Home / รักโบราณ / วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด / บทที่ 5 นักต้มตุ๋นน้อย

Share

บทที่ 5 นักต้มตุ๋นน้อย

last update Last Updated: 2025-06-21 12:00:07

ธรณีทางเข้าวัดเฉินหลิงสูงตระหง่านตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาเงียบสงัด เพราะอากาศชื้นอยู่ตลอด อีกทั้งยังผ่านร้อนผ่านลมฝนมาหลายร้อยปี เสาและขอบธรณีจึงเกิดตะไคร้สีเขียวขุ่นเกาะอยู่ บริเวณโดยรอบโอบล้อมด้วยไม้ยืนต้นทั้งใหญ่และเล็กงอกเงยรวมกันประหนึ่งกำแพงพรางตา

วัดเฉินหลิงแต่เดิมก็เป็นวัดที่ปลีกวิเวกตัดขาดจากโลกภายนอก สภาพโดยรอบจึงดูทรุดโทรมลงไปมาก แม้จะเก่าคร่ำคร่าทว่ากลับเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งความสงบและอ่อนโยนดุจดั่งธารานิ่งไร้ระลอกคลื่น ผู้ที่บังเอิญพบเห็นอาจคิดว่าน่าหวาดกลัว แต่สำหรับไป๋เฉินเซียงแล้ว นางรู้สึกว่าที่แห่งนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่น 

ไป๋เฉินเซียงแหงนหน้ามองป้ายชื่อวัดซึ่งสลักอยู่บนแผ่นศิลาผุพังพลางทรุดตัวนั่งด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง เสียงหอบหายใจหนักหน่วงสะท้อนก้องไร้จังหวะ ริมฝีปากบางเฉียบยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ส่งไปจนถึงดวงตา

วัดเฉินหลิง ข้ามาถึงแล้วสินะ

ไป๋เฉินเซียงไร้ซึ่งกำลังขาให้ก้าวต่อ นางจึงพักเอาแรงอยู่หน้าประตูชั่วครู่ เพราะเมื่อหลายชั่วยามก่อนต้องวิ่งเท้าเป็นระวิง ทั้งที่กระโดดลงจากรถม้าซึ่งวิ่งเร็วปานลมกรดจนร่างสะบักสะบอม ไป๋เฉินเซียงเร่งเดินทางจนลืมไปว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องตลอดทั้งวัน นัยน์ตาทั้งสองฝั่งพร่าเบลอลงไปมาก ไป๋เฉินเซียงสลัดศีรษะเพื่อเรียกสติ กระนั้นบรรยากาศโดยรอบก็ยังกลับด้านสลับหมุนจนสับสนอลหม่าน 

นางกำลังจะหมดสติเพราะสิ้นเรี่ยวแรง!

หิวจัง...

เสียงฝีเท้าของใครบางคนเยื้องย่างดังสวบสาบใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทว่ายามนี้นางมองเห็นเพียงปลายเท้าอีกฝ่ายเท่านั้น

“คุณชาย ท่านเป็นอะไรหรือไม่”

เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ ไป๋เฉินเซียงประคองสติ พยายามแหงนหน้าขึ้นเนิบนาบ แม้มองอีกฝ่ายไม่ชัดแจ้ง ทว่าเงาเลือนรางของเขาบ่งบอกว่าต้องเป็นนักพรตของที่นี่อย่างแน่นอน

“ทะ...ท่านนัก...”

ไม่ทันจบประโยค สัมปชัญญะของไป๋เฉินเซียงก็พลันปลิดปลิวไปดั่งสายลมกระแสหนึ่ง…

.

.

