“อ้อ...ค่ะ น้ำมนต์กับ เอ่อ...พี่คิงส์เราเป็นญาติห่างๆ กัน” ไหนๆ ก็ไหนๆ ปิติญาดาก็ปล่อยเลยตามเลยลอยตามน้ำไปแล้วกัน แต่การเรียกชายหนุ่มว่าพี่อย่างสนิทสนมแบบนั้น สำหรับเธอไม่ชินปากเลยจริงๆ ต่อไปอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็คงต้องเรียกแบบนี้ละมั้ง “เหรอครับ ถ้ารู้ เราคงได้ทำความรู้จักกันเร็วกว่านี้ก็เป็นได้” เขตไทยรุกหนักแบบไม่ปกปิด ถึงจะพึ่งพบหน้ากันครั้งแรก แต่ชายหนุ่มนั้นขอปักธง หวังจีบปิติญาดาเต็มที่ เพราะหญิงสาวตรงสเปคเขาไปเสียทุกอย่าง หน้าตาน่ารักสวยเลยก็ว่าได้ ผิวก็สวย หุ่นยังดี เป็นนางแบบได้สบายๆ แถมตาคู่สวยของเธอ ยามที่เขาสบตามองด้วยก็ยิ่งมีเสน่ห์น่าค้นหา “ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับสั้นๆ ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ ถึงจะยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมีผู้ชายมาขายขนมจีบ ก็เลยพอจะมองท่าทางและแววตาของเขตไทยออก ส่วนจามรนั้นส่ายหน้าให้เพราะดูท่าเขตไทยจะเอาจริง“แล้วน้องน้ำมนต์มาทำอะไรที่นี่ครับ เที่ยวเหรอ” เขตไทยเอ่ยเรียกปิติญาดาอย่างสนิทสนม ซึ่งคนถูกเรียกก็เหมือนจะขัดอะไรไม่ได้เสียด้วย “เปล่าค่ะ น้ำมนต์มาเรียนรู้งานที่นี่ เผื่อมีอะไรน่าสนใจทำ” สถานการณ์ของเธอตอนนี้ เรื่องเที่ยวไม่มีในสมอ
“วันนี้ เขาแวะไปที่โรงงาน ก็เลยได้รู้จักกัน”“มิน่าล่ะ แกถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่” คณินเหน็บเพื่อนไปหนึ่งดอก เพราะพักหลังๆ เขตไทยหายหัวเข้ากลีบเมฆ ได้ข่าวว่าติดหญิง นี่ก็พึ่งโผล่มาให้เขาเห็น คงเริ่มเบื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วสิ ก็เป็นเสียแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนเขาจะรักจริง คิดเรื่องนี้ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าให้เพื่อน “อย่าหวงไปหน่อยเลยไอ้คิงส์ ไม่ดีเหรอที่เอ็งจะได้ข้าเป็นน้องเขย”“ไม่” คนฟังตอบแบบไม่ต้องคิด ไม้ใช่เพราะเป็นห่วงปิติญาดา ต่อให้เป็นญาติคนอื่น เขาก็ปฏิเสธการเป็นเครือญาติกับเขตไทยอย่างสิ้นเชิง ขอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นพอ อาจจะดูใจร้ายไปหน่อยก็เถอะ “อ้าวเฮ้ย! ไอ้เพื่อน ทำไมพูดแมวๆ ไม่ให้กำลังใจกันแบบนี้วะ”“เอ้า...ก็ข้าพูดตามความจริงนี่หว่า ลองคิดดู บ้านไหนได้ลูกเขยกะล่อน เจ้าชู้ไก่แจ้อย่างเอ็งไปเป็นเขย คงได้ปวดหัวตาย” “แต่ถ้าข้าได้เป็นเขยครอบครัวเอ็ง รับรองข้าจะเป็นคนดี้ดีที่สุด” เขตไทยเน้นย้ำคำว่าดีให้ได้ยินชัดๆ แต่คณินก็ไม่วายสบประมาทตามเคย “ดีแตกล่ะสิไม่ว่า” “อ้าวๆ อย่าดูถูกนะเว้ย คนอย่างข้าถ้าได้รักใคร รักจริงแน่นอน” เขตไทยยิ้มกริ่มให้ ยังดีที่เป็นเพื่อนกัน พอรู้นิสัยใจคอ เพราะถ้าไ
