Главная / รักโบราณ / สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง / บทที่ 6 หมูสามชั้นผัดพริกเกลือ

Share

บทที่ 6 หมูสามชั้นผัดพริกเกลือ

last update Последнее обновление: 2025-04-22 14:20:39

เมื่อมาถึงโรงหมอ ท่านหมอก็ตรวจอาการของไป๋เหมยเหม่ยอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยกับจางเหยียนเหว่ย

"ทูลท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ศีรษะนางได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

จางเหยียนเหว่ยหันมองไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

“ท่านถามเขาเถิด เขาเป็นพี่ชายของนาง”

         เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่านหมอชราจึงรอคอยคำตอบจากไป๋จินเซียง ไป๋จินเซียงยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ใช่ขอรับท่านหมอ ไม่นานมานี้นางศีรษะกระแทกขอบโต๊ะจนสลบไป"

ท่านหมอพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ข้าเข้าใจแล้ว เพราะไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องทำให้ข้ามองเห็นรอยโลหิตจ้ำๆ เป็นจุดที่บาดแผลบนศีรษะของนาง ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรงดี เมื่อออกมาเดินจนร่างกายเหนื่อยล้า จึงหมดสติไป ข้าจะจัดยาให้สักสองเทียบ แล้วมาตามที่ข้านัดพบอีกครา มิทราบว่าพวกท่านจะสะดวกหรือไม่"

จางเหยียนเหว่ยหันไปมองไป๋จินเซียงคราหนึ่ง เรื่องนี้เขาไม่อาจตัดสินใจได้ ทำได้เพียงให้ไป๋จินเซียงเป็นคนให้คำตอบกับท่านหมอเพียงเท่านั้น

ไป๋จินเซียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ

“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอไปตรวจนางที่จวนตระกูลไป๋ได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้นางออกมาตากลมเกรงว่าอาการจะหายช้าไปอีก"

“อืม ได้สิ”

“ขอบคุณท่านหมอยิ่งนัก”

แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ทว่าในใจของไป๋จินเซียงกลับไม่พอใจในตัวของหยางเจ๋อหยวนยิ่งนัก จะอำมหิตเกินไปแล้วกระมัง น้องสาวเขาเจ็บตัวในจวนตระกูลหยาง แต่ทว่าหยางเจ๋อหยวนกลับไร้เมตตา ส่งนางกลับจวนทั้งที่ร่างกายของนางยังไม่หายดีเช่นนี้

ไม่นานนักไป๋เหมยเหม่ยก็ได้สติคืนมา นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะเล็กน้อย เดิมทีนางไม่รู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังคิดว่าอาการคงหายดีแล้ว ไม่คาดว่าจะเป็นลมไปเสียได้ อาจเพราะระยะนี้นางไม่ค่อยพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจึงแย่ลงเช่นนี้

ไป๋จินเซียงที่เห็นว่าน้องสาวของตนฟื้นแล้ว จึงรีบเข้ามาหาทันที

"เหมยเหม่ย เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง"

"ปวดหัวเจ้าค่ะ"

"ไม่เป็นอันใดนะ พี่จะพาเจ้ากลับจวน"

"พี่ใหญ่"

"หืม"

"ข้าหิวแล้ว อยากกินหมูสามชั้นผัดพริกเกลือเจ้าค่ะ"

ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก น้องสาวของเขานี่ก็ช่างกระไร ตนเองป่วยอยู่แท้ๆ แต่ยังร้องหาของกินไม่หยุด

จางเหยียนเหว่ยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ท่าทางราวกับเด็กน้อยสามขวบร้องขอขนมจากพี่ชายนั่นมันดูน่ารักน่าชังดีเหลือเกิน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยบางอย่างกับทหารคนสนิท ทหารคนสนิทพยักหน้ารับก่อนจะจากไป

