“คุณผู้หญิงไม่ต้องทำก็ได้ค่ะ” “ได้ไง ให้ฉันช่วยเธอเถอะ อยู่บ้านก็ไม่รู้จะทำอะไร” “แต่ตอนนี้คุณเป็นเมียคุณชายใหญ่ เป็นเจ้าของบ้าน มันไม่เหมาะสมที่จะมาช่วยแม่บ้านเช็ดถูนะคะ” สาวใช้ที่นับถือซิงเหยียนก็ยังไม่อยากให้ทำ แต่บางคนที่อยู่กับคุณนายหลี่ดันมองว่าร่างเล็กเข้ามายุ่งแถมยังเบ้ปากใส่ แต่หญิงสาวชินแล้วและไม่อยากจะมีปากเสียงกับแม่สามี ทว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด หลี่น่าเดินเข้ามา พร้อมสายตาเหยียดหยัน “หากเธอว่างนัก ก็รู้จักออกไปทำงานบ้างสิ หรือคิดว่าที่มีอยู่ไม่ต้องทำมาหากิน คิดจะเอาเปรียบลูกชายฉันเหรอ ตงฉินกับตงหยางมีหุ้นน้อยกว่าเธอ แต่ก็ยังออกไปทำงาน โธ่ๆ น่าสงสาร” การประชดของหลี่น่าพร้อมสายตาที่บ่งบอกว่าเธอเกลียดซิงเหยียนเข้าไส้ ส่วนหญิงสาวไม่รู้จะโต้ตอบอะไร ทำได้อย่างเดียวคือเงียบ ไม่ใช่ว่าคนที่เด็กกว่าไม่อยากตอบกลับเพียงแต่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น ตลอดทั้งวัน ซิงเหยียนคิดถึงคำพูดของหลี่น่า คุณปู่แบ่งหุ้นให้เธอมากว่าสองแม่ลูกจริง ขนาดตงหยางที่เป็นประธานก็ยังน้อยกว่า ทว่าหญิงสาวเป็นภรรยาเขา หุ้นผัวเมียรวมกันก็มากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เมื่อความคิดเกิดขึ้น สิ่งแรกที่คิดได้คือโทร.หาเพื่อนสนิท ซูซ่านน่าจะเป็นที่พึ่งในยามทุกข์ใจของเธอได้ โทรศัพท์ (อะไรนะ เธออยากทำงานงั้นเหรอ) เสียงปลายสายโพล่งออกมา ที่มันน่าตกใจก็เพราะ งานที่ขอทำมันอยู่ที่บริษัทเพื่อนสาว “ฉันไม่อยากอยู่บ้าน อยู่ไปก็ต้องเจอกับแม่สามีที่เกลียดขี้หน้าฉัน ซูเธอมีงานที่บริษัทให้ทำไหมตำแหน่งอะไรก็ได้” (งานที่บริษัทพ่อฉันมีไม่เยอะ ทำไมเธอไม่ปรึกษากู้ตงหยางล่ะ เขาเป็นประธารบริษัทกู้ อีกอย่างน่าจะมีงานให้เธอทำอยู่แล้ว) “ฉันไม่อยากรบกวนเขา แค่จะคุยกันเขายังไม่อยากคุยกับฉันเลย” (นี่เธอเป็นผัวเมียแบบไหนเนี่ย) ซิงเหยียนเงียบ ความเงียบทำเอาเพื่อนอย่างซูซ่านต้องเอ่ยขึ้นอีก (แล้วพี่ฉินล่ะ เขาน่าจะช่วยเธอได้นะ โรงแรมตระกูลกู้มีตั้งหลายสาขา ฉันว่างานต้องมีแน่นอน) แค่เพื่อนเอ่ยชื่อน้องชายสามี ทำให้ซิงเหยียนฉุกคิดขึ้นมาได้ ตงหยางไม่อยากให้เธอใกล้ชิดกับพี่ฉินเหมือนก่อน แค่เห็นสายตาเขาก็พอรู้ “ไม่เอา เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ ฉันว่าทำที่อื่นน่าจะง่ายกว่า” (งั้นฉันถามพี่ชายให้นะ เผื่อโรง’ บาลเรามีตำแหน่งให้เธอทำ) หลังจากที่วางสายไปแล้ว ซิงเหยียนก็ลอบถอนหายใจ การที่ได้ออกไปทำงานนอกบ้านน่าจะดีกว่าที่ต้องมานั่งรับฟังเสียงประชดประชันแบบนี้ ค่ำของวันนั้น ร่างเล็กนั่งรอชายหนุ่มอยู่ภายในห้อง วันนี้เธออยากจะบอกเขาเรื่องที่ต้องการไปทำงาน ไม่อยากจะให้ตงหยางต้องมาว่าทีหลัง เวลาผ่านไปราวสองทุ่ม ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาก็ยังมาไม่ถึงตัวบ้าน ทำเอาซิงเหยียนต้องล้มตัวนอนแล้วเผลอหลับไปในที่สุด แอ๊ด เสียงเปิดประตูพร้อมแทรกร่างเข้ามาในห้อง ภายในห้องที่ถูกเปิดไฟไว้จนสว่าง แต่ร่างของซิงเหยียน