แชร์

Chapter 4. มีคนรักย่อมมีคนชัง

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-20 21:26:33

ครึ่งปีก่อนหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกส่งตัวมาเป็นเครื่องบรรณาการแด่ท่านจอมมาร นางเป็นที่โปรดปรานของเหิงหยางเซิงมาก คาดเดาจากการเรียกเข้าไปปรนนิบัติหลายคืนติดต่อกันนานนับเดือน แต่กระนั้นยังไม่มีสิทธิ์ได้ออกมาเดินเล่นนอกเรือนบุปผารัญจวน แต่ไม่รู้สตรีนางนั้นเอาความกล้ามาจากที่ใด เดินออกมานอกบริเวณที่กำหนดไว้ เชิดใบหน้างดงามขึ้นมองผู้อื่นด้วยสายตาหยามเหยียด

            คนที่อาศัยอยู่ในพรรคเพลิงอัคนีนี้มีหลากหลาย แต่ก่อนซินหรานเองเคยหวาดกลัวคนพวกนี้ บางคนใบหน้าอัปลักษณ์ บางคนมีรอยแผลเป็นน่ากลัว บางคนมีแขนเพียงข้างเดียว บางคนมีหกนิ้ว บางคนตัวสูงใหญ่ราวกับก้อนหินยักษ์ ทว่าเมื่อนางอยู่ไปได้เดือนเศษๆ เริ่มเข้าใจได้ดีว่า ภายใต้ความอัปลักษณ์และน่ากลัวนี้ มีจิตใจงดงามซ่อนอยู่ คนเหล่านี้รู้ว่านางผ่านเรื่องใดมา จึงคอยดูแลนางเสมอ อย่างที่รู้กันว่านางเป็นเด็กหญิงคนเดียวที่ไม่ต้องถูกส่งไปฝึกวรยุทธเพื่อเป็นนักฆ่า  เรียกว่าเป็น ‘คนปกติ’ เพียงคนเดียวที่มีอยู่ในนี้ก็ว่าได้ แต่ละคนจึงทำเหมือนประคอง ‘คนปกติ’ อย่างนางไว้ในอุ้งมือ เมื่อทุกคนดีกับนาง   นางจึงดีกับพวกเขา อาหารที่ฝึกทำนอกจากพี่อู่เฉียงและสหายร่วมสาบานแล้ว ก็เหลือมาแบ่งปันพวกเขาเช่นกัน

            แน่นอนว่ามีคนรักย่อมมีคนชัง นางมักถูกหญิงงามของท่านจอมมารรังแกอยู่บ่อยๆ แต่นางไม่เคยโต้ตอบเพราะเห็นว่าตนเองเป็นเพียงหญิงรับใช้ฐานะต่ำต้อยกว่าหญิงเหล่านั้น โดยเฉพาะหญิงงามคนนั้นที่เป็นที่โปรดปรานในเวลานี้

            ไม่คิดว่าวันนั้น นางกำลังก้มๆ เงยๆ ที่สวนดอกไม้เพื่อเก็บดอกวานโต่วฮวา (อัญชัน) ไปคั้นน้ำเอาสีน้ำเงินเข้มนั้นไปผสมกับก้อนแป้งให้ได้สีม่วงอ่อนจาง จู่ๆ นางถูกสาดน้ำเข้าใส่อ่างใหญ่ เล่นเอาเสื้อผ้าสีเขียวชุดหญิงรับใช้ของนางเปียกชุ่ม พอนางหันกลับไปมองเห็นหญิงรับใช้ของแม่นางคนงามถืออ่างในมือพร้อมสีหน้าสะใจ

            ซินหรานได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร นางถูกหญิงรับใช้ข้างกายหญิงสาวผู้นั้นฟาดฝ่ามือใส่ที่แก้มซ้ายจนใบหน้าสะบัดตามแรงมือ ความเจ็บทำให้นางได้สติยกมือขึ้นกุมแก้มด้านที่เจ็บ ยังไม่ทันก้าวเท้าหนี ร่างในชุดดำของอู่เฉียงมาปรากฏขวางไว้ได้ทันเวลา เขาไปมาไร้ร่องรอยราวภูติผีวิญญาณร้าย

            “หลีกไป! ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านจอมมาร!”