ณ จวนสกุลไป๋

“ท่านพี่จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ นางหนีไปแล้ว นี่ท่านสั่งคนให้ออกค้นหานางจริงหรือไม่ คงมิใช่ว่าท่านพี่เองก็ช่วยนางปิดบังหรอกนะเจ้าคะ” หยางปิ่งอี้กระสับกระส่ายดั่งพายุกำลังคืบคลานเข้ามา อ้อมแขนโอบศีรษะบุตรสาวปลอบประโลมอยู่ไม่ห่าง

เสียงร่ำไห้ของไป๋อีถิงดังขึ้นเป็นระยะ บุรุษวัยกลางคนผู้มีใบหน้าภูมิฐานปรากฏเค้าอึมครึมขึ้น เขาถอนหายใจนับหลายสิบครั้ง ยิ่งได้ยินเสียงร่ำร้องกระจองอแงของบุตรสาวคนโตก็ยิ่งหงุดหงิด

“ถิงเอ๋อร์ เจ้าสงบใจก่อนได้หรือไม่ ข้ายังไม่บอกสักคำว่าจะส่งเจ้าไปแทนนาง เจ้าก็เช่นกัน…” ไป๋จื่อเหิงหันไปสบตาฮูหยินของตนอย่างนึกคาดโทษ เขาเอ่ยเสียงเย็น “ให้ท้ายลูกจนเสียคน ควรช่วยกันคิดแก้ปัญหา ใช่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไร”

“ฮื่อ…”

ไป๋อีถิงได้ยินเสียงบิดาต่อว่าก็ยิ่งแผดเสียงร้องลั่น หยางปิ่งอี้ลูบศีรษะปลอบใจบุตรสาว สายตาจับจ้องสามีพลางส่งค้อนวงใหญ่ “ท่านพี่ พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก หากตามตัวลูกสาวตัวดีของท่านกลับมาไม่ได้ ท่านเองย่อมรู้ดีว่า คนที่ต้องแต่งเข้าไปเป็นอนุย่อมหลีกไม่พ้นถิงเอ๋อร์!”

ไป๋จื่อเหิงถอนหายใจ เขายกมือคลึงขมับ “แล้วจะให้ทำอย่างไร เหลือเวลาหนึ่งเดือน อีกเดี๋ยวก็ตามตัวเซียงเซียงเจอแล้ว นางแค่ความจำเสื่อมอาจจะเผลอออกไปเที่ยวเล่นแล้วจำทางกลับเรือนไม่ได้ก็เท่านั้น”

หยางปิ่งอี้อ้าปากค้าง ไม่ทันพ้นวาจาใดออกมา ก็มีเสียงบ่าวชายดังเอะอะขึ้นเสียก่อน

“นายท่านขอรับ”

“เข้ามา” ไป๋จื่อเหิงผินหน้าไปทางต้นเสียง 

บ่าวรับใช้นายนั้นสาวเท้าเข้ามาด้านใน สายตากลอกมองหยางปิ่งอี้ด้วยความประหวั่น กระทั่งเหลือบมองไป๋อีถิงในอ้อมกอดมารดา ความรู้สึกไม่ค่อยดีก็ถาโถมเข้ามาอีกระลอก

“คือ…นายท่านขอรับ เรื่องคุณหนูรอง…”

“อึกอักอะไรของเจ้า เร่งพูดมาให้ไว เจอนางแล้วใช่หรือไม่ ไยไม่ลากนางมาพบพวกเรา!” หยางปิ่งอี้ตะเบ็งเสียงลั่น ยิ่งบ่าวนายนั้นแสดงท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ นางก็ยิ่งหงุดหงิด

“ว่าอย่างไร” ไป๋จื่อเหิงสำทับ

บ่าวรับใช้เข่าอ่อน พลันทรุดกายลงด้วยขาอันสั่นเทา “เรียนนายท่าน พวกเราตามหาคุณหนูรองมาครึ่งค่อนวันแล้ว รถม้าทุกคัน ผู้คนทุกคนที่มุ่งหน้าออกจากเมืองก็ได้รับการตรวจค้นทั้งหมด ทว่ายังไม่พบตัวคุณหนูรองขอรับ”

ดั่งถูกกระแสอสนีบาตฟาดลงกลางกระหม่อม เส้นเลือดตรงขมับหยางปิ่งอี้เต้นเร้า ตุบ ตุบ “บัดซบ พวกเจ้าทำงานอย่างไร เลี้ยงเสียข้าวสุก!”

