กว่าจะฝ่าบรรยากาศรถติดกลับมาถึงที่พักก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ตอนนี้หญิงสาวเหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจเป็นอย่างมาก ร่างกายรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้ เธอเปิดประตูเข้าห้องมาด้วยใจที่ห่อเหี่ยว สุดท้ายก็ต้องหาอะไรกินเอง เจ็บป่วยก็ต้องไปหาหมอเอง นี่น่ะเหรอชีวิตหลังแต่งงานของเธอ ความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว แต่สายตาก็สะดุดไปยังโซฟาที่ห้องนั่งเล่นเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงนั้น
“พี่ทิณ”
“ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ”
“คุณแม่เป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยดีค่ะ ว่าง ๆ พี่ทิณกลับไปเยี่ยมท่านบ้างนะคะ”
“ขอบคุณนะมัช ขอบคุณที่ดูแลแม่พี่” เทวทิณณ์พูดพร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดภรรยา มัชชุพรเป็นหลังบ้าน เป็นภรรยาที่เข้มแข็ง ด้วยเหตุนี้เขาถึงวางใจและออกไปทำงานข้างนอกได้อย่างหมดห่วง จนเผอเรอละเลยคนรอบข้างไปจนหมด เขาเป็นทั้งลูกที่แย่ เป็นสามีที่เห็นแก่ตัว เอาเป้าหมายของตัวเองเป็นที่ตั้ง เขาคิดไม่ออกเลยว่าหากมัชชุพรไม่เลือกสายงานฟรีแลนซ์ จะเป็นยังไง…
หลายคนต้องสละสายงานและสังคมที่มีเพื่อออกมาเป็นแม่บ้าน สละความก้าวหน้าของอาชีพการงานเพื่อมาเสี่ยงกับการแต่งงานที่ไม่รู้อนาคต ผู้หญิงมีความเสี่ยงหลายทาง และมักจะได้รับคำพูดเย้ยหยันจากสังคมอยู่เสมอ
เทวทิณณ์ใจหาย…หากเขาหันหลังกลับมามองภรรยาคนนี้ช้าออกไปอีกนิด บางทีเขาอาจจะไม่มีโอกาสที่จะปรับความเข้าใจและอาจไม่มีโอกาสอยู่ร่วมฉลองความสำเร็จกับคนที่รักอีกก็เป็นได้
“มัช…พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มสวมกอดภรรยาแน่นขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ พูดสิ่งที่อยู่ในใจ และเขาก็นั่งตกผลึกกับความคิดนั้นมาหลายวัน
“พี่ขอโทษที่ทำแต่งาน ขอโทษที่ละเลยมัช แต่พี่ไม่เคยไม่รักมัช ไม่คิดที่จะทอดทิ้ง มัชให้โอกาสพี่ได้ไหม” เทวทิณณ์ค่อย ๆ ปล่อยร่างในอ้อมกอดพร้อมกับก้มลงมาประทับจูบที่หน้าผากเนียนนั้นอย่างแผ่วเบา
มัชชุพรอ้ำอึ้ง สมองตื๊อจนคิดอะไรไม่ออก ใจหนึ่งก็รู้สึกดี แต่อีกใจหนึ่งหากมันดีเพียงแค่ตอนแรกเล่า เธอไม่กล้าจะวาดฝันอะไรอีก “แล้วพี่ทิณคิดว่าจะทำได้อย่างที่พูดไหมคะ” ชายหนุ่มนิ่งเงียบ มัชชุพรยิ้มให้ตัวเองก่อนจะถอยออกมา จ้องมองใบหน้าสามีที่เหมือนจะซูบผอมลงไปเล็กน้อย
“มัชไม่ได้อยากให้พี่ทิณตัวติดกับมัชตลอดเวลา แต่ขอแค่อย่างน้อยในหนึ่งสัปดาห์มีเวลาให้กันบ้างก็พอ เรื่องงานมัชเข้าใจ… ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัชขอตัวนะคะ”
“มัช…คืนนี้นอนกับพี่นะ”
นานแค่ไหนแล้วที่สองสามีภรรยาไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้ แค่ทานข้าวด้วยกันอย่างน้อยสามสิบนาที พูดคุยแลกเปลี่ยนสารพันปัญหาก่อนเข้านอน มันนานมากแล้วที่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้ใช้ชีวิต และทำกิจกรรมง่าย ๆ พวกนี้ด้วยกัน แถมยังเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่นอนดูหนังด้วยกันแบบนี้
