Beranda / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 11 วันว่างกับแมวน้อย

Share

ตอนที่ 11 วันว่างกับแมวน้อย

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-08 10:00:31

นับตั้งแต่มีแมวน้อยสีขาวน่ารักตัวนี้อยู่บนเขาแห่งนี้ด้วย ชีวิตประจำวันของหลินเซินก็เปลี่ยนไปจากเดิม วันเวลาที่อยู่อย่างสงบ ๆ ฟังเสียงสายลม เสียงใบไม้พัดปลิว ก็มีเสียงเหมียว เหมียว ดังขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับกำลังร้องเรียกเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“อย่าบอกนะว่าเจ้าหิวอีกแล้ว นี่เจ้ากำลังโตหรืออย่างไรถึงได้กินเก่งเช่นนี้” หลินเซินบ่นอุบอิบนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปหยิบของบางอย่างสะพายหลัง

เขาเดินลงไปด้านหลังเขาเรื่อย ๆ โดยมีเจ้าแมวน้อยตามมาติด ๆ เสียงสายน้ำไหลเอื่อยเริ่มดังขึ้น หลินเซินหยุดอยู่ริมตลิ่ง จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมหย่อนขาลงไปในน้ำ มือข้างหนึ่งถือไม้แหลมยาว สายตาสองข้างมองทะลุเข้าไปใต้น้ำใส ๆ คอยมองหาปลาตัวใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นของโปรดเจ้าแมวน้อย

“นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่นี่ อาหารของข้าก็ไม่ใช่ เจ้านี่ทำเหมือนข้ากำลังเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ใช่ว่าข้ารับเจ้ามาเลี้ยงด้วยเสียหน่อย” แม้จะบ่นมาเป็นชุดแต่สองตาก็ยังจ้องหาปลาต่อไปไม่ลดละ ในที่สุดเขาก็จับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง เพียงเท่านี้ยังไม่พอ หลินเซินก่อฟืนจุดไฟก่อนจะนั่งย่างปลาที่เขากินไม่ได้อีกด้วย แต่เมื่อมองไปที่สายตาของแมวน้อยที่จ้องอาหารมื้อใหญ่แล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้

หลังจากหาอาหารแล้ว หลินเซินก็มักจะผ่อนคลายร่างกายอย่างที่เคยทำด้วยการลงไปแช่น้ำตก

“กินปลาเสร็จแล้ว เจ้ากลับไปรอข้าที่กระท่อมแล้วกัน” หลินเซินพูดกับเจ้าแมวน้อย เห็นเสียงเหมียว เหมียว ตอบกลับมาก็หันหลังเดินตรงไปที่ริมลำธารอีกครั้ง ราวกับเจ้าแมวน้อยรู้ว่าเขาจะทำอะไร ก็รีบคาบปลากระโดดไปกินที่อื่น หลินเซินเปลื้องเสื้อผ้าคลุมกายออก แสงแดดอ่อนกระทบผิวกายขาวนวลของเขา ขาเรียวยาวค่อย ๆ ก้าวลงน้ำใสเย็นทีละข้าง แล้วหยุดตรงใจกลางลำธาร เขาเล่นน้ำดำผุดดำว่ายอยู่คนเดียวจนพอใจ จึงเริ่มบำเพ็ญตบะเซียนอีกครั้ง ครั้นเหนื่อยแล้วก็สวมเสื้อผ้าครึ่งท่อน ลอยไปที่โขดหินใหญ่ใจกลางลำธาร เอนหลังนอนพิงก้อนหิน ให้ร่างกายท่อนบนอาบแสงแดดอบอุ่นคลายความเหนื่อยล้า

ยามเย็นก็แวะตกปลาอีกตัวมาฝากเจ้าแมวน้อยเป็นอาหารอีกหนึ่งมื้อ ส่วนตัวเขานั้นนั่งกินผลไม้กับสุราดอกท้อด้วยความสำราญใจ

เวลานี้ทั้งสองกำลังนั่งรับลมดูแสงอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้า ฝูงนกตัวเล็ก ๆ โบยบินกลับรังส่งเสียงจิ๊บ จิ๊บราวกับทักทายเขา จากที่เคยนั่งอยู่ลำพัง บัดนี้มีเพื่อนตัวน้อยอยู่เคียงข้างเขาเพิ่มขึ้น

