ขันทีเฒ่ารีบวางอาหารลงบนโต๊ะด้วยมือที่สั่นเทา เขาไม่กล้ามองภาพตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ชายชรารีบปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาด้วยกลัวว่าจะถูกฮ่องเต้ผู้ซึ่งอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ สั่งทำโทษเขา เขาไม่อยากต้องตกตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้
เฟิ่งฟางเซียนใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย ให้ตายสิ!!! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน
นางก้มลงไปมองสวีหลงเยียน ก่อนจะสะดุ้งตกใจไม่น้อย เมื่อพบว่าเขาเองก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน ริมฝีปากหนาใหญ่กัดหัวไก่เอาไว้แน่น สายตาเย็นชาจ้องมองมาที่นางด้วยความอำมหิต
เฟิ่งฟางเซียนรีบถอยหลังหนีสวีหลงเยียน แต่เขากลับใช้ท่อนแขนแกร่งกอดรัดเอวบางเล็กของนางเอาไว้อย่างถือวิสาสะ
"พระองค์จะทำสิ่งใดเพคะ หม่อมฉันหายใจไม่ออกเพคะ!!! โอ๊ะ!!!"
เขากดร่างของนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองออกจนหมด เฟิ่งฟางเซียนจ้องมองแผงอกล่ำสันของเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สวีหลงเยียนนั้นมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจต่อนางเป็นอย่างยิ่ง
เฟิ่งฟางเซียนพยายามเบือนหน้าหนีไม่อยากมองลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ของเขา ใจนางเต้นถี่ระรัวจนแทบจะกระเด็นออกมาที่นอกอก
สวีหลงเยียนยกยิ้มมุมปาก สตรีต่ำช้าผู้นี้คิดยั่วยวนเขา นางจะต้องได้รับบทเรียนที่สาสม!!!
"หันหน้ามา!!!"
"ไม่เพคะ อื้อ!!!"
สวีหลงเยียนใช้ฝ่ามือหนาใหญ่บีบคางเล็กของนางให้หันมาหาเขา แล้วจึงบดเบียดลำแท่งเอ็นอุ่นร้อนเข้าไปในโพรงปากสวยของนางจนมิดลำ เฟิ่งฟางเซียนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่ถูกเขาจู่โจมเช่นนี้
ป่าเถื่อนที่สุด!!!
แต่ใหญ่คับปากมาก!!!
"ซี้ดดดดด!!!"
สวีหลงเยียนขยับลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยักษ์เข้าออกที่ริมฝีปากบางสวยของนางอย่างหนักหน่วง จนเกิดเสียงดัง อ๊อก อ๊อก
เขาใช้มือกดศีรษะของนางเอาไว้แน่น จนนางขยับหนีไปไหนไม่ได้ เฟิ่งฟางเซียนจำต้องยอมรับความเสียวซ่านที่เขายัดเยียดให้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้
ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ดูดให้เน้น ๆ ไปเลยสิอย่าไปยอม!!!
เฟิ่งฟางเซียนยื่นฝ่ามือเรียวงามไปบีบขยำที่บั้นท้ายของสวีหลงเยียนอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับเพิ่มแรงดูดที่ลำแท่งเอ็นร้อนให้มากยิ่งขึ้น จนร่างของสวีหลงเยียนกระตุกเบา ๆ น้ำรักสีขาวขุ่นที่มีกลิ่นคาวนิด ๆ ก็ไหลล้นทะลักเข้าไปในลำคอของนางจนมันไหลเยิ้มออกมาตามมุมปาก เฟิ่งฟางเซียนแลบลิ้นเลียชิมรสชาติที่เอร็ดอร่อยนั้นอย่างพึงพอใจ
สวีหลงเยียนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาช้อนอุ้มร่างบางราวกับกิ่งหลิวของนางให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะอาหาร แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เฟิ่งฟางเซียน ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดันและเร่าร้อน ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากสีหวาน เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างดูดดื่ม จนเฟิ่งฟางเซียนรู้สึกหายใจติดขัดกับรสจูบที่เขามอบให้
แต่มันช่างเผ็ดร้อนเสียจนมิอาจพร่ำบอกให้เขาหยุดการกระทำที่แสนสุขสม นางจึงกัดลงไปที่มุมปากของเขาเล็กน้อย แล้วเร่งสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเม้มจูบกับเขาต่อไปอย่างมิให้ขาดช่วง
สวีหลงเยียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเร่าร้อนจนแทบจะทนไม่ไหว ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาเริ่มรู้สึกว่านางช่างเย้ายวนต่อสายตาของเขาเช่นนี้
แควก!!!
"ฝ่าบาทเพคะ"
"อยู่นิ่ง ๆ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาขัดใจข้า"
เฟิ่งฟางเซียนเม้มริมฝีปากแน่น ยอมให้สวีหลงเยียนฉีกทึ้งเสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างของนางออกจนหมด
สวีหลงเยียนเพ่งสายตาพิจารณาเรือนร่างของนางอย่างชัดเจนในคืนนี้ มันช่างงดงามราวกับภาพวาด งดงามเสียจนเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
เขาโน้มใบหน้าลงไปจูบไซ้ที่ซอกคอขาวนวลเนียนของนางด้วยความหื่นกระหาย กลิ่นหอมของสตรีที่เขาไม่เคยสัมผัส มันหอมราวกับกลิ่นมวลดอกไม้ที่ให้ความสดชื่นและเร่าร้อนในคราเดียวกัน
จ๊วบ จ๊วบ
"อื้ออ!!! ฝ่าบาทเพคะ!!!"
เฟิ่งฟางเซียนใช้มือทั้งสองเท้าเอาไว้บนโต๊ะอาหาร นางปล่อยตัวปล่อยใจให้สวีหลงเยียนเชยชมได้ตามใจชอบ สองมือหนาใหญ่กอบกุมบีบขยำเคล้นคลึงสองเต้าอวบอิ่มของนางจนเป็นรอยแดง แล้วจึงครอบริมฝีปากกลืนกินจุกดอกบัวสีหวานของนางด้วยความหลงใหล เขาทั้งดูดดึงและขบเม้มถี่เร่า จนเฟิ่งฟางเซียนแอ่นเนินอกอวบสวยเข้าหา เพื่อให้เขาได้ลิ้มรสความงามที่นางจงใจมอบให้
สวีหลงเยียนใช้มือกวาดถาดอาหารให้ร่วงลงจากโต๊ะไปจนหมด แล้วจึงผลักร่างของสนมรักให้นอนหงายไปบนโต๊ะอาหาร เขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ จับขาเรียวงามของนางให้อ้าออกจนกว้าง สายตาเร่าร้อนจับจ้องมองดูเนินสวาทที่ไร้ขนและกลีบดอกไม้สีชมพูที่อวบอูมด้วยความปรารถนา
"อื้ออ อ๊าส์!!! เสียวเพคะ อื้ออ!!!"