ชายหนุ่มมองภรรยาที่กำลังนอนดูหนังอยู่ข้าง ๆ เหมือนว่ามัชเองก็ยังมีทีท่าปั้นปึ่งอยู่บ้าง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เทวทิณณ์สะดุ้งโหยง
“เปล่าค่ะ พี่แค่…กลัวว่ามัชจะยังโกรธพี่อยู่”
“แล้วมัชโกรธไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น” ชายหนุ่มเริ่มลนลานทำตัวไม่ถูก ก่อนจะกดรีโมทหยุดภาพยนตร์ในจอก่อนจะหันมาพูดคุยกับคนข้าง ๆ อย่างจริงจัง
“มัช” เทวทิณณ์พูดพร้อมกับลูบศีรษะนั้น เท้าแขนมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังมองมาที่ตนเช่นเดียวกัน
“รอจบโปรเจกต์นี้เราไปเที่ยวกันไหม มัชอยากไปที่ไหน”
“ถ้ามัชไม่พูด ไม่เอ่ยออกมาก่อน พี่ทิณจะหันมามองมัชเมื่อไหร่คะ”
“มัช”
“ความจริงมัชก็ไม่อยากจะงี่เง่าใส่พี่ทิณหรอกนะคะ มัชรู้ว่าพี่ทิณทำงานหนักก็เพื่อเรา แต่พี่ทิณอย่าลืมนะคะว่าเวลามันเดินหน้า ไม่มีถอยหลัง คุณแม่แก่ลงทุกวัน บางทีอาจจะไม่ได้อยู่รอวันที่พี่ทิณประสบความสำเร็จก็ได้”
“มัช”
“การมีเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่บางทีเราอาจไม่มีเวลามากพอที่จะเฉลิมฉลองความสำเร็จนั้นกับคนที่เรารัก หรือครอบครัวได้มากพอ ค่อย ๆ ก้าวไปด้วยกันไม่ได้เหรอคะ เหนื่อยก็พัก แล้วค่อยจับมือกันวิ่งไปข้างหน้าต่อ เก็บเกี่ยวความสุขเล็ก ๆ ไปตลอดทาง ช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบากไปด้วยกัน
ความสำเร็จนั้นมันคุ้มค่าจริงเหรอคะ ถ้าเราถึงเส้นชัยนั้นเพียงลำพัง…ส่วนมัชก็อาจรอไม่ถึงวันที่เห็นพี่ทิณวิ่งเข้าเส้นชัย รวมถึงคุณแม่เองก็ด้วย”
“มัช”
“คนเรามันไม่มีอะไรจะสมหวังไปหมดทุกสิ่งหรอกค่ะ ความจริงมัชรับงานเพิ่มกว่านี้ก็ยังได้ แต่มัชอยากใช้เวลากับครอบครัว อยากไปเที่ยว อยากใช้เวลากับพี่ทิณให้คุ้มค่า มัชอยากเป็นหลังบ้านให้พี่ทิณ พี่ทิณจะได้ออกไปทำงานได้อย่างสบายใจ มัชไม่มีใครแล้วนะคะ” มัชชุพรน้ำตาคลอ
“มัช”
“พี่มันแย่จริง ๆ พี่ผิดเอง วันหน้าหากมีอะไรที่มัชไม่สบายใจ มัชบอกพี่ได้ตลอดเลยนะ อย่าเก็บไว้แบบนี้เอง บางทีพี่ก็มองในแง่ของผู้ชาย ในแง่ของหัวหน้าครอบครัว เลยละเลยเรื่องพวกนี้ไป…แต่พี่ไม่เคยเสียใจเลยสักครั้ง ที่ตัดสินใจแต่งงานกับมัช พี่รักมัชมากนะ”
“มัชก็รักพี่ทิณค่ะ”
“ต่อจากนี้ไปพี่จะบาลานซ์งานและครอบครัวให้ดี มีอะไรพี่จะติดต่อมาบอกมัชล่วงหน้า ขอโทษ…พี่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะละเลยมัชถึงเพียงนี้” เทวทิณณ์โอบร่างบางของภรรยามาอยู่ในอ้อมแขน ยกมือซ้ายที่สวมแหวนแต่งงานนั้นขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา คลึงแหวนที่สวมอยู่นิ้วนางข้างซ้ายนั้นอยู่สักพัก
