ชัยกรในวัยยี่สิบห้าปีรู้สึกตื่นเต้นที่พิธีวิวาห์กับสิรินภา ผู้หญิงที่เขาชอบมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยกำลังจะสิ้นสุดลงแล้วและช่วงเข้าห้องหอก็จะมาถึง
แม้จะรู้ดีว่าการแต่งงานนั้นเป็นไปเพราะความเหมาะสมทางฐานะและหน้าตาของทั้งสองวงศ์ตระกูล สำหรับเขานั้นรักเธอเต็มหัวใจ กับเธอถึงแม้จะยังไม่รัก แต่เขาพร้อมจะรอและอดทนเพื่อให้เธอเปลี่ยนความรู้สึกมารักตัวเอง
“คุณตื่นเต้นหรือเปล่า” ชัยกรเอ่ยถามเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง
เธอถอนหายใจแล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมรอยยิ้มบาง “นิดหน่อยค่ะ”
ค่ำคืนของการเข้าหอครั้งแรกนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี อย่างน้อยๆ ก็ในความคิดของชัยกร หญิงสาวที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอดนั้นทั้งบริสุทธิ์และงดงามยิ่งกว่าใคร
แต่งงานเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นสิรินภาก็ตั้งครรภ์ลูกคนแรก ชัยกรยินดีกับเรื่องนี้มากกว่าใครทั้งหมด ยิ่งได้รับรู้ว่าเป็นลูกสาวฝาแฝด ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกเหมือนได้โชคสองชั้น เขาจะได้เลี้ยงดูสิรินภาตัวเล็กๆ ถึงสองคนเลยทีเดียว
ชัยกรคิดว่าความสุขจะคงอยู่กับตัวเองชั่วนิรันดร์เสียอีก แต่ยิ่งนานวันสิรินภาก็ยิ่งเย็นชากับเขามากขึ้น เอาแต่เก็บตัววาดรูปทำงานศิลปะที่เรือนริมน้ำซึ่งเขาสร้างไว้ให้กับเธอ
แม้จะเข้าใจว่าบางครั้งคงเป็นเพราะอารมณ์ความอ่อนไหวของศิลปินที่เขาไม่เข้าใจ แต่ลึกๆ ชัยกรก็อยากเรียกร้องถึงการทำตัวเป็นภรรยาที่ดีต่อสามีของอีกฝ่าย เพียงแต่ว่าถ้ามากเกินไปก็มักจะทะเลาะกันทุกที
“หมู่นี้เป็นอะไรทำไมถึงเอาแต่ถอนหายใจ งานที่บริษัทมีปัญหาหรือไง แม่เขาเข้มงวดจนเกินไปอีกแล้วสิท่า”
ชัยกรมองดูบิดาของตัวเองซึ่งเป็นครูสอนวิชาศิลปะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง กำลังยืนอยู่หน้าผ้าใบผืนโต บนนั้นเป็นรูปท้องฟ้ากว้างและนกที่กำลังบินอยู่กับคู่ของตัวเอง
“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับงานครับ ยิ่งกับคุณแม่ก็ไม่มี มีแต่กับเมียต่างหากครับ ตอนที่นภายังเป็นลูกศิษย์ของคุณพ่อ เธอติสท์มากเหมือนทุกวันนี้ไหมครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ภายในห้องทำงานของชยากร
