공유

Chapter 3. งานในครัว

last update 최신 업데이트: 2024-06-20 21:17:43

งานในครัวที่เด็กแปดขวบทำได้นั้นมีมากกว่าที่คิด แค่ล้างผักอย่างเดียว ทำให้มือเล็กๆ ของนางทั้งซีดและเหี่ยวย่นมาแล้ว ในช่วงที่อากาศหนาวจัด หิมะโปรายปราย นางล้างผักให้พ่อครัวเจี่ยนจนมือชาไร้ความรู้สึก อู่เฉียงบังเอิญผ่านมาเห็นนางที่ปากสั่นอยู่ รีบคว้ามือน้อยๆ ของนางมาถูขับไล่ไอเย็นไป

            “คนในครัวมีตั้งมากมาย ไยเจ้าต้องมาทำอะไรเช่นนี้” 

            “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางตอบทั้งที่ปากสั่น แล้วฝืนยิ้มให้  “พี่อู่เฉียงฝึกหนักกว่าข้าอีก เรื่องแค่นี้ข้าทนได้”

            “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าฝึกหนัก” เสียงสูดลมหายใจลึกของอู่เฉียงนั้นทำให้นางหดคอเป็นเต่าตัวน้อย

            “พ่อครัวเจี่ยนบอกว่า การล้างผักไม่ต่างจากการฝึกยุทธ ต้องสังเกตและเลือกให้ดี ใช้ให้ถูกส่วน ผักต้องล้างในสะอาด ส่งผลต่อรสชาติของอาหาร”

            “พอเถอะ เจ้าตัวแค่นี้จะอะไรกันหนักหนา” อู่เฉียงบ่นแม้รู้ดีว่าเด็กที่ถูกส่งตัวมาอยู่ที่พรรคเพลิงอัคนีนั้นส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้า เด็กที่ถูกขายทิ้งไร้ญาติขาดมิตร ถูกเลี้ยงดูเพื่อเป็นนักฆ่า ไม่มีใครสนใจ     หรอกว่าเด็กอายุมากหรือน้อยเพียงใด ซินหรานอยู่แต่ในคฤหาสน์เพลิงอัคนีจึงไม่รู้ว่าค่ายฝึกโหดร้ายทารุณมากเพียงใด เขาเองเคยผ่านมาแล้ว เด็กยี่สิบคนจะเหลือรอดอยู่แค่สามหรือสี่คนเท่านั้น

            เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหน้าไปมาจนผมยาวที่ถักเปียสองข้างแกว่งไปมา “ถ้า...ถ้าข้าทำได้ดี...พ่อบ้านเจี่ยนจะอนุญาตให้ข้าทำของอร่อยๆให้พี่อู่เฉียงกิน”

            “อะไรนะ!”

            “พี่อู่เฉียงใจดีกับข้ามาก ข้าตอบแทนพี่อู่เฉียงได้เพียงแค่นี้”   เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้าง ความเย็นจากฝ่ามือหายไปหมดสิ้น

            “เด็กโง่”

            เมื่อหวนคิดถึงอดีตก็อดยกมุมปากยิ้มไม่ได้ หญิงสาวก้มหน้าอยู่ เมื่อนางชงชาเสร็จจึงเก็บรอยยิ้มกลับคืน พ่อบ้านจูโหย่งเจาบอกว่า   ท่านจอมมารเหิงหยางเซิงชอบให้บ่าวรับใช้สงบเสงี่ยมและสำรวมกิริยาอยู่เสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านจอมมารแห่งพรรคเพลิงอัคนี นางจึงมีสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกไปด้วย

            พ่อครัวเจี่ยนสอนทำอาหาร พ่อบ้านจูโหย่งเจาสอนเรื่องงานต่างๆ นางเรียนรู้และฝึกฝนอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะว่านางรู้สึกว่าตนเองเป็นคนเดียวที่ไม่เป็นวรยุทธ แม้แต่บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ยังมีวรยุทธบ้าง   แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลย นางจึงพยายามทำตัวให้มีประโยชน์มากที่สุด ได้ใช้ชีวิตในสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด นางกลับรู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยที่สุด

