공유

บทที่ 8 แผนการ

last update 최신 업데이트: 2025-04-22 14:46:07

"พระสนมเพคะ ตำหนักเย็นหนาวเหน็บไม่น้อยเลย แม้จะผ่านฤดูหนาวมาแล้ว แต่อย่างไรก็ยังหนาวอยู่ ซ้ำร้ายร่างกายพระองค์ก็ยังไม่สู้ดีหากต้องลมหนาวอาจจะเป็นหวัดเอาได้ พระองค์ไม่น่าไปทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธเลยนะเพคะ"

เมี่ยวเถียนเอ่ยไปพลางเก็บกวาดตำหนักเย็นไปพลาง เสิ่นลี่จูที่ได้ฟังก็ถึงกับส่ายหน้าไปมา นางยั่วโมโหเขาที่ไหนกัน คนโรคประสาทนั่นมันจงใจหาเรื่องนางไม่เลิกราต่างหาก เห็นทีนางจะต้องรีบสืบหาการตายของเสิ่นอ้ายเยว่ให้พบโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องมาคอยรองรับอารมณ์คนบ้า ๆ อย่างเขาอีก

"เจ้าก็รีบทำความสะอาดเถิด คิดเสียว่ามาพักผ่อนตากลมเย็นก็แล้วกัน เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่เป็นอะไรหรอก"

เอ่ยจบเสิ่นลี่จูก็เดินไปทิ้งกายลงนั่งบนเตียง พลางครุ่นคิดเรื่องอะไรไปเรื่อยเปื่อย 

ตอนนี้รอบกายนางล้วนมีแต่คนน่าสงสัยเต็มไปหมด ย่อมต้องระวังตนเองให้ดี ในเมื่อยามนี้ยังไม่ได้บอกแผนการให้เจิ้งจิ่งเหอรู้ ก็คงต้องระแวดระวังตนเองไปก่อน

หลังจากที่เสิ่นลี่จูจากไปแล้ว เจิ้งจิ่งเหอก็นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาจะต้องจัดการ อีกไม่นานกู้อวิ๋นหาน ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็จะเดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาได้ให้กู้อวิ๋นหานไปสืบเรื่องราวความเป็นไปของคนผู้นั้น เมื่อไม่พบสิ่งใดจึงวางใจลงได้ อีกไม่นานเสด็จแม่จะเดินทางกลับมาจากการขอพรที่วัดหรงหวาแล้ว เขาจึงให้กู้อวิ๋นหานไปอารักขาเสด็จแม่กลับมาด้วยกันเลย

อาจเพราะระยะนี้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรนัก และเสิ่นลี่จูก็มาไม่ถูกจังหวะจึงถูกเขาระบายอารมณ์ใส่ไปหนึ่งคำรบ

เวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็น เจิ้งจิ่งเหอก็ออกมาจากตำหนัก เขาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยจนมาถึงอุทยานหลวง วังหลวงแห่งนี้ค่อนข้างเงียบเหงา นับตั้งแต่เสด็จพ่อเสด็จสวรรคตจากไปอย่างกะทันหันทุกอย่างก็เเปลกตาลงไปไม่น้อย เขาขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองปี งานทุกอย่างยังคงสะสางไม่แล้วเสร็จดี ขุนนางที่ไว้ใจได้ล้วนมีไม่มาก

มีขุนนางไม่น้อยที่คิดจะส่งบุตรสาวเข้าวังหลวงมาเป็นพระสนมและเพราะต้องการจะใช้ประโยชน์จากอำนาจของเขา เมื่อเขาไม่ยอมแต่งตั้งฮองเฮาและนางสนมก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด 

วังหลวงตอนนี้เรียกได้ว่ามีเพียงเสิ่นลี่จูเท่านั้นที่เขารับนางเข้าวังมาเป็นพระสนม แต่เพราะต้องการใช้นางเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ ไม่ได้มีความรักใคร่เลยแม้แต่น้อยเรื่องนี้เขารู้ดีแก่ใจ

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลังจากผ่านเรื่องคืนนั้นที่เขาและนางพบกันที่จวนตระกูลเสิ่น เขาจึงมีความรู้สึกผิดยามที่กลั่นแกล้งนางขึ้นมา

