Home / รักโบราณ / วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด / บทที่ 5 นักต้มตุ๋นน้อย

Share

บทที่ 5 นักต้มตุ๋นน้อย

last update Last Updated: 2025-06-21 12:00:07

ธรณีทางเข้าวัดเฉินหลิงสูงตระหง่านตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาเงียบสงัด เพราะอากาศชื้นอยู่ตลอด อีกทั้งยังผ่านร้อนผ่านลมฝนมาหลายร้อยปี เสาและขอบธรณีจึงเกิดตะไคร้สีเขียวขุ่นเกาะอยู่ บริเวณโดยรอบโอบล้อมด้วยไม้ยืนต้นทั้งใหญ่และเล็กงอกเงยรวมกันประหนึ่งกำแพงพรางตา

วัดเฉินหลิงแต่เดิมก็เป็นวัดที่ปลีกวิเวกตัดขาดจากโลกภายนอก สภาพโดยรอบจึงดูทรุดโทรมลงไปมาก แม้จะเก่าคร่ำคร่าทว่ากลับเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งความสงบและอ่อนโยนดุจดั่งธารานิ่งไร้ระลอกคลื่น ผู้ที่บังเอิญพบเห็นอาจคิดว่าน่าหวาดกลัว แต่สำหรับไป๋เฉินเซียงแล้ว นางรู้สึกว่าที่แห่งนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่น 

ไป๋เฉินเซียงแหงนหน้ามองป้ายชื่อวัดซึ่งสลักอยู่บนแผ่นศิลาผุพังพลางทรุดตัวนั่งด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง เสียงหอบหายใจหนักหน่วงสะท้อนก้องไร้จังหวะ ริมฝีปากบางเฉียบยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ส่งไปจนถึงดวงตา

วัดเฉินหลิง ข้ามาถึงแล้วสินะ

ไป๋เฉินเซียงไร้ซึ่งกำลังขาให้ก้าวต่อ นางจึงพักเอาแรงอยู่หน้าประตูชั่วครู่ เพราะเมื่อหลายชั่วยามก่อนต้องวิ่งเท้าเป็นระวิง ทั้งที่กระโดดลงจากรถม้าซึ่งวิ่งเร็วปานลมกรดจนร่างสะบักสะบอม ไป๋เฉินเซียงเร่งเดินทางจนลืมไปว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องตลอดทั้งวัน นัยน์ตาทั้งสองฝั่งพร่าเบลอลงไปมาก ไป๋เฉินเซียงสลัดศีรษะเพื่อเรียกสติ กระนั้นบรรยากาศโดยรอบก็ยังกลับด้านสลับหมุนจนสับสนอลหม่าน 

นางกำลังจะหมดสติเพราะสิ้นเรี่ยวแรง!

หิวจัง...

เสียงฝีเท้าของใครบางคนเยื้องย่างดังสวบสาบใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทว่ายามนี้นางมองเห็นเพียงปลายเท้าอีกฝ่ายเท่านั้น

“คุณชาย ท่านเป็นอะไรหรือไม่”

เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ ไป๋เฉินเซียงประคองสติ พยายามแหงนหน้าขึ้นเนิบนาบ แม้มองอีกฝ่ายไม่ชัดแจ้ง ทว่าเงาเลือนรางของเขาบ่งบอกว่าต้องเป็นนักพรตของที่นี่อย่างแน่นอน

“ทะ...ท่านนัก...”

ไม่ทันจบประโยค สัมปชัญญะของไป๋เฉินเซียงก็พลันปลิดปลิวไปดั่งสายลมกระแสหนึ่ง…

.

.