เคร้ง!

แจกันกระเบื้องเนื้อดีถูกขว้างลงบนพื้นจนแตกกระจาย บ่าวนายนั้นหวาดกลัวเสียจนหัวหด ร่างของเขาสั่นสะท้าน “ฮูหยินใหญ่ นายท่าน บ่าวสมควรตาย”

“สมควรตาย พวกเจ้ามันสมควรตายจริง ๆ หากวันนี้หานางไม่พบ ก็อย่าโผล่หัวกลับมา!” หยางปิ่งอี้บันดาลโทสะ

“พอแล้ว!” ไป๋จื่อเหิงตวาด 

สรรพเสียงรอบด้านสงบลงชั่วพริบตา เขากระแทกกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ขัดเสียงดังสนั่น จากนั้นเอนหลังพิงพนักด้วยสีหน้าสับสน

“ฮูหยิน เจ้าพาลูกไปพักเถิด เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

หยางปิ่งอี้ขบฟันแน่น “ก็ได้ ข้าจะรอดูว่าท่านจะจัดการเช่นไร ท่านเองก็คงรู้ดีหากหาตัวนางไม่พบ กรรมจะมาตกที่ใคร”

“เจ้าเอาแต่ใจมากไปหน่อยแล้ว เซียงเซียงก็เป็นลูกของข้าเช่นกัน อีกอย่างคนที่อยากส่งลูกสาวเข้าไปไม่ใช่ความคิดเจ้าหรอกหรือ เพียงเพื่ออยากให้สกุลหลานหนุนหลัง เจ้ากลับต้องทำให้ข้าขายลูกสาวกิน”

หยางปิ่งอี้สวน “หากท่านมีปัญญามากพอหาใช่เพียงขุนนางขั้นหก มีหรือสกุลไป๋ต้องทำเช่นนี้ ท่านมันไม่ได้เรื่อง!”

หยางปิ่งอี้สะบัดกายด้วยความเดือดดาล สองแม่ลูกประคองกันเดินจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ไป๋จื่อเหิงมองตามแผ่นหลังพวกนางก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง

เป็นจริงเช่นนางว่า หากสกุลไป๋มียศขุนนางสูงขึ้นอีกหน่อย ไหนเลยจะต้องพึ่งบารมีผู้อื่นเช่นนี้กันเล่า

เซียงเซียงเจ้าหายไปไหนกัน เจ้าไม่เคยหัวรั้นเช่นนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่

.

.

หุบเขาท้ายวัดเฉินหลิง บุรุษร่างสูงตระหง่านยืนเด่นสง่าท่ามกลางพงไพรสีเขียวขจี นัยน์ตาคมเข้มสงบนิ่งทว่ากลับมองตรงอย่างไร้จุดหมาย เท้าอันเปลือยเปล่าเหยียบอยู่บนขอบหินของบ่อน้ำพุร้อน ควันจาง ๆ จากไอระอุพวยพุ่งขึ้นกลางอากาศพร้อมไอน้ำตีปะทะเข้าร่างดุจยืนท่ามกลางแดนหิมพานต์เมืองเซียน 

“ท่านพร้อมแล้วหรือไม่”

ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบเรื่อย “ท่านนักพรตเริ่มกันเลยเถิด”

นักพรตชราหันมององครักษ์ข้างกายอีกฝ่าย จากนั้นพยักหน้าส่งสัญญาณ 

หลีซงค้อมศีรษะตอบกลับ เขาช่วยประคองร่างสูงให้ลงไปยังบ่อน้ำพุร้อนด้วยความระมัดระวัง “ท่านแม่ทัพไหวแน่หรือขอรับ”