เมื่อท้องอิ่ม ปิติญาดาจึงขอตัวเข้าครัวช่วยป้าชื่นล้างจาน จากนั้นก็ปลีกตัวขึ้นไปบนห้องปล่อยให้สองหนุ่มคุยกันไปตามสบาย คณินและเขตไทยออกมานั่งคุยที่เก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ ชายหนุ่มชวนเพื่อนดื่มเหล้า ซึ่งเขตไทยก็ไม่ขัด เพราะรู้ว่าคนชวนเองก็มีเรื่องในใจ ป้าชื่นจัดแจงเตรียมของให้ ก่อนที่คณินจะบอกให้เข้าไปพักที่เหลือเขาจะจัดการเองทั้งสองหนุ่มพูดคุยเรื่องงานที่จริงจังเป็นอันดับแรก เพราะช่วงนี้มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามามาก จึงต้องวางแผนเรื่องการผลิตให้รอบคอบ เมื่อจบเรื่องงานก็ต่อด้วยสัพเพเหระไปตามเรื่องตามราว ก่อนจะมาจบที่เรื่องหัวใจของคณิน“ฉันได้ข่าวว่าคุณบัวกำลังจะแต่งงาน” คณินชะงักมือกับคำถามนี้ไปนิดหน่อย ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่จับอยู่ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วเอ่ยตอบคำถามนั้นไป“อื้อ...หูไวนี่เอ็ง”“คนไม่ใช่หมา” พอได้ยินคำพูดเหมือนสบายหัวใจดีอยู่ของคณิน เขตไทยก็โล่งอกไปได้เปราะหนึ่ง แต่ดูท่าทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่คิด พอพูดเรื่องนี้เหล้าในขวดที่มีอยู่เกือบเต็มก่อนจะชนแก้วแรก ตอนนี้ปริมาณของน้ำสีเหลืองได้หายไปเกินครึ่
“ก็เอาแต่พอดีๆ สิคะ ไม่มากและน้อยไป”“ไอ้ความพอดีของคนเรานี่ใช้ไม้บรรทัดวัดได้ก็ดีสิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเปรียบเปรยก่อนจะส่ายหน้าให้ ปิติญาดาพลอยถอนหายใจออกมาอีกคน “นี่ก็ดึกแล้วพี่กลับก่อนดีกว่า ยังไงฝากน้องน้ำมนต์ช่วยเช็ดตัวไอ้คิงส์มันอีกสักรอบนะครับ จะได้หลับสบายขึ้น”“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปาก ก่อนจะทำท่าเดินไปยังประตูห้อง เขตไทยจึงชิงพูดขึ้นเพราะเดาท่าทางหญิงสาวออก“ไม่ต้องลงไปส่งหรอก พี่กลับเองได้ น้องน้ำมนต์อยู่ดูแลไอ้คิงส์แล้วกัน” คำพูดนี้ทำเอาคนหวังดีชะงักเท้า เขตไทยหันมามองหน้าคณินพร้อมส่ายหน้าให้ ก่อนจะลงจากชั้นบนแล้วขับรถกลับบ้านของตนส่วนปิติญาดาก็ทำตามที่เขตไทยบอก หญิงสาวหยิบผ้าขนหนูผืนเดิม ก่อนจะนำไปล้างและชุบน้ำออกมาเช็ดตามเนื้อตามตัวให้คณินอีกครั้งแต่หญิงสาวกลับดูเก้ๆ กังๆ มากกว่าตอนที่เขตไทยทำเสียอีก เพราะตอนนี้เสื้อตัวที่คณินสวมอยู่ถูกปลดกระดุมออกเสียทุกเม็ดเผยให้เห็นสัดส่วนน่ามองของผู้ชายที่พึ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก กล้ามเป็นมัดๆ แถมไรขนที่หายลับเข้าไปยังขอบกางเกงนั