เจิ้งจิ่งเหอส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดไร้สาระออกไปจากสมองให้หมด สงสารนางทำไมกัน ตราบใดที่การตายของเสิ่นอ้ายเยว่ยังไม่กระจ่าง เสิ่นลี่จูก็คือหนึ่งในคนที่น่าสงสัยอยู่ดี

"เมี่ยวเถียนเจ้าดูสิ ดอกนั้น ไม่ใช่ เจ้าขยับไปอีก ให้ตายเถอะ เหตุใดขาเจ้าจึงสั่นเช่นนี้เล่า"

เสียงของสตรีนางหนึ่งดังแว่วมาจากอุทยานหลวง เมื่อเจิ้งจิ่งเหอหันไปมองก็พบว่าเป็นเสิ่นลี่จูที่กำลังยืนเท้าเอวพลางชี้ไม้ชี้มือสั่งให้นางกำนัลของนางปีนขึ้นไปเก็บดอกเหมยบนต้นไม้ เขามองนางด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่ได้สั่งให้คนไปแจ้งต่อนางว่าเขาเสด็จมาที่นี่

เสิ่นลี่จูถึงกับกุมขมับ เหตุใดนางจึงมีสาวใช้ขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้กันนะ เมี่ยวเถียนไม่ได้เรื่องเลย

"เจ้าลงมา"

เสิ่นลี่จูสั่งให้เมี่ยวเถียนลงมาจากต้นไม้ ก่อนจัดการถอดเสื้อคลุมตัวนอกให้เมี่ยวเถียนถือเอาไว้ และนางก็จัดการยกชายกระโปรงขึ้นพร้อมกับปีนขึ้นไปบนต้นดอกเหมยเสียเอง

"พระสนมเพคะ ไม่ได้นะเพคะ"

เมี่ยวเถียนรีบเอ่ยปราม แต่เสิ่นลี่จูมีหรือจะฟัง ปีนต้นไม้เป็นงานถนัดของนางมาตั้งแต่เด็ก

"ไม่ต้องมาห้ามข้า ข้าสั่งให้เจ้าทำก็ไม่ได้เรื่อง ข้าถึงต้องมาจัดการเก็บด้วยตนเอง รับไป"

เสิ่นลี่จูหักกิ่งดอกเหมยมาหลายกิ่งนางล้วนเลือกดอกงาม ๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่กำลังจะโยนดอกเหมยส่งให้เมี่ยวเถียน นางก็เห็นว่าเจิ้งจิ่งเหอกำลังยืนเงยหน้ามองนางอยู่ใต้ต้นไม้ เสิ่นลี่จูมองเขาด้วยความประหลาดใจ

"ฝ่าบาท ทรงเสด็จมาชมดอกเหมยเหมือนกันหรือเพคะ สนใจสักกิ่งไหม หม่อมฉันจะเลือกดอกงาม ๆ ให้"

"ไสหัวลงมา ตั้งแต่ข้าอยู่ในวังหลวงจนเติบโตไม่เคยพบเจอนางสนมคนไหนเหมือนลิงเช่นเจ้า!"

เสิ่นลี่จูเบ้ปาก ก่อนจะไต่ลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว เจิ้งจิ่งเหอยกมือสั่งให้นางกำนัลและขันทีถอยออกไปให้หมด เมื่อเหลือเพียงเขาและนางเพียงสองคนแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ย

"เมื่อยามเช้าเจ้าไปหาข้า มีเรื่องใด"

เสิ่นลี่จูย่นหัวคิ้ว นางคิดว่าเขาจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทแล้ว ไม่คิดว่าเขายังจำได้และถ่อมาถามนางถึงที่ี่

แต่ก็ดีเหมือนกัน

"สนทนาตรงนี้คงไม่เหมาะเพคะ เพราะมันคือแผนการที่หม่อมฉันคิดจะจับตัวฆาตกรมาให้ได้"

เจิ้งจิ่งเหอเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็มองเสิ่นลี่จูด้วยแววตาที่จริงจัง

"ตามข้ามา"

เอ่ยจบเขาก็เดินนำทางนางไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง เสิ่นลี่จูเองรีบตามเขาไป ในใจนางระแวดระวังเป็นอย่างมาก คนผู้นี้จิตใจไม่ปกติ เกิดเขามีโทสะแล้วบีบคอนางตายระหว่างทางคงจะแย่แน่ แต่ไม่เป็นไร หากนางตายจะได้หมดเวรหมดกรรม

