ยามนี้หลันชิงเหอเป็นเพียงองค์หญิงหุ่นเชิดที่ถูกใช้เป็นสะพานชีวิตเพื่อทอดสู่ความสำเร็จของแคว้นตงซาน
งานแต่งของนางกับองค์รัชทายาทหลี่ว์เยวี่ยหยางถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทว่าเนื้องานกลับยิ่งใหญ่ราวกับถูกตระเตรียมไว้นานแล้ว ความจอมปลอมของผู้คนและการละครของผู้เป็นพี่สาวแท้ๆ ทำให้หญิงสาวแทบอ้วกความขายหน้าออกมา
ในเมื่อตนไม่อยากแต่งกับองค์รัชทายาท ใยต้องสร้างเรื่องราวน่ารำคาญ เพื่อทำให้หลันชิงเหอต้องตกเป็นเป้าของความร้ายกาจ?
ผู้คนที่มาร่วมงานมงคลมีน้อยนักที่จะยินดีกับหลันชิงเหออย่างจริงใจ พวกเขาเพียงทำตามหน้าที่ของตน บ้างก็เย้ยหยันนางเพราะคิดว่าเด็กสาวใช้แผนสกปรกเพื่อแย่งชิงตำแหน่งพระชายาจากพี่สาว ในสายตาของคนเหล่านั้นหลันชิงเหอคือสตรีมากเล่ห์ที่อยากเป็นฮองเฮาจนตัวสั่น
ส่วนฝ่ายสวามีแทบไม่อยากจะมองหน้านางสักวินาที หลายต่อหลายครั้งที่เขาเผลอแสดงความไม่พอใจออกมาผ่านการกระทำ แน่นนอนว่าหลันชิงเหอตอบกลับทุกการกระทำนั้นด้วยความเงียบงันและความหมางเมินไม่แพ้กัน
นางเข้าใจหลี่ว์เยวี่ยหยางและไม่คิดถือสาเขา
ในคืนเข้าหอหลันชิงเหอคิดว่าชายหนุ่มจะไม่อยู่ในห้อง แต่เขากลับยอมทำหน้าที่ของตนได้ถึงใจกว่าที่นางคาดการณ์ไว้ ทั้งสัมผัสเรือนร่างของนางอย่างอุกอาจ กระทำเรื่องเช่นนั้นราวกับต้องการฆ่านางให้ตายบนเตียง แม้หญิงสาวไม่ได้สมยอมแต่ก็ปฏิเสธไม่ลงว่าลึกๆ แล้วนางก็ต้องการครอบครองหลี่ว์เยวี่ยหยางอยู่ไม่น้อย
เรียกได้ว่าหลันชิงเหอคงมีความโรคจิตแฝงอยู่กระมัง เพราะยามที่ถูกฝ่ายตรงข้ามสัมผัสเช่นนี้ มันกลับทำให้นางทั้งตื่นเต้นและรื่นรมย์ไปในคราวเดียวกัน
ทว่าสิ่งเดียวที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของนาง กลับเป็นประโยคแสนเย็นชาของหลี่ว์เยวี่ยหยาง…
ยามที่ชายหนุ่มอยู่บนร่างของนาง มือใหญ่ที่มักกวัดแกว่งดาบอย่างองอาจกำลังกดข้อมือเล็กลงบนเตียงโดยไม่คิดออมแรง
‘ข้าไม่เคยคิดอยากเป็นสามีภรรยากับเจ้า’
…….
‘น่าขัน! ข้าแต่งงานกับเจ้าด้วยความจำใจ เจ้าอย่าคาดหวังให้มากนักจะดีกว่า”
…….
‘ทำไม พูดไม่ได้หรือไร นี่ข้ากำลังแต่งกับคนใบ้…หรือเจ้าทำชั่วจนกลายเป็นใบ้ไปแล้วจริงๆ’
หลันชิงเหอเผลอเม้มริมฝีปากอย่างอัดอั้น กระนั้นดวงตาหงส์ของนางก็ยังจับจ้องฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว นางสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสะกดความเจ็บปวดไว้ในอก ก่อนจะขยับกายเพื่อหวังจะออกจากพันธนาการใต้ร่างของผู้เป็นสามี
นางไม่อยากมีอะไรกับบุรุษนิสัยเสียเช่นหลี่ว์เยวี่ยหยาง ต่อให้เขาขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางแล้วก็ตาม
แต่ดูเหมือนคนเย่อหยิ่งตรงหน้าจะคิดต่างออกไป แม้ดวงตาเรียวคมจะมองนางอย่างรังเกียจ แต่สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการแทรกกายเข้ามาแนบชิด สัมผัสนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกินกว่าคำว่าบอบช้ำจะอธิบายไหว
‘หากในสายตาขององค์ไท่จื่อ หม่อมฉันเป็นสตรีที่ไม่มีสิ่งใดดี’
…….