ณ จวนสกุลไป๋

“ท่านพี่จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ นางหนีไปแล้ว นี่ท่านสั่งคนให้ออกค้นหานางจริงหรือไม่ คงมิใช่ว่าท่านพี่เองก็ช่วยนางปิดบังหรอกนะเจ้าคะ” หยางปิ่งอี้กระสับกระส่ายดั่งพายุกำลังคืบคลานเข้ามา อ้อมแขนโอบศีรษะบุตรสาวปลอบประโลมอยู่ไม่ห่าง

เสียงร่ำไห้ของไป๋อีถิงดังขึ้นเป็นระยะ บุรุษวัยกลางคนผู้มีใบหน้าภูมิฐานปรากฏเค้าอึมครึมขึ้น เขาถอนหายใจนับหลายสิบครั้ง ยิ่งได้ยินเสียงร่ำร้องกระจองอแงของบุตรสาวคนโตก็ยิ่งหงุดหงิด

“ถิงเอ๋อร์ เจ้าสงบใจก่อนได้หรือไม่ ข้ายังไม่บอกสักคำว่าจะส่งเจ้าไปแทนนาง เจ้าก็เช่นกัน…” ไป๋จื่อเหิงหันไปสบตาฮูหยินของตนอย่างนึกคาดโทษ เขาเอ่ยเสียงเย็น “ให้ท้ายลูกจนเสียคน ควรช่วยกันคิดแก้ปัญหา ใช่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไร”

“ฮื่อ…”

ไป๋อีถิงได้ยินเสียงบิดาต่อว่าก็ยิ่งแผดเสียงร้องลั่น หยางปิ่งอี้ลูบศีรษะปลอบใจบุตรสาว สายตาจับจ้องสามีพลางส่งค้อนวงใหญ่ “ท่านพี่ พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก หากตามตัวลูกสาวตัวดีของท่านกลับมาไม่ได้ ท่านเองย่อมรู้ดีว่า คนที่ต้องแต่งเข้าไปเป็นอนุย่อมหลีกไม่พ้นถิงเอ๋อร์!”

ไป๋จื่อเหิงถอนหายใจ เขายกมือคลึงขมับ “แล้วจะให้ทำอย่างไร เหลือเวลาหนึ่งเดือน อีกเดี๋ยวก็ตามตัวเซียงเซียงเจอแล้ว นางแค่ความจำเสื่อมอาจจะเผลอออกไปเที่ยวเล่นแล้วจำทางกลับเรือนไม่ได้ก็เท่านั้น”

หยางปิ่งอี้อ้าปากค้าง ไม่ทันพ้นวาจาใดออกมา ก็มีเสียงบ่าวชายดังเอะอะขึ้นเสียก่อน

“นายท่านขอรับ”

“เข้ามา” ไป๋จื่อเหิงผินหน้าไปทางต้นเสียง 

บ่าวรับใช้นายนั้นสาวเท้าเข้ามาด้านใน สายตากลอกมองหยางปิ่งอี้ด้วยความประหวั่น กระทั่งเหลือบมองไป๋อีถิงในอ้อมกอดมารดา ความรู้สึกไม่ค่อยดีก็ถาโถมเข้ามาอีกระลอก

“คือ…นายท่านขอรับ เรื่องคุณหนูรอง…”

“อึกอักอะไรของเจ้า เร่งพูดมาให้ไว เจอนางแล้วใช่หรือไม่ ไยไม่ลากนางมาพบพวกเรา!” หยางปิ่งอี้ตะเบ็งเสียงลั่น ยิ่งบ่าวนายนั้นแสดงท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ นางก็ยิ่งหงุดหงิด

“ว่าอย่างไร” ไป๋จื่อเหิงสำทับ

บ่าวรับใช้เข่าอ่อน พลันทรุดกายลงด้วยขาอันสั่นเทา “เรียนนายท่าน พวกเราตามหาคุณหนูรองมาครึ่งค่อนวันแล้ว รถม้าทุกคัน ผู้คนทุกคนที่มุ่งหน้าออกจากเมืองก็ได้รับการตรวจค้นทั้งหมด ทว่ายังไม่พบตัวคุณหนูรองขอรับ”

ดั่งถูกกระแสอสนีบาตฟาดลงกลางกระหม่อม เส้นเลือดตรงขมับหยางปิ่งอี้เต้นเร้า ตุบ ตุบ “บัดซบ พวกเจ้าทำงานอย่างไร เลี้ยงเสียข้าวสุก!”