ช่างเถิด ๆ อย่าเพิ่งคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย

เดินอยู่นานก็มาถึงเรือนหลังหนึ่ง เรือนนี้เป็นเรือนที่มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องเก็บตำรา เจิ้งจิ่งเหอไม่ได้ให้ข้ารับใช้ตามขึ้นมา เขาเพียงเดินนำทางนางขึ้นไปที่ชั้นสอง และให้ฟ่านกงกงนำชาร้อนกับของว่างมาให้ เสิ่นลี่จูมองไปโดยรอบก่อนจะต้องตกตะลึงไม่น้อย สถานที่แห่งนี้งดงามมากจริง ๆ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งวังหลวงได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมองเห็นบ้านเรือนของราษฎรที่อยู่ด้านนอกวังหลวงอีกด้วย นางไม่คิดเลยว่าในวังหลวงที่แสนน่าเบื่อแห่งนี้จะมีสถานที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย

"ไหนว่ามีแผนการ เจ้าลองเล่ามาสิ หากไม่ได้เรื่องได้ราว ข้าจะโยนเจ้าทิ้งลงไปข้างล่าง"

เสิ่นลี่จูละสายตาจากความงามเบื้องหน้าละหันมาสบตากับเจิ้งจิ่งเหอ

"ขอบอกก่อนว่าหากพระองค์ไม่ทรงเห็นด้วย ก็คิดเสียว่าหม่อมฉันไม่เคยเอ่ยเถอะเพคะ"

"รีบพูดมา"

"หม่อมฉันคิดว่า หากเราตาหาฆาตกรอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ นอกจากมันจะไม่ยอมปรากฏตัวออกมาแล้ว บางคราอาจจะล่วงรู้ในสิ่งที่เรากำลังจะทำก็เป็นได้ เราอยู่ในที่แจ้ง ส่วนคนลงมืออยู่ในที่ลับ ย่อมอันตรายและเสี่ยงมาก ไม่สู้เราหาทางทำให้ฆาตกรปรากฏตัวออกมาเองดีกว่าเพคะ"

เจิ้งจิ่งเหอที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มเมื่อได้ยินที่เสิ่นลี่จูเอ่ยก็เลิกคิ้วมองนางด้วยความสนใจ

"เล่าต่อไปสิ"

เสิ่นลี่จูพยักหน้า และรีบบอกเล่าแผนการต่อไป

"จากที่หม่อมฉันครุ่นคิดมาสองวัน มีความเป็นไปได้เพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้คนผู้นั้นคิดลงมือสังหารพี่สาวของหม่อมฉัน หากจะบอกว่าเสิ่นอ้ายเยว่ผูกคอตายเพราะตั้งครรภ์หม่อมฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ หม่อมฉันรู้ดีกว่าใครว่านางอยู่แต่ในจวนไม่ค่อยได้ออกไปไหน อีกทั้งจวนแม่ทัพยังมีการคุ้มกันแน่นหนา หากไม่ใช่เพราะคนในมีใจเป็นอื่นย่อมยากต่อการลงมือ ประการที่สอง ข้อนี้มีความเป็นไปได้มากว่า คนที่ลงมืออาจจะเป็นศัตรูของพระองค์ พวกมันคิดจะทำลายสิ่งที่พระองค์รัก ทำให้พระองค์เสียใจอย่างสุดซึ้งจนไม่อาจทำสิ่งใดต่อได้ จากนั้นก็ฉวยโอกาสทำร้ายพระองค์ เหตุผลข้อนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าเพคะ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันคิดว่า เราควรแกล้งทำเป็นรักใคร่ต่อกัน เมื่อพวกมันเห็นว่าหม่อมฉันมีความสำคัญต่อพระองค์ อาจจะใจร้อนปรากฏตัวออกมาก็เป็นได้ แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่เราก็คิดหาแผนการใหม่เพคะ"

เจิ้งจิ่งเหอวางถ้วยชาลง ก่อนจะเอ่ย

"นี่เจ้าอยากใกล้ชิดข้าหรือ จึงคิดแผนการนี้ขึ้นมา"

"ใกล้ชิดกับผีสิเพคะฝ่าบาท มันคือแผนการ หากไม่เห็นสมควรก็ลืม ๆ มันไปเถอะ"