‘ไยพระองค์จึงไม่ปฏิเสธการแต่งงาน? พระองค์แต่งหม่อมฉันเข้ามาทำไมเพคะ” เสียงหวานทั้งแผ่วเบาและนุ่มนวลอย่างไพเราะ บวกกับดวงหน้างดงามแสนวิจิตรยิ่งทำให้หลันชิงเหอดูลึกล้ำอย่างตรึงใจ ทว่าความงามของนางไม่ใช่สิ่งที่สามารถสั่นคลอนหัวใจน้ำแข็งของหลี่ว์เยวี่ยหยางได้
คงมีเพียงหลันชิงหลิงผู้สดใสเท่านั้นที่ทำให้เขาสามารถบอกรักได้อย่างเต็มปาก…
‘หากพระองค์ให้โอกาสหม่อมฉันยื้อเวลากับฮ่องเต้อีกสักนิด บางทีหม่อมฉันคง…สามารถหนีไปได้’
แน่นอนว่าวาจาเด็ดเดี่ยวนั้นกลับได้รับเพียงร้อยยิ้มแสนสมเพชตอบกลับมา
‘นึกว่าข้าไม่อยากหรือ หากไม่เพราะ…’ หลี่ว์เยวี่ยหยางเม้มปาก ไม่อยากเอ่ยอะไรออกไปอีก
หัวใจของหลันชิงเหอเต็มไปด้วยคำตอบที่นางคิดขึ้นมาเอง กระนั้นนางก็ยังจ้องมองเขาพร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ‘หากไม่เพราะอะไรหรือเพคะ?’
‘เราต่างรู้เหตุผลนั้นดี จำไว้ว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์ถามอะไรข้าทั้งนั้น อยากเป็นพระชายานักมิใช่หรือ? เช่นนั้นก็จงทำหน้าที่พระชายาในดงเสือดงจระเข้ให้พอใจ’
‘องค์รัชทายาทที่หม่อมฉันรู้จักไม่มีวันหลงเชื่อจดหมายและคำให้การที่ไม่น่าเชื่อถือของนางกำนัลเหล่านั้นแน่ พระองค์รู้จักหม่อมฉันดี’
‘อย่ามาทำตัวเหมือนรู้จักข้า…มันน่าสะอิดสะเอียน’ หลี่ว์เยวี่ยหยางยิ้มอย่างมาดร้าย ‘ใครจะไปรู้ เจ้ามันชั่วร้ายมาตั้งแต่เด็ก ข้าเพียงแสร้งดีกับเจ้าเพื่อใกล้ชิดชิงหลิงเท่านั้น’
เดิมทีวาจาที่กล่าวเพียงอยากเห็นความเจ็บปวดหรือไม่ก็ความเกรี้ยวกราดของหลันชิงเหอ แต่กลับกลายเป็นว่านางยังคงนิ่งเฉย
เฉย…เสียจนเขาอยากจับนางฉีกเป็นชิ้นๆ ให้นางลิ้มรสความโกรธและความเคียดแค้นที่เขามีต่อเหตุการณ์บัดซบเหล่านี้ เพราะต่อให้เขาจะเข้าใจเหตุการณ์นี้หรือไม่เข้าใจ อย่างไรสตรีที่ควรมาอยู่ในตำแหน่งพระชายาก็ยังคงเป็นหลันชิงหลิงเพียงผู้เดียวเท่านั้น
‘หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ’ ดวงตาใสซื่อนั้นแปรเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ดูทะนงและลุ่มลึกอย่างประหลาด ‘เช่นนั้นหม่อมฉันต้องทำอย่างไรจึงจะออกจากสถานการณ์นี้ได้’
วินาทีนี้หัวใจของนางเยือกเย็นอย่างเต็มรูปแบบ แม้แต่ความหวังดีเพียงเล็กๆ น้อยๆ นางก็ไม่อยากมอบให้เขา