สายตาของชายวัยห้าสิบสองที่ยังคงดูดีทอดมองภาพที่เขากำลังลงสี นิ่งไปครู่หนึ่ง “ก็ดูเป็นเด็กเงียบๆ นิ่งๆ อย่างนี้แหละ แล้วทะเลาะเรื่องอะไรกันอีก”
“อ้อ ผมอยากแยกบ้านครับ แต่เขาบอกว่าไม่จำเป็น”
“อ้าว ทำไมถึงไม่จำเป็นล่ะ ถ้าแยกไปก็จะสะดวกกว่าอยู่รวมกับพ่อแม่นะ”
“นั่นสิ ผมก็ว่าน่าจะดีกว่า อีกอย่างคือนภาก็ดูจะเข้ากับคุณแม่ไม่ค่อยได้ ผมเลยอยากให้เธออยู่อย่างสบายใจ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอยืนกรานจะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม”
“เขาคงมีเหตุผลของเขาน่ะ เราเป็นผู้ชายยอมได้ก็ยอมเถอะ”
“ครับ ผมก็ยอมตลอดนั่นแหละ” ชัยกรมองดูภาพที่บิดาวาดไม่วางตา “ผมชอบรูปนี้จังเลยครับคุณพ่อ ขอได้หรือเปล่า”
“...ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ ถือว่าให้เป็นของขวัญวันเกิดครบปีให้เจ้าไนท์กับเจ้าเดย์”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มลุกขึ้น “ผมขอตัวกลับไปดูลูกก่อนนะครับ ตอนนี้น่าจะตื่นแล้ว”
ชัยกรเดินจากไปครู่หนึ่ง ชยากรก็เรียกหญิงสาวที่แอบอยู่ด้านนอกให้ออกมา ร่างเล็กบอบบางโผล่ขึ้นมาจากทางหน้าต่าง
“ฉันเห็นด้วยกับลูกชายนะ เธอควรแยกบ้าน”
สิรินภาเม้มปากแน่นพลางมองชายที่เป็นรักแรกของตัวเองและในความจริง เขาก็ยังเป็นเพียงรักเดียวของเธอ ถ้าหากว่าครอบครัวซึ่งเป็นเพียงผู้ดีเก่าจะไม่กำลังอยู่ในสถานะตกยาก เธอจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับชัยกรเลย
“อาจารย์ก็รู้ว่าทำไมหนูถึงไม่อยากแยก” เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
ชยากรถอนหายใจ ตั้งแต่เป็นครูของพวกนักเรียนมา สิรินภาไม่ใช่คนแรกที่มาชอบเขา ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่รักแบบฉาบฉวย แค่ปลื้มที่เขาใจดีและวาดรูปเก่ง แต่นั่นก็เป็นสมัยที่เขายังหนุ่มแน่น ไม่ใช่ตอนที่อายุเหยียบเข้าหลักสี่แล้ว การมีเด็กอายุแค่สิบเจ็ด สิบแปดมาชอบ เป็นอะไรที่ทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้ ยิ่งพยายามไม่สนใจเท่าไหร่ ใจกลับคะนึงหามากขึ้นเท่านั้น การเจอคนที่ใช่ในวันที่ไม่ใช่ เขาทำได้แค่ตัดใจและควบคุมตัวเอง
“ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของลูกชายแล้วก็แม่ของหลานฉัน ฉะนั้นระวังเรื่องการวางตัวด้วย”
สิรินภาน้ำตาคลอ “หนูไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย ทั้งๆ ที่คนที่หนูรัก...”
