Share

บทที่ 9

Author: Mu lingxi
last update Last Updated: 2025-10-13 05:57:48

ค่ำคืนนั้น

หลินซียืนอยู่หน้าประตูห้องของหนิงหนิงและเป่าเป่า แววตาเต็มไปด้วยความลังเล ก่อนจะกำมือแน่น

ไม่…!!

ลูกของนางจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!

ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด นางก็จะหาทางนำเทียนซานเสวี่ยเหลียน กลับมาให้ได้

ขณะนั้นเอง เสียงแผ่วเบาดังขึ้น…

ประตูห้องเปิดออกอย่างเงียบงัน ร่างเล็กของหนิงหนิงยืนอยู่ตรงหน้า นางสวมชุดเบาบาง แววตาใสแจ๋วมองนางอย่างไว้ใจ มือข้างหนึ่งจูงเป่าเป่าไว้แน่น

“…ท่านแม่…” เสียงใสของเด็กน้อยเอ่ยเบาๆ

หลินซียิ้มจางนางโน้มกายลง โอบกอดร่างเล็กทั้งสองเข้ามาแนบอก ก่อนจะพาทั้งสามคนกลับเข้าห้องไปเงียบๆ

ร่างของเด็กทั้งสอง แม้ใบหน้าจะยังดูสดใสน่ารัก ทว่าใต้ผ้านั้น กลับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและแผลจากพิษ

บาดแผลเหล่านั้น สำหรับเด็กอายุเพียงเท่านี้…ถือว่าเจ็บเกินทาน แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่เคยร้องไห้…ไม่เคยปริปากว่าเจ็บเลยสักคำ

ทั้งสามแม่ลูกนอนแนบกันบนเตียง สองร่างเล็กซุกตัวแน่นในอ้อมแขนของหลินซี

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา มีเพียงเสียงลมหายใจอุ่นๆ ที่พึ่งพิงกันเงียบงัน

นางเอ่ยเสียงแผ่ว

“หนิงหนิง…เป่าเป่า…อีกสี่วันข้างหน้า เราจะออกเดินทางไปเมืองหลวงกันนะลูก…”

เด็กทั้งสองเมื่อได้ยิน ก็ตาโตขึ้นทันที แม้ยังเล็กนัก แต่ก็เข้าใจดีว่า…

หากต้องออกเดินทางในตอนนี้ นั่นหมายถึง “ตัวยาถอนพิษ” ยังไม่ได้มา…

หัวใจเล็กๆ ของทั้งหนิงหนิงและเป่าเป่า พลันบีบรัดแน่นด้วยความเจ็บปวดที่เกินวัยจะรับไหว สองร่างน้อยเบียดกายเข้าใกล้มารดายิ่งกว่าเดิม

มือเล็กๆ ที่วางอยู่บนหน้าท้องของหลินซี ค่อยๆ กำแน่น ราวกับกำลังยึดเหนี่ยวสิ่งสำคัญสุดท้ายในชีวิต

สองพี่น้องไม่พูดอะไร แต่ในดวงตาน้อยๆคู่นั้นกลับฉายแววแน่วแน่ “พวกเราต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้…!”

เป่าเป่าเอ่ยเสียงแผ่วราวลมหายใจ “ท่านแม่…แล้วพวกเราจะกลับมาที่นี่อีกไหม”

หลินซีชะงักไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกเบาๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“…เอาไว้ค่อยว่ากันนะ…

แต่อาจจะ…อาจจะ… เราอาจได้กลับมาในไม่ช้านี้ก็เป็นได้…”

วันพรุ่งนี้… ก็จะถึงเวลาที่พวกเขาต้องออกเดินทางไปยังเมืองหลวง เหล่าข้ารับใช้ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของกันให้วุ่นวาย

มีเพียงนางหลินซีที่ยังคงนั่งอยู่อย่างเงียบงัน นางเอนกายลงบนเก้าอี้โยกในสวนหลังเรือน ดวงตาปิดลงช้าๆ พักใจท่ามกลางสายลมเช้า

ใบหน้างดงามสงบนิ่ง ราวสระน้ำไร้คลื่น ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยคลื่นลมที่โหมกระหน่ำ

ผู้ใดก็มองออกว่า…

ใต้ความนิ่งเฉยนั้น หัวใจของนางกำลังปั่นป่วนดั่งพายุซัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปรบกวน แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ยังเว้นให้เบาที่สุด