“วางใจเถิด เจ้าอย่าลืมว่าศึกทางน้ำเราล้วนผ่านมาแล้ว แค่ต้องอยู่ใต้น้ำเพียงหนึ่งถ้วยชา [1] เท่านั้น ต่อให้ครึ่ง [2] ก้านธูปข้าก็แน่ใจว่าข้าทำได้”

แค่เพียงคิดว่านายของตนต้องกลั้นหายใจอยู่ใต้บ่อน้ำพุร้อนเป็นเวลายาวนาน อวัยวะภายในของหลีซงก็บิดเกร็งขึ้นโดยไร้สาเหตุ

นักพรตกล่าว “ไม่ต้องกังวล การรักษาเช่นนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต แม้ไม่อาจช่วยให้ท่านแม่ทัพมองเห็นได้ในพริบตา ทว่าหากดวงตาไม่ได้บอดสนิทแล้วจริง ๆ ย่อมต้องมีโอกาสหายขาดอย่างแน่นอน”

หลีซงได้ยินนักพรตชราที่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาผู้เป็นดั่งหมอเทวดาหัตถ์เทวดาอันดับหนึ่งเขาก็เบาใจ

เสียงทุ้มจากบุรุษที่ยืนท่ามกลางบ่อน้ำดังขึ้น “เช่นนั้นรอช้าอยู่ไย”

“ท่านอาจารย์เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”

แต่แล้วนักพรตน้อยก็ปรากฏกาย ทุกคนต่างหันไปสนใจเขาเป็นตาเดียว 

เพราะบ่อน้ำพุร้อนหลังหุบเขาตั้งอยู่ในพื้นที่ซับซ้อน กว่าจะเดินทางมาถึงจึงกินเวลาเกือบครึ่งชั่วยาม เป็นเหตุให้ผู้มาเยือนหอบหายใจเหนื่อยอ่อน

“เกิดเรื่องใด ไยเร่งร้อนปานนี้”

ครั้นรวบรวมสติและหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย นักพรตน้อยก็ตอบกลับ “มีคนผู้หนึ่งหมดสติที่หน้าวัดขอรับ

นักพรตน้อยไม่กล้าตัดสินใจพาคนข้ามประตูเข้ามาโดยพลการ แต่เดิมการที่คนผู้หนึ่งจะดั้นด้นหาวัดเฉินหลิงพบมิใช่เรื่องง่าย หรือแทบเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ วัดเฉินหลิงมีการตั้งค่ายกลเอาไว้อย่างแน่นหนา หากไม่ได้รับอนุญาตมีหรือจะริอ่านทลายค่ายกลพรางตามานอนพังพาบที่หน้าประตูทางเข้าได้ 

นักพรตชราถาม “เป็นบุรุษหรือสตรี”

นักพรตน้อยเกาปลายคางขบคิด “เอ่อ…น่าจะบุรุษนะขอรับ จากเครื่องแต่งกาย ศิษย์ว่าเขาน่าจะเป็นบุรุษ”

ชายหนุ่มที่อยู่กลางบ่อน้ำพุเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง 

นักต้มตุ๋นน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงสินะ 

เชิงอรรถ

[marker-1-1] เวลาหนึ่งถ้วยชา ประมาณ 15 นาทีสำหรับฤดูร้อน และไม่ถึง 10 นาทีสำหรับฤดูหนาว

[marker-2-1] 1 ก้านธูป 一炷香 = ครึ่งชั่วยาม = 4 ถ้วยชา = 1 ชั่วโมง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   ตอนพิเศษ คำอธิษฐาน