“สิรินภาไปได้แล้ว ไปดูแลลูกกับสามีของเธอให้ดี”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นความต้องการของอาจารย์” พูดจบสิรินภาก็เดินกึ่งวิ่งจากไปทันที ส่วนชยากรก็ได้แต่บังคับตัวเองไม่ให้หันไปมอง
ตอนที่สิรินภาไปถึงห้องของฝาแฝดก็พบว่าชัยกรกำลังอุ้มลูกคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขน ส่วนอีกคนอยู่กับพี่เลี้ยง เธอเดินเข้าไปรับลูกมาอุ้มเอง
“นภาดูสิ ตื่นมาไม่ร้องสักแอะ เอาแต่หัวเราะ” ชัยกรยิ้มกว้างให้กับภรรยา เธอยิ้มตอบอย่างอ่อนหวาน
“นั่นสิยายไนท์กับยายเดย์คงเหมือนคุณ เพราะตอนฉันเด็กๆ คุณแม่บอกว่าฉันเอาแต่ร้องไห้”
ชัยกรยิ้มกว้างกว่าเดิม “น่าจะนะ”
“ใกล้วันเกิดของสองคนนี้แล้ว เราไปเที่ยวกันดีไหม”
“เอาสิ ว่าแต่ไปไหนดี น้องไนท์อยากไปไหนลูก” ชัยกรจ้องดวงตาใสเหมือนลูกแก้วของลูกสาวฝาแฝดคนโตที่กำลังจะอายุครบหนึ่งปีภายในไม่กี่วันนี้ เขารักดวงตาของลูกสาวที่สุด เพราะมันเหมือนกับของตัวเองมาก
ชัยกรมีความสุขมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้มองดูลูกฝาแฝดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนภรรยาก็อ่อนหวานและแสนดี แม้จะไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่เธอดีกับเขามาก ตั้งแต่ไม่พูดเรื่องแยกบ้าน ก็ดูเหมือนแทบจะไม่ได้ทะเลาะกันอีกเลย
“น้องไนท์วาดรูปอะไรเหรอครับ” ชัยกรมองดูลูกสาวฝาแฝดคนโตวัยหกขวบวาดรูป เขาดูออกว่าเป็นรูปครอบครัว ที่ถามเพราะอยากให้ลูกสาวได้บอกเล่าถึงจินตนาการของตัวเองออกมา
“ครูให้วาดคนในครอบครัวค่ะ” ลูกสาวของเขาตอบอย่างช้าๆ โดยที่ยังคงก้มหน้าก้มตาระบายสี
ชัยกรยิ้มละไม ก่อนจะเหล่ลูกสาวอีกคนที่นอนแผ่หลาหลับสนิท บนกระดาษมีเพียงเส้นขีดเขียนอยู่ไม่กี่เส้น ท่าทางการบ้านน่าจะไม่เสร็จแน่ๆ
“คนนี้ใครเหรอ” เขาหันกลับมาคุยกับลูกสาวที่ชอบศิลปะเหมือนกับคนเป็นแม่ ชัยกรชี้ไปที่คนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นตัวเอง เพราะกำลังจูงมือกับผู้หญิงผมยาวที่น่าจะเป็นสิรินภา
“คุณปู่”
ชัยกรเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“แล้วคนนี้ล่ะครับ”
“คุณแม่”
“ทำไมคุณแม่ต้องจูงมือกับคุณปู่ด้วยครับ”
ลูกสาวเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพ่อแล้วทำหน้างง “จูงมือกัน ไม่ได้เหรอคะ” เธอชี้ไปยังภาพพ่อของตัวเองที่จูงมือลูกไว้ทั้งสองข้าง “เหมือนพ่อจูงมือไนท์กับเดย์”
ในภาพของลูกสาวนั้นไม่มีคนเป็นย่า เพราะเสียไปเมื่อสามปีก่อน บางทีอาจก็แค่วาดให้จับมือกับคนที่ว่างอยู่เฉยๆ