ทันใดนั้น

เจ้าก้อนขาวตัวหนึ่งกระโจนขึ้นมาบนตัก พุ่งตรงซุกตัวแนบอกของหลินซีอย่างคุ้นเคย

หัวกลมขาวราวหิมะค่อยๆ ถูไถเบาๆเข้ากับอกของหลินซี ท่าทางออดอ้อนเช่นนั้น ดูไร้พิษภัยนัก แต่ยังไม่ทันได้ดุอะไรเจ้าตัวที่สองก็ลอกเลียนแบบทันควัน กระโดดขึ้นมาเกาะอกนางบ้าง แล้วถูไถไม่รู้จักเหนียมอาย

ดวงตากลมโตดำสนิทของมัน เป็นประกายราวองุ่นสุกเต็มผล จ้องไปยังริมฝีปากแดงระเรื่อของหลินซี

ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ…พร้อมกันทั้งคู่!

เจ้าก้อนขาวสองตัวค่อยๆ ขยับขึ้นมาทีละน้อย ยื่นปากจิ๋วๆ เข้ามาใกล้ราวกับจะ… “จุ๊บ” ปากนางเข้าให้!

“เพี๊ยะ!”

ฝ่ามือเรียวงามตวัดรวดเร็วปานสายลม ตบเข้ากลางหน้าทั้งสองตัว จนปลิวกลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้นหญ้าอย่างไม่ไว้หน้า!

หลินซีลืมตาขึ้น ดวงตาคมวาวราวคมดาบ

“พวกเจ้านี่…แค่ไม่ถูกจับโยนลงหม้อทอดไม่กี่วัน ก็ลืมตัวเสียแล้วหรือ!” น้ำเสียงของนางเยือกเย็น นัยน์ตาเฉียบคม ฉายแววเยาะหยันอย่างไม่ไว้หน้า

“แม้แต่ข้า…ก็ยังกล้าถือวิสาสะถึงเพียงนี้ เจ้าทั้งสองใจกล้านัก!” ถึงแม้น้ำลายของเจ้าก้อนขาวจะมีฤทธิ์ขับพิษ บำรุงผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง

แต่หลินซีผู้นี้…

ไม่เคยคิดจะยอม “เสียศักดิ์ศรี” เพียงเพื่อสิ่งเช่นนั้น!

เจ้าก้อนขาวทั้งสองกลิ้งไปมาด้วยความหงุดหงิด ส่งเสียง “จี๊ด ๆ” อย่างไม่พอใจ

เขี้ยวเล็กสีขาวปรากฏออกมาเล็กน้อยราวกับข่มขู่ แต่เมื่อเห็นว่านางไม่แม้แต่จะปรายตามอง

เจ้าตัวดีทั้งสองก็รีบ “กระดึ๊บๆ” เข้ามาซุกที่ข้อเท้า ถูไปมาออดอ้อนราวกับจะสำนึกผิด

หลินซีถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงตก “พอแล้ว… ไปให้ห่างหน่อยเถอะ…

พวกเจ้า…แค่จะตามไปเมืองหลวงใช่หรือไม่”

นางลูบหัวของเจ้าตัวกลมหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ก็ได้… จะพาไปด้วยก็แล้วกัน” ถ้อยคำของหลินซียังไม่ทันจบ

สองเจ้าก้อนขาวก็ร้อง “จี๊ดๆ จี๊ดๆ” ออกมาอย่างตื่นเต้นเสียงเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความยินดี ดีอกดีใจจนเกินจะบรรยาย

ในจังหวะนั้นเอง

เสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังแผ่วจากด้านหลัง หนิงหนิงกับเป่าเป่าเดินเข้ามาในสวน เมื่อเจ้าก้อนขาวทั้งสองเห็นเจ้าของของตน ก็พลันดีดตัวกระโจนขึ้นสู่อ้อมแขนอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังทำท่าออดอ้อนอย่างภาคภูมิใจราวกับจะบอกว่า “พวกข้าได้รับอนุญาตแล้ว!”