    หอบรรพชนตระกูลหลานควันจากธูปลอยโขมงประหนึ่งหมอกขาว ด้านหน้าเป็นที่ตั้งป้ายวิญญาณของฮูหยินสกุลหลาน“ที่แท้ท่านแม่ของท่านพี่ก็จากไปนานแล้ว ข้าไม่เคยรู้มาก่อน”ในชาติก่อนไป๋เฉินเซียงเคยเป็นอนุของหลานจิ้นถงก็จริงทว่าเขาไม่เคยพูดถึงมารดาสักครั้ง หนำซ้ำยังสั่งห้ามเหล่าอนุเข้าใกล้ศาลบรรพชนอีกด้วย อาจเพราะเป็นพื้นที่หวงห้ามที่หลานอี้ซินไว้ใช้สงบใจหลานอี้ซินยิ้มขมขื่น “ท่านแม่จากไปในตอนที่ข้าเพิ่งเข้ารับราชการทหารใหม่ ๆ ในตอนนั้นข้าอายุได้สิบห้าหนาว นางป่วยหนัก ท่านพ่อก็งานยุ่งมาก ข้าได้ยินมาว่าบนหุบเขาเป็นที่ตั้งของวัดเฉินหลิงในตำนาน จึงพาท่านแม่ไปรักษาตัวที่นั่น”“แต่ที่วัดเฉินหลิงวางค่ายกลไว้แน่นหนา ท่านเข้าไปได้อย่างไร”หลานอี้ซินยิ้ม มือหยาบกร้านลูบศีรษะภรรยารักอย่างทะนุถนอม “เพราะแม่ของเจ้า”ไป๋เฉินเซียงแทบไม่อยากเชื่อหูตนเองหลานอี้ซินเล่าต่อ “ข้าเห็นรถม้าของนางจอดอยู่กลางหุบเขา ทั้งยังมีลูกน้อยที่หลับสนิทในอ้อมแขน เดิมทีนางลำบากใจอยู่บ้าง ทว่าแม่ของเจ้าคุณธรรมสูงส่งเช่นเจ้าไม่มีผิด”ไป๋เฉินเซียงยิ้ม “ต้องบอกว่าข้า

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 46 บุพเพพระราชทาน (2) (จบ)

    ณ จวนสกุลเว่ย“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้าทั้งสองปั่นหัวข้าหรือ” เว่ยเสี่ยวเฉินหน้างอ เขาชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างหลานอี้ซินและไป๋เฉินเซียง ทั้งยังแหงนหน้ามองฟ้าดั่งหมดอาลัยตายอยาก“สวรรค์! นี่ท่านรังแกข้ามากเกินไปหน่อยแล้ว ทั้งที่ข้าพบนางในฝันก่อนเขาแท้ ๆ ทว่านางกลับเป็นฮูหยินสหายของข้า ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”หลานอี้ซินถอนหายใจ ทั้งยังกระชับอ้อมกอดบริเวณไหล่แคบแน่นขึ้น “เจ้าพล่ามพอแล้วหรือยัง ใครบอกว่าเจ้าพบนางก่อนข้า”เว่ยเสี่ยวเฉินสะบัดแขนพร้อมทำหน้าบูด “ชิ เจ้าก็พูดได้ มีฮูหยินทั้งสวยทั้งเก่ง แล้วดูข้า ต้องตาเทพธิดาคนหนึ่งทว่าเขาไม่ใช่ของเรา”“เจ้าพูดให้น้อยหน่อย เทพธิดาที่เจ้าว่านั่นฮูหยินของข้ามิใช่หรือ หากเจ้าตัดใจไม่ได้ ข้าจะพานางกลับและจะไม่มาเหยียบเรือนเจ้าอีก” เอ่ยจบหลานอี้ซินก็พยุงไป๋เฉินเซียงลุกขึ้น “ไปเถิดฮูหยิน เช่นนั้นเราไปให้คุณชายถังวาดดีกว่า ดูอารมณ์ของเขาแล้ว คงไม่อาจวาดภาพให้งดงามได้”ไป๋เฉินเซียงหัวเราะคิกคัก สามีของนางกำลังเย้าแหย่สหายไป๋เฉินเซียงกระซิบ “ท่านพี่เล่นแรงไปหน่อยกระมัง”เว่ยเสี่ยวเฉินละล้าละลัง “อย่า อ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 46 บุพเพพระราชทาน (1)