เคร้ง!

แจกันกระเบื้องเนื้อดีถูกขว้างลงบนพื้นจนแตกกระจาย บ่าวนายนั้นหวาดกลัวเสียจนหัวหด ร่างของเขาสั่นสะท้าน “ฮูหยินใหญ่ นายท่าน บ่าวสมควรตาย”

“สมควรตาย พวกเจ้ามันสมควรตายจริง ๆ หากวันนี้หานางไม่พบ ก็อย่าโผล่หัวกลับมา!” หยางปิ่งอี้บันดาลโทสะ

“พอแล้ว!” ไป๋จื่อเหิงตวาด 

สรรพเสียงรอบด้านสงบลงชั่วพริบตา เขากระแทกกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ขัดเสียงดังสนั่น จากนั้นเอนหลังพิงพนักด้วยสีหน้าสับสน

“ฮูหยิน เจ้าพาลูกไปพักเถิด เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

หยางปิ่งอี้ขบฟันแน่น “ก็ได้ ข้าจะรอดูว่าท่านจะจัดการเช่นไร ท่านเองก็คงรู้ดีหากหาตัวนางไม่พบ กรรมจะมาตกที่ใคร”

“เจ้าเอาแต่ใจมากไปหน่อยแล้ว เซียงเซียงก็เป็นลูกของข้าเช่นกัน อีกอย่างคนที่อยากส่งลูกสาวเข้าไปไม่ใช่ความคิดเจ้าหรอกหรือ เพียงเพื่ออยากให้สกุลหลานหนุนหลัง เจ้ากลับต้องทำให้ข้าขายลูกสาวกิน”

หยางปิ่งอี้สวน “หากท่านมีปัญญามากพอหาใช่เพียงขุนนางขั้นหก มีหรือสกุลไป๋ต้องทำเช่นนี้ ท่านมันไม่ได้เรื่อง!”

หยางปิ่งอี้สะบัดกายด้วยความเดือดดาล สองแม่ลูกประคองกันเดินจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ไป๋จื่อเหิงมองตามแผ่นหลังพวกนางก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง

เป็นจริงเช่นนางว่า หากสกุลไป๋มียศขุนนางสูงขึ้นอีกหน่อย ไหนเลยจะต้องพึ่งบารมีผู้อื่นเช่นนี้กันเล่า

เซียงเซียงเจ้าหายไปไหนกัน เจ้าไม่เคยหัวรั้นเช่นนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่

.

.

หุบเขาท้ายวัดเฉินหลิง บุรุษร่างสูงตระหง่านยืนเด่นสง่าท่ามกลางพงไพรสีเขียวขจี นัยน์ตาคมเข้มสงบนิ่งทว่ากลับมองตรงอย่างไร้จุดหมาย เท้าอันเปลือยเปล่าเหยียบอยู่บนขอบหินของบ่อน้ำพุร้อน ควันจาง ๆ จากไอระอุพวยพุ่งขึ้นกลางอากาศพร้อมไอน้ำตีปะทะเข้าร่างดุจยืนท่ามกลางแดนหิมพานต์เมืองเซียน 

“ท่านพร้อมแล้วหรือไม่”

ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบเรื่อย “ท่านนักพรตเริ่มกันเลยเถิด”

นักพรตชราหันมององครักษ์ข้างกายอีกฝ่าย จากนั้นพยักหน้าส่งสัญญาณ 

หลีซงค้อมศีรษะตอบกลับ เขาช่วยประคองร่างสูงให้ลงไปยังบ่อน้ำพุร้อนด้วยความระมัดระวัง “ท่านแม่ทัพไหวแน่หรือขอรับ”