ปิติญาดาแทบกรี๊ดเมื่อริมฝีปากร้อนๆ ของคณินได้ครอบครองยอดบัวงามที่กำลังแข็งเป็นไต ชายหนุ่มดูดกลืนความหอมหวานอย่างหิวกระหายจนหญิงสาวสั่นสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า ตาปรือด้วยอารมณ์ปรารถนาตามธรรมชาติที่กำลังลุกโชนอย่างยากที่จะต้านทาน มืออีกข้างของคณินก็เคล้าคลึงฟ้อนเฟ้นหน้าอกอีกข้างของเธออย่างไม่น้อยหน้าริมฝีปากหยักอันร้ายกาจนั่นแม้แต่น้อย ดวงตาของปิติญาดาเบิกกว้างก่อนจะหลับลงเพราะอารมณ์รัญจวน“ปะ...ปล่อยนะ” เสียงห้ามปรามอันแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด แรงขัดขืนมีอยู่แต่ก็ไม่มากมายจนพอจะทำให้ร่างกายเป็นอิสระจากการครอบครองของคณิน ความรู้สึกวาบหวิวถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า หัวใจดวงน้อยเหมือนจะขาดรอนๆ เพราะไฟปราถนาที่ไม่เคยได้สัมผัสกำลังแผดเผา“บัว...คุณหอมไปทั้งตัวเลยที่รัก” คำเอ่ยเรียกอย่างลืมตัวของคณินที่ได้ยินข้างหู ทำให้ปิติญาดาได้สติ หญิงสาวหยุดนิ่งสมองกลับมาทำงานอีกครั้ง น้ำตาของความน้อยใจกำลังเอ่อล้นเล่นงานคนเข้มแข็งที่ตอนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอให้พ่ายแพ้ปิติญาดา
“ตกลงคิดออกหรือยังว่าจะทำอะไรที่นี่” ขณะถามชายหนุ่มก็มองหน้าปิติญาดาไปตรงๆ พร้อมทำหน้าตาสงสัยว่าทำไมใบหน้าของหญิงสาวถึงได้แดงก่ำแบบนั้น ส่วนคนถูกมองแม้จะพยายามข่มความอายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ ใบหน้าถึงได้ร้อนๆ แบบนี้“ขะ…คิดออก”“แล้วนี่เป็นอะไรของเธอ ตอบตะกุกตะกัก หน้าก็แดงแจ๋ไม่สบายหรือเปล่า” ในที่สุดคนที่สงสัยอยู่นานก็ถามขึ้น ปิติญาดาทำตัวไม่ถูกเผลอสบตากับเขาตรงๆ คราวนี้ใบหน้าที่ว่าแดงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงมากขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงสั่น“ปะ…เปล่านี่”“ช่างเถอะ แล้วที่ว่าคิดออกคืออะไร ว่ามาสิ” คณินเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เพราะเวลานี้เขาปวดศีรษะมาก จนไม่อยากคิดอะไรให้รกสมองไปกว่านี้แล้วเท่านั้นเอง ชายหนุ่มหลับตาขณะรอฟังว่าปิติญาดาจะพูดอะไร แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นสายตาหญิงสาวจับจ้องตรงริมฝีปากหยักของเขาอย่างไม่สามารถละสายตาไปมองที่อื่นได้ แต่คำพูดของคณินก็เรียกสติเธอให้กลับมา“หื้อ… ว่าไงพูดมาสิ รอฟังอยู่&rd