            “หากซินหรานทำผิด สมควรส่งนางให้พ่อบ้านจูโหย่งเจาลงโทษ แม่นางไม่ควรลงมือตบตีนางเช่นนี้” อู่เฉียงที่ปกติแทบไม่ค่อยปริปากพูดจา นับว่าครั้งนี้พูดได้ยาวมาก

            “ความผิดของนางคือขวางหูขวางตาข้า เช่นนี้แล้วพ่อบ้านจูโหย่งเจาจะจัดการเช่นไร” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างถือตัวว่าตนเองถูกเรียกใช้ไปปรนนิบัติบ่อยครั้งกว่าผู้อื่น

            อู่เฉียงเพียงแค่ปรายตามองน้องสาวบุญธรรมของตน หญิงสาวผู้นั้นไม่เอ่ยอะไรอีก เหมือนสาสะใจในการกระทำครั้งนี้แล้วหมุนตัวเดินจากไป เขาจึงลอบถอนหายใจแล้วก้าวไปดูใบหน้าของซินหราน

            “รีบใส่ยาเสีย ประเดี๋ยวจะบวมแล้วจะยิ่งระบม ถึงคราวนั้นเจ้าจะเจ็บยิ่งกว่ายามนี้”

            ซินหรานพยักหน้ารับ แขนข้างหนึ่งคล้องตะกร้าใส่ดอกไม้ มือข้างหนึ่งกุมแก้มซ้ายเพราะไม่ต้องการให้ผู้ใดมองเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้า แต่เพราะนางผิวบาง โดนอะไรนิดหน่อยก็เห็นเป็นรอยชัดเจน  รอยฝ่ามือบนแก้มซ้ายทำให้พ่อครัวเจี่ยนเดือดดาล ถือตะหลิวไปโวยวายกับพ่อบ้านจูโหย่งเจา พ่อบ้านจูโหย่งเจาได้แต่บอกให้นางระวังตัว     นางไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร และเชื่อว่าพี่อู่เฉียงก็คงไม่ทำด้วย แต่ไม่รู้เหตุใด วันถัดมาแม่หญิงคนงามถูกส่งตัวออกไปจากที่เกาะแห่งนี้

            กลายเป็นที่รู้กันว่านางไม่ใช่หญิงรับใช้ที่ใครจะแตะต้องได้     แม้นางอยู่ในฐานะหญิงรับใช้แต่คนเดียวที่นางรับใช้คือจอมมาร   เหิงหยางเซิง

            หญิงสาวหมุนตัวกลับมาเห็นร่างสูงสง่าลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ว   เขาสวมอาภรณ์สีดำขลิบแดง ผ้าคาดเอวสีเงิน เช่นเดียวกับเกี้ยวรัดผมรูปพยัคฆ์คำราม ดวงตาดำขลับมองมาหญิงสาว คล้ายจ้องและไม่จ้องมอง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วพาดเฉียงดุจกระบี่ ท่วงท่าองอาจสง่างาม เขาหล่อเหลางดงามดุจเทพเซียน ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นี้คนที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุดบนพิภพนี้แล้ว

            ไร้ถ้อยคำใด ร่างสูงก้าวเดินนำไปก่อน หญิงรับใช้อย่างซินหรานรีบเดินตามไปทันที นางไม่มีหน้าทีเอ่ยถามมีหน้าทีเพียงทำตาม เขาพานางเดินมาห้องคลังเก็บสมบัติ นางเข้ามาบ่อยครั้ง ก้อนทองหรือเพชรนิลจินดาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้นางตาโตอีกแล้ว ห้องนี้นอกจากพ่อบ้านจูโหย่งเจาและท่านจอมมารแล้ว เห็นทีจะมีแค่นางที่ได้เข้ามา

            เขาเพียงปรายตามองไปยัง ‘กอง’ สิ่งของเบื้องหน้า หญิงสาวก็เข้าใจความหมายได้อย่างดี

            “ของบรรณาการจากพรรควิหคราตรี” นางเอ่ยเสียงเบา แต่กระนั้นก็ยังก้องในห้องที่อัดแน่นด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาลนี้ นางไม่เห็นเขาพูดสิ่งใดต่อ นางจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นนาย เขาเดินไปเปิดหีบใบหนึ่งแล้วหยิบสิ่งที่อยู่ด้านในส่งให้นาง

            มือเรียวรับไว้แล้วขมวดคิ้ว “หน้ากาก?”