นอนขดตัวอยู่ที่โซฟาตัวเมื่อคืน ตงหยางสาวเท้าไปที่โซฟาตัวนั้น เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร แต่สิ่งที่ทำคือช้อนร่างของซิงเหยียนขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว จนคนที่หลับใหลลืมตาตื่นขึ้นด้วยความตกใจ “พี่หยาง พี่ทำอะไร” “หน้าที่เธอคือทำอะไร” “พี่ดื่มเหล้ามาเหรอ” เขาไม่พูดต่อแต่พาซิงเหยียนมาที่เตียงนอนแล้ววางเธอลง ไม่รอช้าก็แนบริมฝีปากหยักได้รูปครอบครองเรียวปากของเธอ ฮึก ดูเหมือนจะไม่ทันได้เตรียมตัว ก็โดนตงหยางไล่บี้จนแทบจะหมดห้วงลมหายใจ กลิ่นเหล้าวิสกี้ราคาแพงยังคละคลุ้งอยู่ในช่องปาก ทุกครั้งที่เขาอ้างับริมฝีปากเธอ มือเล็กจึงรวบรวมเรี่ยวแรงที่มี แล้วดันแผงอกแกร่งของสามีให้ถอยร่นออกไป เมื่อหลุดพ้นก็จ้องมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ว่างเปล่า “พี่จะไม่อาบน้ำก่อนหรือไง” “ไม่จำเป็น!” เมื่อคืนก่อนไล่ซิงเหยียนไปนอนที่โซฟา แต่พออยากได้ตัวเธอขึ้นมาก็อุ้มไปที่เตียงนอน ทำเหมือนกับว่าหญิงสาวเป็นแค่เรื่องระบายอารมณ์ของเขา ไม่ได้มีความรู้สึกรักชอบใดๆ ใบหน้าหล่อซุกลงที่ซอกคออีกครั้ง พรมจูบไปทุกสัดส่วน ก่อนที่มือซุกซนจนสอดเข้าไปในเนื้อสาว ชวนพาสยิวร่างอยู่เป็นนิจ “พี่หยาง” เสียงเรียกกระเส่า เธอรับรู้ได้ร่างกายมันสั่นเทิ้มด้วยแรงเสน่หาที่เขามอบให้ เพียงแค่ริมฝีปากกดจูบลงที่เนื้อขาวก็ทำเอาตัวสั่นระริกแล้ว ขณะที่จูบลูบคลำเนื้อนวล เจ้าของร่างสูงก็รีบถอดเสื้อผ้าไปด้วยความทุลักทุเล แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผล ในที่สุดเสื้อผ้าของเขาก็กองลงไปอยู่ที่พื้นโดยง่าย “ดะเดี๋ยวก่อนสิ” พยายามห้ามด้วยเสียงที่สั่นเครือ เสียงหอบหายใจกระเส่าบ่งบอกอารมณ์ที่แล่นอยู่ในร่าง ส่วนชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อคนนั้นก็เอาแต่ซุกหน้าลงที่เนินอกของเธอ ยิ่งทำให้ซิงเหยียนต้องอดกลั้นอารมณ์วาบหวามนี้ “ฮึบ ฮือ” เสียงคำรามออกมาแค่เล็กน้อยในลำคอระหง เมื่อถูกอีกฝ่ายจู่โจมจนแทบหายใจติดขัด พร้อมทั้งชุดนอนทรงกระโปรงพลิ้วก็ถูกเขาถลกขึ้นสูงจนเผยให้เห็นขาขาวๆ แค่นั้นก็ไม่มีแรงต้านทานแล้ว วินาทีที่ชุดชั้นในหลุดออกจากร่างบอบบางก็ทำเอารู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่แนบอยู่บนหน้าท้องของเธอ แม้มันจะยังไม่ชินเท่าไรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ก็เธอกับเขาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พวงแก้มสีหวานเห่อร้อนขึ้น เมื่อจุดสัมผัสอ่อนนุ่มกำลังจะมีของแข็งที่สอดแทรกเข้าไป ซิงเหยียนเม้มปากแน่นขนัด ดวงตาคู่สวยก็เสหลบไปทางอื่น ปล่อยคนร่างสูงกระทำตามอำเภอใจ “อ๊ะ” สิ่งแปลกปลอมถูกแทรกลึกเข้าไปในกายเธอ เสียงหวางเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะจิกเล็บลงที่ท่อนแขนแกร่งแล้วเม้มปากแน่นขึ้น ความรู้สึกโอ้โลมเกิดขึ้น เมื่อร่างสูงขยับเคลื่อนไหว ร่างกายที่ไม่รักดีก็แอ่นรับอย่างหักห้ามไม่ได้ วินาทีนั้นในหัวก็เผลอคิด