“โอ้...เมล์แทบแตก” จำนวนข้อความในกล่องขาเข้าของ ปิติญาดามีเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเปิดข้อความไหนก่อนดี เมื่อคิดไม่ออกก็ละไว้ ก่อนจะค้นหาอีเมลของชลนทีที่บันทึกไว้ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะตอนนี้ความรู้ของเพื่อนสำคัญกับเธอนั่นเอง เมื่อได้ก็จดบันทึกใส่สมุดกันเหนียวไว้ แล้วส่งข้อความทางเอ็มเอสเอ็นไปหา ไม่นานฝั่งตรงข้ามก็ส่งตอบกลับโดยข้อความอย่างแรกคือเสียใจเรื่องพ่อของเธอและขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงานศพปิติญาดาเองก็เข้าใจเพราะเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นเร็วมากจึงไม่ได้บอกใครให้รู้ข่าว เธอเองก็ไม่ได้ถือโทษเพื่อนคนนี้ด้วย ก่อนจะเอ่ยขอคำปรึกษาเรื่องการทำเว็บไซต์ ซึ่งเพื่อนก็ใจดีบอกขั้นตอนให้อย่างละเอียด แถมพอรู้ว่าหญิงสาวมีวัตถุประสงค์ที่จะทำอะไร ยังอาสาทำเว็บไซต์ให้ปิติญาดาแบบไม่คิดมูลค่าอีก แม้จะปฏิเสธไม่ขอรับน้ำใจนั้น แต่เพื่อนของเธอก็ดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆการพูดคุยของทั้งสองคนจากทางข้อความก็เปลี่ยนมาเป็นคำพูด โดยที่ชลนทีเป็นคนโทรศัพท์มาหาปิติญาดาเองเพราะจะได้คุยกันให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น คนไม่มีความรู้เรื่องเว็บไซต์ก็ค่อยๆ ปะติดปะต่อเก็บเกี่ยวความ
“081-XXX-XXXX” เบอร์โทรศัพท์ที่ได้ยินช่วยดึงสติของ ปิติญาดาให้กลับมา เพราะต้องใช้สมองท่องจำให้ได้นั่นเอง“ขอบใจ งั้นแค่นี้แหละ” พูดจบก็วางสายไปทันที คณินส่ายหน้าไปมาก่อนจะตั้งสมาธิขับรถของตัวเองต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าการพูดคุยกับปิติญาดานั้นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นส่วนปิติญาดาเมื่อวางสายจากคณินแล้วก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาทันที แต่กลับมีแต่การฝากข้อความติดต่อไม่ได้ไปอีกคน หญิงสาวถอนหายใจออกมาเพราะเป็นห่วงแม่ ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงต้องรอให้แม่เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง หญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อเติมหลังให้ตัวเองหลังจากนั้นก็ขอให้ป้าชื่นขึ้นไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในห้องนอนของคณินให้ เมื่ออุปกรณ์พร้อมหญิงสาวก็ขับรถคันเมื่อวานออกไปยังร้านเซรามิคแต่ละร้านที่เล็งสินค้าเด่นๆ ดังๆ ของพวกเขาไว้ตั้งแต่แรกที่ได้เห็น รวมทั้งสินค้าที่เธอชอบและมองว่าตลาดต่างประเทศน่าจะชอบด้วยเช่นกัน ปิติญาดาพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจของเธอให้ฟังว่างานที่เธอทำนี้จะเป็นแบบพรีออเดอร์ ทำตามยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง จ