สวีหลงเยียนใช้ลิ้นสากร้อนแลบเลียขึ้นลงที่ร่องหลืบสีหวานจนฉ่ำน้ำ แล้วจึงใช้นิ้วมือหนาใหญ่แบะกลีบบุปผางามให้แยกออกจากกัน เม็ดเกสรสีหวานที่ดึงดูดสายตากำลังรอให้เขาเข้าไปเชยชม
ชายหนุ่มครอบริมฝีปากลงไปดูดดึงขบเม้มเม็ดเกสรสีสวยอย่างเอาแต่ใจ แล้วค่อย ๆ สอดแทรกนิ้วอุ่นร้อนทั้งสี่นิ้วเข้าไปในรูสวรรค์ของนาง เขาขยับนิ้วเข้าออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมกับใช้ลิ้นร้อนกระดกแลบเลียซอกหลืบสวาทจนฉ่ำแฉะ
เฟิ่งฟางเซียนที่ถูกเล้าโลมเร่งเร้า ก็รู้สึกเสียวกระสันเป็นอย่างยิ่ง จนนางถึงกับยกกระดกบั้นท้ายงอนงามขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"อะ อ๊าส์!!! หม่อมฉันไม่ไหวแล้วเพคะ!!!"
ร่างของเฟิ่งฟางเซียนกระตุกอย่างรุนแรง น้ำหวานสีใสไหลเยิ้มออกมาจนเปียกชุ่มที่กลีบดอกบัวทั้งสองกลีบของนาง สวีหลงเยียนไม่นึกรังเกียจตรงกันข้ามเขากลับหลงใหลมันเป็นอย่างมาก น้ำหวานจากรูสวยของนางช่างรสชาติดีไม่น้อย
เขาอุ้มร่างของนางให้ไปนอนบนเตียงนอน แม้เตียงจะไม่นุ่มเบาสบายเช่นตำหนักของเขาแต่มันก็ใช้การได้ดีไม่น้อย
สวีหลงเยียนไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ เขาบดเบียดลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวเข้าไปในรูสวาทของนางจนมิดลำทันที เฟิ่งฟางเซียนถึงกับต้องซู้ดปากด้วยความจุกแน่นที่ท้องน้อย
"อูยยยย!!! เจ็บเพคะ!!!"
"เจ้าได้เจ็บทั้งคืนแน่!!! วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้า ซี้ดดด!!!"
ตับตับตับ
เขายื่นฝ่ามือหนาใหญ่สองข้างไปจับรั้งที่เอวบางสวยของนางให้ยกขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงขยับสะโพกกระแทกกระทั้นลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกที่รูเสียวของนางอย่างหนักหน่วงและถี่เร่า
"อ๊าส์!!! ฝ่าบาท หม่อมฉันจุกเพคะ อื้อออ!!!"
"ซี้ดดดด!!! ข้าเสียวยิ่งนัก!!!"
เขาเร่งจังหวะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น เฟิ่งฟางเซียนใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านและเจ็บปวด มันปะปนผสมผสานกันจนนางแทบจะตัวลอยอยู่แล้ว
เขาจับตัวเฟิ่งฟางเซียนให้พลิกนอนตะแคง จากนั้นก็เอาตัวเข้าไปซ้อนกายอยู่ที่ด้านหลังของนาง พร้อมกับสอดท่อนแขนแกร่งเข้าไปที่ใต้ศีรษะมนสวยให้นางหนุน แล้วจึงใช้มือใหญ่ข้างเดียวกันจับสองมือเรียวสวยเอาไว้เพื่อมิให้นางขัดขืน
จากนั้นก็ค่อย ๆ บดเบียดลำแท่งมังกรเข้าไปในรูสวาทของนางอีกครั้งจนลึกสุด ก่อนจะจับเรียวขางามข้างขวาให้ยกขึ้นสูง แล้วสอดวางท่อนขาแกร่งพาดลงไปทาบทับกับขาข้างซ้ายเพื่อกักรั้งเอาไว้ไม่ให้นางขยับดิ้นหนี
ตับตับตับ
"อ๊าส์!!! หม่อมฉันเสียวเพคะ อื้อออ!!!"
"เจ้าชอบไม่ใช่หรือ โอว์!!! แน่นยิ่งนัก!!!"
สวีหลงเยียนแลบลิ้นเลียที่ใบหูขาวนวลเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย จนเฟิ่งฟางเซียนรู้สึกขนลุกขนชันไปหมด เหตุใดจึงเร่าร้อนเช่นนี้!!! เขาช่างเร้าใจนางเหลือเกิน
สวีหลงเยียนขยับลำแท่งเอ็นอุ่นร้อนให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น เขารู้สึกเสียวซ่านยิ่งนัก ราวกับว่ายิ่งได้สัมผัสร่างกายของนางอารมณ์ของเขาก็ยิ่งกระเจิดกระเจิงไปหมด
"ขึ้นมาทำให้ข้าบ้าง"
สวีหลงเยียนกระซิบที่ข้างใบหูของนางด้วยน้ำเสียงกระเส่าแหบพร่า เฟิ่งฟางเซียนพยักหน้าน้อย ๆ แล้วจึงขึ้นมานั่งคร่อมบนร่างใหญ่ของเขา มือเรียวเล็กกอบกุมลำแท่งมังกรใหญ่ยาวให้แทรกซึมเข้ามาในรูสวยของนางจนมิดลำ
"อูยย!!! มันแน่นมากเลยเพคะ"
"ขยับแรง ๆ เข้า ข้าชอบ ซี้ดด!!! "
เฟิ่งฟางเซียนขยับสะโพกขึ้นลงที่ลำแท่งเนื้อขนาดใหญ่ของเขาอย่างสนุกสนาน สะโพกสวยส่ายร่อนร่ายรำราวกับหงส์เหิน สวีหลงเยียนจับรั้งเอวบางสวยของนางกดเอาไว้แล้วจึงเด้งเอวสวนกระแทกกระทั้นลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่เข้าออกที่รูสวาทของนางอย่างหนักหน่วงและถี่เร่า
"อื้ออ!!! หม่อมฉันไม่ไหวแล้วเพคะ!!!"