            เพียงการกลอกตาของเหิงหยางเซิง พ่อบ้านจูโหย่งเจาก็เข้าใจความหมาย ร่างผอมบางค้อมกายแล้วถอยออกไปอย่างเงียบเฉียบ   ซินหรานยกถ้วยน้ำชามาถึงมือของเหิงหยางเซิงที่ยื่นมือไปรับพอดี เมื่อพ่อบ้านไม่อยู่แล้วนางจึงเข้าไปยืนข้างๆ ค้อมตัวลงฝนหมึกด้วยท่าทีสำรวมยิ่ง เพราะนางเอาแต่ก้มหน้าจึงไม่รู้ว่าสายตาของเหิงหยางซิง   จับจ้องที่ร่างบอบบาง แม้มีหญิงงามนางบำเรออยู่มากและจัดให้อยู่ในบริเวณของตนเองมิให้ออกเดินเพ่นพ่านด้านนอก หลายปีมานี้จากเด็กหญิงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมาบัดนี้เติบโตจนดวงหน้าประดับรอยยิ้ม

            แต่รอยยิ้มของนางมิใช่สำหรับเขา นางมิเคยยิ้มให้เขาสักคราเดียว

            หลังจากจิบชาร้อนไปหนึ่งอึก เขาคีบถ้วยชาด้วยมือข้างเดียว  แปดปีก่อนเขาไม่คิดจะช่วยชีวิตเด็กหญิงผู้นี้ เพียงแค่รู้สึกว่าโทสะที่ปะทุขึ้นมานั้นต้องการระบายออก ยามนั้นเขาอายุสิบห้า แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นประมุขพรรคเพลิงอัคนี ตำแหน่งนี้มิได้สืบทอดทางสายเลือดเท่านั้น แต่ความสามารถต้องมาก่อน เรียกว่าเขาถูกวางหมากมาเพื่อสืบทอดตำแหน่งนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ฝึกดื่มเหล้าพิษพอๆ กับน้ำนมมารดา  และเพื่อให้ตัวเองยังมีชีวิตอยู่เขาต้องแข็งแกร่งเหนือผู้อื่น

            ประมุขพรรคเพลิงอัคนีที่ผ่านมาเจ็ดรุ่น มีเขาเป็นผู้ครองตำแหน่งรุ่นที่แปด แต่ละรุ่นล้วนสืบสายเลือดจากประมุขพรรคคนเก่า  แม้กฏของพรรคเพลิงอัคนีจะยินยอมให้ผู้อื่นเป็นประมุขพรรคได้ เพียงแต่ต้องล้มประมุขพรรคคนเก่าให้ได้ ทว่าการที่ประมุขพรรคเพลิงอัคนียังเป็นคนในตระกูลเหิงไม่เพียงความแข็งแกร่งแต่เพราะโค่นล้มประมุขคนก่อนเช่นกัน

            ใช่! เขาเองก็โค่นล้มบิดาตนเองตั้งแต่อายุเพียงสิบสามเท่านั้น

            เหิงหยางเซิงยกน้ำชาที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด เมื่อถ้วยชาในมือว่างเปล่า ยังไม่ทันวางลงบนโต๊ะ มือเรียวเล็กยื่นไปรอรับก่อนแล้ว นางยังคงก้มหน้าไม่สบตากับดวงตาสีนิลคู่นั้น หมุนตัวเดินนำถ้วยชาไปวางที่เดิมแล้วกลับมาทำหน้าที่ของตน ชงชา ฝนหมึก เก็บหนังสือเข้าชั้น บางครั้งจดบันทึกตามคำสั่งของนายท่าน 

            ม้วนหนังสือด้านซ้ายมือคือรายงานที่อ่านแล้ว ม้วนทางขวาคือรอให้คลี่ออกอ่าน เป็นประมุขพรรคมารมิได้หมายความว่าวันๆ แค่ถือกระบี่ฆ่าคน แต่เดิมนางไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้ พ่อบ้านจูโหย่งเจาไม่เคยสอน นางเรียนรู้ที่ละเล็กละน้อยจากการอยู่รับใช้ใกล้ชิดจอมมารเหิงหยางเซิง ก่อนฟ้าสางประมุขจะฝึกยุทธเดินลมปราณอยู่ที่หอฝึกตน เป็นสถานที่ที่เข้าไปได้เฉพาะประมุขพรรคเท่านั้น ผู้อื่นเรียกเขา ‘ท่านจอมมาร’ นางเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ จริงๆ นางไม่รู้หรอกว่าทำไมนางเรียกเขาไม่เหมือนผู้อื่น แต่นางเห็นหัวคิ้วที่ขมวดด้วยความไม่พอใจยามเมื่อนางเรียกเขาว่าท่านจอมมาร นางจึงเอ่ยเสียงแผ่วเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ เห็นเขาคลายสีหน้าลงนางจึงลอบถอนหายใจบางเบาและเรียกเขาเช่นนั้นเสมอมา