            “เก็บไว้”

            “หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

ให้เก็บเข้าคลังนะหรือ? พ่อบ้านจูโหย่งเจาต้องทำรายการพวกนี้ก่อนนะซิ ไม่เช่นนั้นนางช่วยแยกเก็บให้แล้ว ไม่ใช่เพียงเงินทองเพชรพลอยไข่มุกเท่านั้น ของมีค่าในนี้ยังรวมถึงโสมหายาก ยาวิเศษหลายขนาด และยาพิษที่แสนอันตราย อาวุธแปลกพิสดาร สิ่งของแปลกประหลาดอีกมาก

            “ให้เจ้าเก็บไว้” เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ไยเรื่องแค่นี้นางไม่เข้าใจ

            “ให้บ่าวหรือเจ้าคะ” นางถามย้ำอีกครั้ง หน้ากากครึ่งหน้า นางไม่รู้ว่าหน้ากากนี้ทำจากสิ่งใด แต่น้ำหนักเบา ลวดลายบนหน้ากากงดงามมากกว่าดูน่ากลัวผิดกับหน้ากากอันอื่นที่เคยเห็น เพียงแค่หน้ากากอันนี้ดูจะเล็กไปสักหน่อย น่าจะเหมาะกับสตรี

            “ข้าไม่ชอบ เจ้าเก็บไว้ก็แล้วกัน”

            “เจ้าค่ะ” นางรับมันมาไว้ในมือ นึกขึ้นได้จึงรีบเอ่ยออกไป “ขอบคุณนายท่าน”

            เหิงหยางเซิงทำเสียงเหอะในลำคอครั้งหนึ่ง ไม่เห็นสีหน้ายินดีของนางเลยสักนิด ทำให้เขาพลันหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล  คราวนั้นเขาไม่ได้คิดจะช่วยนางเลยสักนิด หากแต่ถ้ากระบี่ในมือไม่ได้ดื่มโลหิตคงทำให้เขาคลุ้มคลั่ง มีคนกล้าลองดีใช้ชื่อเสียงของพรรคเพลิงอัคนีปล้นฆ่าผู้อื่น เขาไม่ใคร่ใส่ใจนักหรอกหากผู้อื่นจะคิดเช่นไหร่ แต่การกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของพรรคเพลิงอัคนีแล้วไปทำร้ายผู้อื่นที่ไม่ใช่ศัตรูของเขา หมู่บ้านเล็กๆ นั้นไม่รู้ตัวว่านั่งทับนอนทับสินแร่ทองคำอยู่ เดิมทีแค่ไปร่วมงานประลองยุทธ แต่กลับได้ยินกลุ่มคนที่กล้าเอาชื่อเสียงของพรรคเพลิงอัคนีไปใช้ ไม่ใช่เพื่อป้ายความผิดให้เขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเอาผลประโยชน์ไปเป็นของตนเองอีกด้วย

            กว่าจะมาถึงหมู่บ้านเชิงเขานี้ก็ลุกเป็นไฟแล้ว ขึ้นชื่อว่าพรรคเพลิงอัคนีแล้ว การใช้ไฟเป็นจุดเด่นที่สุด คนที่ไม่ใช่คนของพรรคจึงถูกสังหารทิ้งระบายโทสะเสียเกือบหมด ดีที่องครักษ์ของเขาใจเย็นพอลากตัวคนที่เหลือรอดมาสอบปากคำ แต่ไม่คิดว่าองครักษ์คนสนิทกล้าอุ้มเด็กหญิงที่เขาบังเอิญช่วยไว้กลับมา

            “หากท่านจอมมารจะตบรางวัลให้ข้าน้อย ขอให้ข้าน้อยได้เลี้ยงเด็กคนนี้ด้วยเถิดขอรับ”

            “เจ้าต้องการ?” เขาเพียงแค่หันมามองวูบหนึ่ง แม้มืดสนิทมีเพียงแสงจากเพลิงไหม้ที่คนกลุ่มนั้นวางเพลิงเผาหมู่บ้าน ทว่าเขายังคงเห็นว่าเป็นแค่เด็กหญิงผอมกะหร่องคนหนึ่งเท่านั้น อู่เฉียงทำราวกับว่ากำลังขออนุญาตเลี้ยงสัตว์สักตัวเป็นรางวัล