“นอนเถอะค่ะ รู้ว่าผิดพลาดก็แก้ไขให้ดีขึ้น อย่าไปจมกับความรู้สึกผิดเลย เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่กับอนาคตเราสามารถเลือกได้นะคะ มัชเองก็มีส่วนผิด…เพราะฉะนั้นถอยกันคนละก้าว มัชก็ต้องขอโทษพี่ทิณด้วยที่ระเบิดอารมณ์ใส่เมื่อวันก่อน” มัชชุพรพูดจบก็ผงกหัวขึ้นมาจุ๊บคางสามีของตน เธอยิ้มหน้าทะเล้น พลันบรรยากาศที่อึมครึมก่อนหน้าสดใสขึ้นมาทันตา
“ตัวรุม ๆ ไม่สบายเหรอมัช”
“น่าจะค่ะ แต่มัชกินยาไปแล้ว พรุ่งนี้ก็คงจะดีขึ้น”
“แต่พี่ว่ามัชต้องฉีดยาถึงจะหาย” หญิงสาวทำหน้างง แต่ก็ต้องเป็นเขินอายเมื่อสามีขึ้นมาทาบทับ ป้อนจูบให้แก่กันอยู่อย่างนี้
“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวติด”
“ติดก็ดี พี่จะได้พักสักที”
“ขี้โกงนี่ค่ะ”
“อื้อ”
วันนี้ธิชาและเพื่อนรักอย่างมัชชุพร ทั้งสองครอบครัวนัดกันมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ทะเลแห่งหนึ่งในภาคใต้มิตรภาพที่ยาวนานร่วมสิบปีของสองสาว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นภาพนี้ด้วยกัน รวมไปถึงสองหนุ่มเพื่อนสนิทอย่างเทวทิณณ์และพิภพ ที่ต่างก็มองภรรยาและลูกน้อยก่อปราสาททรายกันอย่างสนุกสนาน“ถ้ารู้ว่ามีครอบครัวแล้วมีความสุขอย่างนี้ กูมีไปนานแล้ว ไม่น่าไปฟังไอ้พวกนั้นที่เอาแต่บ่นกระปอดกระแปด” เทวทิณณ์ยกเบียร์กระป๋องในมือขึ้นมาจิบก่อนจะยักไหล่ “ก็ไอ้พวกนั้นไม่ได้มีเมียเหมือนมัช และไม่ได้ใจกว้างเหมือนธิชา” เทวทิณณ์ได้ทีเอ่ยชมภรรยาไม่ขาดปาก“ก็จริง ชาเค้าไม่เคยทำตัวแบบว่าเมียใหญ่สุด หรือกูต้องทำตัวเป็นพ่อบ้านใจกล้า ไอ้พวกนั้นทำยังกะว่าเรื่องแต่งเมียเหมือนขายของหรือไง”“ก็โดนคลุมถุงชน เป็นกูก็ไม่อยากกลับบ้านเปล่าวะ”“ดีที่ชาเค้ายังกลับมาหากู ไม่งั้นกูคงไม่ได้เห็นภาพนี้ หรือไม่ก็ไม่มีภาพนี้ในหัวเลย” เทวทิณณ์ตบบ่าเพื่อนรักเพื่อให้กำลังใจ“รักษาเค้าให้ดี ๆ ไม่ใช่ละเลยทำตัวเสเพลเหมือนเดิมอีกนะมึง ลูกเต้าก็มีแล้วทำตัวให้สมกับที่เป็นพ่อคน”“ครับ” พิภพหันมาพนมมือไหว้เพื่อนรัก ที่สั่งสอนยังกะพ่อ ตั้งแต่แต่งงาน
คู่แต่งงานใหม่ก็พากันมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไกลถึงต่างประเทศ ธิชาและพิภพต่างก็กกกอดกันอย่างแนบแน่นทุกเช้าค่ำระหว่างท่องเที่ยวฮันนีมูนในโรงแรมแห่งหนึ่ง “อื้อ สะ สามี เบาหน่อย”ตั้งแต่งานแต่งงาน พวกเขาทั้งสองต่างก็เหนื่อยลากเลือดกันทั้งคู่ ไม่มีเวลามาจู๋จี๋ตามประสาข้าวใหม่ปลามันกันสักเท่าไหร่ สรรพนามที่เอ่ยเรียกกันก็เปลี่ยนไป“ชาจ๋า ชาของพี่หวานที่สุด”“อื้อ”สองเต้าที่ถูกมือใหญ่บีบเคล้น อีกทั้งยังถูกดูดอย่างกระหายอย่างนี้ทำเอาธิชาถึงกับกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ เห็นแต่ผมดกดำที่ขยับอยู่ตรงหน้าอกของเธออยู่นานสองนาน เขาทั้งขบกัด หยอกล้อกับเม็ดบัวทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว ร่างบางสั่นระริกด้วยความเสียว อีกทั้งช่องทางสวาทยังหลั่งน้ำเมือกสีใสออกมาจนต้นขาด้านในเฉอะแฉะไปหมด สองขาถูไถกับเตียงกว้างจนผ้าปูที่นอนยับย่น ข้อมือได้แต่กำมุมหมอนเพื่อระบายความเสียวที่ตีตื้นขึ้นมาทำเอาเธอเกือบจะเสร็จสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง“อ๊ะ”พิภพจูบลูบไล้ร่างกายที่สะโอดสะอง เอวคอดสะโพกผาย ธิชามีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย ผู้ชายอย่างพิภพไม่รู้ว่าร่างกายที่ผอมเพรียวของเธอแบกเต้าทรงโต และเข่าที่แบกสสะโพกผายได้ยังไง ไม่ว