แม้จะวุ่นวายหน่อย แต่เขาก็ยินดี เขาอุ้มเจ้าแมวน้อยไว้ในอ้อมกอด ลูบหัวเบา ๆ ลูบขนนุ่ม ๆ ด้วยความรัก ทุกคืนเขาจะพาเจ้าแมวน้อยไปนอนบนที่นอนอุ่น ๆ ข้างในกระท่อม ส่วนตัวเขานอนอาบแสงจันทร์แสงดาราอยู่ใต้ต้นดอกท้อ ดูดซับพลังเซียนที่ไหลเวียนยามค่ำคืน ก่อนจะหลับตาลงหลับใหลสู่นิทรา ก็รู้สึกได้ว่ามีเจ้าตัวเล็ก ๆ ลากผ้าห่มมานอนอยู่ข้าง ๆ เขาจึงเอื้อมมือกอดมันไว้ในอ้อมแขนนอนหลับไปพร้อมกัน

หน้าที่ปลุกหมาป่ากินพืชประจำเช้าแต่ละวันกลายเป็นของเจ้าแมวน้อยไปโดยปริยาย แมวน้อยใช้อุ้งเท้าแตะที่แก้มของเขาอยู่สองสามครั้ง พอเห็นหมาป่าขี้เซาไม่ยอมตื่นจึงกระโดดขึ้นไปบนตัวของเขา น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทุกวันของเจ้าแมวน้อยทำให้หลินเซินสะดุ้งตื่นขึ้นมา

“ข้าขอนอนต่ออีกสักนิดเถอะนะ อากาศกำลังดีเลย ถ้าเจ้าหิวก็ไปหาปลากินก่อนข้าได้เลย ข้ายังไม่หิว” เขาพูดจบแล้วก็ตะแคงข้างนอนขดตัวอยู่บนพื้นหญ้า ไฉนเลยเจ้าแมวน้อยจะยอม หากปิ้งปลาเองได้คงไม่มามัวแต่อ้อนเขาอย่างนี้หรอก ครั้นจะหาปลากินเองก็ไม่ชอบปลาดิบเสียด้วย เจ้าแมวน้อยจึงไม่ยอมแพ้ เดินมาส่งเสียงร้องเหมียว เหมียวอยู่ตรงใบหูของเขาอยู่นาน ในที่สุด หลินเซินก็จำเป็นต้องตื่นมาหาอาหารให้สิ่งมีชีวิตร่วมโลกตัวเล็ก ๆ จนได้

แต่ก็ใช่ว่าเจ้าแมวน้อยจะได้กินแต่ปลาย่างเท่านั้น บางครั้งเขาก็ทำให้เจ้าแมวอิ่มทิพย์บ้างเพราะขี้เกียจเดินไปไหนมาไหน จนเจ้าแมวกรอกตามองบนไม่รู้จะขอบคุณหรืออย่างไรดี

พอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว เขาถึงเพิ่งจะนึกได้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้ยังไม่มีชื่อ คิดไปคิดมาจึงเรียกชื่อหนึ่งออกมา

“ข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าเยี่ยนฟาง ต่อไปนี้ถ้าข้าเรียก เจ้าก็รีบมาหาข้านะ ตกลงไหม” แมวน้อยพยักหน้ารู้ความ นับวันยิ่งตอบสนองเหมือนคน ๆ หนึ่งไม่มีผิด แต่คนซื่อบื้ออย่างเขากลับไม่สังเกตเห็น

"เยี่ยนฟาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นหมาป่าที่มีตบะเซียน พอมีพลังแล้วจะทำอะไรก็ทำได้ง่าย นี่ดูสิ ข้าอยากกินน้ำค้าง ก็มีน้ำค้างมารออยู่ตรงหน้า เพราะฉะนั้น ข้าอยากให้เจ้าทำได้เหมือนกัน”

สิ่งที่เขาพูดนั้น ดูเหมือนเป็นความหวังดีต่อเจ้าแมวน้อยแต่นั่นก็เพียงส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือเขาอยากนอนตื่นสาย หากเจ้าแมวน้อยหิวจะได้ไม่ต้องมากวนเขานั่นเอง

