คนจะกลับ รั้งให้ตายยังไง สุดท้ายก็ได้แค่..สามวัน ในที่สุดบดินทร์ก็สามารถลากตัวนิรณากลับมา ถึงกรุงเทพได้สักที หลังจากที่เธอเอาแต่อิดออดอยู่นาน
"กลับบ้านดี ๆ นะคะ..พี่ดิน" คนสวยกล่าวลาด้วยเสียงเศร้า ทำท่าหยิบกระเป๋าจะลงรถ ทว่าเพียงเปิดประตูจะก้าวเท้าลงไป มือไม้กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำให้กระเป๋าหลุด แถมโลกยังหมุนคว้าง เป็นเหตุให้เซถลา ทรุดลงกับพื้น "นิ!" บดินทร์เรียกเธอด้วยความตกใจ แล้วถลาลงจากรถ มาดูอาการนิรณาที่ล้มอยู่กับพื้น หน้าตาซีดเซียว "ไม่เป็นไรค่ะ นิไม่เป็นไร..พี่รีบกลับบ้านเถอะ" นิรณาว่า พร้อมพยายามลุกขึ้นยืนคนเดียว แต่อาการปวดหัวตุ้บ ๆ ยังคงไม่หายไป พิษไข้จากน้ำฝน เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะคนขี้หนาวอย่างเธอ มือบางจึงต้องเลื่อนขึ้นมากุมขมับ นวดคลึงเพื่อคลายความปวดร้าว "หนูไม่สบายเหรอครับ?" "สงสัยว่าเพราะเมื่อคืน นิวิ่งตากฝน เลยรู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ" “ไปหาหมอไหม?” น้ำเสียงละมุนสอบถาม ใช้วงแขนแกร่งมาประคองให้คนตัวเล็กทรงตัวไหว "กินยาไว้แล้วค่ะ ได้นอนพักสักหน่อยคงหายดี" "งั้นให้พี่ขึ้นไปส่งที่ห้องดีกว่านะครับ" บดินทร์กล่าวขออาสา ยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียว ยิ่งทำให้รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ "กลับดี ๆ นะคะ" นิรณาโบกมือลา พร้อมปิดประตูลง แต่พอเขาจะหันหลังเดินกลับออกไป เสียงโครมคราม คล้ายข้าวของหล่นกระจายกลับดังตามหลังมา ด้วยความเป็นห่วงมือหนารีบเร่งผลักประตูเข้าไปในห้อง เห็นนิรณากำลังนอนหมดสติอยู่กับพื้น สองเท้าพลันเร่งปรี่ตรงเข้าไป แล้วประคองร่างเล็กมาไว้แนบอก "นิ! นิครับ นิ" ทั้งเรียกทั้งเขย่าตัว แต่เธอก็ไม่ฟื้น เขาจึงจะโทรเรียกรถพยาบาล ทว่าพอเห็นว่าเสียงแผ่วเบาละเมอออกมา เลยโล่งใจ นิรณาคงแค่ผล็อยหลับไป เพราะความอ่อนเพลีย จึงออกแรงอุ้มร่างบอบบาง ในท่าเจ้าสาวมาวางไว้บนโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง แต่ก็ไม่ได้สังเกตบางอย่างที่วางไว้ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น นิรณาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ด้วยเสียงก๊อกแก๊ก ๆ คล้ายว่ามีใครกำลังทำอะไรบางอย่าง พร้อมกันนัยน์ตาสวยแอบหรี่มองดูการกระทำของเขา เหมือนจะเป็นการเตรียมกะละมังเพื่อหาน้ำมาเช็ดตัวให้ รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจในความเป็นคนดีแสนดีของบดินทร์ แต่แล้วพอเห็นคนตัวสูงเหลือบสายตามองบนโต๊ะกระจกแสนรกและกำลังจะจับเอกสารบางอย่างขึ้นมา สมองดันจำได้ว่า..