ยามอาบน้ำหลันชิงเหอต้องพยายามอย่างหนักที่จะขัดทุกสัมผัสและร่องรอยต่างๆ บนร่างออก กระนั้นนางก็ยังรู้สึกได้ว่าภายในส่วนล่างยังหลงเหลือความอบอุ่นของหลี่ว์เยวี่ยหยางอยู่ ยามเสร็จสมเขาไม่แม้แต่จะถอยห่างออกจากกัน ราวกับจงใจปลดปล่อยตัวตนเพื่อฝังลึกเข้าไปในกายของนางหลันชิงเหอจึงได้แต่ภาวนาให้ตนไม่ต้องตั้งท้องบุตรของเขา เพราะขนาดนางยังถูกเกลียดชังราวกับสิ่งอัปมงคล มีหรือจะยอมให้บุตรในไส้ต้องทนทุกข์ร่วมกับบิดาผู้เลวร้ายเช่นนี้ความฝันที่อยากมีครอบครัวอบอุ่นถูกพับลงส่วนลึกของจิตใจ เพราะวาสนาของนางคงสิ้นสุดอย่างแค่นี้ร่างงามถูกแต่งองค์ทรงเครื่องในชุดผ้าไหมชั้นดีสีม่วงอ่อน บนเนื้อผ้าปักลายซิ่งฮวาอย่างบรรจง เข้าคู่กับเครื่องประดับผมรูปทรงเดียวกัน“พระชายา” อยู่ๆ ซ่งกงกงก็โผล่มาพร้อมน้ำแกงประหลาดที่นางคุ้นเคยมันคือน้ำแกงห้ามครรภ์ไม่ผิดแน่ สุดท้ายหลี่ว์เยวี่ยหยางก็ไม่คิดอยากมีเลือดเนื้อเชื้อไขของหลันชิงเหอผสมปนเปอยู่ในบุตรของเขาจริงๆ“องค์รัชทายาทตรัสว่าไม่ต้องการมีบุตรกับพระชายา กระหม่อม…เอ่อ” บุรุษวัยหกสอบกว่าๆ ถอนหายใจอย่างยากลำบาก บ่งบอกถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ “กระหม่อม…ขอ”“ข้าเข้าใจแล้ว ซ่ง
อาจเพราะตอนนี้หลันชิงเหออยู่ในตำแหน่งหวงไท่จื่อเฟย หรือก็คือพระชายาเอกของรัชทายาท ความรู้สึกของการสัมผัสเช้าวันแรกจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปดวงตาคู่งามค่อยๆ ปรื่อขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบว่าภายในห้องหอมีเพียงนางที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ข้างกายไร้ซึ่งบุรุษผู้เป็นสามีและการเอาอกเอาใจเยี่ยงพระชายาผู้สูงศักดิ์แว๊บหนึ่งที่หลันชิงเหอเผลอคิดว่ามันคงเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากหากนางได้ตื่นขึ้นมาพบหลี่ว์เยวี่ยหยางกำลังนอนหลับอย่างสงบสุขอยู่ข้างกายหญิงสาวสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อไล่ความคิดนั้นไป นางใช้ผ้าห่มเพียงผืนเดียวคลุมกายแล้วเดินเท้าเปล่าออกมาที่สวนดอกไม้ข้างเรือนหอ ยามนี้หิมะแสนบริสุทธิ์กำลังปกคลุมรอบๆ บริเวณ ดูขาวโพลนราวกับกำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆปุกปุยนางเคยฝันอยากปั้นตุ๊กตาหิมะ แต่ความฝันนั้นก็ถูกพังทลายโดยผู้เป็นมารดา กระทั่งโตเป็นดรุณีวัย 16 ปี หลันชิงเหอก็ยังไม่มีโอกาสได้ปั้นตุ๊กตาหิมะเลยสักตัวหลี่ว์เยวี่ยหยางไม่ได้สั่งให้ข้ารับใช้จัดเตรียมนางกำนัลของวังหลวงมาดูแลผู้เป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้สาวใช้ข้างกายของหลันชิงเหอจึงมีเพียงสองนางเท่านั้น คือหยูหยานและเตี้ยนซา ซึ่งติดตามดูแลหญิงสาวมาตั้งแต่นางย