"อาเหยียน ข้าคงต้องขอตัวกลับจวนก่อนแล้ว เจ้าอย่าไปใส่ใจคำพูดนางเลย นางคงสติเลอะเลือนไปชั่วขณะ ขายหน้าเจ้าแล้ว อย่างไรวันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก"

"อืม เจ้ารีบพานางไปเถิด ข้าเองก็จะไปโรงสุราแล้วเช่นกัน"

ไป๋เหมยเหม่ยแอบชำเลืองมองจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาเองก็หันมองมาที่นางเช่นกัน นางจึงแกล้งก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเขา

เมื่อกลับมาถึงจวนไป๋จินเซียงก็โดนบิดามารดาบ่นจนหูชาที่พาไป๋เหมยเหม่ยออกจากจวนไปจนล้มป่วย ด้านไป๋กู้ชวนนั้นลอบเบ้ปากคราหนึ่ง พลางครุ่นคิดในใจ

คนเช่นพี่สาวเขาน่ะหรือจะล้มป่วย หากบอกว่านางไปทุบตีผู้อื่นจนป่วย ยังจะน่าเชื่อถือเสียมากกว่า

"ฮูหยินเจ้าคะ มีคนจากภัตตาคารเพ่ยเซียนมาขอพบเจ้าค่ะ บอกว่านำสามชั้นผัดพริกเกลือมาส่งให้คุณหนูเจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยหันไปสบตากับไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไป๋ฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยทันที

"ผู้ใดสั่งมากัน ข้าไม่ได้ส่งคนไปสั่งมาเลยนะ"

"เอ่อ เสี่ยวเอ้อร์ที่มาส่งอาหารบอกว่า จวิ้นอ๋องจางเหยียนเหว่ยส่งมาให้คุณหนูเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำให้คุณหนูล้มป่วยเจ้าค่ะ หากไม่เพราะชวนคุณชายใหญ่สนทนาจนนานเกินไป คุณหนูคงจะไม่เป็นลมเช่นนี้"

เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของจวิ้นอ๋อง แม่ทัพใหญ่โจวและไป๋ฮูหยินจึงรีบออกไปรับของด้วยตนเองทันที แม่ทัพใหญ่ไป๋ขมวดคิ้วมุ่นคราหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เหมยเหม่ยของเขาไปสนิทสนมกับท่านอ๋องจอมเสเพลผู้นั้น

ด้านไป๋เหมยเหม่ยนั้น ยามนี้นางกำลังมองดูสามชั้นผัดพริกเกลือหลายสิบจานที่วางอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

"นี่เขาเหมามาหมดทั้งภัตตาคารเลยกระมัง"

นางใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นผัดพริกเกลือขึ้นมาชิมคำหนึ่ง ก่อนจะพบว่ารสชาติของมันช่างอร่อยล้ำเหลือเกิน เนื้อหมูติดมันเยิ้มๆ รสชาติหนุบหนับ มันช่างเข้ากันกับข้าวร้อนๆ ในถ้วยเสียจริง

ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหมูสามชั้นผัดพริกเกลือตรงหน้าก็หมดไปกว่าครึ่ง ไป๋เหมยเหม่ยยกมือขึ้นลูบท้องตน ก่อนจะยิ้มตาหยี

อิ่มจัง!!

ไม่ได้!! ต้องกำจัดไขมันส่วนเกินออก!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋เหมยเหม่ยจึงรอให้อาหารในท้องย่อย ก่อนจะยกแขนขึ้นและบิดกายไปมาแล้วจึงลุกขึ้นยืน เฉียวเหลียนที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามเจ้านายของตนทันที

"คุณหนู ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ"

"ไปเบิร์น"

"ฟันเหยินหรือเจ้าคะ เอ? ฟันคุณหนูก็ปกติดีนี่เจ้าคะ!!!"

ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ข้าจะไปวิ่งออกกำลังกาย ไม่เช่นนั้นข้าต้องอึดอัดเป็นแน่"

ไป๋เหมยเหม่ยกล่าวจบก็เดินตรงไปที่นอกเรือน ก่อนจะใช้มือจับชายกระโปรงยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้สะดวกต่อการวิ่ง นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ วิ่งไปรอบๆ จวน เริ่มแรกค่อยๆ วิ่งอย่างช้าๆ แล้วจึงเร่งจังหวะการวิ่งให้เร็วยิ่งขึ้น จนเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาทั่วทั้งใบหน้างาม

 ไป๋เหมยเหม่ยพลันนึกขึ้นได้ว่าตนเองร่างกายยังไม่สู้ดี จึงหยุดวิ่งก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับ รู้สึกคล้ายว่าจะหน้ามืดอีกครา นางจึงทิ้งกายลงนั่งพิงใต้ต้นไม้ พลางหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะยกมือขึ้นพนมกลางอก แล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับยักไหล่ซ้ายขวาสลับกันขึ้นลงเพื่อบริหารหัวไหล่ ไป๋กู้ชวนที่เดินออกมาเห็นภาพตรงหน้าก็เบิกตากว้าง ก่อนจะเอ่ย

"มารดามันเถอะ!!! ไป๋เหมยเหม่ยเป็นบ้าไปแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ ในจวนมีคนบ้าขอรับ!!!"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   ตอนพิเศษ

    งานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ร่วมเดือนแล้ว ยามนี้จางเหยียนเหว่ยเข้ามาอยู่ที่จวนของไป๋เหมยเหม่ยอย่างเต็มตัวในฐานะบุตรเขยแล้ว เขาไม่ได้กลับไปพักที่โรงน้ำชาอีกเมื่อแต่งงานกันกิจการต่างๆ ของเขาก็ยกให้ไป๋เหมยเหม่ยทั้งหมด ไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นของตนเลยแม้แต่น้อย มีคราหนึ่งเขาออกเดินทางไปที่นอกเมืองหลวง พบสตรีน้อยนางหนึ่งมาบอกรักเขา บอกว่ายินดีจะเคียงคู่เป็นภรรยาของเขาไปชั่วชีวิต เขากลับตอบเพียงว่า“ขออภัยด้วย เงินข้าอยู่กับภรรยาหมดแล้ว ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเจ้าหรอก ลำพังตัวข้าเองยังต้องขอเงินนางเลย เจ้าไปหาสามีคนอื่นเถิด ข้าจนมากทุกวันนี้ยังอาศัยบ้านภรรยาอยู่เลย”สตรีน้อยนางนั้นรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางมองเขาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ไม่เสื่อมคลายจางเหยียนเหว่ยคร้านจะสนใจสิ่งใดอีก วันนี้เขาไปพบท่านแม่มาและนำยาบำรุงไปให้นาง หน้าตาท่านแม่ดูสดใสขึ้นมาก อีกทั้งยังบอกให้เขารีบมีหลานเร็วๆ จางเหยียนเหว่ยเพียงยิ้ม ก่อนจะรีบกลับจวนมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที ระหว่างนั้นเขาพบกับไป๋กู้ชวนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว ได้ยินว่าระยะหลังมานี้เขามักสนใจการทำอาหารเป็นอย่างมากในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากทักไป๋กู้ชวนอยู