    ขุนนางในท้องพระโรงตะลึงพรึงเพริดไปตามกัน ต่างก็เหลียวมองไปยังใต้เท้าวูที่ยืนหน้าถอดสีอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้เอ่ย “ท่านแม่ทัพ ไยต้องการหนังสือหย่า หากเจ้าทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าเอาเปรียบสตรีตัวเล็ก ๆ หรือ นางทำเรื่องใดให้เจ้าไม่พอใจกันเล่า”หลานอี้ซินยังมีสีหน้าสงบนิ่งไร้ซึ่งท่าทางตื่นกลัว ทว่าไป๋เฉินเซียงกลับรู้สึกใจเสียไปแล้ว หากเขาต้องการหย่ากับนางไม่จำเป็นต้องทำขั้นนี้ก็ได้บรรยากาศเข้าสู่ความอึมครึม ยามนี้อารมณ์แต่ละคนต่างรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ใต้เท้าวูเองก็สนิทชิดเชื้อกับฮ่องเต้ไม่น้อย แม่ทัพไป๋หู่กำลังทำเรื่องหยามหน้าขุนนางที่ฮ่องเต้โปรดปรานเข้าให้แล้ว เกรงว่าจากที่ถูกละเว้นโทษตาย กำลังจะเกิดสถานการณ์พลิกกลับไป๋เฉินเซียงกำลังคิดเอ่ยปาก กระนั้นกลับมีเสียงทุ้มดังตัดบท “ทูลฝ่าบาท อันที่จริงเป็นความผิดของลูกสาวกระหม่อมเอง ตระกูลวูขอยอมรับเรื่องการหย่าร้างจากท่านแม่ทัพไป๋หู่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ประหลาดใจ “ใต้เท้าวู แต่เดิมท่านเป็นคนรักศักดิ์ศรี และมีเหตุผลอยู่เสมอ ไยตอนนี้ท่านจึงยินยอมให้บุตรสาวถูกหย่าร้าง มิกลัวถูกผู้อื่นครหาหรือ”

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 45 ราชโองการ

    ท้องพระโรงอันโอ่โถงของแคว้นจื่อโจววันนี้ฮ่องเต้เรียกให้ขุนนางทุกลำดับขั้นเข้าเฝ้าเพื่อร่วมยินดีกับชัยชนะจากสงครามหั่วหมิง“ใต้เท้าหลาน” เสียงครั่นคร้ามของโอรสสวรรค์ดังขึ้นหลานหมิ่นฉีสาวเท้าออกมาพลางประสานฝ่ามือและค้อมศีรษะลง “พ่ะย่ะค่ะ”“ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้เจ้าคงทราบดี ว่าเป็นเรื่องใด”หลานหมิ่นฉีเองก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร ยามนี้ภายในใจของเขาล้วนเต็มไปด้วยหมอกขาว กลับกลายเป็นการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้เอ่ยต่อ “บุตรชายของเจ้าทั้งสองล้วนมีฝีมือ ทั้งยังสร้างผลงานอันโดดเด่นไว้มาก แต่น่าเสียดาย…”ไป๋จื่อเหิงและเหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างก้มหน้างุดแทบลืมหายใจ ถึงอย่างไรบุตรสาวคนโตของเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสกุลหลาน การที่สามีอย่างแม่ทัพชิงหลงก่อกบฏ ย่อมต้องสร้างความสั่นคลอนต่อทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เดิมไป๋จื่อเหิงหวังเกาะตำแหน่งและอำนาจของหลานจิ้นถงเพื่อขึ้นสู่ที่สูง แต่ดูเหมือนเขากำลังถูกผลักให้จมลงบ่อโคลนจนไม่อาจโผล่ศีรษะเพื่อหายใจ“ถึงอย่างไรผู้ก่อกบฏก็ได้รับกรรมตามสมควร” ฮ่องเต้ถอนหายใจ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 44 สวรรค์บันดาลบุพเพ (2)