ตัวเองได้วางแฟ้มประวัติชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ตั้งแต่อาหารที่ชอบ รสนิยม จนถึงเรื่องราวสมัยเด็กที่เคยทะเลาะวิวาทที่ถูกฟ้องร้องคดีพยายามฆ่า ทั้งที่ตอนนั้น..ก็มีอายุแค่สิบห้าปี พอคิดถึงแค่นั้น ยัยนิรณาเร่งดีดตัว ลุกขึ้นนั่ง พร้อมกันมือบางคว้าไปจับเอามือหนา ให้ออกห่างจากเอกสาร แล้วบอกเสียงแผ่วเบา "ความลับของราชการ..นิไม่อ่านจะดีกว่านะคะ" ใบหน้าคมพยักหน้าเรียบ ๆ ก่อนที่ทั้งห้องจะตก อยู่ภายใต้ความเงียบที่น่าอึดอัด ต่างจากปกติที่นิรณามักจะเริงร่า ชวนพูดชวนคุยไม่หยุด คนพูดน้อยเลยต้องกลายเป็นฝ่ายคนชวนคุย ตัดสินใจถามสิ่งที่ค้างคาออกมา "อะไรคือแรงบันดาลใจ ให้นิตกแต่งที่นี่ยังกับเป็นสำนักงานนักสืบครับ?" บดินทร์ว่า พลางกวาดสายตามองห้องพักสภาพประหลาดที่มีแต่พวกเอกสารและภาพผู้คนในอิริยาบถต่าง ๆ แล้วก็บทความชีวประวัติชีวิตใครก็ไม่รู้แปะเต็มไปหมด จนผนังไม่เหลือที่ไว้พักหายใจ แต่คำถามนั้นกลับทำให้นิรณาสะอึก เพราะว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ห้องจริง ๆ ของตัวเอง แต่เป็นสถานที่ ที่เธอคลุกตัวอยู่ เกือบเป็นประจำ เพราะคือแหล่งเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนเกือบทั้งหมด ส่วนที่ต้องระเห็จออกจากคอนโดหรู มากินนอนในนี้ ก็เพราะทนอยู่ในห้องพักที่สองคนนั้นทำเรื่องชั่วใส่ไม่ไหว "เฮงซวย!" ริมฝีปากซีดจาง เผลอหลุดอุทานออกมาแผ่วเบา คิดถึงเรื่องนั้นทีไร ใจเจ็บแปลบทุกที ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไปอ้อนขอบดินทร์เสียงอ่อนหวาน "คืนนี้..พี่ดินช่วยอยู่เป็นเพื่อนนิได้ไหมคะ?" คำอ้อนวอน ทำให้คนใจดีปฏิเสธไม่ลง ยิ้มรับแล้วบอกลูบหัวเธอเบา ๆ "ได้สิครับ..นิพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้" "รู้สึกเหมือนเป็นเด็กเลยค่ะ" "ถ้านิเป็นเด็กดี เดี๋ยวพี่จะต้มข้าวให้กินด้วยนะ" "ขอบคุณค่ะ" "พี่ถามอะไรหน่อยสิ..นิต้องตอบตามความจริงด้วยนะ" เมื่อเห็นเขาดูจริงจังสุด ๆ นิรณาจึงเลือกเงียบและพยักหน้านิดหน่อย "คนพวกนี้ ใครกันเหรอครับ?" คำถามนั้น ตามมาพร้อมนิ้วที่ชี้ไปยัง..รูปภาพชายฉกรรจ์มากมาย หน้าตาแต่ละคนดูโหดเหี้ยมใช่เล่น แล้วทำไมภาพพวกนั้น ถึงได้มาอยู่ในห้องของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเธอได้ บดินทร์ได้แต่คิดซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น และหวังว่าคงไม่ใช่สเปกนิรณาหรอกนะ "จริงด้วย! พี่คงยังไม่รู้สินะคะ..