‘มารยาเหล่านี้คงใช้ได้แค่กับมารดาของข้าเท่านั้นกระมัง เพราะต่อหน้าข้า…เจ้ามันจอมปลอมสิ้นดี’แม้จะถากถางไปเช่นนั้น แต่มือใหญ่ก็ยอมผละออกจากข้อมือเล็ก ปรากฏรอยช้ำแล่นลามไปช้าๆ จนร่างเล็กสั่นสะท้านเบาๆ‘หม่อมฉันอยากดื่มชาเพคะ’หลันชิงเหอพยายามเอาตัวรอดจากการคุกคามรอบที่สามของชายหนุ่ม เคราะห์กรรมนี้นางต้องอยู่ตัวคนเดียวเท่านั้น เพราะหากนางตั้งท้องขึ้นมาหลี่ว์เยวี่ยหยางคงฆ่านางและลูกทิ้งพร้อมๆ กัน‘ทำไม? ได้ข่าวว่าเจ้าตั้งใจเรียนรู้เรื่องนี้เพื่อนอนกับข้าโดยเฉพาะ ไยจึงเพิ่งมาสำนึกผิดเอาป่านนี้’‘หม่อมฉันไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้นะเพคะ’‘เหรอ?’ แม้หลี่ว์เยวี่ยหยางจะรู้ข้อนี้ดี แต่เขาก็อดทำตัวยียวนใส่นางไม่ได้ ‘แต่เรื่องพวกนี้เกิดเพราะเจ้าวางยาปลุกกำหนัดข้า อย่าลืมเสียล่ะ’‘หม่อมฉันไม่มีวันทำเรื่องเช่นนั้น พระองค์ก็รู้’‘เหตุใดข้าต้องรับรู้ความชั่วของเจ้า’หลันชิงเหอคร้านจะอธิบายต่อ ดวงตาหงส์เต็มไปด้วยน้ำใสๆ ที่เออขึ้นมา เมื่อก่อนนางเคยมีเขาเป็นที่พึ่ง พอมาตอนนี้เขากลับทำตัวแปลกไป ซ้ำยังต่อว่านางอย่างรังเกียจ ไม่สู้ฆ่านางตายเสียยังดีกว่า‘หากหม่อมฉันผิดขนาดนั้น…ก็ฆ่าหม่อมฉันเถอะเพคะ’‘ข้าเกลียด
ยามนี้หลันชิงเหอเป็นเพียงองค์หญิงหุ่นเชิดที่ถูกใช้เป็นสะพานชีวิตเพื่อทอดสู่ความสำเร็จของแคว้นตงซานงานแต่งของนางกับองค์รัชทายาทหลี่ว์เยวี่ยหยางถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทว่าเนื้องานกลับยิ่งใหญ่ราวกับถูกตระเตรียมไว้นานแล้ว ความจอมปลอมของผู้คนและการละครของผู้เป็นพี่สาวแท้ๆ ทำให้หญิงสาวแทบอ้วกความขายหน้าออกมาในเมื่อตนไม่อยากแต่งกับองค์รัชทายาท ใยต้องสร้างเรื่องราวน่ารำคาญ เพื่อทำให้หลันชิงเหอต้องตกเป็นเป้าของความร้ายกาจ?ผู้คนที่มาร่วมงานมงคลมีน้อยนักที่จะยินดีกับหลันชิงเหออย่างจริงใจ พวกเขาเพียงทำตามหน้าที่ของตน บ้างก็เย้ยหยันนางเพราะคิดว่าเด็กสาวใช้แผนสกปรกเพื่อแย่งชิงตำแหน่งพระชายาจากพี่สาว ในสายตาของคนเหล่านั้นหลันชิงเหอคือสตรีมากเล่ห์ที่อยากเป็นฮองเฮาจนตัวสั่นส่วนฝ่ายสวามีแทบไม่อยากจะมองหน้านางสักวินาที หลายต่อหลายครั้งที่เขาเผลอแสดงความไม่พอใจออกมาผ่านการกระทำ แน่นนอนว่าหลันชิงเหอตอบกลับทุกการกระทำนั้นด้วยความเงียบงันและความหมางเมินไม่แพ้กันนางเข้าใจหลี่ว์เยวี่ยหยางและไม่คิดถือสาเขาในคืนเข้าหอหลันชิงเหอคิดว่าชายหนุ่มจะไม่อยู่ในห้อง แต่เขากลับยอมทำหน้าที่ของต
