“ข้านำอาหารมาให้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อคนเดิมยื่นถาดอาหารไปข้างหน้า ก้มหน้านิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง ไม่กล้ามองหน้าคนที่มาเปิดประตูช้าไปเกือบครึ่งเค่อ
เกาหรงซานหยิบถาดอาหารจากมือเสี่ยวเอ้อแล้วปิดประตูโดยไม่พูดอะไร
“สาวน้อยมากินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่า ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก”
“หน้าด้าน! ไม่รู้จักอาย! ข้าไม่กิน! ข้าไม่หิว!” พูดจบนางก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงด้วยความโมโหระคนอับอาย
“ถ้าอย่างนั้นเรามาต่อจากเมื่อกี้กันดีกว่า” ผู้หญิงปากร้ายอย่างนางเขารู้ว่าต้องใช้วิธีไหนกำราบ และมันก็ได้ผลจนเขาต้องเผลอยิ้มออกมา เพราะหนอนไหมที่ซ่อนตัวอยู่ในรังรีบผุดออกมาหน้าตาตื่น
“ทำไมต้องบังคับข้าด้วยในเมื่อข้าไม่หิว!”
“ไม่หิวก็ต้องกิน เจ้าต้องกินอาหารให้ครบวันละสามมื้อ ไม่รวมอาหารว่าง” ที่เขาบังคับก็เพราะเป็นห่วงนางต่างหาก
“ปกติข้าก็ไม่ค่อยกินมื้อเย็นอยู่แล้ว”
“ถ้าเจ้าไม่กินข้าก็ไม่กิน” เขารู้ว่านางติดนิสัยกินมื้อเย็นน้อยกว่ามื้ออื่นๆ มาก แต่อย่างน้อยนางก็ยังกิน ไม่ใช่ปฏิเสธกันง่ายๆ แบบนี้ “หยุดโต้เถียงข้าแล้วกินข้าวเถอะนะ”
เห็นสายตาจริงจังของเขานางก็ใจอ
“เจ้านำข้าไปสิ”“พระชายาเดินเข้าไปเองดีกว่า กระหม่อมส่งแค่นี้พอแล้ว”“เจ้ากล้าปล่อยให้ข้าเดินเข้าไปคนเดียวหรือหม่าก้วน ถ้าข้าเกิดพลัดหลงระหว่างทางล่ะเจ้าจะทำยังไง ไม่กลัวท่านแม่ทัพจะโกรธมากกว่าที่พาข้าไปหรือ” นางถามทหารที่ไถ่ถามจนรู้ชื่อระหว่างเดินมายังชายป่าแห่งนี้“ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปรอท่านแม่ทัพที่ค่ายดีกว่านะขอรับพระชายา” หม่าก้วนแสดงความขลาดกลัวออกมาอย่างไม่ปิดบัง“ถ้าเจ้าไม่อยากพาข้าไป คราวหน้าก็จงอย่าบอกข้าว่าเห็นท่านอ๋อง” นางแนะนำทหารจอมขี้ขลาดด้วยความโมโห “แต่วันนี้เจ้าบอกข้าแล้วเจ้าก็ต้องพาข้าไปพบเขา ไม่อย่างนั้นเจ้ากับข้าได้เห็นดีกันแน่”“พระชายาแน่ใจแล้วหรือ”“ข้าจะไปหาสามีของข้าทำไมต้องแน่ใจหรือไม่แน่ใจด้วยล่ะ พาข้าเข้าไปได้แล้ว” นางถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด“แต่พระชายาอาจจะเสียใจภายหลังที่ไม่ฟังคำเตือนของข้า”คราวนี้นางถลึงตาใส่อีกฝ่ายแล้วย่างก้าวเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง
“ความร้ายกาจของพระชายาคงสู้ความร้ายกาจของพวกเจ้าสามคนไม่ได้หรอก” แม่ทัพใหญ่ปกป้องชายาที่รัก“แต่พวกเราสามคนถูกนางปั่นหัวนะเจ้าคะ พระชายาคนเดียวร้ายกว่าเราสามคนรวมกันอีก” จวงโต้ด้วยเสียงที่สั่นเครือ“ลับหลังข้าพวกเจ้าสามคนทำเกินหน้าที่ที่ข้าสั่ง กล้าเอาชื่อข้าไปแอบอ้างเกินความจริงจนนางตรอมใจ เจ้ายังกล้าพูดว่าพระชายาของข้าคนเดียวร้ายกว่าพวกเจ้าสามคนรวมกันอีกหรือ ข้าควรฆ่าพวกเจ้าทิ้งตรงนี้เลยดีไหม!” ท้ายประโยคเขาตะคอกถามด้วยความกรุ่นโกรธ“ไม่เจ้าค่ะ บ่าวกลัวแล้ว”“อย่าทำบ่าวเลยเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว”“บ่าวยังเด็กนัก ไร้การอบรมสั่งสอน ยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ”สาวใช้ทั้งสามส่งเสียงอ้อนวอนเซ็งแซ่ น้ำตานองหน้าอย่างกับถูกดาบจ่ออยู่ที่ศีรษะแล้วก็ไม่ปาน ไม่คิดเลยว่าการเดินทางมาร้องเรียนความเป็นธรรม เพื่อขอคืนฐานะสาวใช้ในจวนของอ๋องใหญ่ครั้งนี้จะกลายเป็นพาตัวเองมาพบกับความตาย“หยุดร้องเดี๋ยวนี้! ข้าไม่มีดาบอยู่ในมือด้วยซ้ำ” พวกนางต่างจากชายาของเขาลิบลับ นางไม่เคยร้
“ท่านแม่ทัพขอรับ.. ท่านแม่ทัพ”“มีอะไร” ร่างสูงใหญ่เจ้าของชื่อขานรับขณะที่ในอ้อมแขนยังโอบอุ้มชายาออกมาจากหลังม่าน“มีอาคันตุกะมาขอพบขอรับ”“ที่นี่เป็นค่ายทหารจะมีอาคันตุกะได้อย่างไร”“ท่านก็ไปดูให้เห็นกับตาสิว่าใคร อาจจะเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมาก็ได้”คนที่อยู่ในอ้อมแขนตำหนิคนที่อุ้มนางไว้ เพราะนางไม่อยากอยู่ใกล้ๆ กับเขาแล้วในตอนนี้“แบบนั้นเขาไม่เรียกอาคันตุกะหรอกสาวน้อย”“จะเป็นใครก็ช่าง ท่านควรไปดูให้เห็นกับตาหรือไม่ก็ออกไปคุยกับลูกน้องของท่านข้างนอก แล้วก็ปล่อยข้าลงสักที ข้าจะได้กินข้าว ข้าหิว” นางถลึงตาใส่เขาหลังจากจบคำพูดห้วนๆเกาหรงซานขยับแขนข้างขวาให้สูงขึ้นแล้วจูบริมฝีปากเรียวอิ่มช่างต่อว่านั้นเบาๆ ก่อนจะวางนางลงบนเตียง“ถ้าท่านจะไปพบอาคันตุกะท่านควรกินข้าวก่อนนะ ข้าหมายถึงหลังจากคุยกับลูกน้องของท่านรู้เรื่องแล้ว”“ข้าจะรีบมากินข้าวกับเจ้า” เขาผละจากนางไปหาลูกน้องที่ยืนอยู่หน้ากระโจม แปลกใจกับคำว่าอาคันตุกะ เพราะปกติแล้วทุกคนจะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบการรายงานที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับที่ไม่อยากให้ชายาของเขารู้เรื่อง “คารวะท่านแม่ทัพ”
ลมที่พัดผ่านเข้ามาภายในกระโจมทำให้นางรู้ว่าทหารเปิดกระโจมเข้ามาแล้ว และกลายเป็นนางที่รู้สึกจี๊ดๆ ที่หัวใจเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นรูปร่างบึกบึนล่อตาล่อใจของเขา จึงรีบหยิบผ้าห่มคลุมร่างกายของเขาไว้“ถ้าท่านกล้าดึงผ้าห่มออกข้าจะฆ่าท่าน” ชี้นิ้วขู่คนที่โผล่มาแค่คอแล้วกล่าวเสียงลอดไรฟัน จากนั้นจึงหันไปสนใจทหารที่ยกอ่างล้างหน้าไปที่หลังฉากกั้น“วันนี้มีปลาสำลีทอด ไก่อบน้ำผึ้ง ผัดผักสี่เซียน กุ้งแม่น้ำนึ่งซอส ต้มจืดสาหร่ายใส่หอยนางรม และมีขนมจุ๋ยก๊วย พระชายาจะให้ข้ายกอาหารเช้าเข้ามาเลยไหม” ทหารรับใช้ถามเพราะปกติจะเป็นท่านอ๋องที่สั่งการ และคอยถามทุกมื้อว่าอาหารมีอะไรบ้าง แต่วันนี้เขากลับนอนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่บนเตียง“เอาเข้ามาเลย