            นางเป็นหญิงรับใช้ข้างกายจอมมารประมุขพรรคเพลิงอัคนีที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี คฤหาสน์ใหญ่โตอลังการเช่นนี้บ่งบอกได้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ที่ได้มา นางเคยได้ยินพ่อบ้านจูโหย่งเจาพูดอยู่บ่อยๆ ว่า คฤหาสน์อัคนีแห่งนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าวังหลวงเลยทีเดียว แต่ด้วยนางเป็นเพียงเด็กหญิงที่เติบโตในหมู่บ้านชนบท ครอบครัวของนางมีที่นาเล็กน้อยสำหรับเพาะปลูก เลี้ยงวัวนมและมีเป็ดไก่ไว้เก็บไข่กินเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว โลกขอนางเปลี่ยนไปทันทีในคืนนั้น...

            หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองถูกมองอยู่ นางหยิบม้วนหนังสือที่อ่านแล้วใส่ถุงผ้าไหมเรียบร้อยและนำไปวางที่ชั้นตามป้ายชื่อที่ติดไว้  เรื่องเหล่านี้มีพ่อบ้านจูโหย่งเจาสอนนางอีกนั้นแหละ แม้ท่านจอมมารมีบ่าวรับใช้นับร้อยชีวิต แต่มีไม่กี่คนที่ได้ใกล้ชิดเช่นนี้

            หญิงงามนางบำเรอที่มีมากนัก ล้วนอยู่ในเรือนด้านหลัง พ่อบ้านจูโหย่งเจาเรียกว่า เรือนบุปผารัญจวน ที่นั่นมีเรือนหลังเล็กแยกย่อยไปให้แต่ละนางอยู่เป็นสัดส่วนพร้อมสาวใช้ติดตามตัวอีกสองคน เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้และเงินทองนั้น พ่อบ้านจูโหย่งเจาทำบัญชีเบิกจ่ายไว้อย่างละเอียด ละเอียดแม้กระทั้งว่าหญิงงามนางใดชอบผ้าสีไหน เครื่องประดับชนิดใด ตลอดจนอาหารการกิน ทำให้นางพลอยจดจำไปด้วย การจัดส่งเครื่องใช้ไปให้หญิงเหล่านั้น นางเองย่อมเป็นผู้ช่วยพ่อบ้านจัดการด้วย อู่ชิงและอู่ยินมักพูดหยอกล้อนางบ่อยๆ ว่านอกจากนางจะเป็นหญิงรับใช้ข้างกายท่านจอมมารแล้ว ยังเป็นผู้ช่วยพ่อบ้าน    จูโหย่งเจาอีกด้วย แน่นอนว่าหากวันใดที่พ่อบ้านจูโหย่งเจาใช้งานนานเกินไป พ่อครัวเจี่ยนจะถือตะหลิวเข้ามาด้วยท่าทีหงุดหงิด ใช้ตะหลิวชี้หน้าพ่อบ้านจูโหย่งเจาแล้วลากตัวนางกลับไปช่วยงานใครัว ทั้งสองอายุไล่เลี่ยกันอ่อนแก่กว่ากันคงแค่ไม่กี่ปี แต่ทะเลาะกันราวเด็กน้อย บางครั้งพ่อบ้านจูโหย่งเจายื้อแขนซ้ายของนาง และพ่อครัวเจี่ยนยื้อแขนขวาของนาง ทำให้นางได้แต่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก บ่าวรับใช้มีเป็นร้อย แต่ทุกคนต้องการใช้แรงงานของนางเป็นที่สุด

            แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเรียกใช้นางได้ แม้ปีนี้จอมมารเหิงหยางเซิงปีนี้จะอายุยี่สิบสามแล้ว แต่ยังไม่แต่งภรรยาเอกและไม่มีอนุ จะว่าไปนางคือสตรีนางเดียวที่ใกล้ชิดจอมมารผู้นี้มากที่สุด ใกล้ชิดเสียจนห้องนอนของนางคือห้องเล็กๆ ติดกับห้องนอนของจอมมารผู้นี้ เพียงเพื่อให้สะดวกแก่การเรียกใช้งาน นางจึงได้พักห้องเล็กเท่าห้องเก็บของข้างห้องของท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 56.  จบ

    ดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินทำให้ซินหรานต้องหลับตารับรู้สัมผัสร้อนผ่าวจากเรียวลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก มือใหญ่ปล่อยฝ่ามือนางที่อาจไม่ขยับไปจากแผ่นอกของเขาได้เปลี่ยนมัดร่างนางให้แนบชิดกับร่างของเขาแน่นขึ้นราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นร้อนไล่ลุกเร้ากับลิ้นน้อยๆ จนยอมจำนนให้เกี่ยวกระหวัด เสียงครางครือในลำคอของหญิงสาวทำให้บุรุษหนุ่มฮึกเฮิมดันร่างบางไปชิดก้อนหินกลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ให้แผ่นหลังของนางแนบชิด ดอกบัวคู่งามจึงเชิดชันท้าท้ายให้บุรุษหนุ่มอ้าปากครอบครอง เม้มริมฝีปากดูดดึงจนหญิงสาวไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางของตนเองได้ “ประเดี๋ยวมีใครมาเห็น” นางใช้สองมือที่อ่อนแรกผลักเขาออก “ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ “หากมีก็แค่ควักตาออกเสีย” ซินหรานไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เขาดึงดันจะกลืนกินนางและเขาก็ทำให้นางไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีก ราวกับร่างกายของนางก็โหยหิวสัมผัสของเขาเช่นกัน นางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมเลิกทรมานทรวงอกของนาง ทว่าริมฝีปากร้ายพรมจูบหน้าท้องของนาง เพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นางรีบร้องห้ามทั้งที่ตัวเองอ่

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 55.  คำสั่งแรก

    ใครเลยจะรู้ว่าคำสั่งแรกในฐานะฮูหยินของประมุขพรรคเพลิงอัคนีคือการสั่งให้ทุกคนเดินทางพร้อมกันไม่มีแยกเป็นสองขบวนตามที่เหิงหยางเซิงตกลงกับเฉินเอ๋อร์ “ตั้งแต่คลอดเฉินเอ๋อร์ออกมา เขาไม่เคยห่างจากข้าเลยสักครั้ง ท่านจะผลักไสให้ข้ากับลูกแยกกันได้อย่างไร” เหิงหยางเซิงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม แม้หญิงสาวผู้นี้จะยังคงเป็นซินหรานที่แลดูอ่อนแอบอบบางไร้ปากเสียง แต่ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป แต่อย่างน้อยเขาก็ผลักไสให้อู่เฉียงไปไกลหูไกลตา และจางเย่วถิงที่แสร้งทำเป็นอยากเดินทางด้วย แต่เพราะนางยังต้องการยาอายุวัฒนะนั้นอยู่จึงออกไล่ล่าช่วงชิงยาวิเศษที่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ก่อนเอ่ยคำลา ซินหรานคืนหยกประจำกายของจางเย่วถิง ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้มีความหมายมากขนาดนี้ แม้สิ่งนี้จะทำให้นางออกคำสั่งคนของพรรคกระเรียนแดงได้ก็ตาม แต่จางเย่วถิงกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยปาก “สิ่งใดที่ข้าให้แล้วย่อมไม่เอาคืน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญเจ้าก็แล้วกัน” ด้วยเหตุนี้ซินหรานจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางเก็บหยกชิ้นนั้นไว้แล้ว

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 54.  ส่งท้าย

    “อู่ชิงอู่ยินเอาม้าของข้าให้อู่เฉียงไป”“ขอรับ” คนที่อยู่ด้านนอกรีบตอบรับ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป เดิมทีจอมมารเหิงหยางเซิงต้องการเดินทางกลับเกาะเพลิงอัคนีทันทีและแน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้มีฮูหยินติดตามกลับไปด้วย ทว่าเมื่อเร่งรีบออกจากหมู่บ้านมาเพื่อไม่ต้องการพบกับคนของทางการ ทั้งหมดจึงได้ไปอาศัยหลบอยู่อีกหมู่บ้านไม่ไกลมากนักเพื่อให้อู่เฉียงได้รักษาตัว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพระสนมหลิวเสียนเฟยผู้นี้ไม่ยอมเดินทางกลับเมืองหลวง“ข้าจะอยู่ดูแลผู้มีพระคุณสักสามสี่วันจะเป็นไรไป” แม้นางจะไม่ให้ใครเอ่ยถึงนางในฐานะพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ แต่ลักษณะท่าทางสูงส่งแม้กระทั้งน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดีนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เหิงหยางเซิงผู้เป็นประมุขพรรคมารมิชอบใจท่าทีเช่นนี้ เขาต้องการเดินทางกลับอยู่ทุกวันคืนไม่ใช่เพียงไม่ชอบท่าทีของสตรีผู้นี้แต่เพราะไม่ต้องการให้ซินหรานอยู่ใกล้อู่เฉียงแม้บาดแผลจะทำให้เสียเลือดมากแต่เพราะมีพ่อบ้านจูโหย่งเจาอยู่จึงดูแลรักษาอู่เฉียงให้ฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่สามก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ และถูกจอมมารเหิงหยางเซิงขึงตาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เ