"ขยับ ซี้ดดด!!! อย่าหยุด ข้าใกล้แล้ว!!!"
"อ๊าส์!!!"
"โอว์!!!"
น้ำสวาทสีขาวขุ่นไหลล้นทะลักเข้าไปในรูสวยของนางจนเต็มไปหมด เฟิ่งฟางเซียนรีบผละออกจากร่างของสวีหลงเยียนก่อนจะหาผ้ามาเช็ดคราบน้ำรักของเขา สวีหลงเยียนขมวดคิ้วมุ่นจ้องมองนางด้วยสายตาไม่พอใจ
"เจ้าจะเช็ดทำไมกัน?"
"มันเลอะนี่เพคะ?"
"ข้าไม่ได้สั่ง!!! ห้ามเช็ด!!! นี่เจ้ารังเกียจข้ารึ?"
เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเอือมระอา โรคประสาทกำเริบอีกแล้วสินะ!!!
สวีหลงเยียนดึงร่างของนางให้นั่งลงบนเตียง เฟิ่งฟางเซียนหยิบผ้าห่มผืนบางขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของตนเองเอาไว้ อากาศในตำหนักเย็นค่อนข้างหนาวไม่น้อย แต่เมื่อครู่ตอนที่นางร่วมรักกับเขาเหตุใดมันจึงรู้สึกอบอุ่นไม่รู้สึกหนาวเลยเล่า?
สวีหลงเยียนปรายตามองเฟิ่งฟางเซียนอย่างดูแคลน
"ไม่ต้องมาแอบมองข้าด้วยสายตายั่วยวนเช่นนี้ ข้าไม่ได้รู้สึกหลงใหลเจ้าแม้แต่น้อย ข้าเพียงลงโทษเจ้าเท่านั้น!!! อย่าได้หลงตนเอง!!!"
เฟิ่งฟางเซียนลอบเบ้ปากอย่างรำคาญใจ ช่างปากร้ายไม่ตรงกับใจเสียจริง ๆ เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นเขาที่เริ่มกินนางก่อนด้วยซ้ำ
"นอนลง!!!"
"นอนทำไมเพคะ?
"ข้าจะทำอีก ต่อไปเป็นการลงโทษที่เจ้าขัดขืนคำสั่งข้า"
เฟิ่งฟางเซียน "..."
เสียงครางกระเส่าสลับกับเสียงเหนื่อยหอบดังแว่วออกมาจากตำหนักเย็นตลอดทั้งคืน เฟิ่งฟางเซียนรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งร่าง เขากระทำการย่ามใจต่อนางตลอดทั้งคืน นางเตือนว่าขาเตียงมันไม่ทนทานเพราะเป็นเพียงเสาไม้ค้ำเตียงธรรมดาและใกล้ผุเต็มทนแต่เขาก็ไม่ยอมฟังนาง จนใกล้รุ่งสางขาเตียงข้างหนึ่งจึงหักลงทันที
สวีหลงเยียนสั่งให้คนนำเตียงใหม่มามอบให้นาง มันดูสวยงามและทนทานกว่าเตียงอันเก่าเป็นอย่างมาก
"พระสนม ฝ่าบาทตรัสว่าคืนนี้จะมาทำโทษพระองค์อีกพ่ะย่ะค่ะ"
ขันทีชราเข้ามารายงานเฟิ่งฟางเซียนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม นางกระทืบเท้าด้วยความขุ่นเคือง สามคืนติดแล้วที่เขามาหานาง และทำโทษนางอย่างหื่นกระหายเช่นนี้
อย่ามาอ้างว่าทำโทษเลย เขาติดใจเรื่องอย่างว่าต่างหาก!!!
เข้าสู่ช่วงฤดูร้อน สวีหลงเยียนจึงคิดแปรพระราชฐานออกไปพักผ่อนที่พระราชวังฤดูร้อนนอกเมืองหลวง เขาตั้งใจจะเดินทางด้วยเรือลำใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ล่องเรือไปตามแม่น้ำ ชมทิวทัศน์ต้นไม้รายทาง และยังได้ให้เหล่าราษฎรได้รอเข้าเฝ้าเชยชมพระบารมีอีกด้วย พระราชวังฤดูร้อนอยู่ห่างจากเมืองหลวงหลายร้อยลี้ซึ่งอยู่ติดกับทะเลสาบ มีต้นไม้รายล้อมให้ความร่มรื่นเป็นอย่างยิ่ง เขาชื่นชอบธรรมชาติเป็นที่สุด มันช่วยทำให้เขาคลายความตึงเครียดจากการที่ต้องทนนั่งอ่านฎีกาจากขุนนางพวกนั้นที่คอยกวนใจเขา หลินกุ้ยเฟยเมื่อได้ยินว่าสวีหลงเยียนกำลังจะออกไปพักผ่อนที่นอกเมือง ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย นางตระเตรียมสิ่งของและเสื้อผ้าที่งดงามเอาไว้หลายชุด นางสนมในวังหลวงมีไม่มากเท่าใดนัก เหล่านางสนมชั้นต่ำฝ่าบาทย่อมไม่มีทางให้ตามเสด็จไปด้วยเป็นแน่ คงจะมีเพียงนางเท่านั้นที่ได้ติดตามไปด้วย ยิ่งคิดหลินกุ้ยเฟยก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ แต่เมื่อนึกถึงเฟิ่งฟางเซียนนางก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ได้ยินมาว่าฝ่าบาทเสด็จไปค้างแรมที่ตำหนักเย็นของนางสามคืนติดแล้ว หึ!!! นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นคงยั่วยวนฝ่าบาทจนทนไม่ไหวเป็นแน่ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งร้อนใจไม
เรือยังคงล่องไปตามแม่น้ำสายใหญ่ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบไม่ร้อน สวีหลงเยียนเบื่อกับการเล่นว่าวบนท้องฟ้าเสียแล้ว ยามค่ำดวงอาทิตย์เริ่มหม่นแสงลง บรรยากาศช่วงพลบค่ำช่างให้ความรู้สึกที่สบายใจไม่น้อย เขาหันไปมองเฟิ่งฟางเซียนที่ยืนเกาะขอบเรือมองดูทิวทัศน์รอบด้านด้วยสายตาซุกซน มุมปากของสวีหลงเยียนยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หากข้าถีบนางตกเรือนางจะโกรธข้าหรือไม่?ไม่ถีบดีกว่า นางจะต้องคอยปรนเปรอข้าให้สาแก่ใจ!!!"