยกถาดกาน้ำชาที่พ่อบ้านจูโหย่งเจาเตรียมไว้ให้แล้ว ชายชราวัยหกสิบที่ร่างกายกระฉับกระเฉง ดวงตาเรียวคู่นั้นมองเห็นร่างเล็กก้าวเร็วๆ มาทางเขาแล้วก็ส่ายหน้าไปมาระอาใจ พร่ำสอนเท่าไหร่นางก็ทำเหมือนจะไม่จดจำเอาเสียเลย

            “มาแล้วเจ้าค่ะ”

ซินหรานฉีกยิ้มกว้าง รู้ดีนางต้องโดนดุเป็นแน่ แต่นางอาศัยตัวเองโดนตำหนิจนชินจึงได้แต่ยิ้มและรับฟังถ้อยคำเหล่านั้น อย่างไรพ่อบ้านจูโหย่งเจาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดผิดแค่ไหน อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิไม่เคยลงโทษนางรุนแรงสักคราเดียว

            “ไปได้แล้ว” หลังจากบ่นพอให้นางรู้ตัวความผิดที่ล่าช้าแล้วก็เดินนำมาที่ห้องอักษรของท่านเหิงหยางเซิง ก่อนมือเหี่ยวย่นจะผลักบานประตูเข้าไป พ่อบ้านจูเหลียวมองหญิงสาวเล็กน้อย เห็นนางทิ้งท่าทีซุกซนมาเป็นสำรวมใบหน้าไร้รอยยิ้มแล้ว เขาจึงเอ่ยปากส่งเสียงไปก่อนผลักบานประตูเข้าไป

            แม้ซินหรานจะอยู่ที่นี่ด้วยฐานะหญิงรับใช้ แต่นางรับใช้เพียงท่านเหิงหยางเซิงเพียงผู้เดียว แม้ท่านเหิงจะมีหญิงงามนางบำเรอหลายคน แต่หญิงเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากเรียกใช้นางได้ นางทำงานรับใช้อยู่ใกล้ๆ เหิงหยางเซิงจะเรียกว่าสาวใช้ข้างกายก็ไม่ผิดนัก แม้นางอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แปดขวบ แต่นางเพิ่งได้รับใช้ใกล้ชิดเช่นนี้เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง

            หญิงสาวประคองถาดกาน้ำชาไปที่โต๊ะน้ำชามุมห้องอักษร นางก้มหน้ามองเพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของตน แต่กระนั้นก็รู้ว่าเหิงหยางเซิงนั่งก้มหน้ากับม้วนหนังสือ พ่อบ้านจูโหย่งเจาเข้าไปกระซิบพูดคุยไม่กี่คำแล้วย้ายสายตามาทางซินหราน น้ำชาของท่านเหิงต้องชงใหม่ใช้น้ำร้อนพอดี นางฝึกชงชาตามธรรมเนียมมาหลายปี ตั้งแต่สิบขวบก็ว่าได้ คนที่กินน้ำชามากที่สุดไม่พ้นองครักษ์อย่างอู่เฉียง อู่ยินและอู่ชิง คนเหล่านี้ล้วนลิ้นพองและเคยสำลักน้ำชาที่ไม่ได้ความของนางมาแล้ว รวมทั้งตัวนางที่ถูกพ่อบ้านจูโหย่งเจาดุด่าจนเผลอทำน้ำร้อนลวกมือ

            เมื่อครั้งที่นางแค่แปดขวบ นางช่วยงานอยู่กับพ่อครัวเจี่ยนหยิบจับโน้นนี่เล็กน้อยๆ พอว่างพ่อบ้านจูโหย่งเจาสอนนางจับพู่กันเขียนชื่อตัวเอง สอนอ่านเขียน โดยไม่สนใจว่านางเป็นหญิง เพราะนางจำได้ลางๆ ว่าตอนที่นางยังอยู่กับบิดามารดานั้น บิดาพร่ำสอนว่าเป็นหญิงไม่ต้องเรียนหนังสือ เมื่อพ่อบ้านจูโหย่งเมตตาสอนให้นางอ่านเขียน นางจึงตั้งใจเรียนรู้ และก็อีกนั้นและ นางฝึกเขียนชื่อตัวเองได้ นางก็ฝึกเขียนชื่ออู่เฉียงเป็นชื่อที่สอง แม้ลายมือเรียกได้ว่าระดับเดียวกับไก่เขี่ย แต่นางวิ่งเอาไปอวดอู่เฉียง อู่ชิงกับอู่ยินเห็นเข้าบ่นน้อยใจที่นางไม่เขียนชื่อให้พวกเขาบ้าง นางจึงกลับมาฝึกฝนอีก แม้ไม่มีกระดาษกับหมึก นางก็ใช้กิ่งไม้ขีดบนพื้นดิน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 56.  จบ

    ดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินทำให้ซินหรานต้องหลับตารับรู้สัมผัสร้อนผ่าวจากเรียวลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก มือใหญ่ปล่อยฝ่ามือนางที่อาจไม่ขยับไปจากแผ่นอกของเขาได้เปลี่ยนมัดร่างนางให้แนบชิดกับร่างของเขาแน่นขึ้นราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นร้อนไล่ลุกเร้ากับลิ้นน้อยๆ จนยอมจำนนให้เกี่ยวกระหวัด เสียงครางครือในลำคอของหญิงสาวทำให้บุรุษหนุ่มฮึกเฮิมดันร่างบางไปชิดก้อนหินกลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ให้แผ่นหลังของนางแนบชิด ดอกบัวคู่งามจึงเชิดชันท้าท้ายให้บุรุษหนุ่มอ้าปากครอบครอง เม้มริมฝีปากดูดดึงจนหญิงสาวไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางของตนเองได้ “ประเดี๋ยวมีใครมาเห็น” นางใช้สองมือที่อ่อนแรกผลักเขาออก “ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ “หากมีก็แค่ควักตาออกเสีย” ซินหรานไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เขาดึงดันจะกลืนกินนางและเขาก็ทำให้นางไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีก ราวกับร่างกายของนางก็โหยหิวสัมผัสของเขาเช่นกัน นางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมเลิกทรมานทรวงอกของนาง ทว่าริมฝีปากร้ายพรมจูบหน้าท้องของนาง เพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นางรีบร้องห้ามทั้งที่ตัวเองอ่

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 55.  คำสั่งแรก

    ใครเลยจะรู้ว่าคำสั่งแรกในฐานะฮูหยินของประมุขพรรคเพลิงอัคนีคือการสั่งให้ทุกคนเดินทางพร้อมกันไม่มีแยกเป็นสองขบวนตามที่เหิงหยางเซิงตกลงกับเฉินเอ๋อร์ “ตั้งแต่คลอดเฉินเอ๋อร์ออกมา เขาไม่เคยห่างจากข้าเลยสักครั้ง ท่านจะผลักไสให้ข้ากับลูกแยกกันได้อย่างไร” เหิงหยางเซิงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม แม้หญิงสาวผู้นี้จะยังคงเป็นซินหรานที่แลดูอ่อนแอบอบบางไร้ปากเสียง แต่ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป แต่อย่างน้อยเขาก็ผลักไสให้อู่เฉียงไปไกลหูไกลตา และจางเย่วถิงที่แสร้งทำเป็นอยากเดินทางด้วย แต่เพราะนางยังต้องการยาอายุวัฒนะนั้นอยู่จึงออกไล่ล่าช่วงชิงยาวิเศษที่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ก่อนเอ่ยคำลา ซินหรานคืนหยกประจำกายของจางเย่วถิง ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้มีความหมายมากขนาดนี้ แม้สิ่งนี้จะทำให้นางออกคำสั่งคนของพรรคกระเรียนแดงได้ก็ตาม แต่จางเย่วถิงกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยปาก “สิ่งใดที่ข้าให้แล้วย่อมไม่เอาคืน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญเจ้าก็แล้วกัน” ด้วยเหตุนี้ซินหรานจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางเก็บหยกชิ้นนั้นไว้แล้ว

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 54.  ส่งท้าย

    “อู่ชิงอู่ยินเอาม้าของข้าให้อู่เฉียงไป”“ขอรับ” คนที่อยู่ด้านนอกรีบตอบรับ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป เดิมทีจอมมารเหิงหยางเซิงต้องการเดินทางกลับเกาะเพลิงอัคนีทันทีและแน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้มีฮูหยินติดตามกลับไปด้วย ทว่าเมื่อเร่งรีบออกจากหมู่บ้านมาเพื่อไม่ต้องการพบกับคนของทางการ ทั้งหมดจึงได้ไปอาศัยหลบอยู่อีกหมู่บ้านไม่ไกลมากนักเพื่อให้อู่เฉียงได้รักษาตัว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพระสนมหลิวเสียนเฟยผู้นี้ไม่ยอมเดินทางกลับเมืองหลวง“ข้าจะอยู่ดูแลผู้มีพระคุณสักสามสี่วันจะเป็นไรไป” แม้นางจะไม่ให้ใครเอ่ยถึงนางในฐานะพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ แต่ลักษณะท่าทางสูงส่งแม้กระทั้งน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดีนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เหิงหยางเซิงผู้เป็นประมุขพรรคมารมิชอบใจท่าทีเช่นนี้ เขาต้องการเดินทางกลับอยู่ทุกวันคืนไม่ใช่เพียงไม่ชอบท่าทีของสตรีผู้นี้แต่เพราะไม่ต้องการให้ซินหรานอยู่ใกล้อู่เฉียงแม้บาดแผลจะทำให้เสียเลือดมากแต่เพราะมีพ่อบ้านจูโหย่งเจาอยู่จึงดูแลรักษาอู่เฉียงให้ฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่สามก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ และถูกจอมมารเหิงหยางเซิงขึงตาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เ