“ไม่ต้องร้องแล้วนะคะคนดี” พิภพเอ่ยปลอบพลางก้มลงจูบหน้าผากเนียนด้วยความรักใคร่ กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น พอเห็นเพื่อนรักแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุข มันก็กระตุ้นความปรารถนาของพิภพให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น เขาประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว แต่ชีวิตคู่กลับตรงกันข้าม เขาจินตนาการการมีครอบครัว แต่งงานมีลูกกับใครสักคนไม่ออก หากตอนแรกเขาไม่เลิกกับธิชาก็คงยังมองภาพนั้นไม่ออก แต่พอได้เลิกรากับอีกฝ่ายไป ภาพที่เคยเลือนรางและคิดว่าไม่มีอยู่จริงกลับมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เขาวาดภาพบ้านและครอบครัวของตัวเองออกมาหลายภาพ และมองเห็นอนาคตที่จะใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปจนแก่เฒ่า และคนคนนั้นก็คือธิชา…หญิงสาวตรงหน้าหากไม่เคยสูญเสียก็ไม่รู้คุณค่าของมันวันนี้เขารู้ซึ้งแล้ว และจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือเป็นครั้งที่สองงานแต่งงานของธิชาและพิภพจัดขึ้นที่ริมทะเลจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ บรรยากาศเรียบง่ายแต่อบอุ่น มีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนสนิทเพียงเท่านั้น มัชชุพรและเทวทิณณ์พร้อมยัยหนูมัชฌิมาในวัยแปดเดือน สวมชุดกระโปรงน่ารักพร้อมผ้าคาดหัว บนแท่นเวทีบ่าวสาวกำลังเอ่ยคำสาบาน‘ข้าพเจ้านายพิภพ รับ นางสาวธิ
ไม่รู้ว่าสถานะนี้คืออะไร แต่ต่างฝ่ายต่างสบายใจที่จะไปมาหาสู่กันอย่างนี้ บางทีเวลาก็ช่วยเยียวยาและตกตะกอนความคิดต่าง ๆ ให้ผู้คนต่างก็เติบโตและไม่จมกับความผิดพลาดในอดีต อีกทั้งตอนนี้พวกเขาต่างก็เดินหน้าด้วยความระมัดระวัง เพราะรู้แล้วว่ากว่าจะเจอรักดี ๆ คนรักดี ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแตกสลายและเสียน้ำตามากมายไปไม่รู้เท่าไหร่กว่าจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง พูดคุยและหัวเราะด้วยกันอีกครั้งแบบนี้ โดยเฉพาะอดีตคาสโนว่าอย่างพิภพ ที่เหมือนจะถูกถอดเขี้ยวเล็บไปจนหมด ตอนนี้กลายเป็นคนที่เจอตัวยากพอ ๆ กับเทวทิณณ์ อย่างเทวทิณณ์ที่กำลังจะเป็นพ่อคนอยู่ติดบ้านก็ไม่แปลก แต่คนที่มักจะออกท่องราตรีเป็นประจำอย่างพิภพกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ติดบ้าน ออกสังสรรค์บ้างแต่ก็นับครั้งได้ ธิชาเองก็ไม่เคยกะเกณฑ์หรือพูดขอร้องอะไร เธอไม่เคยพูดให้เขาเปลี่ยน เพราะหากเขาไม่เปลี่ยน ใครก็คิดที่จะเปลี่ยนเขาไม่ได้ อีกทั้งธิชาก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามครรลอง ถ้าถามถึงความรู้สึก…เธอก็ยังรักตัวเองมากกว่าจะรักใครคนอื่นหลังจากดูหนังจนจบ พิภพก็พาหญิงสาวมาทานอาหารดาดฟ้าโรงแรมดัง “นี่หรือเปล่าคะที่ย้ำนัก