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด มีหรือเจ้าแมวน้อยจะนั่งอยู่เฉย ๆ การบำเพ็ญตบะเซียนนี่น่าเบื่อจะตายไป อีกอย่างเรื่องอาหารนั้น มีคนทำให้ก็สบายกว่าเป็นไหน ๆ เจ้าแมวน้อยเตรียมตัวกระโจนออกจากสายตาเขา เพียงแต่ว่าหลินเซินนั้นไวกว่า เข้าเอื้อมจับตัวเยี่ยนฟางไว้ได้ทันพอดี แม้คิดจะหนีก็คงหนีไม่ได้อีกแล้ว

หลินเซินจับเจ้าแมวน้อยมานั่งอยู่ข้าง ๆ ค่อย ๆ สอนบำเพ็ญตบะเซียนอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน เขายังมีเวลาอยู่กับเจ้าแมวน้อยไปอีกนาน ถ้าเขาไม่ถูกทิ้งไปเสียก่อน แล้วก็เป็นดังที่คิด ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนกันจนล่วงเลยมาครบหนึ่งร้อยปี

“เยี่ยนฟาง เก่งมาก ไม่น่าเชื่อว่าตบะเซียนของเจ้าจะเพิ่มขึ้นรวดเร็วถึงเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะว่าได้อาจารย์ดีอย่างข้าแน่ ๆ เอาล่ะ วันนี้เพื่อเป็นการฉลอง ข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองมนุษย์ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีของอย่างอื่นน่ากินกว่าปลาย่างอีกนะ แล้วก็มีของหวานกับขนมอร่อย ๆ ตั้งเยอะ” หลินเซินตื่นเต้นดีใจกับความสำเร็จในการสั่งสอนเยี่ยนฟาง อีกทั้งวันนี้ เขายังบรรลุตบะเซียนเก้าขั้นเป็นที่เรียบร้อย มีเรื่องน่ายินดีสองเรื่องในหนึ่งวัน เขาจึงดีใจเป็นพิเศษ

เจ้าแมวน้อยเดินมานั่งบนตักเขาอย่างเคย เอาแก้มนุ่ม ๆ เกยแขนของเขาไว้หลับตาลงด้วยความเหนื่อย “มีที่ไหน แมวฝึกตบะเซียนได้สามขั้นภายในหนึ่งร้อยปี ถ้าไม่ใช่เพราะข้าฉลาดอยู่แล้ว ไม่มีทางหรอกนะ” เสียงอู้อี้ไม่เป็นภาษาดังเล็ดลอดออกมา

ทันใดนั้น หลินเซินสัมผัสได้ว่า ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ มีอะไรบางอย่างกำลังเรียกหาเขาอยู่ ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจก่อตัวขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาหันไปยังทิศทางหนึ่งตามความรู้สึก

“ใครกำลังเรียกข้าอยู่หรือ” หลินเซินพึมพำเบา ๆ คนเดียว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 56 จบบริบูรณ์

    ณ ตำหนักโคมดวงจิตเจียลี่นั่งรำลึกความหลังตอนที่นางเป็นเซียนน้อยดูแลตำหนัก แล้วชี้ให้หลินเซินดูว่าโคมดวงจิตของเขาเคยตั้งอยู่ตรงนี้“ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า” เจียลี่หันมามองหลินเซิน “ผู้เฒ่าหยางคงจะหมดห่วงแล้วล่ะ”“ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว มากมายจนนับไม่ถ้วน หากไม่มีเจ้า จิตวิญญาณของข้าคงแตกสลายไป” น้ำเสียงของหลินเซินแผ่วเบา“ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียลี่ส่ายหน้า นางกุมมือเขาเอาไว้ ทำสีหน้าจริงจัง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเจ้าอีก ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”หลินเซินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้นาง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงอดีตเทพสงคราม จะมีใครกล้าทำอะไรข้า”“นั่นสิเนอะ” เจียลี่หัวเราะกับคำตอบของเขา “หลินเซิน ไปดูก้อนเมฆสีรุ้งกันเถอะ ข้าไม่ได้เห็นนานแล้ว” นางเอ่ยปากชวนเขาไปที่ผาน้ำตกทั้งสองนั่งเล่นชมทิวทัศน์อยู่นานจนถึงเวลาพลบค่ำที่ตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า จู่ ๆ เจียลี่ก็นึกได้ว่าเวลาบนดินแดนสวรรค์กับดินแดนมนุษย์ไม่เหมือนกัน“ข้าว่ารีบกลับลงไปที่บ้านเถอะ ไม่รู้ป่านนี้เยี่ยนฟางกับหมิงเฟยจะเป็น