“จูงมือกันก็ได้จ้า” ชัยกรยิ้มให้ลูกสาว แต่ในใจรู้สึกแปลกไปหมด “น้องไนท์ช่วยวาดรูปคุณแม่กับคุณปู่อีกเยอะๆ ได้ไหม เดี๋ยวพ่อซื้อสีน้ำให้นะ อยากลองใช้สีน้ำไม่ใช่เหรอ”
“อยากค่ะ” เด็กหญิงหันมามองพ่อตัวเองตาโต “ไนท์จะวาดเยอะๆ เลย”
เพราะปัญหาด้านสุขภาพ ชยากรจึงเกษียณอายุจากงานราชการแล้ว ส่วนสิรินภาเองก็ออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเพราะเขาขอตั้งแต่ลูกสาวทั้งสองคลอดออกมา ทั้งสองจึงมีเวลาอยู่กับฝาแฝดมากกว่าชัยกรที่ต้องรับภาระเรื่องบริษัทเพียงลำพังโดยปราศจากเสาหลักอย่างคนเป็นแม่ซึ่งจากไปแล้ว
ชัยกรมองดูภาพวาดบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ของผู้เป็นพ่อ มันเป็นรูปของสิรินภาที่สวยและงดงามมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ชายหนุ่มยิ้มอย่างเย็นชา
“ขอบคุณนะครับ ต้องขอโทษที่รบกวนทั้งๆ ที่สุขภาพของคุณพ่อก็ไม่ดีเท่าไหร่ยังต้องมานั่งวาดรูปให้กับผม”
“ไม่เป็นไร ยังไงพ่อก็ว่าง”
“มันสวยมากเลยครับ คุณพ่อดูแววตาของนภาสิ เหมือนกำลังมองคนที่รักอยู่เลย” ถึงจะหลอกตัวเองยังไง แต่ลึกๆ ชัยกรก็รู้ว่าสิรินภาไม่เคยเปิดใจให้กับเขาเลย แม้จะยิ้มแย้ม แต่สายตานั้นไม่เคยมองมาด้วยความรัก “เขาคงกำลังมองคนที่รักอยู่แน่ๆ เลยครับ”
ชยากรชะงักเมื่อเห็นว่าแววตาของชัยกรที่มองมานั้นทั้งเย็นชาและดูแคลน มุมปากของคนอ่อนวัยกว่าแสยะยิ้ม
“จะวาดภาพเหมือน นภาก็ต้องมานั่งเป็นแบบให้คุณพ่อไม่ใช่เหรอครับ”
“...ใช่”
“เธอมองคุณพ่ออยู่สินะครับ” ชายหนุ่มหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“นั่นแกจะทำอะไรน่ะ” ชยากรมองดูมีดคัตเตอร์ในมือของชัยกรที่กรีดลงบนผ้าใบ มันกรีดผ่านใบหน้าอ่อนหวานของสิรินภา
“ทั้งคุณพ่อทั้งนภาน่าขยะแขยงที่สุดเลยครับ ลับหลังผมน่ะทำอะไรกันบ้าง ไหนลองบอกมาหน่อยสิ”
“พวกฉัน...” ชยากรนิ่งงัน
“น่าไม่อายจริงๆ ไม่กลัวเลยนะครับว่าใครจะรู้ แถมทำกันต่อหน้าเด็กๆ ด้วย”
“เรื่องที่พูดหมายความว่ายังไงกันแน่” ชยากรกำหมัดแน่น
“อายุปูนนี้แล้วก็ยังมักมาก แถมคนนั้นยังเป็นลูกสะใภ้อีกต่างหาก รู้สึกดีสินะครับที่ได้เชยชมของสวยงาม ส่วนผมรู้สึกอยากจะอ้วกแล้ว” ชัยกรหยิบเอากระดาษวาดรูปออกมาหลายใบ “น้องไนท์เป็นคนวาดน่ะครับ” ชายหนุ่มชูภาพหนึ่งขึ้นมา “ภาพนี้เห็นอะไรไหมครับ คุณพ่อกับนภาอยู่ในกล่อง เดาว่ากล่องน่ะหมายถึงห้องต่างหาก ว่าแต่เข้าไปทำอะไรกันเหรอครับ ในห้องสองต่อสองน่ะ คงไม่ได้เข้าไปนั่งสมาธิด้วยกันแน่ๆ” เขายังหยิบอีกรูปออกมา “อันนี้รูปจับมือ จับกันบ่อยสินะครับจนน้องไนท์ น้องเดย์คิดว่าแม่กับปู่จับมือกันน่ะเป็นเรื่องปกติ”