เจิ้งจิ่งเหอมีท่าทางครุ่นคิด แผนการที่เสิ่นลี่จูเอ่ยมานับว่าไม่เลว มันคือการล่อคนร้ายออกมา หากเป็นเช่นนางกล่าวจริง แน่นอนว่าคนที่ลงมือต้องการใช้คนรอบกายเขามาทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข

มันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ จึงลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้

เสิ่นลี่จูเองก็ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบจากเขา นางคิดจะยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ว่าเขาอาจจะวางยาพิษนาง หญิงสาวจึงยั้งมือและไม่หยิบจับสิ่งใดอีก

"แผนของเจ้าไม่เลว แต่ถ้าหากสำเร็จ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตนเองอาจจะไม่รอด"

"เพคะ แต่การได้ทวงความเป็นธรรมให้เสิ่นอ้ายเยว่ก็ถือว่าคุ้มค่า หม่อมฉันไม่เชื่อว่านางจะตั้งครรภ์กับชายอื่น และที่สำคัญ ถือเสียว่าไถ่บาปให้นางก็แล้วกัน"

ประโยคหลังเสิ่นลี่จูเอ่ยได้ไม่เต็มปากเต็มคำเท่าใดนัก เพราะเจ้าของร่างเดิมก่อเรื่องก่อราวเอาไว้มากมายเหลือเกิน 

นางไม่ใช่คนที่นี่ เดิมทีเข้ามาก็เพราะความบังเอิญ หากตายจากและได้กลับไปยังที่ที่จากมาก็นับว่าคุ้มค่า

เจิ้งจิ่งเหอลอบสังเกตท่าทีของเสิ่นลี่จู พบว่านางไม่ได้มีท่าทีเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย

"ข้าขอคิดให้ดีก่อน ระหว่างนี้เจ้าก็อยู่ในตำหนักเย็นให้ดี ใคร่ครวญความผิดบาปที่เจ้าเคยทำต่อนาง"

เสิ่นลี่จูไม่เอ่ยสิ่งใด หลังจากที่ไม่มีสิ่งใดต้องสนทนากันแล้ว เขาและนางก็เดินออกมาจากเรือนหลังนั้น ฟ่านกงกงที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเข้ามารายงานทันที

"ทูลฝ่าบาท ยามนี้กู้ไทเฮาและไคกั๋วกงเดินทางมาถึงวังหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

เจิ้งจิ่งเหอที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเต็มใบหน้า เขาสั่งให้เสิ่นลี่จูกลับตำหนักเย็นไปเสีย ส่วนตนก็รีบร้อนเดินจากไปทันที

ด้านเสิ่นลี่จูเมื่อกลับมาถึงตำหนักเย็น ก็เรียกเมี่ยวเถียนมาถาม

"เมี่ยวเถียน ไคกั๋วกงคือผู้ใดกัน"

เมี่ยวเถียนที่กำลังเทชาร้อนให้เจ้านาย พลันเงยหน้ามามองก่อนจะเอ่ยถาม

"พระสนมทรงจำไม่ได้จริง ๆ หรือเพคะ ไคกั๋วกงคือพระญาติของฝ่าบาท นามของเขาคือคุณชายกู้อวิ๋นหาน ก่อนหน้านี้เขาชอบมาที่จวนบ่อย ๆ เพื่อมามอบของกำนัลให้คุณหนูใหญ่เสิ่นแทนฝ่าบาท ยามนั้นพระสนมก็เอ่อ เอาของพวกนั้นไปเผาทำลายทั้งหมด ไคกั๋วกงเห็นเข้าจึงตำหนิพระสนมอย่างไม่ไว้หน้า นับแต่นั้นพระสนมก็ไม่เคยชอบหน้าไคกั๋วกงอีกเลย เจอกันทุกคราล้วนตีฝีปากกันเสียทุกครั้ง”

เสิ่นลี่จูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก เสิ่นลี่จูเอ๋ยเสิ่นลี่จู เจ้าช่างสร้างศัตรูไปทั่วโดยแท้ แม้แต่ญาติของเจิ้งจิ่งเหอเจ้าก็ยังไม่ละเว้น เหลือเกินจริง ๆ

        ว่าแต่เหตุใดตอนนางอ่านนิยายถึงไม่เห็นไคกั๋วกงผู้นี้ในหน้าหนังสือกันเล่า เขาโผล่มาจากที่ไหนกัน?