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 55 สลาย

    ช่วงสายของวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส หลินเซินนั่งกินถังหูลู่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เขาหันมามองเจียลี่ที่กำลังหัดร่ายเวทด้วยความจริงจังนึกขำในใจ“เจียลี่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถิด เจ้าทำหน้าเครียดเกินไปแล้ว” นับตั้งแต่ที่เขาคืนพลังเซียนเพื่อฟื้นชีวิตนาง หลินเซินก็กลายเป็นชนเผ่าหมาป่าธรรมดาที่มีพลังเวทนิดหน่อย กระนั้นยังคงเป็นหมาป่ากินพืชเช่นเดิม“ข้าอยากเป็นเร็ว ๆ นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะได้ช่วยพวกเจ้าได้” เจียลี่ยังคงพยายามจ้องไปที่มือข้างหนึ่งของนางที่มีพลังเซียนส่องแสงวิบวับ“เจ้าต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าต้องทำเช่นไร” หลินเซินให้กำลังใจ เขารินน้ำชาดอกท้อให้นาง “ดื่มก่อน”“อื้ม” เจียลี่พยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่นางมีความสุข พลันกลีบดอกท้อปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวทั้งคู่ นางโบกมือไปทางซ้ายขวาบังคับสายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวไสวไปทั่วทั้งป่า “ข้าเข้าใจแล้วหลินเซิน” นางยิ้มดีใจทั้งคู่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงพากันเดินกลับบ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 54 สัญญา

    เจียลี่ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าทันทีที่ฟื้นขึ้นมา นางไม่อยากให้หลินเซินต้องทำเช่นนี้ จนหมิงเฟยต้องเข้ามาปลอบใจ“ท่านพี่ ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ถ้าเขาเห็นว่าท่านเป็นเช่นนี้ วิญญาณคงจะไม่สงบสุข” หมิงเฟยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางซับน้ำตา“ข้าขออยู่คนเดียวได้หรือไม่” นางคงยังไม่อยากพูดกับใคร ในใจเศร้าสร้อยเกินจะคิดอะไร“ขอรับ” หมิงเฟยพยักหน้าแล้วเดินออกมานอกห้องในป่าลึกท้ายหมู่บ้าน เยี่ยนฟางกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตานองหน้าเพราะนึกถึงสิ่งที่นางทำ ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าหมิงเฟยจึงหลบออกมานั่งคนเดียวครั้นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเงยหน้ามองผู้มาเยือน“หลินเซินนนน” เยี่ยนฟางกลั้นใจไม่ไหว ร้องไห้โฮจนตัวโยนหลินเซินจึงนั่งลงข้าง ๆ ลูบหัวของนางเหมือนอย่างเคย “จำได้หรือไม่ วันแรกที่ข้าเจอเจ้า”“อื้ม”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองนักเลย” หลินเซินยื่นขนมหวานให้นาง “หมิงเฟยตามหาเจ้าอยู่ ไม่อยากเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 53 ไม่มีทางเลือก

