LOGINฟลายด์ตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหัว ความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืน ทำให้ทุกอย่างกำลังหมุนคว้าง ดวงตาปรือ รู้สึกถึงความร้อนอบอ้าว ก่อนถีบผ้าห่มผื่นหนาออกจากตัวอย่างไม่ใยดี ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงหลับตาลงต่อ
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงสั่นไม่หยุด ทำให้ฟลายด์สะดุ้งตื่น พยายามผงกศรีษะอันหนักอึ้งออกจากหมอนนุ่ม ๆ มือควานหาโทรศัพท์ในสภาพหัวฟู ๆ มืออีกข้างเสยผมที่ปรกใบหน้าออกให้พ้นจากสายตา
(“ฟลายด์! อยู่เชียงใหม่ใช่ไหม?”) เสียงแหลมปรี้ดแทรกออกมาจากโทรศัพท์
“อืม… คราย…” ฟลายด์ตอบกับเสียงยานคาง
(“นี่แกจำพี่สาวคนสวยไม่ได้เหรอ”) เสียงแวดออกมาจากโทรศัพท์ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเป็นใคร
พี่เฟิร์น ลูกสาวป้าสุณิษาพี่สาวของแม่เธอนั่นเอง
“ตอนแรกจำไม่ได้ ตอนนี้จำได้แล้ว”
(“ดีเลย วันนี้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้ามาที่บ้านพี่เลยนะ มาเชียงใหม่ทั้งที แต่ทำไมไปเช่าโรงแรมนอน บ้านพี่ก็มีที่นอนเยอะแยะ จะไปเปลืองตังเช่าโรงแรมอยู่ทำไม”)
“ก็มาเที่ยวกับเพื่อน เกรงใจ มีอะไรอีกไหม คนจานอน”
(“มี พรุ่งนี้มาเฝ้าร้านให้หน่อยนะ จะไปรับแต่วันนี้ตอนบ่ายมาพบลูกค้าแทนพี่ด้วยพี่มีธุระต้องไปจัดการ อย่าลืมดูเวลาด้วยนะ”)
“ด้าย” หา! อะไรนะ จะได้ไปเฝ้าร้านน้ำหอม เธอมาพักผ่อนนะไม่ได้มาทำงาน
ตู๊ด ตู๊ด สายถูกตัดไปเรียบร้อยไม่รอให้เธอได้แก้ตัวเลย ฟลายด์ทิ้งหัวลงหมอนนอนกอดผ้าห่มหลับต่อไป
แบงค์ตื่นนอนมาเปิดร้านตั้งแต่หกโมงเช้า ถึงเขาจะดื่มหนักแค่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองนอนจมอยู่บนที่นอน และอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะถึงวันเกิดน้องสาวคนเดียวของเขาแล้วด้วย เขาจะต้องไปหาซื้อของขวัญเตรียมเซอร์ไพร์สเธอ
ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป เขาก็เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวให้กับน้องสาว ส่วนพี่ชายกับพี่สาวทุกคนต่างไปมีครอบครัวเป็นของตัวเอง นาน ๆ ที ถึงจะมีเวลากลับมาเจอหน้ากัน
เขาไม่เคยให้น้องสาวของเขาต้องมาลำบาก แม้แต่เรื่องทำงานบ้าน ทำกับข้าว เขาก็ไม่เคยให้น้องสาวเขาทำ แบงค์ดูแลน้องสาวเหมือนไข่ในหิน ถึงแม้ว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม
ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน น้องสาวเขาชอบร้องไห้คิดถึงพ่อแม่ พอเห็นน้ำตาของเด็กน้อยที่เขาเลี้ยงดูมา เขาก็ต้องใจอ่อนทุกที จนทุกวันนี้น้องสาวของเขาแทบจะทำอะไรไม่เป็นเลย ถ้าเกิดวันหนึ่งเธอจะต้องไปมีครอบครัว เขาก็กลัวว่าครอบครัวสามีของเธอจะรับที่เธอเป็นได้ไหม
แบงค์เลื่อนหาร้านน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดที่เป็นของนำเข้าที่หายากมาก ๆ ส่วนมากราคาแพง แล้วจะไม่ค่อยมีร้านไหนนำเข้ามา พอนำเข้ามาก็มีของน้อย
จนเขาไปเจอร้านนำเข้าน้ำหอมราคาแพงที่หายาก มีแต่รุ่นลิมิเต็ดเท่านั้น เขาก็ทักข้อความเข้าไปสอบถามที่หน้าแฟนเพจของร้าน แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับมาสักข้อความ
“ร้านก็ดูใหญ่ ดูดี ไม่น่าจะไม่มีแอดมินทำงานอยู่หรอกมั้ง” แบงค์พึมพำอยู่คนเดียว
วันนี้เป็นวันหยุดดิวมาเข้าฟิตเนสตั้งแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนนี้ก็เมาเหมือนหมา แต่พอเช้ามากลับมีแรงมาเข้าฟิตเนส บังเอิญมาเห็นแบงค์กำลังเลื่อนหา เข้าไปส่องเพจร้านน้ำหอมเข้าพอดี