“ค่ะ… แม่ฝันถึงพ่อบ้างไหมคะ” คำถามนี้ของปิติญาดาทำเอาผกามาศนิ่งงัน ภคมณและต้องหทัยที่นั่งอยู่ข้างๆ ปิติญาดาพลอยกลั้นหายใจลุ้นไปด้วยไม่ได้ว่าคำตอบจากการพูดคุยกันครั้งนี้จะเป็นอะไร“ไม่เลยจ้ะ ป่านนี้พ่อคงอยู่สุขสบายบนฟ้านู่น”“แต่น้ำมนต์กลับฝันถึงพ่อ ฝันว่าพ่อยังไม่เสียชีวิต” ปิติญาดาน้ำเสียงสั่นเครือขึ้นมาทันที ภคมณต้องปลอบด้วยการลูบหลังเพื่อนเบาๆ“เหรอจ๊ะ ลูกคงคิดมากไป”“ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่ก็คงดีนะคะแม่” พูดประโยคนี้น้ำตาของปิติญาดาที่กลั้นไว้ก็หยดลงบนหน้าขา ทั้งๆ ที่พยายามกลั้นไว้สุดกำลังแล้วแท้ๆ“น้ำมนต์ยังทำใจไม่ได้เหรอลูก” ผกามาศพลอยไม่สบายใจไปด้วย เพราะรู้ว่าปิติญาดานั้นต้องเศร้ามากแค่ไหน อยากบอกความจริงให้รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องทั้งหมดแล้วคืออะไรกันแน่“ค่ะ…” ปิติญาดาเอ่ยรับ “แม่คะ แม่เคยโกหกอะไรบ้างไหมคะ”“ไม่นี่จ๊ะ” ปากบอกว่าไม่ แต่ใจของคนเป็นแม่กลับตอบว่ามี และเรื่องโกหกที่ว่านั่นถ้าปิติญาดารู้เข้า
“รู้แล้วก็ถนอมน้ำใจเพื่อนอย่างพวกฉันให้มากๆ หน่อย” ต้องหทัยยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ปิติญาดา ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองปอยๆ ทั้งสามนั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น โดยไม่สนใจสายตาคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาสักนิด“ลูกฉันต้องดีใจแน่ๆ ที่มีป้าจิตใจดีแบบนี้”“แกท้องแล้วเหรอหนูจ๋า” คนถูกเรียกว่าป้าตาโต ปิติญาดามองไปยังบริเวณท้องของเพื่อนรักทันที ซึ่งว่าที่คุณแม่ก็พยักหน้ารับ“อื้อ...”“ดีใจด้วยว่ะแก ดีใจด้วนะคะพี่วศิน” ปิติญาดาชะเง้อพูดกับว่าที่คุณพ่อ ซึ่งวศินก็ยิ้มกลับอย่างเดียวเหมือนกัน “แต่ว่าฉันไม่ให้ลูกแกเรียกฉันว่าป้านะ ไม่เอา แก่ไป รับไม่ได้”“ย่ะ...แม่นาง” ภคมณย่นจมูกให้เพื่อน ทั้งสามสามจึงพากันยิ้มออก ก่อนที่ต้องหทัยจะเอ่ยถามในอีกเรื่องที่เธอสงสัย“แกรักพี่คิงส์เขาหรือเปล่าน้ำมนต์”“ตอนแรกไม่ได้รัก เกลียดขี้หน้าเขาด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้ฉันรักเขาแล้ว รักมากด้วย” หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างไม่ต้องใช้เวลาคิด“ดี...แกจะได้ลงจากคา