ท่านอ๋องหิวจนเป็นใบ้ไปแล้วเจ้าไม่เห็นหรือ” นางประชดใส่คนที่นอนเท้าแขนมองหน้าตนแต่ไม่ยอมพูดยอมจาสักคำคนนั้น“ข้าไม่ได้หิวข้าวแต่ข้าหิวเจ้าต่างหาก เจ้าจะยอมให้ข้ากินไหมเล่าชายาของข้า”ผู้ที่เป็นชายาถลึงตาใส่สามีจอมเจ้าเล่ห์ ทั้งอายทั้งโมโหที่เขากล้าพูดจาเล้าโลมตนต่อหน้าคนอื่น“ไปยกอาหารมาแล้วกลับไปได้เลย อีกครึ่งชั่วยามค่อยมาเก็บ” บอกกับทหารที่ก้มหน้านิ่งจนคางชนอก แล้ว
“ใครกัน” คิ้วเข้มที่ข้างหนึ่งมีรอยขาดแหว่งกระตุกเข้าหากันด้วยความสงสัย“เรื่องนี้ข้ารู้มาจากสหายคนหนึ่ง นางคือนักฆ่าแห่งสำนักมังกรดำ นางได้ยินเจ้าสำนักของนางคุยกับบุรุษผู้หนึ่งด้วยความบังเอิญ นางตามสืบจนรู้ว่าบุรุษผู้นั้น ถูกนางข้าหลวงคนสนิทของมเหสีแห่งต้าหมิงจ้างวานมาอีกทอดหนึ่ง”“เป็นข่าวที่น่าตกใจยิ่งนัก เพราะความอิจฉาริษยาสินะถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่แหละจิตใจที่แท้จริงของเหล่าสตรีสูงศักดิ์”“ข้าได้คุยกับสหายของข้าแล้ว นางตกลงให้ความร่วมมือกับเรา เพราะจุดประสงค์ของเรากับนางไม่ต่างกัน”“ฆ่าพระชายาของมันต่อหน้ามัน ให้มันได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมาน ให้ใจมันแหลกสลาย ฮาๆๆ ฮาๆๆ แค่คิดข้าก็สะใจแล้วสุนไหล่ ถ้าได้แก้แค้นมันแบบนั้นจริงๆ ข้าจะไม่เสียใจอีกแล้ว” ฉงเฉินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความพอใจ “ข้าอยากได้ตัวนางมาเร็วๆ แล้วสิสุนไหล่”“ข้าจะพยายามท่านเฉิน”“ดีมาก เจ้าไปได้แล้ว อย่ารุนแรงกับนาง ถนอมนางให้ดีที่สุด เพราะข้าอยากให้นางมีความสุขก่อนตายด้วยน
จนกระทั่งวันนี้ หลังจากกินข้าวกลางวันด้วยกันแล้วเขาก็บอกว่าจะไปพบนายอำเภอและชวนนางไปด้วยกัน แต่นางก็หาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ เพราะอยากช่วยเหลือนักฆ่าเคราะห์ร้ายคนนี้มากกว่า“ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะทรมานเจ้าไปเพื่ออะไร ทำไมไม่ฆ่าเจ้าให้ตายๆ ไปเลยจะได้หมดเวรหมดกรรม” นางสงสารเขามากแต่ก็ไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือได้มากไปกว่านี้“ข้าเคยบอกแล้วไงว่าสามีของเจ้าต้องการคำตอบจากข้า เขาจึงทรมานข้าอยู่อย่างนี้ เมื่อใดที่เขาได้คำตอบข้าก็ไร้ความหมาย”“ดังนั้นท่านจึงไม่ยอมเปิดปาก”“บอกก็ตายไม่บอกก็ตาย”“ถ้าอย่างนั้นสู้กินให้อิ่มแล้วค่อยตายดีกว่า เพราะถ้าตายก่อนท้องอิ่มมันคงทรมานน่าดู”“ข้าขอตายอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่าพระชายา” คำตอบของนักฆ่าก็คือปฏิเสธอาหารที่นางหยิบยื่นให้“ศักดิ์ศรีของท่านไร้ค่าตั้งแต่วันที่ท่านเลือกใช้ชีวิตเป็นนักฆ่าแล้ว คนดีเท่านั้นที่คู่ควรกับคำว่าศักดิ์ศรี ส่วนนักฆ่าอย่างท่านเขาเรียกว่าคนเลว”“ข้าไม่เข้าใจท่านเลย ท่านเหมือนโกรธเคืองข้าแต่ท่านก็แอบ