ตั้งแต่วันนั้นธิชากับพิภพก็ไม่ได้เจอกันอีกจนงาน Baby Shower ของยัยมัชที่จัดงานที่บ้านสวนที่อยุธยาบ้านของพี่ทิณ เรียกได้ว่าเป็นงานรวมกัลยาณมิตรเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เพื่อนฝูง ต่างก็มากันเกือบครบหมด ว่าที่คุณแม่ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่ใช่แค่แขกในงานที่ลุ้นเพศ สามีอย่างเทวทิณณ์เองก็ลุ้นจนตัวโก่งเหมือนกัน มีแต่มัชชุพรที่รู้ ลูกโป่งสีสวยบรรจุแผ่นกระดาษไว้ภายใน สีฟ้าลูกชาย สีชมพูลูกสาว เพื่อน ๆ ต่างก็พนันกันอย่างสนุกสนาน ธิชาเองก็เหมือนกัน ลูบท้องยัยมัชออกจะบ่อย ท้องแหลมแบบนี้โบราณเขาว่าจะได้ลูกสาว งานปาร์ตี้เล็ก ๆ แต่ทว่ากลับอบอุ่น ตอนนี้เองพิภพก็เดินมาหาเธอ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเคอะเขิน พูดคุยทักทายกันอย่างออกรสตามประสาคนรู้จัก“ชาว่าไอ้ทิณจะได้ลูกชายหรือลูกสาว”“ต้องลูกสาวอยู่แล้วค่ะ”“ถ้าลูกชายล่ะ?”“งั้นมาพนันกันไหมละคะ” ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่มัชชุพรถือลูกโป่งยักษ์สีขาวไว้ในมือ เพื่อน ๆ ต่างส่งเสียงเชียร์ฝั่งเพื่อนชายก็ส่งเสียง BOY/ ส่วนฝั่งผู้หญิงก็ GIRL ต่างไม่มีใครยอมใคร อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้เด็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ ต่างขนมาให้กองพะเนินจนคุณย่าอย่างสาวิตรีอดที่จะหัวเราะกับคนห
หลังจากเกิดเรื่องทางบริษัทเองก็ไม่ได้ใจดำกับลูกน้อง ทางหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็เอ่ยปากให้ธิชาลาพักได้อีกสักสองสามวัน เพราะเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ และคดีความ แต่ธิชาปฏิเสธอีกทั้งงานตรงหน้าทำให้สมองของเธอหยุดคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ขณะหนึ่ง เพื่อนร่วมงานก็ต่างชวนคุย ดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ที่โรงแรมเป็นไหน ๆ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทางพิภพเองก็บอกว่ารอให้หาคอนโดได้ใหม่จะส่งมาให้ เธอเองก็เห็นว่าไม่เสียหายอะไร จึงเอาตามนั้น แต่ระหว่างนี้ก็ไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก แม้จะพักอยู่ห้องเดียวกันก็ตามธิชาเองก็รู้สึกปลอดภัยที่อีกฝ่ายมาอยู่เป็นเพื่อน หากสภาพจิตใจดีมากกว่านี้อีกสักหน่อยคงต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม…แต่เธอเองก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว พยายามหาห้องใหม่ให้เร็วที่สุด ทางอิทธิเองก็เอ่ยปากช่วยหาห้องใหม่ให้ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานหญิงโสดหลายคนก็แนะนำให้อยู่บ้าง แต่เธอต้องขบคิดสักเล็กน้อย ห้องที่ดี ความปลอดภัยสูงราคาก็แพงตาม ลำพังพนักงานออฟฟิศเงินเดือนไม่มากเท่าไหร่ จะให้หารูมเมทก็ไม่ชอบ เฮ้อ!ธิชากลับโรงแรมที่พักด้วยสภาพอิดโรย หลังเลิกงานต้องตระเวนหาที่อยู่ใหม่อีก “ชา กลับมาแล้วเหรอ ทานอะไรหรือย