“สตรีอย่างเจ้าไม่มีวันได้ตำแหน่งพระชายา ต่อให้เจ้าต้องวางแผนนอนกับข้าอีกพันคืนเจ้าก็ไม่มีวันได้”“......”“ข้าจะไม่มีวันรับผิดชอบต่อสิ่งที่เจ้าก่อ หากฉลาดพอเจ้าก็คงรู้ว่าต่อจากนี้ควรเลือกหนทางอย่างไร”หลี่ว์เยวี่ยหยางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่งาม เขาเคยเอ็นดูนางในฐานะน้องสาว ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกรังเกียจเกินใคร เพราะนางไร้ยางอายเกินกว่าจะน่าสงสาร แผนชั่วทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือนางทั้งสิ้นแบบนี้กระมังนางจึงเป็นที่เกลียดชังของทุกคน“เข้าใจแล้วเพคะ...หม่อมฉันจะไม่เรียกร้องให้พระองค์ต้องรับผิดชอบสิ่งใด” คราวนี้หลันชิงเหอเลือกจะเงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวคมของฝ่ายตรงข้าม “เพียงแต่อยากให้พระองค์เข้าใจว่าหม่อมฉันไม่ได้เป็นแบบในจดหมายนั้น หรือเป็นดังเรื่องราวจากปากผู้อื่น ได้โปรด…”“……”“ได้โปรดอย่าด่วนตัดสินหม่อมฉันจากหลักฐานเพียงเล็กน้อยพวกนี้”หากถูกผู้อื่นเกลียด หลันชิงเหอคงไม่เจ็บช้ำมากเช่นนี้ แต่เพราะเป็นหลี่ว์เยวี่ยหยางบุรุษเพียงคนเดียวที่เคยปฏิบัติต่อนางอย่างให้เกียรติ นางถึงทุกข์ตรมจนเจ็บแปล๊บไปทั้งหัวใจยามนี้ใบหน้าที่เคยงดงาม ดวงตาที่เคยสุกสกาวดั่งดวงดาวพร่างพรายยามค่ำคืน ดูเศร้า
“ข้าไม่เคยอยากแต่งกับสตรีร้ายกาจเช่นเจ้า”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย็นเยียบในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ออกแรงบีบอยู่บนข้อมือเรียวเล็กของสตรีตรงหน้า“หม่อมฉัน เจ็บ...เพคะ"หลันชิงเหอน้ำตาคลอเบ้า พยายามเก็บกักความหวาดกลัวของตนไว้ภายในจิตใจ ดวงตากลมสวยจ้องมองบุรุษที่ตนรักด้วยความผิดหวังเกินคณานับ ไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้นางจะมีโอกาสได้เห็นมุมใจร้ายของรัชทายาทหลี่ว์เยวี่ยหยาง“ชิงหลิงหายตัวไปก็เพราะเจ้า เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นก็เพราะเจ้าใช้แผนสกปรกกับข้า!”รัชทายาทวัยสิบเก้าปียอมปล่อยมือจากดรุณีน้อยตรงหน้า แม้ไม่ได้ลงแรงบีบมากนัก อีกทั้งเผลอทำไปเพราะอารมณ์โกรธอย่างสุดกลั้น ทว่ามันกลับทิ้งร่องรอยสีแดงไว้บนผิวเนียนสวยจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่มันก็สมควรแล้วล่ะ...สำหรับสตรีร้ายกาจที่ทำร้ายได้แม้กระทั้งพี่สาวแท้ๆ ของตน เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองตำแหน่งพระชายา“องค์รัชทายาท” หลันชิงเหอรวบรวมความกล้าเพื่อกล่าวอธิบายต่อ “หม่อมฉันไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ นะเพคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นเทา ดวงหน้าใสซื่อไม่ได้แสดงอาการโกหกเลยสักนิด ทว่าในสายตาของทุกคน นางกลับเป็นสตรีมากเล่ห์แสนไร้ค่า“หากเจ้าไม่ได้ทำ แล้วหลักฐานพ