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 53. ข้าคือจอมมาร

    สุดท้ายก็ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนไม่เหลือหน้าตาให้หยัดยืนใน ยุทธภพ เปลี่ยนแปลงตนเอง เข้าไปในวังวนของวังหลวง หวังให้ตำแหน่งของตนสูงสุด แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนทำลายป่นปี้ ด้วยความแค้นทำให้กั๋วกงกงลืมกลยุทธไปหมดสิ้นต่อสู้เหมือนคนตาบอดสะเปะสะปะไปมา ยิ่งสู้ยิ่งไม่อาจยอมรับความแพ้พ่าย หางตาเห็นสตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยืนอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนเป็นพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวบอบบาง ซินหรานเบิกตากว้างที่จู่ๆ กั๋วกงกงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาที่นาง ทว่าเมื่อประสายสายตากันกลับเป็นกั๋วกงกงที่ชะงักงันแล้วกรีดร้องคลุ้งคลั่ง “ไม่จริง! ข้าจะไม่ตายเช่นนั้น! ข้าไม่มีวัน...!” ยังไม่ทันจบประโยคดี แสงสีเพลิงจากกระบี่อัคนีพิฆาตก็แทงทะลุร่างของกั๋วกงกง ดวงตาคู่นั้นก้มมองปลายกระบี่ที่ทะลุหน้าอกตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเอี้ยวมองไปด้านหลัง เห็นเพียงรอยยิ้มโหดเหี้ยมของเหิงหยางเซิง เขาบิดข้อมือทำให้กระบี่ควานเนื้อเรียกโลหิตให้หลั่งออกมาจนนองพื้น “เจ้า...เจ้ามัน...มาร...ปีศาจ...ร้าย” “ถูกต้อง ข้าคือจอมมารเหิงหยางเซิงแห่งพรรคเพลิงอัคนี” เพียงชั

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 52. อย่าสบตา

    ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กแปดขวบ หญิงสาวเบิกตาโต ความทรงจำที่เลือนลางไปเต็มทีแล้วกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บ้านของนางไฟไหม้ บิดามารดาฉุดแขนให้นางวิ่งออกมา ทว่าบิดาถูกคนร้ายใช้ดาบฟันกลางหลัง แต่กระนั้นก็ยังกอดนางกับมารดาไว้ คนร้ายหัวเราะทั้งที่มารดาหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ พุ่งเข้าไปใช้เพียงมือเปล่าทุบตีคนเหล่านั้น หนึ่งนั้นใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้ามารดาถึงกับเซถลาล้มลง พวกมันหัวเราะร่ากระตุกเท้ามารดาไว้แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมารดา‘หนีไป! หนีไป!’เด็กน้อยตัวแข็งทื่อก้าวเท้าไม่ออก ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้น

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 51. นางเป็นฮูหยินของข้า

    อู่เฉียงได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามองพร้อมกับพระสนมหลิวเสียนเฟยที่ปรายตามองเล็กน้อย ซินหรานก้าวออกมายืนแล้วกวาดตามองเหมือนค้นหาสิ่งผิดปกติ “เอ่อ...ข้าคงรู้สึกไปเอง เหมือนมีผู้อื่นอยู่ที่นี่” ซินหรานอึกอักหน้าแดง นางคงกังวลเกินเหตุไป พระสนมหลิวเสียนเฟยส่งยิ้มเอ็นดูให้ ได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้อายุยี่สิบแล้วและมีลูกชายน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางยังเหมือนเด็กสาวมิได้ออกเรือน ยามเขินอายก็แก้มแดงระเรื่อ ช่างดูไร้เดียงสานัก พลันอดคิดถึงตนเองยามเป็นเด็กสาวไม่ได้ นางเหม่อลอยไปครู่หนึ่งสายตาดุจตาหงส์สังเกตสิ่งที่อยู่ในมือของซินหรานนั้นคุ้นตา จึงเอ่ยถามออกไป “นี่นะหรือ?” ซินหรานยื่นหน้ากากอันนั้นส่งให้พระสนม แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำให้พูดคุยกับนางเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป ซินหรานจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายดุจสนทนากับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน “เจ้าได้หน้ากากนี่มาจากที่ใด” พระสนมหลิวเสียนเฟยเอ่ยถาม ดวงตามีประกายความตื่นเต้นไม่น้อย “เรียนตามตรง ท่านจอมมารให้ข้ามา เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ส่งมาให้ท่านจอมมาร แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามาจากที่ใด” “เจ้าเคยใช้หรือไม่?” ซินหรานอึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยไปตรง “ครั้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status