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 44 บทส่งท้าย

    จางเหยียนเหว่ยเดินมาพร้อมกับไป๋เหมยเหม่ย ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้าก็พลันเห็นฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่กำลังเดินลงมาจากรถม้า ชายชราชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองคนทั้งสองด้วยแววตาที่วูบไหวจางเหยียนเหว่ยไม่เอ่ยสิ่งใด อีกทั้งยังไม่คิดจะบอกเรื่องราวของท่านแม่ให้คนผู้นี้ได้รับรู้ คนเช่นเขานี่คือการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว ให้เขาคิดว่าท่านแม่ตายไปแล้ว จมอยู่กับความทุกข์ใจของตนไปเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยฮ่องเต้จางเหลียนไห่เพิ่งกลับมาจากที่ฝังศพของหลัวหลินฮวา คิดจะแวะมาไหว้พระที่วัดไป๋หวา แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุตรชายของตนเข้า ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม"อาเหยียน"ฮ่องเต้จางเหลียนไห่เอ่ยเรียกบุตรชายตนอย่างอ่อนโยน จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่คิดว่าคนเช่นท่านจะเข้าวัดด้วย คิดจะมาสนทนาธรรมหรือสารภาพบาปกันเล่า"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกแขนเสื้อจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่งพลางส่งสายตาห้ามปรามเขา ฮ่องเต้จางเหลียนไห่คร้านจะใส่ใจคำพูดประชดประชันของลูกชายตน จึงเอ่ยตอบ"เจ้าจะแต่งงานแล้วนี่ ไม่คิดบอกข้าสักคำหรือ""ไม่จำเป็น ข้าจัดงานเองไ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 43 พบกันอีกครา

    เรือนหลังหนึ่งท้ายวัดไป๋หวายามนี้แม่นมหลัวกำลังพาจางเหยียนเหว่ยและไป๋เหมยเหม่ยมาที่เรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังวัดไป๋หวา เรือนหลังนี้ค่อนข้างเล็ก เขามองไปโดยรอบก่อนจะครุ่นคิดเหตุใดเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ามีเรือนเช่นนี้อยู่ในวัดไป๋หวาด้วย"พระชายาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มือสั่นเทาไม่น้อย เขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ยื่นมือไปเปิดประตูบานนั้นออก ความกลัวเริ่มปกคลุมในจิตใจ เขาเกรงว่าหากเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วพบกับท่านแม่ นางจะรังเกียจเขาหรือไม่ นางจะด่าทอทุบตีเขาหรือไม่ระหว่างทางที่มาแม่นมหลัวเล่าว่าในวันที่ท่านแม่ป่วยตายนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น ท่านแม่ให้แม่นมหลัวไปหายาชนิดหนึ่งมา ยานั้นหากกินเข้าไปแล้วจะหลับสนิท ไร้ลมหายใจราวกับตาย ต้องรีบใช้ยาแก้ภายในสองชั่วยาม มิเช่นนั้นจะตายจริงๆเขาเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่าเพราะเหตุใดแม่นมหลัวจึงเร่งให้นำศพของท่านแม่ไปฝัง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดตามความเป็นไปของท่านแม่อีก ไม่ได้รับรู้ว่าคนของท่านแม่แยกย้ายไปอยู่ที่ใดกันบ้างหลังจากนำศพไปฝัง แม่นมหลัวก็นำคนที่ไว้ใจได้มาขุดหลุมศพและช่วยท่า

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 42 แม่นมหลัว

    จางเหยียนเหว่ยที่กลับมาถึงเมืองหลวงก็รีบมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที เมื่อได้พบนางอีกคราเขาก็ปวดใจไม่น้อย คล้ายว่านางจะผอมลงไปมาก"เหมยเหม่ย""เหยียนเหยียน"เขารีบสั่งให้คนเปิดประตูคุกหลวงออก ก่อนจะรีบโผเข้าไปกอดนางทันที ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นว่าจางเหยียนเหว่ยกลับมาแล้วก็ดีใจจนร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กน้อย "ท่านกลับมาแล้ว ฮึก ข้ากลัวมากเลย มีแต่คนมารังแกข้า ฮือ"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดเหลือเกิน เขาไม่ได้บอกแผนการนี้กับนาง ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เพราะว่าอะไรน่ะหรือ ก็เพื่อความปลอดภัยของนาง หากนางยังอยู่สุขสบาย คนตระกูลฟ่านย่อมไม่มีทางตายใจจนโผล่หางตนออกมา อีกทั้งยังอาจส่งคนมาลอบสังหารและทำร้ายนางกับครอบครัวอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะนาง ก่อนจะเอ่ย"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้านะ"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผละออกจากเขาทันที จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้นางก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งโมโหทั้งดีใจในคราเดียวกัน"ท่านไม่บอกข้า!!! ข้าจะตีท่าน""ตีเลย ตีเลย ขอเพียงเจ้าหายโกรธข้าก็พอ"ไป๋เหมยเหม่ยยิ้ม