“วางใจเถิด เจ้าอย่าลืมว่าศึกทางน้ำเราล้วนผ่านมาแล้ว แค่ต้องอยู่ใต้น้ำเพียงหนึ่งถ้วยชา [1] เท่านั้น ต่อให้ครึ่ง [2] ก้านธูปข้าก็แน่ใจว่าข้าทำได้”

แค่เพียงคิดว่านายของตนต้องกลั้นหายใจอยู่ใต้บ่อน้ำพุร้อนเป็นเวลายาวนาน อวัยวะภายในของหลีซงก็บิดเกร็งขึ้นโดยไร้สาเหตุ

นักพรตกล่าว “ไม่ต้องกังวล การรักษาเช่นนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต แม้ไม่อาจช่วยให้ท่านแม่ทัพมองเห็นได้ในพริบตา ทว่าหากดวงตาไม่ได้บอดสนิทแล้วจริง ๆ ย่อมต้องมีโอกาสหายขาดอย่างแน่นอน”

หลีซงได้ยินนักพรตชราที่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาผู้เป็นดั่งหมอเทวดาหัตถ์เทวดาอันดับหนึ่งเขาก็เบาใจ

เสียงทุ้มจากบุรุษที่ยืนท่ามกลางบ่อน้ำดังขึ้น “เช่นนั้นรอช้าอยู่ไย”

“ท่านอาจารย์เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”

แต่แล้วนักพรตน้อยก็ปรากฏกาย ทุกคนต่างหันไปสนใจเขาเป็นตาเดียว 

เพราะบ่อน้ำพุร้อนหลังหุบเขาตั้งอยู่ในพื้นที่ซับซ้อน กว่าจะเดินทางมาถึงจึงกินเวลาเกือบครึ่งชั่วยาม เป็นเหตุให้ผู้มาเยือนหอบหายใจเหนื่อยอ่อน

“เกิดเรื่องใด ไยเร่งร้อนปานนี้”

ครั้นรวบรวมสติและหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย นักพรตน้อยก็ตอบกลับ “มีคนผู้หนึ่งหมดสติที่หน้าวัดขอรับ

นักพรตน้อยไม่กล้าตัดสินใจพาคนข้ามประตูเข้ามาโดยพลการ แต่เดิมการที่คนผู้หนึ่งจะดั้นด้นหาวัดเฉินหลิงพบมิใช่เรื่องง่าย หรือแทบเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ วัดเฉินหลิงมีการตั้งค่ายกลเอาไว้อย่างแน่นหนา หากไม่ได้รับอนุญาตมีหรือจะริอ่านทลายค่ายกลพรางตามานอนพังพาบที่หน้าประตูทางเข้าได้ 

นักพรตชราถาม “เป็นบุรุษหรือสตรี”

นักพรตน้อยเกาปลายคางขบคิด “เอ่อ…น่าจะบุรุษนะขอรับ จากเครื่องแต่งกาย ศิษย์ว่าเขาน่าจะเป็นบุรุษ”

ชายหนุ่มที่อยู่กลางบ่อน้ำพุเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง 

นักต้มตุ๋นน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงสินะ 

เชิงอรรถ

[marker-1-1] เวลาหนึ่งถ้วยชา ประมาณ 15 นาทีสำหรับฤดูร้อน และไม่ถึง 10 นาทีสำหรับฤดูหนาว

[marker-2-1] 1 ก้านธูป 一炷香 = ครึ่งชั่วยาม = 4 ถ้วยชา = 1 ชั่วโมง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 28 ชาคารวะ