ทูลฝ่าบาท นางกำนัลต่างจัดเตรียมสำรับมือค่ำไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ""ดี อีกเดี๋ยวข้าจักไป""พ่ะย่ะค่ะ"ขันทีชราพยักหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะเร่งเดินกลับไปตระเตรียมสั่งการเหล่านางกำนัลมิให้ขาดตกบกพร่อง สวีหลงเยียนเดินเข้าไปใกล้เฟิ่งฟางเซียน นางหันมามองเขาด้วยสายตาที่ล้ำลึก น่าถีบตกเรือเสียจริงสวีหลงเยียน!!! "มองข้าด้วยเหตุใด?""อ้อ ไม่มีอะไรเพคะ""หึ!!! หลงใหลข้าเสียแล้วสิ ฝันไปเถอะจงหลงรักข้างเดียวไปเถิด"เฟิ่งฟางเซียนลอยหน้ากลอกตาและเบ้ปากใส่สวีหลงเยียนอย่างนึกเวทนา หลงตนเองเป็นที่สุด ใครรักเขากัน!!!"ตามข้าเข้าไปข้างใน ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว""เพคะ"เฟิ่งฟางเซียนเดินตามสวีหลงเยียนเข้าไปยังโถงเรือด้
หลินกุ้ยเฟยกำมือแน่น เมื่อได้ยินว่าสวีหลงเยียนกำลังรับสำรับมื้อค่ำกับเฟิ่งฟางเซียน โดยที่ไม่ยอมเอ่ยปากเรียกหานางให้ไปคอยปรนนิบัติรับใช้เลยด้วยซ้ำ เหตุใดเขาจึงใจร้ายกับนางได้ถึงขนาดนี้ นางไม่งดงามถูกตาต้องใจเขาบ้างเลยหรือ "พระสนมเพคะ เสวยเสียหน่อยเถิดเพคะ"หลินกุ้ยเฟยปรายตามองอาหารมากมายที่เรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ บัดนี้มันเย็นชืดไปหมดแล้ว นางเองก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย ในใจของนางร้อนรนอยากจะด่าทอทุบตีเฟิ่งฟางเซียนที่มาแย่งความโปรดปรานจากนางไป เกือบสองวันเต็มที่เรือล่องลอยอยู่กลางแม่น้ำ ในที่สุดก็ถึงเขตพระราชวังฤดูร้อนเสียที เฟิ่งฟางเซียนบิดกายไปมาด้วยความเมื่อยล้า บนเรือไม่สะดวกสบายเท่าใดนัก มันโคลงเคลงโยกไปมาจนนางรู้สึกเวียนหัวไปหมด เมื่อลงจากเรือ สวีหลงเยียนก็เดินนำทุกคนเข้าไปในพระราชวังฤดูร้อน มันช่างงดงามตระการตา รายล้อมไปด้วยป่าไผ่น้อยใหญ่เขียวชอุ่ม สลับกับต้นส้มเรียงรายให้ความสดชื่น "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจัดเตรียมที่พักให้พระสนมกุ้ยเฟยและพระสนมซูเฟยแล้ว..""หลินกุ้ยเฟยให้นางไปอยู่ตำหนักปีกขวา ส่วนตำหนักปีกซ้ายให้ปิดเอาไว้ก่อน""ฝ่าบาท แต่ว่า...""ซูเฟยจะอยู่ร่วมตำหนักเด
สวีมู่หรงไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของสวีหลงเยียน เขาเองก็รู้สึกเมื่อยล้าไม่น้อย จึงให้ขันทีเฒ่าพาไปยังตำหนักที่จัดเตรียมเอาไว้ เขาจัดการอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ แล้วจึงทิ้งตัวนั่งลง เขาเอนศีรษะพิงกับขอบหน้าต่างสายตาจ้องมองไปยังทะเลสาบที่มืดมิดในยามค่ำคืน คงเพราะอยู่แต่ฝั่งชายแดนที่แห้งแล้งและทุรกันดาร ทำให้ชายหนุ่มมีสีผิวที่คล้ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ใบหน้าที่งดงามราวกับเซียนสวรรค์ก็ยังคงโดดเด่น ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วที่คมเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย เขาทอดถอนใจอย่างนึกไม่ตก ยังไม่ทันได้สารภาพรักต่อเจ้า เจ้าก็เข้าวังมาเป็นสนมของเสด็จพี่เสียแล้ว เฟิ่งฟางเซียนรักแรกของข้า รุ่งเช้าที่อากาศแจ่มใส สวีหลงเยียนลืมตาตื่นขึ้นมา เขารู้สึกสดชื่นไม่น้อยที่ได้นอนหลับเอาแรงอย่างเต็มที่ สายตาของเขามองไปยังเฟิ่งฟางเซียนที่นอนหันศีรษะไปทางปลายเตียง ส่วนเท้าของนางพาดอยู่บนลำตัวของเขา มันแทบจะแนบกับใบหน้าของเขาอยู่แล้ว ช่างบังอาจนัก!!!"ฟางเซียน โอ๊ย!!!"พลั่ก!!!เฟิ่งฟางเซียนสะดุ้งตกใจไม่น้อย นางจึงยันฝ่าเท้าสวยใส่ใบหน้าของสวีหลงเยียนที่นอนพิงหัวเตียงอยู่เต็ม ๆ จนศีรษะของเขากระแทกกับขอบเตียง เมื่อได้ยินเ
หลินกุ้ยเฟยถูกส่งตัวกลับวังหลวงทันที ด้านสวีหลงเยียนและสวีมู่หรงกำลังควบม้าสำรวจรอบ ๆ บริเวณชายแดนอย่างไม่รีบไม่ร้อน เฟิ่งฟางเซียนก็ควบม้าตามมาอย่างช้า ๆ ดวงตาคู่สวยสำรวจมองดูทิวทัศน์ด้วยความเพลิดเพลินใจ สวีหลงเยียนมองสำรวจโดยรอบด้วยสายตาที่ล้ำลึก พระราชวังฤดูร้อนอยู่ติดกับชายแดนแคว้นฉู่ ปกครองโดยฉู่อ๋อง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเสียนหยางซึ่งเป็นเมืองหลวงของเขา เมืองเสียนหยางคือเมืองหลวงที่เสด็จพ่อของเขาสถาปนาขึ้นมา มีแคว้นเล็ก ๆ ทั้งสี่ติดกับชายแดน ทิศเหนือคือแคว้นเยี่ยน ทิศใต้คือแคว้นฉู่ ทิศตะวันออกคือแคว้นเว่ย ทิศตะวันตกคือแคว้นหนาน ทุก ๆ ปีแคว้นทั้งสี่จะต้องส่งของบรรณาการมามอบให้แก่เสียนหยางปีละหนึ่งครั้ง ชายแดนทั้งสี่เงียบสงบมาเนิ่นนาน จนกระทั่งเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ ชายแดนทางเหนือก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมา สวีหลงเยียนและสวีมู่หรง ควบม้ามาเรื่อย ๆ จนเข้าเขตดินแดนแคว้นฉู่ เฟิ่งฟางเซียนรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แคว้นฉู่ถือเป็นแคว้นที่ใหญ่ไม่น้อย แต่เพราะเจอปัญหาการฉ้อโกงภายในอยู่เสมอจึงทำให้บ้านเมืองระส่ำระสายมาโดยตลอด"เสด็จพี่ มาถึงที่นี่แล้วเข้าไปพบฉู่อ๋องเสียหน่อยดีหรือไม่?"สวีหลงเยีย