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 56.  จบ

    ดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินทำให้ซินหรานต้องหลับตารับรู้สัมผัสร้อนผ่าวจากเรียวลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก มือใหญ่ปล่อยฝ่ามือนางที่อาจไม่ขยับไปจากแผ่นอกของเขาได้เปลี่ยนมัดร่างนางให้แนบชิดกับร่างของเขาแน่นขึ้นราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นร้อนไล่ลุกเร้ากับลิ้นน้อยๆ จนยอมจำนนให้เกี่ยวกระหวัด เสียงครางครือในลำคอของหญิงสาวทำให้บุรุษหนุ่มฮึกเฮิมดันร่างบางไปชิดก้อนหินกลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ให้แผ่นหลังของนางแนบชิด ดอกบัวคู่งามจึงเชิดชันท้าท้ายให้บุรุษหนุ่มอ้าปากครอบครอง เม้มริมฝีปากดูดดึงจนหญิงสาวไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางของตนเองได้ “ประเดี๋ยวมีใครมาเห็น” นางใช้สองมือที่อ่อนแรกผลักเขาออก “ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ “หากมีก็แค่ควักตาออกเสีย” ซินหรานไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เขาดึงดันจะกลืนกินนางและเขาก็ทำให้นางไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีก ราวกับร่างกายของนางก็โหยหิวสัมผัสของเขาเช่นกัน นางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมเลิกทรมานทรวงอกของนาง ทว่าริมฝีปากร้ายพรมจูบหน้าท้องของนาง เพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นางรีบร้องห้ามทั้งที่ตัวเองอ่

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 55.  คำสั่งแรก

    ใครเลยจะรู้ว่าคำสั่งแรกในฐานะฮูหยินของประมุขพรรคเพลิงอัคนีคือการสั่งให้ทุกคนเดินทางพร้อมกันไม่มีแยกเป็นสองขบวนตามที่เหิงหยางเซิงตกลงกับเฉินเอ๋อร์ “ตั้งแต่คลอดเฉินเอ๋อร์ออกมา เขาไม่เคยห่างจากข้าเลยสักครั้ง ท่านจะผลักไสให้ข้ากับลูกแยกกันได้อย่างไร” เหิงหยางเซิงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม แม้หญิงสาวผู้นี้จะยังคงเป็นซินหรานที่แลดูอ่อนแอบอบบางไร้ปากเสียง แต่ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป แต่อย่างน้อยเขาก็ผลักไสให้อู่เฉียงไปไกลหูไกลตา และจางเย่วถิงที่แสร้งทำเป็นอยากเดินทางด้วย แต่เพราะนางยังต้องการยาอายุวัฒนะนั้นอยู่จึงออกไล่ล่าช่วงชิงยาวิเศษที่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ก่อนเอ่ยคำลา ซินหรานคืนหยกประจำกายของจางเย่วถิง ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้มีความหมายมากขนาดนี้ แม้สิ่งนี้จะทำให้นางออกคำสั่งคนของพรรคกระเรียนแดงได้ก็ตาม แต่จางเย่วถิงกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยปาก “สิ่งใดที่ข้าให้แล้วย่อมไม่เอาคืน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญเจ้าก็แล้วกัน” ด้วยเหตุนี้ซินหรานจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางเก็บหยกชิ้นนั้นไว้แล้ว

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 54.  ส่งท้าย

    “อู่ชิงอู่ยินเอาม้าของข้าให้อู่เฉียงไป”“ขอรับ” คนที่อยู่ด้านนอกรีบตอบรับ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป เดิมทีจอมมารเหิงหยางเซิงต้องการเดินทางกลับเกาะเพลิงอัคนีทันทีและแน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้มีฮูหยินติดตามกลับไปด้วย ทว่าเมื่อเร่งรีบออกจากหมู่บ้านมาเพื่อไม่ต้องการพบกับคนของทางการ ทั้งหมดจึงได้ไปอาศัยหลบอยู่อีกหมู่บ้านไม่ไกลมากนักเพื่อให้อู่เฉียงได้รักษาตัว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพระสนมหลิวเสียนเฟยผู้นี้ไม่ยอมเดินทางกลับเมืองหลวง“ข้าจะอยู่ดูแลผู้มีพระคุณสักสามสี่วันจะเป็นไรไป” แม้นางจะไม่ให้ใครเอ่ยถึงนางในฐานะพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ แต่ลักษณะท่าทางสูงส่งแม้กระทั้งน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดีนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เหิงหยางเซิงผู้เป็นประมุขพรรคมารมิชอบใจท่าทีเช่นนี้ เขาต้องการเดินทางกลับอยู่ทุกวันคืนไม่ใช่เพียงไม่ชอบท่าทีของสตรีผู้นี้แต่เพราะไม่ต้องการให้ซินหรานอยู่ใกล้อู่เฉียงแม้บาดแผลจะทำให้เสียเลือดมากแต่เพราะมีพ่อบ้านจูโหย่งเจาอยู่จึงดูแลรักษาอู่เฉียงให้ฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่สามก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ และถูกจอมมารเหิงหยางเซิงขึงตาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เ