“พี่แบงค์อยากได้น้ำหอมร้านนี้เหรอพี่ ผมได้ข่าวว่าเจ้าของร้านสวยมาก ขาวมาก ถ้าพี่จะไปร้านนี้ผมขอไปด้วยคนนะพี่”
แบงค์ละสายตาจากหน้าจอ เงยหน้าขึ้นมองดิวด้วยความสงสัย
“รู้จักร้านนี้ป่ะ หาเบอร์โทรเจ้าของร้านให้หน่อยสิ พี่ทักแชทไปในเพจไม่มีคนตอบ”
“เดี๋ยวผมจัดให้พี่”
ดิววิ่งหน้าตาตื่นมาหาแบงค์ที่ร้าน “พี่แบงค์” ดิวโชว์โทรศัพท์ในมือให้แบงค์ดูด้วยความดีใจ
“ผมหาเจอแล้วพี่ เบอร์เจ้าของร้านคนสวย”
“เอามาดูสิ”
แบงค์โทรหาเจ้าของร้านน้ำหอม พูดคุยสอบถามน้ำหอมที่ต้องการ และนัดดูของกันวันนี้บ่ายโมงที่ร้าน ถ้าเป็นแบบที่ตรงใจก็รับของไปเลย
เวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายคล้อยแล้ว ร่างเล็กที่นอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน ต่อให้ร่างกายจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อไหลอาบเต็มแผ่นหลังก็ตาม จนสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะ
มีงูใหญ่ตัวสีเขียวมารัดตัวเธอเอาไว้แน่น งูตัวนั้นใหญ่มาก แล้วค่อย ๆ แปลงร่างกลายเป็นผู้ชายกล้ามโต
ฟลายด์สะดุ้งตื่นขึ้นจากที่นอน เหมือนถูกกระชากออกจากห้วงความฝัน ฝันร้ายยังตามหลอกหลอน จนลมหายใจหอบถี่ ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย มือรีบกำผ้าห่มแน่นราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่พอจะยึดเหนี่ยวได้ ก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า
เธอยกมือกุมขมับ ศีรษะที่หนักอึ้ง เส้นผมยุ่งเหยิงปรกแก้มเหมือนคนเพิ่งผ่านศึกหนัก ผิวหน้าที่เคยสดใสตอนนี้ซีดเซียวกว่าปกติ แววตาดูเลื่อนลอย คล้ายโลกทั้งใบกำลังหมุนซ้อนทับกัน
“ปวดหัวเป็นบ้าเลย นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย” ฟลายด์พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะควานหาโทรศัพท์มาดูเวลา
นานวันเข้าพ่อของฟลายด์ก็เริ่มเห็นถึงความผิดปกติของคนที่อ้างว่าเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกับลูกสาวของตน วันนี้นึกคิดยังไงไม่รู้อยากมาหาลูกสาวที่ห้อง อยากคุยเรื่องชายหนุ่มคนนั้น ด้วยความที่ผู้เป็นพ่อเดินมาเห็นพอดีจึงทำให้รีบเดินไปทางหน้าห้องลูกสาว ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังกอดร่างบางอยู่เสียงประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้นมาพอดี“ฟลายด์แกเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผู้เป็นพ่อเคาะประตูห้องลูกสาวด้วยความร้อนรนฟลายด์รีบออกไปเปิดประตูเมื่อแบงค์เข้าไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว“มีอะไรหรือเปล่าพ่อ” เธอพยายามซ่อนพิรุธเอาไว้ไม่อยากให้พ่อจับได้ ทว่าพ่อก็รีบเดินเข้ามาพร้อมกับค้นหาแบงค์ตามสิ่งที่เห็น“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันอยู่ไหน” ผู้เป็นพ่อตวาดลั่น จนคนในบ้านต่างตื่นขึ้นมาดูด้วยความตกใจทำให้แบงค์ต้องออกมายอมรับความผิดของตัวเอง ฟลายด์ถึงกับชะงักค้างไปด้วยรู้กับความผิดของตัวเองดี ก่อนที่ทุกคนจะไปรวมกันที่ลานบ้านเพื่อพูดคุยหาลือกัน“คุณ! นับจากวันนี้เป็นต้นไปให้คุณย้ายไปนอนที่บ้านพักคนงาน และทำงานในไร่กับคนงาน ไม่ต้องมาที่บ้านใหญ่ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม”ผู้เป็นพ่อที่ได้รู้เรื่องทั้งหมดก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมา
ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ขึ้นหน้าห้อง ตึก…ตึก…ตึก…เงาสะท้อนผ่านใต้ช่องประตูหน้าห้อง เท้าที่เธอคุ้นเคยหยุดยืนพิงประตูอยู่หน้าห้อง กำลังแนบใบหูเข้ากับประตูหน้าห้องของเธอ ฟลายด์รีบหันขวับส่งสัญญาณให้แบงค์ ที่ยืนปักหลักอยู่กลางห้องเหมือนไม่คิดจะหลบอีกต่อไป “เงียบ!” เธอรีบกระซิบเสียงเบาก๊อก ก๊อก ก๊อก!“ไอ้ฟลายด์! หลับหรือยัง” เสียงเฟลนด์ดังขึ้นพร้อมกับแรงเคาะประตูหน้าห้องแทบพังฟลายด์รีบวิ่งไปดันชิดประตูเอาไว้ พยายามทำเสียงให้ปกติ “ยัง…มึงมีอะไรหรือเปล่า”“กูได้ยินเสียงเหมือนมีผู้ชายอยู่ในห้องมึง มึงคุยกับใคร” น้ำเสียงเฟลนด์เต็มไปด้วยความกังขา“กูไม่ได้คุยกับใคร แค่…ดูซีรีส์อยู่”ข้างนอกห้องเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนเฟลนด์กำลังชั่งใจว่าจะเชื่อหรือไม่ เธอยืนนิ่ง เหงื่อซึมออกมาตามฝ่ามือ ในหัวมีแต่จะหาที่ซ่อนตัวให้ชายหนุ่มไม่ให้ถูกจับได้ หากพี่ชายขอเข้ามาในห้อง ทุกอย่างจบเห่แน่!“เออ ล็อกประตูดี ๆ ด้วย เข้าใจไหม” สุดท้ายเฟลนด์ก็ทิ้งคำสั้น ๆ ไว้ ก่อนฝีเท้าหนัก ๆ จะค่อย ๆ เดินห่างออกไปทันทีที่เสียงนั้นเลือนหาย ฟลายด์ก็ทรุดตัวลงกับประตู หัวใจ เต้นแ
“ฟลายด์ขอสั่งห้ามพี่ไม่ให้บอกเรื่องนั้น” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยบอกกลับไปและบังคับให้ชายหนุ่มทำตามที่เธอว่า “พี่กลับไปก่อนเถอะนะ เดี๋ยวฟลายด์จะหาวิธีบอกเรื่องนี้ให้พวกท่านรู้เอง ถ้าพวกท่านรู้ตอนนี้…พวกท่านเอาฟลายด์ตายแน่”“งั้นพี่จะอยู่ที่นี่แลกกับการไม่บอกใครเรื่องที่เรามีอะไรกันแล้ว” เขาพูดบอกอย่างเป็นต่อ สีหน้าไม่ยอมผ่อนปรน“ไม่ได้”แต่เขากลับก้าวเข้ามาใกล้ กระซิบข้างใบหูเธอ “ถ้าฟลายด์ไม่ให้พี่อยู่…พี่จะบอกพวกท่านเอง ว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากันใน ทางพฤตินัยแล้ว”“พี่นี่มัน! พูดอะไรออกมาไม่คิดหรือไง ถ้าพ่อแม่ฟลายด์ได้ยินเข้าละก็…”“งั้นก็ให้พี่ที่นี่สิ ง่ายที่สุดแล้ว” แบงค์ยกยิ้มมุมปาก แค่นั้นก็ทำให้หญิงสาวหวาดหวั่น“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ตามใจ” เธอว่าจบก็เดินเข้าไปด้านในบ้านด้วยความขัดใจเล็กน้อยพี่ชายก็เดินตามมาดู สีหน้าหงุดหงิดไม่คลาย “ยังอยู่เหรอคุณ! ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวผมยืนยัน ผมคงเรียกตำรวจมาลากคอคุณออก ไปแล้วนะ”“ผมได้ยินว่าคุณอยากพักอยู่ที่นี่ งั้นเอางี้ไหม ถ้าอยากจะอยู่จริง ๆ ก็ไปอยู่บ้านพักคนงานที่ไร่” เฟลนด์เอ่ยเสนอแนะเสียงเข้ม อีกทั้งยังไม่ไว้ใจชายหนุ่ม ถึงเสนอให้ไปอยู่กับคนงาน จ
แบงค์ที่ได้ข้อมูลมาจากหลาย ๆ คนและมีคนที่พามา ก็ทำให้เจอบ้านของฟลายด์จนได้ ทว่าคนที่เขาเจอกลับเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ออกมาเดินอยู่หน้าในจังหวะนี้พอดี ทั้งยังจูงมือมากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เขาเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นคือสามีของฟลายด์และลูกสาว ซึ่งมันเป็นเพียงแค่คำโกหกของหญิงสาวเพียงเท่านั้น แต่แบงค์กลับเชื่อสนิทใจเฟลนด์พาลูกสาวตัวน้อยออกมากำลังจะพาไปร้านค้าใกล้บ้าน พอเห็นชายแปลกหน้าร่างสูงยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ตรงหน้าบ้าน สายตาคมกริบจ้องมองมา เขาก็ชะงักทันที“คุณเป็นใคร มาหาใคร?” น้ำเสียงแข็งกร้าวถามขึ้นทันที“ผมมาหา…” แบงค์กำลังจะเอ่ยชื่อของฟลายด์ออกมา แต่ยังไม่ทันจบประโยค“คุณจะมาใครก็ช่างเถอะ ที่นี่ไม่มีคนที่คุณตามหาหรอก และก็อย่ามาแอบอ้างนะ! ว่ารู้จักคนในบ้าน”ลูกสาวตัวน้อยที่เล่นซ่อนอยู่ข้างหลังเกาะชายเสื้อพ่อเอาไว้แน่น โผล่มาแค่เพียงใบหน้าแอบมองชายที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ดวงตากลมใสเต็มไปด้วยความงุนงงกระนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผู้ชายกับเด็กคนนั้น “แม่” เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น“พี่! เกิดอะไรขึ้น!” หมวยเห็นสามียืนคุยกับใครก็ไม่รู้ตั้งนาน สีหน้าเคร่งขรึม เธอจะรีบวิ่ง