“แกจะไปเอาอะไรกับภาพวาดของเด็ก” ชยากรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เพราะว่าเป็นเด็กนั่นแหละครับ เด็กเขาไม่โกหกหรอก พอสงสัยผมก็สืบมาจนแน่ใจ” ชัยกรน้ำตาคลอ “แล้วคุณพ่อรู้ไหมว่าผมไม่ได้นอนกับนภามานานแค่ไหนแล้วเพราะช่วงนี้ยุ่งกับงานและก็บินไปต่างประเทศบ่อยมาก แต่เขาท้อง ถ้านั่นไม่ใช่ลูกของคุณพ่อละก็ ผมจะให้เขาเอาเด็กออก”
“ทะ...ท้องเหรอ นภาท้อง” ชยากรหน้าซีด ส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ฉันแก่ปูนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้หรอก อีกอย่างฉันก็กำลังจะตายแล้ว แกรู้ไหมว่าฉันเป็นมะเร็ง”
“อ๋อ เหรอครับ”
เพราะว่าความตายใกล้เข้ามาทุกที ชยากรจึงไม่อยากจะต้านทานความปรารถนาของตัวเองอีกต่อไป เพราะยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไหร่ เขาก็ต้องการนภาจนหูหนวกตาบอดและเลือกจะไม่สนใจเรื่องศีลธรรม
เคร้ง! ชัยกรโยนคัตเตอร์ใส่ชยากร
“ไหนๆ ก็จะตายแล้วนี่ครับ ถ้ารู้สึกผิดจริงละก็ ช่วยตายให้เร็วหน่อยได้ไหมครับ แล้วผมจะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น นภากับลูกของคุณพ่อผมก็จะดูแลอย่างดี”
พูดจบชัยกรก็เดินจากมาด้วยท่าทางเย็นชา แต่ข้างในกลับปวดร้าวไปทั้งใจ
สิรินภาไม่เข้าใจว่าทำไมชยากรถึงตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองโดยทิ้งเธอไว้แบบนี้ หญิงสาวยกมือขึ้นสัมผัสหน้าท้องของตัวเองเบาๆ นึกถึงสายตาของชัยกรก็รู้สึกหนาวสะท้าน เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้แล้วใช่ไหมว่าลูกคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา
“คุณแม่” เสียงเล็กๆ ทำให้จิตใจที่หลุดลอยไปไกลของสิรินภาถูกดึงกลับมาตรงหน้า
“ว่าไงคะน้องไนท์ น้องเดย์” คนเป็นแม่รีบเช็ดน้ำตาทันที
“น้องไนท์ให้ค่ะ” กระดาษวาดรูปใบหนึ่งถูกยื่นให้สิรินภา เป็นภาพผู้ชายกับผู้หญิงหันหน้าเข้าหากัน มือทั้งสองข้างเกาะกุมกัน “ถ้าคุณแม่คิดถึงคุณปู่ก็ดูรูปนี้นะคะ เดี๋ยวไนท์จะวาดให้อีกเยอะๆ” เด็กหญิงพยายามปลอบใจคนเป็นแม่
มือที่กำลังจับภาพวาดของลูกสาวสั่นไปหมด สิรินภาตวาดลั่น “ห้ามวาดอีกนะ!”
สองฝาแฝดผวาเพราะเสียงของผู้เป็นแม่
“พ่อก็คิดว่าอย่าวาดอีกเลยไนท์ ภาพน่าขยะแขยงแบบนั้น” ชัยกรเดินเข้ามาภายในห้องทำงานศิลปะของสิรินภา ชายหนุ่มมองทุกอย่างภายในห้องนี้อย่างเย็นชา เขามีพ่อเป็นครูสอนศิลปะก็จริง แต่กลับไร้พรสวรรค์ทางด้านนี้สิ้นดี สองคนที่รักในสิ่งเดียวกันคงเข้าใจกันได้ดีกว่าสินะ
สิรินภามองชัยกรด้วยอาการตกตะลึง เขารู้แล้ว!