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • สนมคนงามเรามาเล่นกันเถอะ   ตอนจบ

    ยามนี้ทหารกบฏตายหมดสิ้นแล้ว อู๋อ๋องถูกตัดศีรษะ แต่ทว่าเจิ้งจิ่งเหอกลับหาตัวของเจิ้งมู่หยางไม่พบเวลาเดียวกันนั้น เสิ่นฮูหยินก็มาแจ้งว่า เสิ่นลี่จูหายตัวไปตั้งแต่กลางดึกแล้ว นางส่งคนออกตามหาแต่กลับไม่พบตัวคนเจิ้งจิ่งเหอและกู้อวิ๋นหานตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เขาสั่งคนออกตามหาเสิ่นลี่จูแต่กลับไร้วี่แวว เจิ้งจิ่งเหอคิดว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวพันกับเจิ้งมู่หยางเป็นแน่เมื่อหาเสิ่นลี่จูไม่พบ เจิ้งจิ่งเหอก็ไม่เป็นอันทำสิ่งใด เขาเหมือนคนคลุ้มคลั่ง ในขณะที่กำลังสิ้นหวังเต็มที เขาก็เหลือบไปเห็นว่าบนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ บนกระดาษมีข้อความเขียนเอาไว้คนรักของเจ้าอยู่ที่ป่าไผ่รกทึบ ห่างจากจวนตระกูลเฉิงไปไม่ไกล ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีร่องรอยของการขุดฝัง รีบไปก่อนจะไม่ทันการณ์เจิ้งจิ่งเหอกำจดหมายนั้นเอาไว้แน่น เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่ยามนี้ทางใดที่เหมือนแสงสว่างเขายินดีทำทั้งหมด กู้อวิ๋นหานเมื่อได้ทราบข่าวจากเจิ้งจิ่งเหอก็รีบไปช่วยตามหา แม่ทัพใหญ่เสิ่นนั้นก็เร่งตามไปเช่นเดียวกันชายหนุ่มทั้งสองมายังจุดที่จดหมายปริศนาบอกเอาไว้ เขาตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่และพบร่องรอยการขุดดินจริง ๆเจิ้งจิ่งเหอรีบใช้

  • สนมคนงามเรามาเล่นกันเถอะ   บทที่ 32 ใจคนช่างน่ากลัว

    หลายสิบวันต่อมา ในที่สุดเจิ้งจิ่งเหอก็เดินทางมาถึงชายแดนเมืองหวายเยียนพร้อมกับกู้อวิ๋นหาน ครั้งนี้เขานำกำลังทหารมาไม่น้อยเลย แม่ทัพใหญ่โต้วรีบออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ครั้งนี้บิดาของเสิ่นลี่จูก็ออกมารับเสด็จเช่นเดียวกัน เจิ้งจิ่งเหอยังไม่ทันได้พบกับเสิ่นลี่จูก็รีบเร่งรุดไปที่ชายแดนเสียก่อน เขาจัดกำลังทหารใหม่ ได้พักเพียงวันเดียวก็ต้องออกรบทำศึกเสียแล้วเสิ่นลี่จูอยู่ที่จวนตระกูลเฉิง นางทำอาหารหลายอย่างและให้เจิ้งจิ่งเหอ กู้อวิ๋นหาน และคนอื่น ๆ ได้กินรองท้อง ตั้งแต่เขาเดินทางมาที่นี่ยังไม่ได้พบกับนางเลย แต่เสิ่นลี่จูกลับไม่ได้รู้สึกน้อยใจ นางรู้ดีว่าเขากำลังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการมากกว่าเรื่องของนางเจิ้งจิ่งเหอออกรบอยู่ที่นอกกำแพงเมือง เมื่อเขามาถึงก็ทำให้ได้ทราบว่า แท้จริงแล้วกุนซือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อสงครามครั้งนี้ก็คือเจิ้งมู่หยางเจิ้งมู่หยางยังไม่ตาย ศพที่พบก่อนหน้าคือคนทีี่ปลอมตัวเป็นเจิ้งมู่หยางโดยใช้หน้ากากหนังมนุษย์เพื่อหลอกให้เขาตายใจเจิ้งมู่หยางนำกำลังทหารของตนไปผนวกร่วมเข้ากับแคว้นอู๋ และร่วมมือกันก่อกบฏ โดยใช้อู๋อ๋องเป็นคนนำทัพ ส่วนตนเองนั้นคอยบงการอยู่เบื้องหลัง