    ต้นยามโฉ่ว [1] ก่อนงานวิจารณ์ภาพวาด“นายท่าน แม่ทัพไป๋หู่ออกไปพบรัชทายาททุกคืนขอรับ”“ได้เรื่องอย่างไรบ้าง”บุรุษชุดดำขบคิดครู่หนึ่ง “ดวงตาของท่านแม่ทัพยังรักษาไม่หายขอรับ”“แน่ใจหรือ เจ้าคงไม่โง่จนถูกเขาเล่นลูกไม้ใส่ก็ยังดูไม่ออกกระมัง” “เอ่อ...คิดว่าคงไม่ขอรับ ข้าตามสืบมาหลายวันแล้ว หากแม่ทัพไป๋หู่มองเห็นจริง เขาต้องเผยพิรุธออกมาบ้าง”มือหยาบระคายคลึงลูกเหอเถา [2] ไปมาก็พลันบีบแน่น พริบตาเจ้าผลไม้เปลือกแข็งก็แหลกละเอียดเป็นผุยผง “ไม่ว่าพวกเขาคิดทำเรื่องใด เราต้องเร่งกำจัดให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นแผนการที่วางเอาไว้ทั้งหมดจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน”ชายชุดดำค้อมศีรษะ “ขอรับ”“เตรียมม้า ข้าจะเร่งไปพบองค์ชายสาม”“ขอรับ”ชายชุดดำพลันกระโจนหายลับไปท่ามกลางความอนธการณ หอนอนอนุซู“อาภรณ์ชุดนี้ช่างเหมาะสมกับสะใภ้รองมาก ไม่ว่าท่านสวมใส่สีใดก็ล้ว

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 27 งานเลี้ยงน้ำชา ณ เรือนหวังเหว่ย

    หลังกลับจากงานวิจารณ์ภาพวาดหนนั้น น้อยครั้งมากที่ไป๋เฉินเซียงจะได้พบหน้าหลานอี้ซิน กระนั้นทุกวันนางก็จะเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เขาเสมอเช้าวันนี้ก็เช่นกัน เหตุใดสามีของนางจึงทำตัวราวเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง [1] เวลาล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว เป้าหมายของนางยังไม่ลุล่วง เพราะไป๋เฉินเซียงเองก็เฉียดไปที่เรือนหวังเหว่ยน้อยครั้งมาก“สะใภ้รองเจ้าคะ”ไป๋เฉินเซียงละมือจากงานปักตรงหน้า “ว่าอย่างไร”“สะใภ้ใหญ่เชิญท่านไปร่วมจิบชาชมดอกไม้เจ้าค่ะ”ไป๋เฉินเซียงครุ่นคิด ไม่นานก็ตอบ “ได้”ซูซินถามย้ำ “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าอยากไป เรื่องในตอนนั้น สะใภ้ใหญ่จะเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยหรือไม่เจ้าคะ”ไป๋เฉินเซียงยิ้มบาง “ข้าไม่เป็นไร เจ้าก็รู้ว่าข้าดูแลตัวเองได้”ไป๋เฉินเซียงรู้นิสัยของจูจวิ้นอี๋นางนี้ดี นางเป็นคนขี้หึง ทั้งยังเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ครานั้นคงฝากบาดแผลในใจอีกฝ่ายไม่น้อย ยามนี้คงหมายตาเอาคืนแล้วกระมัง ไป๋เฉินเซียงก็กำลังมองหาจังหวะเหมาะอยู่พอดีไป๋เฉินเซียงแต