“แต่ฉันดีใจนะที่แกปลอดภัยดี ตกลงเรื่องที่บ้านแกนี่เป็นยังไง ได้ข่าวว่า...” ต้องหทัยกำลังจะพูดในสิ่งที่เธอสงสัยและถามที่มาที่ไป แต่ภคมณก็ค้านขึ้นเพราะสถานที่ไม่ค่อยสะดวกนั่นเอง“ไว้ไปคุยกันข้างนอกนะ เกรงใจคนป่วย”“อ้อ...ลืม” พูดจบก็โค้งให้ชายหนุ่มที่นอนบนเตียง เพียงแวบแรกที่ได้เห็นแม้หน้าตาจะซีดเซียวเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ดูดีมากคนหนึ่ง “ขอโทษที่รบกวนนะคะ แบบว่าดีใจมากไปหน่อยที่เจอเพื่อน คุณคือพี่คิงส์ใช่ไหม”“ครับ” คณินเอ่ยรับสั้นๆ“ฉันชื่อหมวย นี่หนูจ๋ากับสามีพี่วศิน เราสามคนเป็นเพื่อนยายน้ำมนต์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ต้องหทัยเอ่ยเป็นการเป็นงานพร้อมแนะนำให้ได้รู้จักกันทั้งสองฝ่าย ภคมณและวศินโค้งศีรษะให้คณินเป็นการทักทายแบบง่ายๆ ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับเช่นกัน“พวกเราขอตัวยายน้ำมนต์ไปคุยด้วยสักครู่ใหญ่ๆ นะคะ” ภคมณเอ่ยขึ้น เพราะดูท่าการสนทนาครั้งนี้จะกินเวลานานเพราะมีเรื่องสงสัยเต็มไปหมด“ตามสบายครับ”“มานี่เลยแก&r
“ก็…” คนถูกถามหันไปมองต้องหทัยที่นั่งนิ่งอยู่ ซึ่งหญิงสาวรีบลุกขึ้นมายืนข้างๆ เขตไทยทันที ให้ตายสิ ถ้าไม่พูดสงสัยคืนนี้ภคมณไม่ยอมให้เธอไปไหนแน่ๆ“แฟนฉัน จบไหม” คำพูดของต้องหทัยทำเอาเขตไทยยิ้มที่หญิงสาวกล้าบอกกับเพื่อนว่าเขาเป็นใคร“อ้อ… จบจ้ะเพื่อน งั้นฉันไปเช็คอินก่อนดีกว่า เช้าๆ ค่อยเจอกัน” ภคมณเดินจูงมือกับวศินไปเช็คอิน ปล่อยให้คนรักเขาอยู่กันไปตามลำพัง“ไอ้เพื่อนบ้า” ต้องหทัยแหวใส่เพื่อนตามหลังไป ก่อนจะเขินมากกว่าเดิมเมื่อสบตากับเขตไทย “ดึกแล้ว หมวยไปนอนก่อนดีกว่า”“เดี๋ยวสิครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวไว้ เพราะมีเรื่องอยากบอก“คะ”“พี่รักหมวยนะ” คำว่ารักที่ได้ยินจากเขตไทย ทำให้ใบหน้าสวยตามสไตล์สาวลูกครึ่งไทยจีนอมยิ้มจนแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อน่ามอง เขินแล้วเขินอีก ที่อยู่ๆ เขตไทยก็มาบอกรักเอาตอนนี้“รู้ค่ะ”“รู้แล้วไม่บอกอะไรพี่กลับเลยเหรอ” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามพร้อมสบ
“ไม่บอก เดี๋ยวแกไปหาน้ำมนต์ก่อนฉัน ไว้ไปด้วยกันพรุ่งนี้ แกพักที่ไหนบอกมา”“เอ้อแกนี่ โตจนจะเป็นแม่คนแล้ว ยังจะมาเล่นแง่อีก” ต้องหทัยบ่นกระปอดกระแปดใส่เพื่อน ก่อนจะบอกว่าตนพักที่รีสอร์ตอะไร แต่ก็โล่งอกขึ้นมากที่รู้ว่าภคมณรู้ที่อยู่ของปิติญาดาแล้ว หวังว่าเพื่อนเธอจะสบายดี ยิ่งคิดก็อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ“มีอะไรน่าดีใจครับ”“ตอนนี้เรารู้ที่อยู่เพื่อนหมวยแล้วค่ะ” ขณะพูดเรื่องนี้ต้องหทัยก็ยิ้มตลอดเวลา“ที่ไหน”“เห็นว่ามาอยู่ลำปาง พรุ่งนี้คงได้รู้กันว่าที่ไหน”“จริงเหรอ ใกล้กันแค่นี้เองนะ” เขตไทยเลิกคิ้วสูง เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของต้องหทัยจะมาอยู่ที่นี่“ค่ะ…” ต้องหทัยยังคงยิ้มอย่างมีความสุข