ฟลายด์ที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยร่างกายปวดเมื่อยขบตามตัว ทว่าเธอยังคงหลับตาด้วยอาการมึนหัวจนต้องใช้มือจับที่ศีรษะของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือพลางหันมองรอบด้านในห้องที่เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยเธอที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้สวมใส่อะไรก็ค่อยๆ ยกผ้าห่มขึ้นเปิดดูเพื่อความแน่ใจว่ามันเกิดกับเธอบ้าง ในใจของเธอมีแต่คำว่าฉิบหายแล้ว เพราะถ้าคนในครอบครัวรู้คงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน“นี่ฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?”เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ จากนั้นภาพความทรงจำในหัวก็แล่นเข้ามา ความทรงจำเมื่อคืนตัดขาดไปบางช่วง มีเพียงภาพเลือนรางของแก้วเครื่องดื่ม สายตาคมคู่นั้น และรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเธอแกว่งไปทั้งที่ไม่อยากยอมรับ เธอบดจูบเขาอย่างเร่าร้อน จนเธอถึงกับชะงักค้างไปเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมองด้านข้างที่จู่ ๆ ก็มีมือมาพลาดบริเวณช่วงหน้าท้องของตัวเอง ทว่าเธอก็ถึงกับชะงักข้างไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่ข้างกันคือแบงค์ฟลายด์ถึงกับรีบตั้งสติพร้อมกับยกมือของอีกฝ่ายออกห่างจากตัวเบา ๆ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน เธอผล็อยตัวลงจากเตียงพร้อมกับหอบหิ้วเสื้อผ้าหายเข้าไปในห้
เธอมองตาเขาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันควรจะเป็นไปในทางไหน เธอไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธเขาชายหนุ่มประคองใบหน้าหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธหรือขัดขืนเขา ริมฝีปากของเขาแตะลงบนปากนุ่มอย่างนุ่มนวล ฟลายด์ร่างกายแข็งทื่อ ยืนหลับตาปี๋หัวใจเต้นระส่ำด้วยความตกใจ ริมฝีปากของเขาแนบสนิทอยู่กับกลีบปากนุ่ม ปลายลิ้นอันเร่าร้อนสอดผ่านริมฝีปากเธอเข้าไปพันเกี่ยวลิ้นเธออย่างช่ำชองด้วยสัญชาตญาณเธอแนบชิดตัวเขาอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากร้อนผ่าวของแบงค์กำลังหลอมละลายปากนุ่มของเธอจนเปียกชุ่มภายใต้การควบคุมของเขา เธอแทบขาดอากาศหายใจ เมื่อแบงค์บดคลึงริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น หัวใจของเธอหวาดหวั่น แต่ร่างกายกลับแอ่นบดเบียดเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่ม“พี่ขอมากกว่านี้ได้ไหม”ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกน้ำเสียงทุ้มที่ถามออกมาแฝงความเซ็กซี่ ราวกับกำลังโลมเลียเรือนกายของเธอแทนปลายนิ้ว จนฟลายด์ขนลุก ใบหน้าเนียนละเอียดถูกเชยให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาเธอพยักหน้าตอบรับ สอดแขนโอบกอดรอบคอชายหนุ่ม จูบตอบกลับเขา นิ้วเรียวยาวแข็งแรงสอดแทรกเข้าไปประคองท้ายทอยเอาไว้แน่น บดคลึงริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อน ก่อนจ