หนิงหนิงหัวเราะเบาๆ พลางลูบขนนุ่มๆ ของเจ้าก้อนขาวในอ้อมแขน “ท่านแม่…เจ้าก้อนขาวจะไปเมืองหลวงกับพวกเราด้วยหรือเจ้าคะ”

หลินซีพยักหน้าน้อยๆ “อืม… เจ้าพวกนี้ดื้อดึงนัก ไม่ให้ไปก็จะตามอยู่ดี”

“ยอดเยี่ยมเลยเจ้าค่ะ!” หนิงหนิงยิ้มกว้าง ก่อนนั่งลงข้างๆ มารดา

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา

หลังจากที่หลินซีช่วยปรับสมดุลธาตุในกาย บาดแผลพุพองของเด็กทั้งสองก็ค่อยๆ แห้ง และเริ่มตกสะเก็ด

แม้จะยังคันมากอยู่บ้าง…แต่ก็ไม่เจ็บเหมือนก่อนแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 66

    หลินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจพวกคนสวมหน้ากากไม่ได้เอ่ยคำใดแม้แต่น้อยเพียงแค่หมายตาเป้าหมาย แล้วโถมเข้ามาโจมตีหวงจิ่วเยี่ยอย่างบ้าคลั่งหวงจิ่วเยี่ยออกมาโดยไม่ได้พกกระบี่หรืออาวุธใดๆนางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปลดกระบี่อ่อนที่พันอยู่ที่เอว ส่งให้เขาอย่างรวดเร็ว“ยืมไปใช้ก่อน!”หวงจิ่วเยี่ยชะงักนิดเดียว แต่เพียงพริบตาก็ยื่นมือรับกระบี่จากนางจากนั้นกลับควักกระบี่เล็กจากเอวตนออกมาเป็นกระบี่ขนาดเล็กเพียงนิ้วมือเดียว แล้วยื่นให้หลินซีแทน ไม่กล่าวคำใด พลันเหินร่างเข้าสู่สมรภูมิ “นี่มัน…” หลินซีอึ้งไปชั่วครู่ แล้วก็อดหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ได้ นางนึกถึงเหตุการณ์ในจวน ขนม ของเล่น ของใช้ของสองพี่น้อง ที่มักจะสลับกันอยู่เสมอ ทั้งที่นางจัดวางไว้แยกชัดเจน ไม่แน่ว่า… นิสัยแบบนี้ คงถ่ายทอดมาจากเขา นางเงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังร่างของหวงจิ่วเยี่ยในสนามรบ เขาใช้กระบี่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็วราวสายฟ้า กระบวนท่าลื่นไหลดั่งสายน้ำ แต่เฉียบขาดทุกดอกฟัน แต่ละท่วงท่า ไม่มีความลังเล ไม่มีคำว่าเมตตา ทุกครั้งที่ลงมือ มีเสียงโหยหวนติดตามมา ไม่ถึงขั้นตาย แต่ล้วนถูกฟันจนเส้นเอ็นขาด บางคนถูก

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 65

    หนิงหนิงกับเป่าเป่ามีทางรอดแล้ว ไม่ต้องทรมานกับพิษร้ายที่กัดลึกถึงไขกระดูกอีกต่อไป “เทียนซานเสวี่ยเหลียน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบชัด แววตาแน่วแน่ไม่เปลี่ยน หลินซีหัวเราะทั้งน้ำตา มือหนึ่งยกขึ้นปิดปากแต่น้ำตากลับไหลไม่หยุด ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ เขาไม่เคยชินกับการเห็นผู้หญิงร้องไห้และไม่รู้เลยว่าควรปลอบอย่างไร “อยู่ดี ๆ จะร้องไห้ไปไยกัน” เขาพึมพำเบา ๆ ล้วงหาผ้าเช็ดหน้าภายในชุดแต่สุดท้ายกลับพบว่า ไม่ได้พกมาเลย มือที่กำลังจะเอื้อมไปเช็ดน้ำตานางกลับถูกคว้าไว้แน่น “ของจริงหรือ?” เสียงของนางเบาแทบไม่ได้ยิน แต่ในแววตากลับสั่นไหว “ใช่ ของจริงแน่นอน” เขาตอบกลับโดยไม่ลังเล นางยิ้มทั้งน้ำตา ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย “ของจริง… แล้วเจ้าจะให้ข้าจริงๆ หรือ?” เขาพยักหน้าแน่นหนัก “อืม ให้เจ้าแน่นอน” หลินซีไม่ลังเล มือเรียวกวาดกล่องผ้าไหมในมือเขามาแน่นหนา ปิดฝาลงแล้วกอดไว้แนบอกเหมือนสิ่งนี้คือชีวิตนาง น้ำหนักภายในใจที่แบกมาตลอดห้าปี ร่วงหล่นในพริบตา หญิงสาวที่เคยแข็งแกร่งไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครกลับรู้สึกอ่อนแรงจนต้องพิงพาเขา โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความจริงว่า ชายตรงหน้าคือบิด