พลอยทำให้เขตไทยยิ้มไปด้วยอีกคน แต่ในความคิดของเธอตอนนี้ ถ้าปิติญาดารู้ว่าพ่อยังไม่เสียชีวิตเพื่อนเธอจะทำยังไง แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เธอยังปะติดปะต่อไม่ได้ส่วนเพื่อนสาวที่พวกเธอกำลังตามหากันอยู่ ตอนนี้ก็กำลังดูแลคณินอย่างใกล้ชิด เพราะผู้ชายคนนี้คือ
เสียงรถที่แล่นมาจอดยังหน้าบ้าน ทำให้สายใจซึ่งรถน้ำต้นไม้อยู่นั้น ชะเง้อมองออกไปพอเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูรถลงมาสายใจก็รีบเดินเข้าไปหา“มาหาใครคะคุณ”“ฉันเป็นเพื่อนน้ำมนต์ แวะมาถามข่าวว่าเขาติดต่อทางบ้านมาหรือเปล่า” ภคมณตอบไป เช้านี้เธอรู้สึกว่าอยากมาบ้านของปิติญาดามาก ร้อนใจอยากบอกไม่ถูกจึงให้สามีพามา หวังว่าเพื่อนจะติดต่อมาที่บ้านบ้าง เพราะเธอหรือใครๆ ก็ติดต่อปิติญาดาไม่ได้สักคน นักสืบที่จ้างให้ทำงานนี้ก็ยังสืบไม่ถึงไหนเหมือนกัน“ยังเลยค่ะ”“แล้วนี่คุณป้ายังไม่กลับจากบวชชีพราหมณ์อีกหรือจ๊ะ” รู้ทั้งรู้ว่าแม่ของปิติญาดาไม่ได้ไปบวชชีพราหมณ์อะไรทั้งนั้น แต่ภคมณก็ยังถามเผื่อเด็กที่บ้านจะหลุดอะไรมาให้รู้บ้าง“ค่ะ...” สายใจพยักหน้ารับ ภคมณถึงกับถอนหายใจออกมา ดูท่าเธอจะมาเสียเที่ยวตามเคย วศินที่ลงจากรถมาอีกคนโอบหัวไหล่ของภรรยาไว้ รู้ว่าเธอหวังไว้มากว่าวันนี้จะได้ข่าวเพื่อน“อย่างนั้นเหรอ”“คุณมาก็ดีเลย สายใจรอมาตั้งหลายวัน” คำพูดของสายใจทำใ
“พี่ธร!” ภรรยาตามกฏหมายถึงขั้นอึ้ง เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าตอบแบบนี้กลับมา โยนความผิดไปยังผู้หญิงที่ยืนหลบหลังชายหนุ่มทันทีว่าคือตัวต้นเหตุในการเปลี่ยนไปครั้งนี้ของพงศธร“บัวก็รู้ว่าพี่อยากมีลูก แต่บัวก็กลัวหุ่นจะเสีย กลัวจะไม่สวยและอีกสารพัดข้ออ้าง”“แต่เราคุยกันอีกครั้งก็ได้ บัวอาจจะเปลี่ยนใจยอมมีลูกกับพี่ก็ได้” กิ่งดาวเริ่งอ่อนลง ไม่คิดว่าการที่เธอไม่ยอมมีลูกจะทำให้ผู้ชายที่เธอคิดว่าเขารักเธอมากยอมทำได้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้“อาจจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ” พงศธรยิ้มเหยียดออกมา ถึงขั้นนี้กิ่งดาวก็ยังใช้คำว่าอาจจะ แทนที่จะพูดว่าเธอยอมมีลูกกับเขา“ใช่...แต่นังนี่กลับปล่อยให้ตัวเองท้อง ฉันจะฆ่าแกนังสารเลว แย่งผัวชาวบ้าน” คำแต่ละคำที่กิ่งดาวพูดออกมาช่างไม่เหมือนกิ่งดาวคนที่พงศธรรู้จักสักนิด“หยุด...ต่อให้บัวพูดยังไง ตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว”“เพราะนังเมียน้อยนี่ใช่ไหม เพราะมัน พี่ถึงเป็นแบบนี้” สติของกิ่งดาวเริ่มหลุด เธอไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่นอน ปลายฟ้านั้นไ