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 26 ของขวัญวันแต่งงาน

    เว่ยเสี่ยวเฉินเดินนำหน้าไป๋เฉินเซียงเข้าไปยังโถงรับรอง แต่ละก้าวย่างล้วนเต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมายเต็มโซนสมอง กระทั่งถึงที่หมาย หลานอี้ซินที่นั่งรอมาพักใหญ่ก็พ่นชาออกจากปากพรวดแค่กแค่กที่เขาบอกให้เว่ยเสี่ยวเฉินอยู่กับวูหลิงอีไม่ใช่ว่าให้พานางกลับมาด้วยเสียหน่อย ทว่าสหายตัวดีกลับสร้างความยุ่งยากให้กับเขาเสียได้“อี้ซิน” เว่ยเสี่ยวเฉินโบกไม้โบกมือทักทายหลานอี้ซินพร้อมรอยยิ้มพราย ครั้งนี้ได้กลั่นแกล้งสหายช่างสาแก่ใจนัก ไป๋เฉินเซียงขมวดคิ้วแน่น ทว่าความห่วงใยนั้นมีมากกว่า เพราะเมื่อครู่นางเห็นหลานอี้ซินสำลักชาจนหน้าแดงก่ำ“ท่านพี่ เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋เฉินเซียงถลันเข้าช่วยลูบแผ่นหลังกว้างเว่ยเสี่ยวเฉินตาค้าง ส่วนองครักษ์หลีซงก็ยืนเหลอหลา บุรุษทั้งสองมองหน้ากันไปมาอย่างมีคำถาม“ฮูหยิน เหตุใดเจ้า…”หลานอี้ซินเอ่ยไม่ทันจบประโยค เว่ยเสี่ยวเฉินก็ตัดบท ก่อนที่ความลับของตนจะหลุด “ฮูหยินของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากอย่างไรเล่า ในเมื่อคนก็มาแล้ว เช่นนั้นข้าว่าวันนี้…” เว่ยเสี่ยวเฉินยกมือเกาคางแสร้งขบคิด พริบตารอยยิ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 25 ฮูหยินสหายมีปัญหา (2)

    เว่ยเสี่ยวเฉินวิ่งถลาออกไปที่หน้าจวนอย่างรวดเร็ว กระนั้นหลานอี้ซินก็จากไปแล้ว รถม้าของเขาทะยานไปแทบไม่เห็นฝุ่น “เจ้าแม่ทัพบัดซบ! ไร้วาสนาอะไรกันเล่า เจ้าไม่อยากช่วยก็บอกเซ่ โธ่ เจ้านี่มันช่าง!...หึ้ย”เว่ยเสี่ยวเฉินพูดไม่ออก ทำได้เพียงระบายโทสะกับต้นไม้ใบหญ้าที่ปลูกไว้หน้าเรือน บ่าวไพร่บริเวณนั้นเห็นอาการเจ้านายประสาทเสียไปแล้วก็หน้าซีดกันเป็นแถบ“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนอารมณ์เสียรึ หากมองไม่เลิก ข้าจะตัดเบี้ยหวัดเจ้าทุกคน!”บ่าวไพร่ที่ทำงานอยู่แถวนั้นสะดุ้งตัวโยน คนที่ตัดเล็มต้นไม้ก็เร่งมือต่อ คนกวาดพื้นก็ทำไปแต่ไร้ทิศทางเว่ยเสี่ยวเฉินสบถในใจ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่เคยพบหน้าสตรีที่ตนใฝ่หาอีกเลย ไม่ว่าจะพลิกฟ้าถลกปฐพีเขาก็หานางไม่พบ หรือว่าเขาตาฝ้าฟางไปชั่วขณะจนเห็นนางฟ้าตกมาจากสวรรค์เช่นนั้นหรือรถม้ายังคงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ระหว่างทางไป๋เฉินเซียงแทบไม่ได้สนทนาใดเลย เมื่อครู่ตอนที่นางออกไปไม่คิดเลยว่าคุณหนูเถียนที่เอาแต่ระรานนางจะกล่าวขอโทษและยอมรับผิดทั้งหมด แม้ท่าทีดูฝืนใจแต่ทว่านางก็คงรู้สึกผิดจริง ส่วนคุณชายเถียนเยี่ยหัวเพ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 25 ฮูหยินสหายมีปัญหา (1)