อยากจะเอ่ยปากถามขณะที่ตงหยางสุขสมอยู่กับร่างกายของตน ว่าเขารักเธอบ้างหรือเปล่า แต่ก็ต้องเก็บมันไว้เพราะกลัวคำตอบที่ได้จะทำเอาหญิงสาวต้องเจ็บช้ำน้ำใจเสียเปล่าๆ “ดีมากซิงเหยียน อึก” น้ำเสียงแห้งผากเมื่อเอวหนาสวนเข้าออก ทว่าร่างกายก็ดันตอบรับเขาทุกเมื่อ ทำเอาตงหยางต้องโน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหู สัมผัสอันแสนพิเศษสำหรับซิงเหยียนมันเกินคำว่าความสุข ใช่...หากจะบอกว่ารักเขาก็คงไม่ผิด แต่ที่ผิดคือเธอรักตงหยางข้างเดียว!
ตงหยางกลับเข้ามาที่โรงพยาบาล ทว่า เป็นจังหวะที่หมอกำลังเข็นร่างของซิงเหยียน ออกจากห้องฉุกเฉิน เขารีบวิ่งไปประชิดเตียงผู้ป่วย พร้อมคำถามที่ถามหมอประจำตัว"ซิงเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ""คุณเป็นอะไรกับเขาหรือครับ""ผมเป็นสามีเธอ""อ้อ....โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน แม่และเด็กปลอดภัย ส่วนคนไข้เธอสลบไปด้วยความตกใจ ต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย"รอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ฉีกออกจนกว้าง แค่คำว่าแม่ลูกปลอดภัยทำเอาหัวใจชื่นมื่นขึ้นมาซิงเหยียนถูกส่งตัวมาที่ห้องพักฟื้นโดยมีตงหยางเป็นคนเฝ้าไม่ห่าง เขาแทบไม่หลับไม่นอน ไม่ออกไปไหนกลัวว่าซิงเหยียนตื่นขึ้นมาจะไม่เจอใคร นาทีนั้นหมอซางก็เข้ามาพอดี"เป็นไงบ้าง"เขาเอ่ยถามคนเฝ้า ตงหยางตอนนี้เหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น"ปลอดภัยแล้ว"แคร่กๆเธอไอแห้งๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา ทว่าเมื่อรู้สึกตัวเท่านั้นก็กวาดสายตามอง จากนั้นก็เห็นว่าตงหยางนั่งอยู่ข้างเตียง"พี่หยาง ลูกละ ลูกเป็นยังไง เขาอยู่ไหม"ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบกลุ่มเส้นผม เผยอริมฝีปากจูบอย่างอ่อนโยนโดยไม่แคร์หมอซางที่ยืนอยู่ ทำเอาหมอซางต้องปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน"ลูกเราปลอดภัย เขายังอยู่"น้
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ท้องของซิงเหยียนป่องขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่มีตงหยางคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แถมสถานะเขาตอนนี้เหมือนคนที่โรงพยาบาลจะพอรู้แล้วการมานั่งเฝ้า ซื้อของมาฝาก หรือแม้กระทั่ง การคอยรับกลับคอนโด แม้ว่าซิงเหยียนเธอจะไม่กลับด้วย แต่ตงหยางก็คอยขับรถตาม รถที่ซิงเหยียงนั่ง"นับวันยิ่งประสาท"เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อรถจอดสนิท เธอก็เดินลง มุ่งหน้าขึ้นลิฟต์ ไปยังห้องที่เธออยู่ ส่วนตงหยางหน้าที่หลักคงเป็นบอดี้การ์ดคอยตามเมียไปแล้ววันเวลาผ่านไป ตงฉินคอยทำหน้าที่ประธานบริษัท ส่วนคุณนายหลี่ก็เข้าวัดสวดมนต์ ปรับเปลี่ยนไปเยอะ ที่เปลี่ยนเพราะตัวเองวิตกจนหาที่พึ่ง ไม่อยากจะคิดมากเรื่องลูกชายทั้งสอง ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องชิงอำนาจกันแต่ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่ตงฉินทำ เขาแค่อยากดัดนิสัยพี่ชาย คนหน้าตายชักสีหน้าตลอดอย่างเขาสมควรโดนแบบนี้เสียบ้างวันหยุดของซิงเหยียน ปกติก็ไม่ค่อยออกไปไหน ด้วยความที่ตัวเองท้องแถมก็เดินเที่ยวค่อนข้างลำบาก ทว่า วันนี้กลับนึกอยากเดินไปหาซื้อของ เพราะรู้สึกว่าของใช้ภายในห้องมันเริ่มหมด อีกทั้งตงฉินก็ไม่ได้ซื