“นิดหน่อยค่ะ” มือหนาของเขตไทยยกขึ้นสัมผัสแก้มนวลของต้องหทัยเบาๆ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงเป็นบ้า“งั้นเราไปหาอะไรกินข้าวกันก่อนดีกว่า อาหารเหนือที่นี่อร่อยมาก”“ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไป เขตไทยกระชับมือบางที่เขากุมอยู่แน่น ก่อนจะหันมาขโมยหอมแก้มเธอหนักๆ ให้ได้หายคิดถึง ต้องหทัยจึงฟ้อนเล็บตอบแทนเขาไปชุดใหญ่กับการทำอะไรประเจิดประเจ้อจนส่งผลต่อใบหน้าเธอให้รู้สึกร้อนผ่าวๆ อยู่ขณะนี้เขตไทยสั่งอาหารขึ้นชื่อของทางรีสอร์ตให้ต้องหทัยได้ลองชิม หญิงสาวนั่งมองหน้าเขานิ่ง มือทั้งสองคนยังคงกุมกันอยู่ คล้ายจะกลัวว่าถ้าปล่อยคนใดคนหนึ่งจะหายตัวไปแบบนั้น แม้จะอยากถามเขาว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างเธอก็ไม่ถาม กลับชวนคุยเรื่องอื่นรอให้ทานอิ่มค่อยถามก็ได้แต่ขณะทานข้าวอยู่นั้นชายหนุ่มกลับถามเธอขึ้นมาก่อน เพราะรู้ว่าเธอเองก็มีเรื่องให้กังวลอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนเส้นผมบังภูเขา เพราะถ้าต้องหทัยบอกชื่อว่าเพื่อนคนที่เธอตามหาว่าเป็นใคร เขตไทยคงช่วยได้นานแล้ว“แล้วหมวยตามหาเพื่อนพบหรือยังครับ”“
“ปล่อยเธอได้แล้วเสี่ย” เสียงของคณินดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเสี่ยโกศลลงเรือไปแล้ว“เออ...” เสี่ยโกศลยอมทำตามสัญญาของลูกผู้ชาย แม้ลึกๆ ยังอยากได้ตัวประกันไว้กับตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะรอดจากตำรวจได้จริงๆ แต่พอมาคิดดูปิติญาดาจะเป็นภาระในการหนีเสียมากกว่า และมั่นใจว่าวิธีหนีทางน้ำของตนนั้นต้องได้ผลแน่ เนื่องจากมีจุดลับขึ้นฝั่งไว้ในใจ ซึ่งทางตำรวจต้องคิดไม่ถึงเสี่ยโกศลใช้ปลายปืนแตะหลังของปิติญาดาให้เดินกลับขึ้นไป หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าหาฝั่ง เมื่อถึงคณินก็ยื่นมือมารับ ทั้งคู่กอดกันกลม หัวใจของปิติญาดาเต้นแรงพอๆ กับหัวใจของคณิน เขาโล่งอกที่เธอปลอดภัยแต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเสียโกศลเลือกที่จะเอาคืนปิติญาดาให้หายเจ็บใจ จังหวะที่บังคับเรือเพื่อจะหลบหนีกลับเล็งปลายกระบอกปืนมายังหญิงสาว หวังจะยิงแก้แค้นที่กล้าสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจซ้อนแผนจับเขาแบบนี้ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ปิติญาดาสะดุ้งเพราะเมื่อครู่เธอถูกเหวี่ยงให้มาหลบอยู่ในอ้อมกอดของคณิน ชายหนุ่มรับกระสุนปืนนัดนี้แทนเธอ ร่างหนาถึงกับทรุด&ld