“น้องไนท์สัญญากับพ่อได้ไหมว่าจะไม่วาดรูปอีก” ชัยกรย่อตัวลงคุยกับลูกสาว “อย่าวาดอะไรทั้งนั้น”
เด็กหญิงไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็พยักหน้าเพราะแววตาขอร้องของคนเป็นพ่อ
“คุณรู้เพราะรูปของน้องไนท์เหรอคะ” สิรินภาถามเสียงสั่นพลางมองลูกสาวของตัวเองด้วยแววตาเย็นชา รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นคนพรากความสุขไปจากเธอ
“อย่ามาโทษลูกสิ คุณชั่วเองต่างหาก อยากจนทนไม่ไหว ต่อหน้าลูกก็ยังหน้าไม่อาย” ชัยกรจ้องสิรินภานิ่ง
สองฝาแฝดไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่พูดกัน แต่รับรู้ได้ถึงความกดดันและเกลียดชัง ทั้งสองจึงขยับมาใกล้กันแล้วกอดกันเอาไว้
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็สักพักแล้ว” ชัยกรหันไปเห็นลูกสาวที่กำลังผวาจึงกวักมือเรียกให้ทั้งคู่มายืนอยู่ข้างตัวเอง “อยากจะเก็บไอ้เด็กนรกในท้องนั่นไว้ก็แล้วแต่คุณ เพราะมันก็น่าสงสารอยู่ที่พ่อแท้ๆ ดันมาฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกผิด” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก “ส่วนลูกของผมคุณอย่ามายุ่ง”
“คุณบอกเขาใช่ไหมว่าคุณรู้”
“บอกสิ ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกผิดจนฆ่าตัวตายเหรอ”
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง คุณฆ่าพ่อของตัวเอง” สิรินภาแทบกรีดร้องออกมา
“น้องไนท์ น้องเดย์กลับห้องไปก่อนนะลูก” ชัยกรพยายามดันลูกทั้งสองออกไปนอกประตู แต่จังหวะนั้นกลับถูกสิรินภาเข้ามาทุบตี
“นี่คุณหยุดนะ!” ชัยกรตวาดพลางยกมือขึ้นป้องกัน
“ฉันจะหย่ากับคุณ ฉันจะหย่า!” สิรินภาตีชัยกรไปร้องตะโกนไป
“ก็ดี! ผมเองก็ขยะแขยงคุณเต็มที!” ชัยกรยึดแขนทั้งสองข้างของสิรินภาไว้ “ไปเลย ออกไปจากบ้านผม”
“ได้” สิรินภาหันไปหาลูก “น้องเดย์ไปกับแม่” เธอคว้าตัวฝาแฝดคนน้องมากอด
“จะไปก็ไปคนเดียว อย่ามายุ่งกับลูกของผม” ชัยกรพุ่งเข้าไปคว้าตัวลูกสาวและดึงกลับมา แรงดึงทำให้คนเป็นลูกเจ็บจนร้องลั่น
“คุณพ่อเดย์เจ็บ ฮือออ” เด็กหญิงหันไปกอดคอคนเป็นแม่
“พ่อขอโทษ น้องเดย์ห้ามไปนะ ต้องอยู่กับพ่อ”
“ไม่เอา เดย์จะอยู่กับคุณแม่ ฮือ ฮือ” ยิ่งคนเป็นพ่อพยายามเข้ามาดึงตัวเธอกลับไป เธอก็ยิ่งกอดคนเป็นแม่แน่นขึ้น
“ไม่ได้นะน้องเดย์ต้องอยู่กับพ่อ” ชัยกรทำท่าจะเข้าไปคว้าตัวลูกอีก แต่สิรินภากลับกอดไว้ไม่ปล่อย ยิ่งยื้อเท่าไหร่ คนเป็นลูกก็ยิ่งเจ็บ
“เดย์เจ็บๆ คุณพ่อใจร้าย”
ชัยกรนิ่งงันก่อนที่ความโกรธจะพลุ่งพล่าน ชายหนุ่มตวาดลั่น “ไปให้พ้นทั้งแม่ทั้งลูกเลย!”
ชายหนุ่มผลักสิรินภาที่กอดลูกเอาไว้เต็มแรง ร่างของหญิงสาวล้มก้นกระแทกพื้น ทำให้เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“คุณพ่อ คุณแม่เลือดออก”
“ช่างเขาสิ” ชัยกรจับตัวลูกสาวเอาไว้ “น้องไนท์ห้ามเข้าไปนะ”
“แต่คุณแม่เลือดออก...” ขอบตาของเด็กหญิงเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะพร่าเลือนและมืดมัวจนมองไม่เห็นอะไรอีกเลย
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก