มัชชุพรรู้ตัวว่าเมื่อคืนเป็นฝ่ายผิดจึงคิดจะเอาใจสามีด้วยการเลือกซื้ออาหารที่เขาชอบ หันไปจัดแจงเทไวน์แดงรอที่จะได้นั่งทานมื้อค่ำกับสามีอย่างตื่นเต้น มื้อค่ำในพร้อมกันในรอบสามเดือน
เมื่อเทวทิณณ์นั่งตรงข้ามกับเธอ มัชชุพรก็ตักอาหารใส่จานให้สามีอย่างเอาใจ “มัชตักให้นะคะ” อาหารจานโปรดที่ไม่ได้กินร่วมกับภรรยามานานทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเมื่อคืนลดลงเล็กน้อยแต่ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
เมื่ออาหารพร่องไปเกือบครึ่ง มัชชุพรเริ่มเกริ่นบทสนทนาเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบเชียบ “ไซต์งานเป็นยังไงบ้างคะ?” เทวทิณณ์คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้นก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ
“มีปัญหาเรื่องวัสดุและราคาเล็กน้อยน่ะ แต่ยังพอไปได้”
“แล้วมัชละเมื่อคืนทำไมไปที่นั่นได้”
“…” สองมือขาวที่จับช้อนส้อมรวบไว้กับจานก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ
“เอาตรง ๆ นะคะพี่ทิณ มัชเหงาแล้วพอดียัยชาชวนไปเที่ยวพอดี มัชก็เลยไปไม่คิดว่าจะเจอพี่ทิณที่นั่น”
“ถ้าไม่เจอพี่ ก็คงจะไปค้างกับธิชาใช่ไหม” มัชชุพรอ้าปากค้าง ก้มหน้านิ่งก่อนจะพยักหน้ายอมรับเบา ๆ
“แต่งงานแล้วนะมัช จะไปเที่ยวพี่ไม่ว่าแต่ควรจะบอกก่อนหรือขออนุญาตจากพี่ก่อน”
“แต่-”
“ไม่มีแต่มัช มัชแต่งงานมีสามีแล้ว ควรจะอยู่กะร่องกะรอยไม่ใช่ออกไปเที่ยวเตร่เหมือนอย่างธิชาที่ยังโสด มัชควรจะอยู่ทำกับข้าวดูแลบ้านมากกว่าที่จะไปเที่ยวสถานที่อโคจรแบบนั้น” น้ำเสียงของเทวทิณณ์เรื่องเปลี่ยนไปตามอารมณ์
“นี่พี่ทิณแต่งงานกับมัชอยากได้เมียหรือว่าแม่บ้านกันแน่คะ?”
“กี่วันกี่คืนที่มัชต้องเข้านอนคนเดียว ทำกับข้าวรอเก้อกี่ครั้ง เจ็บป่วยก็ต้องดูแลตัวเอง แล้วมัชยังดีไม่พออีกเหรอคะ มัชก็เหงาเป็น ตั้งแต่แต่งงานมา มัชอยู่แต่บ้านตลอด มีแค่เมื่อวานคืนเดียวที่อยากจะออกไปหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง รู้ตัวบ้างไหมคะ…ว่าพี่ทิณก็เป็นสามีที่แย่เหมือนกัน มัชไม่ได้ต้องการเงินทองหรือกระเป๋าแบรนด์เนมต่าง ๆ ที่พี่ทิณซื้อมาเอาใจหรือต้องการขอโทษ มัชอยากได้เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันบ้าง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ นอนคุยแลกเปลี่ยนสารพันปัญหาที่พบเจอมาในแต่ละวัน…ก็เท่านี้ มัชเป็นภรรยาที่ขอสามีมากเกินไปหรือคะ หรือว่าพี่ทิณเห็นว่ามัชไม่พูดอะไร มัชดูแลตัวเองได้เลยไม่ต้องใส่ใจ จะละเลยยังไงก็ได้” น้ำเสียงเริ่มขาดหายไปเมื่อก้อนสะอื้นตีตื้นขึ้นมาจนจุกในอกไปหมด
“ถ้ามัชยังดีไม่พอ…เห็นทีเราคงเดินร่วมทางกันอีกไม่ได้” มัชชุพรลุกเดินกลับเข้าไปในห้องทันทีที่พูดจบ น้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตกเมื่อได้ฟังถ้อยคำติเตียนจากปากสามี
“นี่ขนาดไม่มีลูกนะเนี่ย” เธอตัดสินใจถูกแล้วที่ยังไม่คิดจะมีลูกในตอนนี้ ความสัมพันธ์ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เห็นทีคงจะมาถึงทางตัน มัชชุพรเริ่มเข้าใจที่ธิชาเพื่อนรักกล่าวกับเธอ
“แกเคยได้ยินไหม
ไม่คาดหวังไม่ผิดหวังแกคาดหวังให้เค้าเป็นในแบบที่แกชอบตลอดไปไม่ได้หรอกนะคนเรามันมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยนไปไม่ว่าจะหน้าที่การงานอายุหรือ…ความรู้สึก”หากจะยื้อความสัมพันธ์นี้ต่อไปเธอก็ควรจะเลิกคาดหวังจริง ๆ อย่างที่ธิชาว่า
ทางด้านเทวทิณณ์ก็ได้แต่นั่งอึ้งเมื่อได้ยินคำอัดอั้นตันใจจากปากภรรยา เขายอมรับว่าละเลยมัชชุพรจริง ๆ เพราะเห็นว่าเจ้าตัวดูแลตัวเองได้ อีกทั้งก่อนแต่งงานก็ไม่เคยเจ้ากี้เจ้าการในชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก จึงคิดว่าเธอเข้าใจแต่เปล่าเลย ที่ว่าเธอไม่พูดเพราะว่าเอาแต่รอให้เขากลับมาอธิบาย อีกทั้งเขาเองก็เป็นพวกปากหนัก คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไซต์งานคนอื่นก็ดูแลได้ แล้วภรรยาที่บ้านล่ะใครดูแล
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่หวือหวาอีกทั้งก็ยังมองไม่เห็นอนาคตร่วมกันเหมือนแต่ก่อน วิมานที่ต่างฝ่ายต่างวาดฝันไว้ก่อนหน้าสลายหายไปกับตา สามีที่แทบไม่ได้กลับมานอนพร้อมภรรยา ไหนจะไม่เคยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เขามองเพียงรอยยิ้มที่มัชชุพรคอยยิ้มให้แต่ไม่เคยลองมองไปถึงจิตใจว่าแท้จริงแล้ว เธอมีความสุขระหว่างที่ได้ใช้ชีวิตคู่กับเขาจริงไหม อีกทั้งสามีที่คาดหวังให้ภรรยาเป็นให้ได้ดั่งใจนั้นค่อนข้างจะเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจภรรยาไม่น้อย
อาหารมื้ออร่อยที่เจ้าตัวอุตส่าห์ตระเตรียมมาเอาใจสามีอย่างเขากร่อยลงไปทันตา แทนที่จะได้นั่งเคลียร์กันอย่างใจเย็น กลายเป็นสาดน้ำมันลงไปในกองไฟเสียอย่างนั้น บางทีเขาควรจะมีสองหน้า สองบุคลิก ในเมื่อกลับบ้านมาพักผ่อนก็ควรจะละทิ้งหน้าที่เจ้านายสวมบทหน้าที่สามีที่แสนดี ทิ้งเรื่องงานไว้เบื้องหลัง ใช้ชีวิตคู่กับภรรยา ทั้งสองส่วนล้วนสำคัญแต่จะเอามาปนกันจนส่วนใดส่วนหนึ่งต้องพังไม่ได้ เทวทิณณ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า นั่งทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ สักพักก่อนจะกลับเข้าห้องนอนที่ว่างเปล่า มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ติดกับหมอนข้าง ๆ ให้กอดคลายเหงา วันหยุดแท้ ๆ แทนที่จะได้นอนกอดเมีย ได้กอดหมอนแทนซะงั้น
วันนี้ธิชาและเพื่อนรักอย่างมัชชุพร ทั้งสองครอบครัวนัดกันมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ทะเลแห่งหนึ่งในภาคใต้มิตรภาพที่ยาวนานร่วมสิบปีของสองสาว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นภาพนี้ด้วยกัน รวมไปถึงสองหนุ่มเพื่อนสนิทอย่างเทวทิณณ์และพิภพ ที่ต่างก็มองภรรยาและลูกน้อยก่อปราสาททรายกันอย่างสนุกสนาน“ถ้ารู้ว่ามีครอบครัวแล้วมีความสุขอย่างนี้ กูมีไปนานแล้ว ไม่น่าไปฟังไอ้พวกนั้นที่เอาแต่บ่นกระปอดกระแปด” เทวทิณณ์ยกเบียร์กระป๋องในมือขึ้นมาจิบก่อนจะยักไหล่ “ก็ไอ้พวกนั้นไม่ได้มีเมียเหมือนมัช และไม่ได้ใจกว้างเหมือนธิชา” เทวทิณณ์ได้ทีเอ่ยชมภรรยาไม่ขาดปาก“ก็จริง ชาเค้าไม่เคยทำตัวแบบว่าเมียใหญ่สุด หรือกูต้องทำตัวเป็นพ่อบ้านใจกล้า ไอ้พวกนั้นทำยังกะว่าเรื่องแต่งเมียเหมือนขายของหรือไง”“ก็โดนคลุมถุงชน เป็นกูก็ไม่อยากกลับบ้านเปล่าวะ”“ดีที่ชาเค้ายังกลับมาหากู ไม่งั้นกูคงไม่ได้เห็นภาพนี้ หรือไม่ก็ไม่มีภาพนี้ในหัวเลย” เทวทิณณ์ตบบ่าเพื่อนรักเพื่อให้กำลังใจ“รักษาเค้าให้ดี ๆ ไม่ใช่ละเลยทำตัวเสเพลเหมือนเดิมอีกนะมึง ลูกเต้าก็มีแล้วทำตัวให้สมกับที่เป็นพ่อคน”“ครับ” พิภพหันมาพนมมือไหว้เพื่อนรัก ที่สั่งสอนยังกะพ่อ ตั้งแต่แต่งงาน
คู่แต่งงานใหม่ก็พากันมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไกลถึงต่างประเทศ ธิชาและพิภพต่างก็กกกอดกันอย่างแนบแน่นทุกเช้าค่ำระหว่างท่องเที่ยวฮันนีมูนในโรงแรมแห่งหนึ่ง “อื้อ สะ สามี เบาหน่อย”ตั้งแต่งานแต่งงาน พวกเขาทั้งสองต่างก็เหนื่อยลากเลือดกันทั้งคู่ ไม่มีเวลามาจู๋จี๋ตามประสาข้าวใหม่ปลามันกันสักเท่าไหร่ สรรพนามที่เอ่ยเรียกกันก็เปลี่ยนไป“ชาจ๋า ชาของพี่หวานที่สุด”“อื้อ”สองเต้าที่ถูกมือใหญ่บีบเคล้น อีกทั้งยังถูกดูดอย่างกระหายอย่างนี้ทำเอาธิชาถึงกับกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ เห็นแต่ผมดกดำที่ขยับอยู่ตรงหน้าอกของเธออยู่นานสองนาน เขาทั้งขบกัด หยอกล้อกับเม็ดบัวทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว ร่างบางสั่นระริกด้วยความเสียว อีกทั้งช่องทางสวาทยังหลั่งน้ำเมือกสีใสออกมาจนต้นขาด้านในเฉอะแฉะไปหมด สองขาถูไถกับเตียงกว้างจนผ้าปูที่นอนยับย่น ข้อมือได้แต่กำมุมหมอนเพื่อระบายความเสียวที่ตีตื้นขึ้นมาทำเอาเธอเกือบจะเสร็จสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง“อ๊ะ”พิภพจูบลูบไล้ร่างกายที่สะโอดสะอง เอวคอดสะโพกผาย ธิชามีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย ผู้ชายอย่างพิภพไม่รู้ว่าร่างกายที่ผอมเพรียวของเธอแบกเต้าทรงโต และเข่าที่แบกสสะโพกผายได้ยังไง ไม่ว
“ไม่ต้องร้องแล้วนะคะคนดี” พิภพเอ่ยปลอบพลางก้มลงจูบหน้าผากเนียนด้วยความรักใคร่ กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น พอเห็นเพื่อนรักแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุข มันก็กระตุ้นความปรารถนาของพิภพให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น เขาประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว แต่ชีวิตคู่กลับตรงกันข้าม เขาจินตนาการการมีครอบครัว แต่งงานมีลูกกับใครสักคนไม่ออก หากตอนแรกเขาไม่เลิกกับธิชาก็คงยังมองภาพนั้นไม่ออก แต่พอได้เลิกรากับอีกฝ่ายไป ภาพที่เคยเลือนรางและคิดว่าไม่มีอยู่จริงกลับมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เขาวาดภาพบ้านและครอบครัวของตัวเองออกมาหลายภาพ และมองเห็นอนาคตที่จะใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปจนแก่เฒ่า และคนคนนั้นก็คือธิชา…หญิงสาวตรงหน้าหากไม่เคยสูญเสียก็ไม่รู้คุณค่าของมันวันนี้เขารู้ซึ้งแล้ว และจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือเป็นครั้งที่สองงานแต่งงานของธิชาและพิภพจัดขึ้นที่ริมทะเลจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ บรรยากาศเรียบง่ายแต่อบอุ่น มีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนสนิทเพียงเท่านั้น มัชชุพรและเทวทิณณ์พร้อมยัยหนูมัชฌิมาในวัยแปดเดือน สวมชุดกระโปรงน่ารักพร้อมผ้าคาดหัว บนแท่นเวทีบ่าวสาวกำลังเอ่ยคำสาบาน‘ข้าพเจ้านายพิภพ รับ นางสาวธิ
ไม่รู้ว่าสถานะนี้คืออะไร แต่ต่างฝ่ายต่างสบายใจที่จะไปมาหาสู่กันอย่างนี้ บางทีเวลาก็ช่วยเยียวยาและตกตะกอนความคิดต่าง ๆ ให้ผู้คนต่างก็เติบโตและไม่จมกับความผิดพลาดในอดีต อีกทั้งตอนนี้พวกเขาต่างก็เดินหน้าด้วยความระมัดระวัง เพราะรู้แล้วว่ากว่าจะเจอรักดี ๆ คนรักดี ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแตกสลายและเสียน้ำตามากมายไปไม่รู้เท่าไหร่กว่าจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง พูดคุยและหัวเราะด้วยกันอีกครั้งแบบนี้ โดยเฉพาะอดีตคาสโนว่าอย่างพิภพ ที่เหมือนจะถูกถอดเขี้ยวเล็บไปจนหมด ตอนนี้กลายเป็นคนที่เจอตัวยากพอ ๆ กับเทวทิณณ์ อย่างเทวทิณณ์ที่กำลังจะเป็นพ่อคนอยู่ติดบ้านก็ไม่แปลก แต่คนที่มักจะออกท่องราตรีเป็นประจำอย่างพิภพกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ติดบ้าน ออกสังสรรค์บ้างแต่ก็นับครั้งได้ ธิชาเองก็ไม่เคยกะเกณฑ์หรือพูดขอร้องอะไร เธอไม่เคยพูดให้เขาเปลี่ยน เพราะหากเขาไม่เปลี่ยน ใครก็คิดที่จะเปลี่ยนเขาไม่ได้ อีกทั้งธิชาก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามครรลอง ถ้าถามถึงความรู้สึก…เธอก็ยังรักตัวเองมากกว่าจะรักใครคนอื่นหลังจากดูหนังจนจบ พิภพก็พาหญิงสาวมาทานอาหารดาดฟ้าโรงแรมดัง “นี่หรือเปล่าคะที่ย้ำนัก