ว่านิทำงานอะไร" "ไม่ครับ ไม่รู้" เขาส่ายหัวไปมา แต่บางครั้งก็รู้สึกคุ้น เหมือนเคยได้ยินชื่อ เหมือนเคยเจอหน้าหรือผ่านตามาหลายรอบ แต่ก็จำไม่ได้ว่าที่ไหนบ้าง ยัยคนตรงหน้า จึงคลี่ยิ้มเล็กน้อย และเอ่ยออกไปด้วยความภูมิใจ "ร้อยตำรวจเอกหญิงนิรณา ธิรกรรณ สังกัดหน่วยพิเศษกองการปราบปรามการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการค่ะ พี่ดินเริ่มคุ้นหูบ้างหรือยังคะ?" สิ้นคำพูดนั้น ทำให้บดินทร์อึ้งหนัก จำได้ว่าตอนนั้นผู้หมวดสาวนามสกุลธิรกรรณ เคยเป็นข่าวดังเมื่อสามปีก่อน เรื่องการนำทีมบุกทลายและเปิดโปงมุมมืดระหว่างประเทศ จนกลายเป็นเรื่องราวฮือฮา ทำให้สำนักข่าวหลายช่องเอาแต่ประโคม เล่นเรื่องราวนี้นานเกือบสามเดือน แต่เขากลับไม่เคยฉุกคิดเลยว่า..ผู้หญิงบ้าดีเดือดที่นำทีมเพียงแค่ห้าคน บุกเข้าไปถล่มคลับดัง และช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หลายสิบคนออกมาได้ จะกลายเป็นคนตรงหน้าที่สุดแสนจะบอบบาง น่าทะนุถนอม พอได้รู้แบบนั้น ยิ่งทำให้บดินทร์ชอบเธอขึ้นมานิด ๆ แต่เพราะความสงสัยที่มีมากกว่า ทำให้ตัดสินใจถาม "เพราะอะไร..ถึงมาเป็นตำรวจได้ล่ะครับ หนูออกจะสวยขนาดนี้ เป็นดาราหรือนางแบบได้สบาย ๆ เลยนะ" "เล่นชมกันโต้ง ๆ แบบนี้ นิก็เขินเป็นเหมือนกันนะคะ" นิรณาว่า ทำท่าทางเขินอาย พร้อมพลิกตัวมาจ้องมองนัยน์ตาคมของบดินทร์ "เอาดี ๆ สิครับ" "นิว่า..นิก็เอาดีอยู่นะ" นิรณาว่าหยอก และเฉไฉไปทางอื่น ไม่อยากพูด..ถึงอดีต "นิ" "อะไรเหรอคะ?" "เอาเถอะ ถ้าหนูไม่อยากเล่า พี่ก็จะไม่บังคับ" คำพูดเชิงตัดพ้อเหมือนคนไม่สำคัญของผู้ชายตรงหน้า ทำให้นิรณารู้สึกผิด แล้วโพล่งออกมาดื้อ ๆ "เพราะนิเคยเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ค่ะ" จบคำ ทำเอาบดินทร์ที่กำลังยกน้ำมาดื่ม ถึงกับกลืนลงคอ อย่างยากลำบาก "คิดไว้แล้วว่าพี่ต้องทำหน้ากลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบนี้ นิไม่น่าเล่าเลยจริง ๆ ไม่น่าทำให้พี่ต้องมาลำบากใจ" นิรณาบ่นอุบอิบ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้ใคร รู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก ซ้ำร้าย พอยิ่งคิดถึงเรื่องพวกนั้น ยิ่งโกรธ ยิ่งเกลียดคนที่ไม่ค่าคนด้วยกัน ทำได้ทุกอย่าง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง "เป็นพี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ" "พี่ดินไม่ได้ทำอะไรผิด จะขอโทษทำไมคะ?" "แต่ว่าพี่ไปรื้อฟื้นความทรงจำแย่ ๆ ในอดีตของหนู ถึงยังไงมันก็ไม่สมควร" บดินทร์กล่าวด้วยความรู้สึกผิด "ช่างมันเถอะค่ะ อดีตก็คืออดีต เรากลับไปแก้ไข..อะไรไม่ได้อยู่ดี" เธอพูด เหมือนเข้าใจสัจธรรมของโลก ทว่านิสัยเจ้าคิดเจ้าคิดแค้น..เป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นคงไม่พยายามทำทุกอย่างเพื่อเป็นตำรวจ ซึ่งเป้าหมายอีกอย่างคือความหวัง ในใจลึก ๆ ว่าจะได้เจอกับคนที่จับตัวเองไปขัง ถึงเวลานั้น..จะทบต้นทบดอกเอาคืนพวกมันให้สาสม!นิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