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 41 จุดจบฟ่านกุ้ยอิง

    วันคืนผ่านไปเช่นนี้คืนแล้วคืนเล่า ไป๋เหมยเหม่ยไม่อาจรับรู้ข่าวคราวจากภายนอกได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว จวบจนคืนหนึ่งที่ฟ่านเหลียนมาพบกับนาง เขาสั่งให้คนเปิดประตูห้องขังออก ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหานาง ฟ่านเหลียนจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ย"เป็นเช่นไรบ้างเล่าน้องเหมยเหม่ย รู้สำนึกแล้วหรือยัง หากว่าเจ้าเลือกข้าตั้งแต่วันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องพบจุดจบเช่นวันนี้ เมื่อใดที่หลักฐานว่าบิดาและพี่ชายเจ้ายอมมอบข้อมูลทางการทหารให้แคว้นเซียวชัดเจน เจ้าจะถูกประหารทั้งตระกูล เฮ้อ!!! น่าเสียดายความงามของเจ้ายิ่งนัก"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ทำราวกับไม่สนใจคำพูดของฟ่านเหลียน ฟ่านเหลียนที่เห็นว่านางยังคงเฉยชาก็เริ่มมีโทสะ เขายื่นมือไปบีบคอของนาง ก่อนจะเอ่ย"อย่าอวดเก่งให้มากนัก!! ข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้า หากเจ้ายอมเป็นของเล่นของข้าและจางหลิงหยาง ข้ารับรองว่าจะหาทางช่วยเจ้า เป็นเช่นไร ข้อเสนอดีหรือไม่ รีบตัดสินใจเสียสิ เจ้าจะได้บุรุษมาครอบครองทีเดียวสองคนเลยนะ ไม่ดีหรือ อ้อ หรือว่าเจ้าจะรอว่าที่สามีใหม่ที่เป็นถึงท่านอ๋องมาช่วย โอ้ว เขาจะมาทันหรือ ยามนี้จะตายอยู่ในสนามรบ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 40 ถูกจับ

    ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ด้านจางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบหันมามองไป๋เหมยเหม่ยในทันที"เรารีบไปดูกันเถิด"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนตระกูลไป๋พร้อมจางเหยียนเหว่ยในทันที เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้จวนตระกูลไป๋ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เหล่าทหารจากวังหลวงยามนี้กำลังบุกเข้าไปในจวน ก่อนจะจับตัวคนในจวนออกมาทั้งหมด"ท่านแม่ กู้ชวน!!!"ไป๋เหมยเหม่ยร้องเรียกไป๋ฮูหยินและไป๋กู้ชวนที่ยามนี้ถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนเหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนถูกกักบริเวณไม่สามารถออกไปที่ใดได้ จางเหยียนเหว่ยจ้องมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย"ผู้ใดสั่งให้เจ้าบุกมาจับคนเช่นนี้ คำสั่งฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ""ท่านอ๋องโปรดวางใจ หากการตรวจสอบพบว่าคนตระกูลไป๋บริสุทธิ์ ย่อมถูกปล่อยตัวในเร็ววัน"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงปรายตามองไปที่ด้านหน้าตนคราหนึ่ง พบว่าเป็นเสนาบดีฟ่านฉีนั่นเอง เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม"เสด็จลุงส่งท่านมาหรือ"เสนาบดีฟ่านฉียิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เป็นรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านอ๋องคิดจะขัด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status