ตั้งแต่วันนั้นธิชากับพิภพก็ไม่ได้เจอกันอีกจนงาน Baby Shower ของยัยมัชที่จัดงานที่บ้านสวนที่อยุธยาบ้านของพี่ทิณ เรียกได้ว่าเป็นงานรวมกัลยาณมิตรเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เพื่อนฝูง ต่างก็มากันเกือบครบหมด ว่าที่คุณแม่ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่ใช่แค่แขกในงานที่ลุ้นเพศ สามีอย่างเทวทิณณ์เองก็ลุ้นจนตัวโก่งเหมือนกัน มีแต่มัชชุพรที่รู้ ลูกโป่งสีสวยบรรจุแผ่นกระดาษไว้ภายใน สีฟ้าลูกชาย สีชมพูลูกสาว เพื่อน ๆ ต่างก็พนันกันอย่างสนุกสนาน ธิชาเองก็เหมือนกัน ลูบท้องยัยมัชออกจะบ่อย ท้องแหลมแบบนี้โบราณเขาว่าจะได้ลูกสาว งานปาร์ตี้เล็ก ๆ แต่ทว่ากลับอบอุ่น ตอนนี้เองพิภพก็เดินมาหาเธอ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเคอะเขิน พูดคุยทักทายกันอย่างออกรสตามประสาคนรู้จัก“ชาว่าไอ้ทิณจะได้ลูกชายหรือลูกสาว”“ต้องลูกสาวอยู่แล้วค่ะ”“ถ้าลูกชายล่ะ?”“งั้นมาพนันกันไหมละคะ” ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่มัชชุพรถือลูกโป่งยักษ์สีขาวไว้ในมือ เพื่อน ๆ ต่างส่งเสียงเชียร์ฝั่งเพื่อนชายก็ส่งเสียง BOY/ ส่วนฝั่งผู้หญิงก็ GIRL ต่างไม่มีใครยอมใคร อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้เด็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ ต่างขนมาให้กองพะเนินจนคุณย่าอย่างสาวิตรีอดที่จะหัวเราะกับคนห
หลังจากเกิดเรื่องทางบริษัทเองก็ไม่ได้ใจดำกับลูกน้อง ทางหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็เอ่ยปากให้ธิชาลาพักได้อีกสักสองสามวัน เพราะเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ และคดีความ แต่ธิชาปฏิเสธอีกทั้งงานตรงหน้าทำให้สมองของเธอหยุดคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ขณะหนึ่ง เพื่อนร่วมงานก็ต่างชวนคุย ดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ที่โรงแรมเป็นไหน ๆ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทางพิภพเองก็บอกว่ารอให้หาคอนโดได้ใหม่จะส่งมาให้ เธอเองก็เห็นว่าไม่เสียหายอะไร จึงเอาตามนั้น แต่ระหว่างนี้ก็ไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก แม้จะพักอยู่ห้องเดียวกันก็ตามธิชาเองก็รู้สึกปลอดภัยที่อีกฝ่ายมาอยู่เป็นเพื่อน หากสภาพจิตใจดีมากกว่านี้อีกสักหน่อยคงต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม…แต่เธอเองก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว พยายามหาห้องใหม่ให้เร็วที่สุด ทางอิทธิเองก็เอ่ยปากช่วยหาห้องใหม่ให้ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานหญิงโสดหลายคนก็แนะนำให้อยู่บ้าง แต่เธอต้องขบคิดสักเล็กน้อย ห้องที่ดี ความปลอดภัยสูงราคาก็แพงตาม ลำพังพนักงานออฟฟิศเงินเดือนไม่มากเท่าไหร่ จะให้หารูมเมทก็ไม่ชอบ เฮ้อ!ธิชากลับโรงแรมที่พักด้วยสภาพอิดโรย หลังเลิกงานต้องตระเวนหาที่อยู่ใหม่อีก “ชา กลับมาแล้วเหรอ ทานอะไรหรือย