    “สรุปแล้วท่านอยากหย่าสินะเจ้าคะ แต่ก็นั่นแหละ ชะตานี้ข้าช่วงชิงมาจากผู้อื่น ย่อมสมควรที่มันจะกลับไปยังเจ้าของเดิม”หลานอี้ซินกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จมูกโด่งเป็นสันโน้มลงจรดลงบนปรางแก้มหอมกรุ่น ไป๋เฉินเซียงตะลึงลาน“เด็กโง่ คิดอะไรของเจ้า ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าลำบาก หากข้าตายไปเจ้าจะต้องอยู่เป็นหม้าย ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้ ต่อไปเจ้าจะใช้ชีวิตอิสระได้อย่างไร”ไป๋เฉินเซียงกระเง้ากระงอด พลางบ่นกระปอดกระแปด “ท่านไม่ต้องมาคิดแทนข้า ชิ”“อีกอย่าง ชื่อนั่นก็ไม่ใช่เจ้ามิใช่หรือ”ในหนังสือหย่าเป็นชื่อผู้อื่นก็จริง ทว่าการแบ่งปันทรัพย์สินกลับเป็นชื่อของไป๋เฉินเซียงโดยตรง หากคนอื่นไม่รู้คงได้คิดว่านางเป็นภรรยาลับของเขาแน่แท้ไป๋เฉินเซียงสงบลง กล่าวเสียงค่อย “ก็จริง”“เจ้าลงนามแล้วหรือไม่” หลานอี้ซินถาม“แล้วท่านคิดว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ”นางอยากจะกลั่นแกล้งเขานักว่าลงไปแล้ว อันที่จริงนางแทบเผาหนังสือหย่าเล่มนั้นทิ้งเลยต่างหาก“จะลงหรือไม่ลงก็ย่อมไม่ต่าง”ไป๋เฉินเซียงขมวดคิ้ว วาจากำกวมเช่นนี้เป็นเหตุให้นางใคร่รู้เป็นอย่างมาก

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 44 สวรรค์บันดาลบุพเพ (1)

    เพราะศัตรูเพลี่ยงพล้ำทั้งรับมือจากการลอบโจมตี และยังถูกงูมีพิษดาหน้าเข้าทำร้ายตลอดสองวันสองคืน ท้ายที่สุด กองทัพชิงเป่ยก็ปราชัยให้แก่ทัพของแม่ทัพไป๋หู่ แผนการที่ชิงเป่ยวางเอาไว้ตลอดหลายเดือนพังทลายภายในพริบตา เพียงเพราะการย้อนพิษร้ายคืนสนองจากฝีมือท่านหมอหวัง จะกล่าวให้ถูกต้อง ทั้งหมดเป็นแผนการและฝีมือของไป๋เฉินเซียงดูเหมือนความดีความชอบนี้คงไม่ต้องพึ่งบารมีของแม่ทัพเช่นเขาแล้วขบวนทัพเดินทางกลับแคว้นด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แคว้นชิงเป่ยยินดีทำสัญญาสงบศึกและเป็นพันธมิตรร่วมกันตลอดไป ทางแคว้นชิงเป่ยยังจะส่งของบรรณาการให้กับแคว้นจื่อโจวในทุกปีอีกด้วย“เซียงเซียง” เสียงทุ้มกระซิบเบาที่เบื้องหลังใบหน้าเกลี้ยงเกลาซับสีชมพูระเรื่อ “เจ้าคะ”ทั้งสองนั่งอยู่บนอาชาศึกเจียวซิ่ง ขบวนเดินทางกำลังมุ่งหน้ากลับวังหลวง เหล่าทหารหลายนายเห็นภาพแม่ทัพโอบภรรยาล้วนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกบางคนหน้าเผือดสีเพราะเกรงกลัวว่าจะถูกแม่ทัพลงโทษที่ริอ่านไปแตะเนื้อต้องตัวฮูหยินของเขา ทั้งจับทั้งโยนเป็นว่าเล่น เกรงว่าคงไม่อาจรักษาศีรษะให้ตั้งตรงบนบ่าได้แล้วหลานอี้ซ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status