ขันทีเฒ่าหมอบกราบอยู่หน้าตำหนักใหญ่อยู่สามวันสามคืนด้วยความสำนึกผิด เขาแทบจะทำให้แท่งมังกรสวรรค์ของฝ่าบาทสูญสิ้นเสียแล้ว หมอหลวงต้มยาบรรเทาอาการปวดให้แก่สวีหลงเยียน โชคดีที่ประตูหนีบปลายโคนไม่รุนแรงเท่าใดนัก ไม่กี่วันต่อมาอาการของเขาก็ดีขึ้น สวีหลงเยียนเองก็คร้านจะเอาความหาเรื่องราวใด ๆ กับขันทีชรา จึงยกโทษให้เขาเสีย แต่คนที่น่าทำโทษมากที่สุดก็คือสนมชั่วช้า!!!"ฟางเซียน!!!""เพคะ""เจ้าเกือบจะทำให้ข้าไร้ทายาทสืบทอดราชวงศ์เสียแล้ว""หม่อมฉันไม่รู้นี่เพคะว่าต้องผลักประตูออกไป""ข้าบอกแล้ว!!!""ไม่ได้ยินเพคะ""หึ้ย!!!"ข้าสัญญาจะกระแทกกระทั้นเจ้าไปจนวันตาย!!!สามวันให้หลังสวีมู่หรงก็ส่งจดหมายผ่านนกพิราบมาถึงสวีหลงเยียน เนื้อความในนั้นเอ่ยถึงการก่อจลาจลที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยากเกินกว่าที่เขาจะควบคุมจัดการเสียแล้วสวีหลงเยียนจ้องมองออกไปด้านนอกริมทะเลสาบด้วยแววตาเยือกเย็น ต้องเป็นฝีมือของเยี่ยนอ๋องไม่ผิดแน่ เขาจัดการเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ สวมใส่เพียงเสื้อผ้าอาภรณ์คล้ายกับเหล่าชาวบ้านธรรมดา เขากำลังจะไปชายแดนทางเหนือ ต้องการไปสืบให้แน่ชัดว่าต้นเหตุของการก่อความวุ่นวายนี้มาจากที่ใดกัน
"จัดการเลยสิ ข้ายอมให้เจ้าเล่นกับมันได้ตามใจชอบ"เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ นี่เขาคิดไปไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ ให้ตายสิ!นางยื่นมือเรียวสาวไปคว้าจับลำแท่งเอ็นอุ่นร้อนของสวีหลงเยียนยัดกลับเข้าไปที่ใต้ร่มผ้าของเขาเช่นเดิม สวีหลงเยียนขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ "เก็บไปทำไมกัน? ข้าให้เจ้าเล่นกับมัน!!!""บนรถม้าไม่สะดวกเพคะ""เรื่องมาก!!!""ฝ่าบาท""ไม่ต้องมาพูดกับข้า ไสหัวไปไกล ๆ เลย!!!"สวีหลงเยียนหันหน้ามองไปทางอื่นโดยที่ไม่สนใจนางอีก เฟิ่งฟางเซียนพยายามชวนเขาคุยแต่เขากลับเมินเฉยราวกับนางเป็นเพียงอากาศธาตุ นี่เขาโมโหนางหรือ?ช่างสิ!!! ใครจะไปง้อกันปัญญาอ่อนเอาแต่ใจตัวเอง!!!ตลอดทางที่รถม้าเคลื่อนไปจนถึงพระราชวังฤดูร้อน สวีหลงเยียนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ส่วนเฟิ่งฟางเซียนเองก็คร้านจะใส่ใจ เมื่อเดินทางมาถึงนางก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์และรับสำรับมื้อเย็นเตรียมที่จะพักผ่อนสวีหลงเยียนที่นั่งอยู่บนเตียงภายในตำหนักใหญ่ เขาชะเง้อคอยืดยาวสายตามองตรงไปที่ประตูด้วยใจที่ห่อเหี่ยว นี่นางจะไม่ตามมาปรนนิบัติเขาเสียหน่อยหรือ?รอแล้วรอเล่าจนแทบทนไม่ไหว ในที่สุดสวีหลงเยียนก็
ฤดูร้อนจะจบสิ้นลงแล้ว ตอนนี้กำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจึงค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย สวีหลงเยียนกับเฟิ่งฟางเซียนกำลังนั่งดื่มชาร้อนอยู่บนเรือลำใหญ่ที่กำลังแล่นกลับสู่เมืองหลวงที่เสียนหยาง หลินกุ้ยเฟยตั้งตารอคอยให้สวีหลงเยียนมาถึงโดยเร็ว แต่ทว่าเมื่อเขากลับมาถึงก็ไม่ใส่ใจไยดีต่อนางเลยแม้แต่น้อย แววตาที่มองนางมีแต่ความรังเกียจและไร้เยื่อใย นางเองก็รู้สึกถอดใจไม่น้อย นึกเกลียดชังเฟิ่งฟางเซียนที่มาแย่งความโปรดปรานของสวีหลงเยียนไปจากนาง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าอ๋องจากทั้งสี่แคว้นจะเดินทางเข้ามาที่เมืองเสียนหยาง เพื่อส่งของบรรณาการและเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองหลวงเสียนหยางเนื่องในโอกาสครบรอบยี่สิบปีที่บิดาของสวีหลงเยียนสามารถเป็นใหญ่เหนือแคว้นทั้งสี่ได้ ในวังหลวงตอนนี้ต่างกำลังวุ่นวายด้วยต้องจัดเตรียมการต้อนรับเหล่าอ๋องทั้งสี่แคว้น สวีหลงเยียนสั่งให้เหล่านางกำนัลจัดเตรียมตำหนักไว้ต้อนรับ สวีเหมยหลิง พี่สาวของเขาที่กำลังเดินทางมาพร้อมกับเยี่ยนอ๋องหวางต้าเฟิ่งในครั้งนี้ด้วย ระยะนี้เฟิ่งฟางเซียนรู้สึกคลื่นไส้จนเกินจะทน แค่นางได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกทนไม่ได้เสียแล้ว ลำบากเหล่านางกำน