  • สนมคนงามเรามาเล่นกันเถอะ   บทที่ 31 งานศพญาติสนิท

    หลายวันต่อมา เสิ่นฮูหยินก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งส่งมาจากเมืองหวายเยียน บอกว่าน้องชายของนางเกิดล้มป่วยกะทันหัน คาดว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน และอยากจะพบหน้านางซึ่งเป็นพี่สาวครั้งสุดท้าย เสิ่นฮูหยินจึงรีบสั่งให้คนเก็บข้าวของเพื่อเดินทางไปเมืองหวายเยียนทันทีเสิ่นฮูหยินมารดาของเสิ่นลี่จูเป็นสตรีที่มีถิ่นฐานเดิมมาจากเมืองหวายเยียน ยามนั้นแม่ทัพใหญ่เสิ่นไปออกรบ คนทั้งสองได้พบรักกัน มารดาของนางเป็นบุตรสาวของคหบดีที่ร่ำรวยผู้หนึ่งในเมืองหวายเยียน อีกทั้งยังมีกิจการอยู่ที่เมืองหลวงไม่น้อย เมื่อแต่งกับแม่ทัพใหญ่เสิ่นจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง ร้านรวงที่อยู่ในเมืองหลวง ทางครอบครัวได้มอบให้เป็นสินเดิมของนางทั้งหมดแม่ทัพใหญ่เสิ่นที่ได้ทราบข่าวก็ตั้งใจว่าจะเดินทางไปกับภรรยาด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่มีสิ่งใดต้องรับผิดชอบอีกแล้ว เสิ่นลี่จูก็ต้องร่วมเดินทางไปด้วยเช่นเดียวกัน เผื่อว่าทางใต้มีทำเลทิศทางทำการค้าได้ดี นางอาจจะเปิดภัตตาคารที่นั่นอีกสาขาหนึ่งเจิ้งจิ่งเหอที่ได้ทราบข่าวเดิมทีเขาไม่อยากให้นางไป ตอนนี้ทางทิศใต้สงครามยังไม่สงบ รองแม่ทัพโต้วซึ่งยามนี้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่โต้วคนใหม่ ได้ไปปราบ

  • สนมคนงามเรามาเล่นกันเถอะ   บทที่ 30 ปรับความเข้าใจ

    เอ่ยจบเขาก็กึ่งเดินกึ่งลากตัวนางออกมาจากเรือน เสิ่นลี่จูรีบรั้งตนเองเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาท เหตุใดจึงทรงทำเช่นนี้เล่าเพคะ"เจิ้งจิ่งเหอหันมาจ้องสตรีตรงหน้าเขม็ง"ทำไม หรือว่าเจ้าอยากแต่งกับเขา เสิ่นลี่จู ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ตรงนี้เลยนะ ข้าไม่มีวันให้เจ้าได้สมใจ""เพราะเหตุใด เราต่างไม่มีเรื่องติดค้างใจต่อกันแล้ว พระองค์ไม่มีสิทธิ์มาทำเช่นนี้ตามใจชอบ""เพราะว่าข้าชอบเจ้าได้ยินหรือไม่!""ฮะ!"เสิ่นลี่จูถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก นางรู้สึกว่าตนเองกำลังหูฝาดไป จึงเอ่ยถามเขาย้ำอีกหน"ฝ่าบาททรงเอ่ยว่าอย่างไรนะเพคะ"เจิ้งจิ่งเหอถอนหายใจออกมา เขาเม้มริมฝีปากแน่น เสิ่นลี่จูนางหูหนวกหรือว่าหูตึงจึงไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาบอก เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตะโกนจนลั่นจวน"ข้าชอบเจ้า สตรีหน้าโง่ เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าข้าชอบเจ้า!"เสียงของเขาดังมาก ดังเสียจนทำให้บ่าวที่กวาดลานถึงกับทำไม้กวาดหล่นจากมือ สาวใช้ที่กำลังเช็ดจวนถึงกับทำผ้าหล่นลงพื้น แม่ทัพใหญ่เสิ่นหันไปมองฮูหยินของตนคราหนึ่งเมื่อได้ยินชัด ๆ แล้ว เสิ่นลี่จูก็ยิ้มออกมาในทันที นางไม่เคยคิดเลยว่ารักครั้งแรกของนางจะต้องมาเจ