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 64

    หลินซีแค่นเสียงเย็นชา ไม่แม้แต่จะชายตามอง หมุนกายหมายจะจากไป แต่ยังไม่ทันพ้นสองก้าว กลับรู้สึกถึงสิ่งใดบางอย่างผิดแผก จึงหยุดยืน หันกลับมามองเขาด้วยแววตาเรียบเย็น “ท่านอ๋องทรงว่างนักหรือ?” คำเรียกขานว่า ‘ท่านอ๋อง’ ทำให้คิ้วของหวงจิ่วเยี่ยขมวดเข้าหากันอย่างไม่อาจปิดบัง เขาเกลียดชื่อนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด หากจะให้เลือก เขายอมให้นางเอ่ยนามเขาออกมาเต็มปากเสียยังดี ชื่อว่า หวงจิ่วเยี่ย เดิมทีสำหรับเขาก็เป็นเพียงชื่อหนึ่ง แต่เมื่อหลุดจากเรียวปากนาง กลับคล้ายกลายเป็นบทเพลงที่ไพเราะเกินบรรยาย เมื่อเห็นเขานิ่งเฉย นางจึงก้าวเข้าไปหา แววตาเปี่ยมระแวง เขาเห็นนางยิ่งใกล้ หัวใจในอกก็เต้นแรงขึ้นทุกที เผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่แล้ว… แขนของเขากลับถูกรั้งไว้โดยนาง อีกมือนางล้วงอ้อมไปด้านหลังเขา ลูบคลำโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ “เจ้าคิดทำสิ่งใด?” เขากัดฟันถามเสียงต่ำ “มิได้คิดสิ่งใด” นางตอบเรียบ “เพียงอยากดูว่า เจ้าซ่อนอะไรไว้กันแน่ ถึงต้องลอบเร้นนัก” ยามนั้น เป็นกลางคืน ลมแรง แสงจันทร์เจือจาง หญิงชายยืนใกล้ชิดแนบอกกันกลางเงามืด ท่วงท่าคล้ายบุรุษสตรีที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง เ

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 63

    นางจากไปแล้ว เขาเพียงนั่งนิ่งอยู่เบื้องหน้ากระดานหมากล้อม แม้ผลแพ้ชนะจะตัดสินไปแล้ว แต่ในใจกลับยังว้าวุ่นไม่รู้จบ มือหนึ่งหยิบตำราพิชัยสงครามขึ้นมาแต่แม้จะเคยอ่านจนขึ้นใจ ทว่าครั้งนีไม่มีแม้แต่ตัวอักษรเดียว ที่จะผ่านเข้าสู่จิตใจได้เลย จนกระทั่ง สายตาเขาหยุดลงตรงถ้อยคำเพียงไม่กี่บรรทัด “เมื่อศัตรูยึดชัยภูมิไว้แล้ว จักต้องโยนหินล่อหยก ลอบย้ายเส้นทาง สร้างเรื่องลวง ฉกโอกาส พลิกแผนศัตรูและสุดท้าย เคี่ยวไฟใต้หม้อให้หมดทางเดือด!” ประโยคนั้น แม้รุนแรงเกินจำเป็น แต่กลับทำให้เขานึกถึงนางอย่างห้ามใจไม่ได้ หญิงสาวผู้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีราวเพลิงที่ไม่มีวันดับ หากวันหนึ่ง เขาเผลอทำลายความหยิ่งในแววตาคู่นั้นลงจนหมดสิ้น บางทีนางก็คงไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออีก ที่สามารถดึงดูดใจเขาได้ หรือไม่ ก็อาจถึงคราวต้องฆ่านางเสียด้วยซ้ำ ให้สมกับสิ่งที่นางเคยทำไว้กับเขา! แต่ในเมื่อถึงตอนนี้ เขากลับไม่ได้ฆ่านาง หากแต่เก็บนางไว้ในใจเสียแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด เพียงรู้ว่าอยากคว้าเอาความรู้สึกนั้นไว้ให้แน่น อยากให้มีนางอยู่ข้างกาย แล้วค่อยๆคิดหาคำตอบในภายหลัง ทว่