เฟิ่งฟางเซียนให้กำเนิดพระโอรสอีกองค์ในเวลาต่อมา สวีหลงเยียนรู้สึกปลื้มใจไม่น้อย เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะมีอีกสักห้าคนในเร็ววันนี้ สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มกลับมาปกติสุขมากยิ่งขึ้น ราษฎรอยู่กันอย่างร่มเย็น ไร้สงคราม ไร้กบฏ ทุกคนต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เว่ยอ๋องเดินทางมาเยี่ยมสวีหลงเยียนที่เมืองหลวงเสียนหยาง พร้อมกับนำสาวงามมากมายมามอบเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่เขา สวีหลงเยียนปรายตามองเว่ยอ๋องด้วยความหงุดหงิด เห็นเขาเป็นคนบ้ากามเช่นนั้นหรือ!!!"ฝ่าบาทนี่เป็นสาวงามที่ขึ้นชื่อจากแคว้นเว่ย มิทราบว่าฝ่าบาททรงถูกใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ถูกใจกับผีน่ะสิ!!! นี่หาเรื่องให้เขาทะเลาะกับเมียใช่หรือไม่?"ส่งนางไปเป็นนางกำนัลของฮองเฮา ไม่ต้องมาเสนอหน้าอยู่ใกล้ข้า ข้ารำคาญ""ฝ่าบาทนี่เป็นสาวงามขึ้นชื่อเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าอยากขึ้นชื่อว่าตายเพราะโดนข้าถีบยอดหน้าหรือไม่เล่า!!!"เว่ยอ๋องรีบหุบปากทันที แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้พระองค์นี้เคยพูดจาไว้หน้าใครเสียที่ไหนกัน แม้แต่คนหัวหงอกเช่นเขายังโดนถอนจนแทบจะกลายเป็นหัวล้านอยู่แล้ว "เว่ยอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าท่านเชี่ยวชาญด้านการแต่งบทกลอนบทกวีบอกรัก ใช่หรือไม่?""โอววว ฝ
เมื่อสวีหลงเยียนขึ้นไปยืนมองดูสถานการณ์บนกำแพงเมือง เขาก็พบว่ายามนี้หวางต้าเฟิ่งและฉู่อ๋องกำลังมุ่งหน้ามาทางประตูเมืองเสียนหยางดั่งเช่นที่สวีมู่หรงเอ่ยไว้ไม่มีผิด เหล่าทหารนักรบเรือนห้าแสนนายต่างถือดาบมุ่งตรงมาทางพวกเขา หวางต้าเฟิ่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองสวีหลงเยียนราวกับผู้ชนะ สายตาหยาดเยิ้มของเขาหันมาจ้องมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยความหลงใหล อีกไม่นานเสียหรอก ทั้งแผ่นดิน บัลลังก์ และสตรีโฉมงามจะต้องตกเป็นของข้าทั้งหมด ยามนี้ป้ายสั่งการทหารอยู่ในมือของเขาแล้ว สวีหลงเยียนย่อมต้องตกตายในเงื้อมมือของเขาในไม่ช้านี้เป็นแน่"สวีหลงเยียน วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ ได้มองดูความยิ่งใหญ่ของข้าก่อนตาย ฮ่า ๆๆๆ ช่างสาแก่ใจข้ายิ่งนัก ดูเอาเถิด!!! แม้แต่พี่สาวของเจ้ายังหักหลังเจ้าเลย ช่างน่าสมเพชสิ้นดี"สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ เขาจ้องมองสวีเหมยหลิงที่นั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับหวางต้าเฟิ่งด้วยสายตาที่สั่นไหว สวีเหมยหลิงส่งยิ้มให้เขา แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่โศกเศร้าที่สุดตั้งแต่เขาได้พบเจอมาหากเขานำป้ายสั่งการทหารออกมา เขาย่อมเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ แต่ทว่าพ
สวีหลงเยียนมององค์ชายน้อยที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตารักใคร่ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เจ้าเกิดมาในช่วงที่สงครามก่อตัวขึ้นและแผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟ เฟิ่งฟางเซียนในยามนี้นางแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาร่างกายเพิ่มอีกสักหน่อยยามนี้เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องสามารถยึดครองชายแดนทางทิศเหนือของเขาเอาไว้ได้แล้ว สวีมู่หรงจำต้องรีบนำทหารที่เหลือรอดหนีตายกลับมายังเสียนหยาง รวมถึงนำราษฎรที่เหลือรอดชีวิตมุ่งหน้ากลับมากับเขาด้วย เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องกระทำการโหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์ พวกมันปล้นฆ่าชาวบ้านอย่างเลือดเย็น ใครที่คิดต่อต้านพวกมันจะลงมือเข่นฆ่าราวกับผักปลา สวีหลงเยียนนั่งมองสวีมู่หรงที่บาดเจ็บกลับมาด้วยสายเย็นเยียบ เห็นทีสงครามในครั้งนี้เขาคงจะต้องออกไปต่อสู้ด้วยตนเองเสียแล้ว เป้าหมายของพวกมันก็คือตัวเขา หากเขาตายไปเสีย หวางต้าเฟิ่งต้องตั้งตนเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟ ราษฎรคงต้องอกสั่นขวัญผวาเป็นแน่ "เจ้าไปพักรักษาตัวก่อนเถิด ข้าจะออกไปต้านทัพของเยี่ยนอ๋องด้วยตัวข้าเอง""เสด็จพี่ กองทัพของพวกมันแข็งแกร่งไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ""ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางขี้ขลาดหวาดกลัวให้พวกมันม
ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ยามนี้เฟิ่งฟางเซียนก็ท้องใหญ่ขึ้นไม่น้อย นางใกล้จะคลอดอีกไม่นานนี้แล้ว สวีหลงเยียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นกุ้ยเฟย เดิมทีเขาคิดจะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา แต่ด้วยเพราะสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทำให้เขาต้องเลื่อนเรื่องนี้ออกไปเสียก่อน สวีมู่หรงส่งข่าวมาแจ้งแก่เขาว่าฉู่อ๋องสมคบกับเยี่ยนอ๋องเพื่อก่อกบฏ และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ พี่หญิงได้มอบป้ายสั่งการทหารให้แก่หวางต้าเฟิ่ง เขาพอจะคาดเดาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานสงครามระหว่างแคว้นต้องก่อเกิดขึ้นมาเป็นแน่ แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่หญิงทำลงไป แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธเกลียดนางเลยแม้แต่น้อย นางคงมีเหตุผลของนาง แต่ทว่าเหตุผลนั้นก็คือการที่นางคิดร่วมมือกับหวางต้าเฟิ่งเพื่อกำจัดเขาซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันกับนางความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดนั้น ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการแย่งชิงแผ่นดินและอำนาจของกันและกัน "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!!!"ขันทีชราเร่งรุดวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีตระหนกปนความเหนื่อยหอบ สวีหลงเยียนจ้องมองเขาเล็กน้อยด้วยความสงสัย "มีเรื่องใดกัน?""เฟิ่งกุ้ยเฟยจะมีประสูติกาลแล้วพ่ะย่ะค่ะ
นางกำนัลห้องเครื่องถูกนำตัวเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างลับ ๆ นางนั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะล่วงรู้ว่านางเป็นคนใส่ยาพิษลงไปได้รวดเร็วเช่นนี้ "ฝะ ฝ่าบาท!!!""ใครบงการเจ้าให้วางยาพิษพระสนมของข้า?"นางกำนัลยังคงนั่งก้มหน้าเงียบไม่ยอมปริปาก นางไม่อาจเอ่ยปากบอกแก่ฝ่าบาทได้ว่าเป็นฝีมือของหลินกุ้ยเฟย หากนางถูกฆ่าปิดปากนางจะทำเช่นไรกันเล่า แล้วนางเอ่ยวาจาปากเปล่าโดยที่ไร้หลักฐานเช่นนี้ มิเท่ากับโยนตนเองลงไปบนกองไฟหรอกหรือ!!!แต่การที่ถูกฝ่าบาทจับได้เช่นนี้ก็เหมือนกับการนั่งรอความตายไปแล้วกึ่งหนึ่งอยู่ดี สวีหลงเยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยายามข่มอารมณ์มิให้ความโกรธครอบงำจนเสียแผน คราแรกเขาคิดว่าเป็นฝีมือของเยี่ยนอ๋อง แต่จะว่าไปแล้วเยี่ยนอ๋องคงมิกล้าทำการอุกอาจเช่นนี้ยามอยู่ในอาณาเขตการปกครองของเขาแน่นอน หวางต้าเฟิ่งเป็นพวกหมาลอบกัดจากที่ลับ ยามอยู่ในพื้นที่ของเขามันไม่กล้าเสนอหน้าลงมือเป็นแน่ สวีหลงเยียนยื่นมือขึ้นไปเชยคางของนางกำนัลน้อยผู้นั้นให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา สวีหลงเยียนพิจารณาใบหน้าของนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก ใบหน้างดงามได้รูป ดวงตาคู่สวยที่ดูเย้ายวนจิตใจ นางช่างเป
สวีเหมยหลิงปรายตามองหวางต้าเฟิ่งด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ สิ่งใดที่เขาคิดมีหรือที่นางจะไม่รู้ แม้แต่สตรีมีครรภ์เขาก็ยังหมายตา เหตุใดเขาจึงชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทว่าสายตาของสวีหลงเยียนกลับหันไปพบเข้ากับหวางต้าเฟิ่งที่มองมายังเฟิ่งฟางเซียนด้วยแววตาเป็นประกายแววตาของสวีหลงเยียนเย็นเยียบขึ้นมาทันใด เขาหันไปมองเฟิ่งฟางเซียนแต่กลับพบว่านางกำลังสนใจเพียงอาหารตรงหน้าไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าถูกหวางต้าเฟิ่งแอบจ้องมองอยู่ ไม่ใช่แอบมองสิ! เรียกว่ามองแบบโจ่งแจ้งเลยต่างหากเล่า บังอาจนัก!!! กล้ามามองสนมของข้าต่อหน้าต่อตาข้าเชียวหรือ!!!หวางต้าเฟิ่งราวกับจะรับรู้ได้ว่าถูกสวีหลงเยียนจ้องมองมาอย่างคาดโทษ เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจจากเฟิ่งฟางเซียนและหันไปส่งยิ้มให้สวีหลงเยียนแทน สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคออย่างดูแคลน ยิ้มเช่นนี้อยากโดนถีบหรือไร?หลังจากที่งานเลี้ยงจบสิ้นลง สวีหลงเยียนก็สั่งให้ทุกคนแยกย้าย หลินกุ้ยเฟยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะแยกตัวกลับไปยังตำหนักของตนเอง สวีหลงเยียนยื่นมือไปจับแขนของเฟิ่งฟางเซียนเอาไว้ ทำให้นางต้องหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสงสัย
อ๋องทั้งสี่แคว้นเดินทางมาถึงแล้ว สวีหลงเยียนเองก็ให้การต้อนรับและจัดที่พักให้พวกเขาอย่างดี สวีเหมยหลิง ที่ไม่ได้พบกับสวีหลงเยียนและสวีมู่หรงมานาน ก็รู้สึกดีใจที่ได้พบเจอน้องทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง "หลงเยียน มู่หรง พี่คิดถึงเจ้าทั้งสองยิ่งนัก""พี่หญิง มาคราวนี้ดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ซูเฟยกำลังตั้งครรภ์อยู่""ซูเฟย?""เฟิ่งฟางเซียนพ่ะย่ะค่ะ"สวีเหมยหลิงมีสีหน้าครุ่นคิดไม่น้อย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ นางหันไปมองสวีหลงเยียนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทันที "ข้าได้ยินว่าเจ้าเกลียดนางยิ่งนัก เหตุใดนางจึงตั้งครรภ์ได้เล่า หรือว่าเจ้าปลุกปล้ำนาง!!! หลงเยียนข้าจะตีเจ้า!!! ข้าเคยสอนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามรังแกสตรี น้องชั่ว!!!"สวีเหมยหลิงง้างฝ่ามือขึ้นมาเตรียมจะฟาดลงไปบนศีรษะของสวีหลงเยียนทันที จนเขาต้องยกมือขึ้นมาบังเอาไว้"ไม่ใช่นะพี่หญิง!!! นางต่างหากที่ปลุกปล้ำข้า!!! เอ่อ...""หา!!!"สวีเหมยหลิงและสวีมู่หรงต่างหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ สวีมู่หรงรู้สึกขบขันไม่น้อย แต่หากเสด็จพี่มีความสุขเขาก็ดีใจด้วย"เป็นฮ่องเต้ประสาอะไรกันถูกสนมขืนใจ น่าอับอายเสียจริง""โธ่!!! พี่หญิงหยุดล้อข้าเสียที เ
ฤดูร้อนจะจบสิ้นลงแล้ว ตอนนี้กำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจึงค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย สวีหลงเยียนกับเฟิ่งฟางเซียนกำลังนั่งดื่มชาร้อนอยู่บนเรือลำใหญ่ที่กำลังแล่นกลับสู่เมืองหลวงที่เสียนหยาง หลินกุ้ยเฟยตั้งตารอคอยให้สวีหลงเยียนมาถึงโดยเร็ว แต่ทว่าเมื่อเขากลับมาถึงก็ไม่ใส่ใจไยดีต่อนางเลยแม้แต่น้อย แววตาที่มองนางมีแต่ความรังเกียจและไร้เยื่อใย นางเองก็รู้สึกถอดใจไม่น้อย นึกเกลียดชังเฟิ่งฟางเซียนที่มาแย่งความโปรดปรานของสวีหลงเยียนไปจากนาง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าอ๋องจากทั้งสี่แคว้นจะเดินทางเข้ามาที่เมืองเสียนหยาง เพื่อส่งของบรรณาการและเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองหลวงเสียนหยางเนื่องในโอกาสครบรอบยี่สิบปีที่บิดาของสวีหลงเยียนสามารถเป็นใหญ่เหนือแคว้นทั้งสี่ได้ ในวังหลวงตอนนี้ต่างกำลังวุ่นวายด้วยต้องจัดเตรียมการต้อนรับเหล่าอ๋องทั้งสี่แคว้น สวีหลงเยียนสั่งให้เหล่านางกำนัลจัดเตรียมตำหนักไว้ต้อนรับ สวีเหมยหลิง พี่สาวของเขาที่กำลังเดินทางมาพร้อมกับเยี่ยนอ๋องหวางต้าเฟิ่งในครั้งนี้ด้วย ระยะนี้เฟิ่งฟางเซียนรู้สึกคลื่นไส้จนเกินจะทน แค่นางได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกทนไม่ได้เสียแล้ว ลำบากเหล่านางกำน
"จัดการเลยสิ ข้ายอมให้เจ้าเล่นกับมันได้ตามใจชอบ"เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ นี่เขาคิดไปไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ ให้ตายสิ!นางยื่นมือเรียวสาวไปคว้าจับลำแท่งเอ็นอุ่นร้อนของสวีหลงเยียนยัดกลับเข้าไปที่ใต้ร่มผ้าของเขาเช่นเดิม สวีหลงเยียนขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ "เก็บไปทำไมกัน? ข้าให้เจ้าเล่นกับมัน!!!""บนรถม้าไม่สะดวกเพคะ""เรื่องมาก!!!""ฝ่าบาท""ไม่ต้องมาพูดกับข้า ไสหัวไปไกล ๆ เลย!!!"สวีหลงเยียนหันหน้ามองไปทางอื่นโดยที่ไม่สนใจนางอีก เฟิ่งฟางเซียนพยายามชวนเขาคุยแต่เขากลับเมินเฉยราวกับนางเป็นเพียงอากาศธาตุ นี่เขาโมโหนางหรือ?ช่างสิ!!! ใครจะไปง้อกันปัญญาอ่อนเอาแต่ใจตัวเอง!!!ตลอดทางที่รถม้าเคลื่อนไปจนถึงพระราชวังฤดูร้อน สวีหลงเยียนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ส่วนเฟิ่งฟางเซียนเองก็คร้านจะใส่ใจ เมื่อเดินทางมาถึงนางก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์และรับสำรับมื้อเย็นเตรียมที่จะพักผ่อนสวีหลงเยียนที่นั่งอยู่บนเตียงภายในตำหนักใหญ่ เขาชะเง้อคอยืดยาวสายตามองตรงไปที่ประตูด้วยใจที่ห่อเหี่ยว นี่นางจะไม่ตามมาปรนนิบัติเขาเสียหน่อยหรือ?รอแล้วรอเล่าจนแทบทนไม่ไหว ในที่สุดสวีหลงเยียนก็