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 53. ข้าคือจอมมาร

    สุดท้ายก็ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนไม่เหลือหน้าตาให้หยัดยืนใน ยุทธภพ เปลี่ยนแปลงตนเอง เข้าไปในวังวนของวังหลวง หวังให้ตำแหน่งของตนสูงสุด แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนทำลายป่นปี้ ด้วยความแค้นทำให้กั๋วกงกงลืมกลยุทธไปหมดสิ้นต่อสู้เหมือนคนตาบอดสะเปะสะปะไปมา ยิ่งสู้ยิ่งไม่อาจยอมรับความแพ้พ่าย หางตาเห็นสตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยืนอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนเป็นพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวบอบบาง ซินหรานเบิกตากว้างที่จู่ๆ กั๋วกงกงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาที่นาง ทว่าเมื่อประสายสายตากันกลับเป็นกั๋วกงกงที่ชะงักงันแล้วกรีดร้องคลุ้งคลั่ง “ไม่จริง! ข้าจะไม่ตายเช่นนั้น! ข้าไม่มีวัน...!” ยังไม่ทันจบประโยคดี แสงสีเพลิงจากกระบี่อัคนีพิฆาตก็แทงทะลุร่างของกั๋วกงกง ดวงตาคู่นั้นก้มมองปลายกระบี่ที่ทะลุหน้าอกตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเอี้ยวมองไปด้านหลัง เห็นเพียงรอยยิ้มโหดเหี้ยมของเหิงหยางเซิง เขาบิดข้อมือทำให้กระบี่ควานเนื้อเรียกโลหิตให้หลั่งออกมาจนนองพื้น “เจ้า...เจ้ามัน...มาร...ปีศาจ...ร้าย” “ถูกต้อง ข้าคือจอมมารเหิงหยางเซิงแห่งพรรคเพลิงอัคนี” เพียงชั

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 52. อย่าสบตา

    ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กแปดขวบ หญิงสาวเบิกตาโต ความทรงจำที่เลือนลางไปเต็มทีแล้วกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บ้านของนางไฟไหม้ บิดามารดาฉุดแขนให้นางวิ่งออกมา ทว่าบิดาถูกคนร้ายใช้ดาบฟันกลางหลัง แต่กระนั้นก็ยังกอดนางกับมารดาไว้ คนร้ายหัวเราะทั้งที่มารดาหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ พุ่งเข้าไปใช้เพียงมือเปล่าทุบตีคนเหล่านั้น หนึ่งนั้นใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้ามารดาถึงกับเซถลาล้มลง พวกมันหัวเราะร่ากระตุกเท้ามารดาไว้แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมารดา‘หนีไป! หนีไป!’เด็กน้อยตัวแข็งทื่อก้าวเท้าไม่ออก ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้น

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 51. นางเป็นฮูหยินของข้า

    อู่เฉียงได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามองพร้อมกับพระสนมหลิวเสียนเฟยที่ปรายตามองเล็กน้อย ซินหรานก้าวออกมายืนแล้วกวาดตามองเหมือนค้นหาสิ่งผิดปกติ “เอ่อ...ข้าคงรู้สึกไปเอง เหมือนมีผู้อื่นอยู่ที่นี่” ซินหรานอึกอักหน้าแดง นางคงกังวลเกินเหตุไป พระสนมหลิวเสียนเฟยส่งยิ้มเอ็นดูให้ ได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้อายุยี่สิบแล้วและมีลูกชายน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางยังเหมือนเด็กสาวมิได้ออกเรือน ยามเขินอายก็แก้มแดงระเรื่อ ช่างดูไร้เดียงสานัก พลันอดคิดถึงตนเองยามเป็นเด็กสาวไม่ได้ นางเหม่อลอยไปครู่หนึ่งสายตาดุจตาหงส์สังเกตสิ่งที่อยู่ในมือของซินหรานนั้นคุ้นตา จึงเอ่ยถามออกไป “นี่นะหรือ?” ซินหรานยื่นหน้ากากอันนั้นส่งให้พระสนม แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำให้พูดคุยกับนางเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป ซินหรานจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายดุจสนทนากับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน “เจ้าได้หน้ากากนี่มาจากที่ใด” พระสนมหลิวเสียนเฟยเอ่ยถาม ดวงตามีประกายความตื่นเต้นไม่น้อย “เรียนตามตรง ท่านจอมมารให้ข้ามา เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ส่งมาให้ท่านจอมมาร แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามาจากที่ใด” “เจ้าเคยใช้หรือไม่?” ซินหรานอึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยไปตรง “ครั้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status