  • สนมคนงามเรามาเล่นกันเถอะ   บทที่ 29 ชีวิตใหม่

    เมื่อกลับมาอยู่ที่จวนแล้ว เสิ่นลี่จูก็เริ่มหมักสุราตามสูตรของนาง นางฝังสุราหลายไหเอาไว้ใต้ต้นไม้ สุราแต่ละชนิดล้วนมีเวลาการหมักบ่มของมัน เสิ่นลี่จูเองก็ไม่รีบร้อน อีกทั้งนางยังสั่งให้บ่าวไพร่ปลูกผักในจวนเอาไว้ขาย ไม่นานมานี้นางยังไปปรับปรุงภัตตาคารในเมืองหลวงซึ่งเป็นสินเดิมของมารดาเพื่อทำการค้าใหม่ ฝีมือการทำอาหารของเสิ่นลี่จูนับว่ายอดเยี่ยม ประจวบเหมาะกับนางนำความรู้จากยุคปัจจุบันมาประยุกต์ใช้ จึงทำให้อาหารที่ภัตตาคารของนางไม่เหมือนกับที่ใดที่ชวนให้ผู้คนสนใจมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นการสุ่มอาหาร ลูกค้าที่เข้ามาจะสามารถเลือกการจับฉลากสุ่มอาหารได้ เพียงจ่ายในราคาหนึ่งตำลึงสำหรับการสุ่มอาหารชุดใหญ่ ราคาสิบอีแปะสำหรับการสุ่มอาหารชุดกลาง และราคาสามอีแปะสำหรับการสุ่มอาหารชุดเล็ก พวกเขาจะไม่รู้เลยว่าอาหารชุดใหญ่นั้นจะมีอะไรบ้าง บางครายังได้สุราชั้นดีแถมกลับบ้านอีกด้วย เรื่องนี้สร้างความสนุกสนานแก่ผู้คนในเมืองหลวงไม่น้อยส่วนอาหารที่ขึ้นชื่ออีกอย่างก็คือ สลัดผัก เพราะในยุคโบราณมีวัตถุดิบไม่มาก นางจึงใช้น้ำมันงามาทำน้ำสลัดอย่างง่าย ๆ แต่รสชาติกลมกล่อมเป็นอย่างมาก สตรีในเมืองหลวงหลายคนที่ต้องการล

  • สนมคนงามเรามาเล่นกันเถอะ   บทที่ 28 แยกทาง

    กว่าจะเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงก็เป็นเวลาเย็นย่ำมากแล้ว เมื่อกลับมาถึงตำหนักเสิ่นลี่จูก็รีบผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และมากินมื้อเย็น หลังจากกินอิ่มแล้ว นางจึงไปเยี่ยมกู้ไทเฮาและอยู่พูดคุยด้วยกันครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาที่ตำหนักของตนเสิ่นลี่จูก็เดินไปที่โต๊ะตำรา ก่อนจะเปิดตำราเล่มหนึ่ง ด้านในนั้นมีหนังสือสัญญาที่เขาและนางลงลายมือประทับเอาไว้ร่วมกัน ไม่รู้เพราะเหตุใดยามที่คิดว่าถึงเวลาจะต้องแยกทางกันแล้ว นางจึงรู้สึกเศร้าใจถึงเพียงนี้ไม่รู้ว่านางเกิดความรู้สึกผูกพันกับเจิ้งจิ่งเหอยามใด เดิมทีเขาและนางเปรียบเหมือนกับเส้นขนานที่ไม่อาจจะมาบรรจบกันได้ เขาไม่เคยรักนาง ส่วนนางก็ต้องกลับไปยังที่ที่ตนเองจากมา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการไม่สานความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกันนับว่าเป็นเรื่องดีเมื่อนึกเรื่องที่ต้องกลับไปยังโลกอนาคต เสิ่นลี่จูก็พลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เรื่องของเสิ่นอ้ายเยว่ก็ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ว่าเหตุใดนางจึงกลับไปไม่ได้เล่าหญิงสาวมองไปโดยรอบ ก่อนจะพบเข้ากับเทพธิดาจิ้งจกที่เกาะอยู่ตรงประตู"เทพธิดาจิ้งจก ข้าไขคดีการตายของเสิ้นอ้ายเยว่ได้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่สามารถกลับไปได้อีกเล่า"เทพธิดาจิ้งจกปรา

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status