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 53. ข้าคือจอมมาร

    สุดท้ายก็ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนไม่เหลือหน้าตาให้หยัดยืนใน ยุทธภพ เปลี่ยนแปลงตนเอง เข้าไปในวังวนของวังหลวง หวังให้ตำแหน่งของตนสูงสุด แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนทำลายป่นปี้ ด้วยความแค้นทำให้กั๋วกงกงลืมกลยุทธไปหมดสิ้นต่อสู้เหมือนคนตาบอดสะเปะสะปะไปมา ยิ่งสู้ยิ่งไม่อาจยอมรับความแพ้พ่าย หางตาเห็นสตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยืนอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนเป็นพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวบอบบาง ซินหรานเบิกตากว้างที่จู่ๆ กั๋วกงกงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาที่นาง ทว่าเมื่อประสายสายตากันกลับเป็นกั๋วกงกงที่ชะงักงันแล้วกรีดร้องคลุ้งคลั่ง “ไม่จริง! ข้าจะไม่ตายเช่นนั้น! ข้าไม่มีวัน...!” ยังไม่ทันจบประโยคดี แสงสีเพลิงจากกระบี่อัคนีพิฆาตก็แทงทะลุร่างของกั๋วกงกง ดวงตาคู่นั้นก้มมองปลายกระบี่ที่ทะลุหน้าอกตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเอี้ยวมองไปด้านหลัง เห็นเพียงรอยยิ้มโหดเหี้ยมของเหิงหยางเซิง เขาบิดข้อมือทำให้กระบี่ควานเนื้อเรียกโลหิตให้หลั่งออกมาจนนองพื้น “เจ้า...เจ้ามัน...มาร...ปีศาจ...ร้าย” “ถูกต้อง ข้าคือจอมมารเหิงหยางเซิงแห่งพรรคเพลิงอัคนี” เพียงชั

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 52. อย่าสบตา

    ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กแปดขวบ หญิงสาวเบิกตาโต ความทรงจำที่เลือนลางไปเต็มทีแล้วกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บ้านของนางไฟไหม้ บิดามารดาฉุดแขนให้นางวิ่งออกมา ทว่าบิดาถูกคนร้ายใช้ดาบฟันกลางหลัง แต่กระนั้นก็ยังกอดนางกับมารดาไว้ คนร้ายหัวเราะทั้งที่มารดาหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ พุ่งเข้าไปใช้เพียงมือเปล่าทุบตีคนเหล่านั้น หนึ่งนั้นใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้ามารดาถึงกับเซถลาล้มลง พวกมันหัวเราะร่ากระตุกเท้ามารดาไว้แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมารดา‘หนีไป! หนีไป!’เด็กน้อยตัวแข็งทื่อก้าวเท้าไม่ออก ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้น

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 51. นางเป็นฮูหยินของข้า

    อู่เฉียงได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามองพร้อมกับพระสนมหลิวเสียนเฟยที่ปรายตามองเล็กน้อย ซินหรานก้าวออกมายืนแล้วกวาดตามองเหมือนค้นหาสิ่งผิดปกติ “เอ่อ...ข้าคงรู้สึกไปเอง เหมือนมีผู้อื่นอยู่ที่นี่” ซินหรานอึกอักหน้าแดง นางคงกังวลเกินเหตุไป พระสนมหลิวเสียนเฟยส่งยิ้มเอ็นดูให้ ได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้อายุยี่สิบแล้วและมีลูกชายน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางยังเหมือนเด็กสาวมิได้ออกเรือน ยามเขินอายก็แก้มแดงระเรื่อ ช่างดูไร้เดียงสานัก พลันอดคิดถึงตนเองยามเป็นเด็กสาวไม่ได้ นางเหม่อลอยไปครู่หนึ่งสายตาดุจตาหงส์สังเกตสิ่งที่อยู่ในมือของซินหรานนั้นคุ้นตา จึงเอ่ยถามออกไป “นี่นะหรือ?” ซินหรานยื่นหน้ากากอันนั้นส่งให้พระสนม แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำให้พูดคุยกับนางเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป ซินหรานจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายดุจสนทนากับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน “เจ้าได้หน้ากากนี่มาจากที่ใด” พระสนมหลิวเสียนเฟยเอ่ยถาม ดวงตามีประกายความตื่นเต้นไม่น้อย “เรียนตามตรง ท่านจอมมารให้ข้ามา เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ส่งมาให้ท่านจอมมาร แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามาจากที่ใด” “เจ้าเคยใช้หรือไม่?” ซินหรานอึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยไปตรง “ครั้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status