ตงหยางซดเหล้าจนตาแดงก่ำ เดินเซมาที่ห้องของน้องชาย เวลานี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เขามีเรื่องที่อยากจะคุยกับตงฉินให้รู้เรื่องก๊อก ก๊อกเคาะประตูในขณะที่ตัวเองแถบยืนไม่อยู่ เมื่อประตูแง้มออก ก็รับจับไปที่คอเสื้อตงฉิน ทว่าเรียวแรงคนเมา มันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนก่อน ทำให้ตงฉินสะบัดร่างเขากองไปอยู่ที่พื้น"พี่มีอะไร""แกจะเอายังไง""เรื่อง? ""เรื่องซิงเหยียน แกเลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ"ขณะพยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมาเพื่อพูดกับน้องชาย ทำเอาตงฉินเบ้ปาก จากนั้นก็มองพี่ชายที่ตัวเองยกย่องเสมอมา"ท่านประธานตงหยางผู้ชักสีหน้านิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูสภาพพี่ตอนนี้สิ เหมือนหมาข้างถนน เมาขนาดนี้ หากคนอื่นเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน""แกไม่ต้องนอกเรื่องฉันถามว่าแกจะเอายังไง เลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ""อยากให้เลิกยุ่งเหรอ เอาอะไรมาแลกดีละ""แกหมายความว่ายังไง""ทุกอย่าง ต้องมีเงื่อนไข พี่อยากให้ผมเลิกยุ่งกับซิงเหยียน พี่จะเอาอะไรมาแลกถึงจะสมน้ำสมเนื้อ""แกอยากได้อะไร""อืม....สิ่งที่อยากได้งั้นเหรอ ตำแหน่งท่านประธานดีไหม""ตงฉิน!!""ก็แล้วแต่พี่นะ แลกไม่แลกผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้เหยียนเหยียนท้อง
"นายครับ คนของเราบอกว่าคุณซิงเหยียนไปพบหมอที่ห้องสูติครับนาย"เจียวมิ่งรายงานเสียงเข้ม ทำเอาตงหยางที่นั่งตวัดลายเซ็นต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนสนิท พร้อมทั้งทวนคำพูดของเจียวมิ่งด้วย"ว่าไงนะ ห้องสูติเหรอ เธอไปทำอะไร""ไม่ทราบเหมือนกันครับนาย"ตงหยางนึกคิด แผนกสูติส่วนมากเขาเป็นแผนกที่หญิงตั้งครรภ์ควรจะไป แต่ทำไมซิงเหยียนถึงเข้าไปพบหมอที่แผนกนั้น เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ถึงกับดีดตัวพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้"นายจะไปไหนครับ"เขาไม่ตอบ สิ่งที่เขาทำคือมุ่งหน้าออกจากบริษัท จากนั้นก็ไปที่คอนโดของหญิงสาวเวลานี้ซิงเหยียนนั่งทานผลไม้ พร้อมกับเปิดทีวีดูสิ่งบันเทิง มือน้อยๆ ของเธอลูบไปที่ท้อง พร้อมคำพูดแสนหวาน"ทานเก่งนะเรา แม่อ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่หายแพ้ก็เอาแต่กินไม่หยุด หนูคงชอบทานผลไม้ใช่ไหม"พูดกับลูกในครรภ์พร้อมรอยยิ้ม พลางหยิบแอปเปิลเข้าปาก เคี้ยวอย่างอร่อย ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก"สงสัยคุณอาฉินมาแล้ว มาเร็วกว่าที่คิด"เธอคิดว่าเป็นตงฉิน เพราะนัดกันไว้แล้ว ตงฉินติดงานหลังเลิกงานบอกว่าจะมาหาเธอเพื่อถามอาการ เพราะวันนี้เธอไปตรวจครรภ์มาร่างเล็กเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออก
แต่ใครจะไปคิดว่า ตงหยางใช้คำอาจสั่งให้น้องชายเข้าประชุมแทน ส่วนตัวเองก็มานั่งเฝ้าซิงเหยียนเธอเดินออกมาด้านนอกโดยไม่สนใจที่จะมองตงหยาง ในเมื่อตัดแล้วก็ต้องการตัดให้ขาด แต่"พี่หยาง ปล่อยฉันนะ"อยู่ๆ ร่างสูงที่เดินตามเธอมา แล้วรีบคว้าที่แขนเธอพาเธอมาที่รถแม้ว่าเจียวมิ่งจะไม่ใช่คนขับ แต่คนอย่างตงหยางไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยคุมภัยอยู่แล้ว"พี่จะพาฉันไปไหนฉันไม่ไป""ขึ้นรถ แค่จะไปส่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ทำหน้าที่พี่ชายกับเธอ วันนี้ฉันขอทำหน้าที่แทนตงฉินแล้วกัน""แล้วพี่ฉินไปไหน? ""ตงฉินมีประชุม"พี่ชายอย่างนั้นเหรอ เธออยากจะหัวเราะ แต่มันฝืดเคืองมากกว่า พี่ชายที่มีลูกเขาอยู่ในท้องแต่ก็ต้องจำยอมขึ้นไปนั่ง ก็เขาดันร่างเธอขนาดนั้น ไม่อยากขัดขืนให้เกิดอันตรายแม้แต่นิดเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ แต่ดันพาเธอมาร้านอาหาร แต่มันก็น่าแปลกทั้งน่าขำ ตอนที่เป็นสามีภรรยากัน แทบจะไม่พาเธอไปไหน ทานข้าวก็มีแต่ทานในบ้าน ออกงานแค่ครั้งเดียวคือวันรับตำแหน่ง"ร้านนี่อร่อยนะ ปกติฉันไม่เคยพาเธอมาทานแบบนี้สักครั้ง เธออยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม""ไม่ค่ะ พี่ฉินซื้ออาหารไปไว้ให้ฉันหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ยังไม่หิว ห
ในเมื่อไม่อยากกระทำอะไรที่มันร้ายแรงลงกว่าเดิม ตงหยางจำยอมที่จะออกจากห้องรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองแย่จริงๆ เพราะพินัยกรรมสมบัตินั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องใช้สัญญามาบีบบังคับเธอทางอ้อมหลังจากที่ตงหยางออกไปจากห้อง ความรู้สึกเสียใจก็ย่อมมี แต่ก็ต้องอดกลั้นมันไว้ ไม่อยากให้ความอ่อนแออยู่เหนือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ตัดเขาออกจากใจไม่ได้สักทีสองวันผ่านไปตงหยางสั่งให้ลูกน้องมาสืบ จนรู้ว่าซิงเหยียนมาทำงานที่โรงพยาบาล และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทำ พอเขารู้ก็เหมือนจะเสียใจมาก เพราะตัวเองไม่ขอรับรู้เรื่องของเธอก่อนหน้า จนวันนี้มาถึง แต่ก็คงเป็นผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ หากเธอจะโกรธจนไม่ให้อภัย ก็คงเป็นเพราะชะตาลิขิตไว้แล้วยิ่งตอนนี้คนที่ตีสนิทกับซิงเหยียนก็คือน้องชาย แน่นอนว่าหากซิงเหยียนจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ เขาเองย่อมรับไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น#โรงพยาบาลเป๋ยร่างสูงมุ่งหน้ามาที่ห้องบัตร สายตาของเขาเรียบนิ่งก่อนหยุดยืนแล้วพูดเสียงเย็น"ฉันมาหาหมอ""เป็นอะไรมาค่ะ"ซิงเหยียนรับคำแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออดีตสามี ทำเอาดวงตาคู่สวยเลิ่กลั่ก จังหวะนั้น