    เวลานี้ หลินเซินจำเรื่องราวในอดีตได้หมดทุกอย่างแล้ว พลังตบะเซียนและร่างกายของเขากลับมาเป็นเช่นเดิม เขาร่ายเวทก้าวเข้าสู่หุบเขากองกระดูกในทันทีการปรากฏตัวของเขาทำให้หมิงเฟยและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ยามนี้เขาแทบจะทนแรงฟาดฟันของเยี่ยนฟางไม่ไหวแล้ว หลินเซินมองเห็นความโกลาหลที่พื้นเบื้องล่าง เขามองหาเยี่ยนฟางและหมิงเฟยเป็นลำดับแรก จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้านางในพริบตา“จงหลับ!” นิ้วชี้ของเขาจิ้มไปหว่างกลางหน้าผากของเยี่ยนฟาง เขาเอื้อมมือคว้าตัวนางเอาไว้ แล้วส่งให้หมิงเฟย จากนั้นตรงดิ่งไปที่ร่างของเจียลี่พูดกับหมิงเฟยว่า “พาคนออกไปจากที่นี่แล้วร่ายเวทหล่อเลี้ยงร่างของนางเอาไว้”หมิงเฟยพยักหน้ารับคำ ครั้นหลินเซินร่ายม่านเขตแดนของตนขึ้นมา หุบเขากองกระดูกที่แสนอึมครึมจึงมีโพรงแห่งแสงสว่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น“เฉิงซาน ทางนี้” หมิงเฟยตะโกนบอกพรรคพวกเมื่อทุกคนในที่แห่งนี้มองเห็นทางออกต่างพยายามสลัดให้หลุดจากคู่ต่อสู้ของตนเองหลินเซินมองเห็นเทพมารลอยอยู่เหนือเทพอาวุโส กำลังจะร่ายเวทใส่ร่างของเขา เพียงแต่ได้ยินเสียงร้อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 52 ซ่งเทียนเย่

    “เทียนจวิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือถึงได้อารมณ์ดี” ซ่งเสวี่ยหยางถามเขา“แค่วันธรรมดาหนึ่งวันบนดินแดนสวรรค์ เห็นเจ้าเพิ่งกลับมาเลยอยากทวงของฝาก” ซ่งเทียนเย่ยิ้มแป้นให้เขา“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ปราบปีศาจที่มีพลังมารก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย” เขาส่ายหน้าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของตำหนัก “แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้ยินมนุษย์พูดกันว่าสุราแคว้นเป่ยรสชาติดีจึงได้ถือติดมือมาด้วย” เขายื่นสิ่งที่พอจะเรียกว่าของฝากให้ซ่งเทียนเย่“เจ้าช่างรู้ใจ ดื่มเป็นเพื่อนกันสักหน่อยดีหรือไม่”หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเกาะลอยฟ้าของตำหนักเทพสงคราม ดื่มสุรากันคนละจอกสองจอกพลางพูดคุยเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน“ท่านอา” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยสองคนเรียกซ่งเสวี่ยหยาง เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคน ช้า ๆ หน่อย” แต่เด็กทั้งสองกลับวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะคิดถึงเขา“เฮ้อ ดูสิ บิดาของเขานั่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ” ซ่งเทียนเย่พูดหยอกผู้เป็นน้องชาย“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่อยู่ตำหนักตั้งนาน เอ้า! นี่ของฝากพวกเจ้า” เขาร่ายเวทเรียกไข่ของวิหคเพลิงออก

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 51 ด้ายสีทอง

    TW: ความรุนแรง อดีตของหลินเซินและเจียลี่ราวกับเรื่องราวของเยว่เล่อกับนางยังไม่หนักหนาพอ ใต้เท้าหนุ่มเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่นางกำลังนั่งกอดเขาอยู่บนเตียงจึงเกิดความเดือดดาล ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเยว่เล่อแล้วออกหมัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งทีนางรีบวิ่งเข้ามาประคองเขาพยายามห้ามไม่ให้เยว่เล่อโต้ตอบแต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าหนุ่มยิ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงของเขาทำเช่นนั้น“มันเป็นชู้รักของเจ้างั้นรึ” เขาตวาดเสียงดังก้องแล้วเข้าไปกระชากตัวนางจากเยว่เล่อ บีบข้อมือของนางแรงจนช้ำแดงเถือกเยว่เล่อไม่อาจทนเห็นใครทำร้ายนางได้อีก เขาขัดคำสัญญาของนางแล้วพุ่งตรงมาบีบคอของใต้เท้าหนุ่มในทันที เยว่เล่อกัดคอของเขาแล้วสูบเลือดที่มีจนหมดตัว ทิ้งร่างเหี่ยว ๆ กองไว้บนพื้นนางไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อนจึงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วก็เดินมากอดเขาเอาไว้“ไปจากที่นี่กันเถิดนะเยว่เล่อ” นางมองหน้าเขาสายตาอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่บริเวณบ้านเงียบงันแต่กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของใต้เท้าหนุ่มตะโกนโวยวายไม่เป็นเรื่อง คนใช้ในจวนจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาในห้อง ครั้นได้เห็นภาพเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status