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 62

    “ปุ๊!”“แค่ก แค่ก แค่ก!!”หลินซีสำลักชาทันทีที่ได้ยินถ้อยคำจากปากเขาน้ำชาที่เพิ่งจิบเข้าไปแทบพ่นกระจายออกมาทั้งคำ นางรีบหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างลนลาน หน้าแดงจัดจนแทบเปลี่ยนสีนางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ชายตรงหน้าผู้ซึ่งผู้คนร่ำลือกันว่าโหดเหี้ยมอำมหิต เย็นชาดั่งน้ำแข็งพันปี ฆ่าคนไม่กะพริบตา เป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดแห่งแคว้นเยี่ย จะเป็นบุรุษคนเดียวกันกับที่เพิ่งกล่าววาจาเช่นนั้นออกมาสุดท้าย…คำว่า “เล่าลือ” ก็เป็นเพียง “คำเล่า” เท่านั้นเองหวงจิ่วเยี่ยมองนางไอจนตัวโยน ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแค่ขยับมือวางหมากลงอย่างสงบนิ่งดวงตาคมทอดมองกระดานตรงหน้า เห็นผลแพ้ชนะที่สิ้นสุดไปแล้วอย่างเรียบง่ายแม้เขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแต่ในแววตานั้นกลับไร้ซึ่งความโกรธหรือไม่พอใจตรงกันข้าม ยังรู้สึกยินดีที่ได้พบผู้ที่ทัดเทียมกับตนโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าคนผู้นั้นคือ “นาง”หลินซีวางหมากลงอีกเม็ด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ตรงไปตรงมาไร้เยื่อใย“ท่านอ๋อง ท่านแพ้แล้ว ได้โปรดทำตามสัญญาเถิด”เขาพยักหน้าช้า ๆ รับคำอย่างสงบ“ข้ายอมรับว่าแพ้จริงแต่ถึงข้าจะบอกเจ้าว่า หิมะบัวเทียนซานอยู่ที่ใด…เจ้าก็ใช่ว่าจะได้มันไปง่าย ๆ ห

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 61

    เพราะหนิงหนิงกับเป่าเป่าเคยพูดไว้ว่า…‘พวกเราไม่กลัวตาย… แต่เรากลัวว่า ตอนที่ต้องตายท่านแม่จะไม่อยู่ด้วย…”ไม่… เป็นไปไม่ได้!หลินซีไม่มีวันยอมให้ลูกๆต้องตาย!นางไม่มีวันปล่อยให้ลูก ๆ ของนางจากไปอย่างเดียวดายในโลกที่โหดร้ายเช่นนี้ ไม่มีวัน!เด็กทั้งสองยังเล็กนัก เส้นทางชีวิตในวันหน้ายังอีกยาวไกลนางจะต้องหาวิธีไม่ว่าอย่างไรจะต้องให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง นางก็ยินยอมหวงจิ่วเยี่ยเดินนำหน้า นางเดินตามอยู่เงียบ ๆเขาก้าวไปช้า นางก็ย่างตามช้า ๆ ทั้งสองมิได้เอ่ยสิ่งใดเขาไม่หันกลับมา นางก็ไม่ทัก ไม่เรียก ไม่ใส่ใจกระทั่งถึงทางแยก ระหว่างหอพักกับโถงหน้าเขาตั้งใจจะตรงไปยังห้องของตน แต่หลินซีกลับหยุดยืนอยู่ที่เดิมไม่กี่ก้าวถัดไป เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าด้านหลังจึงชะงัก หันกลับมา สายตาเย็นเฉียบจับจ้องนาง “เหตุใดจึงไม่เดินต่อ?”หลินซียกคิ้ว ตอบเสียงเรียบ“ท่านอ๋อง ท่านเดินผิดทางแล้ว”จะพาไปห้องพักของเขารึ? จะให้ไปเล่นหมากในนั้น?เห็นทีจะไม่เหมาะมังหวงจิ่วเยี่ยนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็คล้ายเข้าใจบางสิ่งเขาส่ายหน้าเบา ๆ อย่างไร้อารมณ์ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทาง เด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status