    ขณะที่ไป๋เฉินเซียงกำลังจะก้าวเท้าขึ้นรถม้า ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังมาแต่ไกล“ฮูหยินสหาย เจ้ารอข้าก่อน”คิ้วสวยขมวดแน่น ไป๋เฉินเซียงหันหลังกลับก็พบบุรุษร่างสูง อาภรณ์ของเขาสะท้อนแสงเสียจนม่านตาหดเล็ก“คุณชายเว่ย”ไป๋เฉินเซียงมองบุรุษที่ยืนเกาะเข่าหอบหายใจจนลิ้นแทบห้อยสีหน้าฉงน คุณชายเว่ยผู้นี้นิสัยของเขาช่างสวนทางกับฐานะและหน้าตาจริงแท้“เจ้าไยเดินเร็วนัก” เว่ยเสี่ยวเฉินเอ่ยไปหอบไป“ท่านมีธุระใดกับข้าหรือเจ้าคะ”“ตอนนี้อี้ซินอยู่ที่เรือนของข้าพอดี เจ้าไปรับเขาพร้อมข้าดีหรือไม่ ข้าจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อส่งเขา”“หา…”ไป๋เฉินเซียงงุนงง แม่ทัพไป๋หู่มีรถม้าพระราชทานเชียวนะ ซ้ำยังวิ่งเร็วปานลมกรด เหตุใดยังต้องให้นางไปรับด้วยหรือ“ท่านล้อข้าเล่นกระมังเจ้าคะ เดิมทีท่านพี่มีรถม้าพระราชทาน อีกทั้งยังมีองครักษ์หลีซงคอยดูแล คงไม่ถึงขั้นต้องให้ข้าไปรับกระมัง”“เจ้าจะไปรู้อะไร ถึงเขาดูแข็งแกร่งหัวดื้อแต่ก็ต้องการการเอาใจใส่เช่นกัน” เว่ยเสี่ยวเฉินใส่สีตีไข่เพิ่มไปอย่างนั้น หากหลานอี้ซินรู้ว่าเขาใช้ข้ออ้างน

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 24 เรื่องอลหม่าน ณ งานวิจารณ์ภาพวาด (2)

    ทุกคนต่างเบนหน้าไปที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว“คุณหนูถัง นี่เจ้า! เจ้าลืมไปแล้วรึว่านางทำกับเจ้าไว้อย่างไร” สตรีร่างบางกระทืบเท้าเร้า ๆถังหยาเอ่ยหน้าไม่เปลี่ยนสี “เรื่องวันนั้นกับเรื่องวันนี้คนละเรื่องกัน อีกอย่างเมื่อครู่ข้าเห็นเต็มตาว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ คุณหนูทุกท่านจะบอกว่านางพกผลเหอเถาเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยงั้นหรือ ไม่เคยคิดบ้างหรือว่าการจัดแจงสถานที่บกพร่อง หนำซ้ำข้าไม่เห็นเลยว่านางเอาผลเหอเถาออกมาปาโดยตรง นางเองก็ลื่นล้มแทบหล่นลงสระน้ำเช่นกัน”ไป๋เฉินเซียงอมยิ้ม นึกไม่ถึงว่าคุณหนูถังผู้นี้แค่ได้รับคำขอโทษจากนางไม่กี่คำก็นิสัยเปลี่ยนว่องไวประหนึ่งพลิกฝ่ามือ ไป๋เฉินเซียงปรายตามองรัชทายาทสวีอู๋เจ๋อก็เห็นเขาจ้องคุณหนูถังแทบลืมกะพริบตา ดูเหมือนงานนี้ไป๋เฉินเซียงไม่ต้องลงแรงมากแล้วเถียนชิงกัดฟันกรอด ในเมื่อไม่อาจพึ่งบารมีรัชทายาทได้ จึงเลือกผู้มีอำนาจอีกหนึ่งเข้าช่วย ใครบ้างจะมองไม่ออกว่าคุณหนูถังกับรัชทายาทมีใจให้กัน บางครายังเคยไปพบคนทั้งสองนั่งที่โรงน้ำชาด้วยกันเลย“องค์ชายสามเพคะ ถึงอย่างไรนางก็ทำให้เราใบหน้าเสียโฉม รู้หรือไม่ว่าความเกลี้ยงเกลาขอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status