นิศากรรู้สึกเหมือนกับมีบางสิ่งโอบรัดเธอไว้ในความมืด ดังนั้นเธอจึงดิ้นรนเต็มกำลัง แต่ก็ยังสลัดไม่หลุดเสียที เธอทำได้แค่ร้องไห้
“ไนท์ ไนท์ได้ยินพี่ไหม”
บุลินเขย่าร่างเล็กของคนเป็นภรรยาอีกครั้งพลางเรียกเสียงดังขึ้น
ดวงตาของหญิงสาวปรือขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งที่เห็นคือใบหน้าของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ริมฝีปากร้อนที่ประทับลงมาบนหน้าผากอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่”
นิศากรโถมตัวเข้าหาอ้อมอกของบุลิน กอดเขาเอาไว้แน่น ซึมซับความอบอุ่นจากชายหนุ่มเพื่อช่วยขับไล่ความมืดมนและความหนาวเหน็บที่เกาะกุมอยู่ในใจมาเนิ่นนานให้จางหายไป
บุลินกอดนิศากรที่ตัวสั่นน้อยๆ เอาไว้แนบอก ไม่ใช่แค่หญิงสาวหรอกที่ต้องการ การสงบใจ เขาเองก็เช่นกัน รู้สึกปวดใจที่เห็นเธอทรมานขนาดนี้
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ชายหนุ่มจึงได้เอ่ยถาม “ฝันร้ายเหรอครับ”
นิศากรพยักหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่มที่เธอกำลังซุกซบ
“ฝันถึงอะไรบอกพี่ได้ไหม”
อาการตัวแข็งทื่อของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มยิ่งอยากรู้ แต่เขาจะไม่ไล่ต้อนให้เธอพูดออกมา เพราะไม่อยากให้เธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้
คนในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดอบอุ่น ที่ผ่านมานั้นเธอทั้งว้าเหว่และรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เธอมีเขาที่พร้อมจะยื่นมือมาปกป้องเธอตลอดเวลา
“ไนท์ฝัน...ฝันถึงตอนที่เห็นคุณแม่แท้งลูก เลือดเต็มไปหมดเลยค่ะ”
บุลินยกมือขึ้นลูบศีรษะของหญิงสาว “คิดมากเรื่องมีลูกอยู่ใช่ไหม ยิ่งเมื่อวานก็ถูกคุณย่าถามอีกแล้ว”
เพราะตอนนี้ทั้งคู่แต่งงานกันมาจนเกือบจะครึ่งปีแล้ว นานวันเข้าแสงรุ้งก็ยิ่งร้อนใจด้วยคิดว่า ไม่หลานชายหรือหลานสะใภ้จะต้องมีปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงเรียกตัวทั้งคู่ไปรับประทานอาหารด้วยกันและถือโอกาสคุยอย่างตรงไปตรงมาหลังรับประทานเสร็จ
“ไนท์รู้สึกผิดต่อคุณย่า แล้วก็พี่บุ้งด้วย”
“ถ้าลองเปิดอกคุยกับคุณย่าถึงเหตุผลไปตรงๆ คุณย่าก็คงเข้าใจ เพราะจริงๆ แล้วท่านใจดีมากนะ”
นิศากรกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ใช่เธอกลัวการตั้งครรภ์ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลเดียว สิ่งที่เธอกลัวมากกว่านั้นอีกคือบิดาของเธอต่างหาก
ตลอดมาไม่ว่าชัยกรจะสั่งให้ทำอะไร ถ้าเธอขัดขืนก็มักจะถูกลงโทษ มันก็เลยฝังใจจนกลัวไปหมด ทั้งๆ ที่ตอนนี้หากบิดาจะเอื้อมมือมาหาเธอก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากจะทำก็ทำได้โดยง่าย
เพราะผู้ชายตรงหน้าคนนี้
บุลินสบตากับแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นไม่มั่นใจของนิศากร ชายหนุ่มก้มลงจูบเธออย่างนุ่มนวล เริ่มจากแตะจูบเบาๆ ก่อนจะจูบอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
“พี่รออยู่นะ รอว่าเมื่อไหร่ไนท์จะยอมเชื่อใจพี่จนบอกพี่ทุกเรื่อง”
“พี่...บุ้ง” นิศากรเริ่มสะอื้น ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแทบไม่ร้องไห้เลย แต่ไม่รู้ทำไมหลังจากได้ร้องไห้กับบุลินไปครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็มักจะร้องไห้อยู่บ่อยๆ
“โอ๋ๆ” บุลินกอดกระชับร่างบอบบางแน่นขึ้น “ร้องก่อนเนอะ เดี๋ยวค่อยเล่าก็ได้”
นิศากรพยายามหยุดร้องไห้ แต่ก็ทำไม่ได้จึงปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ไปเรื่อยๆ นานทีเดียวกว่าทุกอย่างจะสงบลง
“คุณพ่อไม่อยากให้ไนท์มีลูกค่ะ เพราะว่า...คุณพ่อตั้งใจว่าถ้ามีเงินมาใช้หนี้ทั้งหมดแล้ว คุณพ่อจะให้ไนท์หย่ากับพี่บุ้ง ถ้ามีลูกอาจจะเป็นปัญหา ทำให้พี่บุ้งไม่ยอมหย่า” นิศากรเลี่ยงที่จะพูดถึงปัญหาใหญ่สุดไป ปัญหาที่ว่าชัยกรเกลียดสายเลือดของแม่ในตัวเธอยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้
บุลินเหยียดยิ้มมุมปาก “พ่อเธอคิดผิดแล้ว ถึงไม่มีลูกสักคน คิดว่าพี่จะยอมหย่าง่ายๆ เหรอ เป็นของพี่แล้ว ก็ต้องเป็นของพี่ไปทั้งชาติ”
“แต่จริงๆ คุณพ่อไม่เต็มใจให้ไนท์แต่งนะคะ ตอนแรกถึงอยากจะให้มิ้นเป็นคนแต่ง”
“ถ้าเธอกับพี่ไม่ได้รักกันก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้พ่อเธอก็เห็นว่าเรารักกันดี ทำไมถึงต้องพยายามจะพรากเราออกจากกันด้วย”
นิศากรซบหน้าลงกับบ่าของบุลิน “ก็เพราะคุณพ่อทั้งรักและก็เกลียดไนท์ค่ะ”
“ที่พูดหมายความว่ายังไงครับ” บุลินยกมือขึ้นกุมใบหน้าของนิศากร มองจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาของอีกฝ่าย แม้บางเรื่องเขาจะแอบรู้มาบ้างแล้ว แต่เขาก็อยากได้ยินจากปากของเธอทั้งหมด
“...” หญิงสาวที่หยุดร้องไห้ไปแล้วทำท่าจะน้ำตารื้นอีกรอบ
“ไม่เป็นไรนะ ค่อยๆ เล่า พี่รอได้”
“พี่บุ้งจะไม่เล่าให้ใครฟังใช่ไหมคะ พี่จะเก็บเป็นความลับ”
“ครับ”
ชายหนุ่มให้สัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตามั่นคงของ
บุลินทำให้นิศากรวางใจ เธอซุกหน้าลงกับบ่าของเขาแล้วค่อยๆ เล่าเรื่องของชัยกรให้คนเป็นสามีฟังบุลินเท้าแขนมองคนที่หลับไปทั้งที่น้ำตายังเปียกแก้ม นิศากรบอกแค่ว่าแม่มีชู้ทำให้พ่อเกลียดตัวเอง ส่วนเรื่องถูกทำร้ายร่างกายนั้นไม่หลุดออกมาจากปากสักคำ ชายหนุ่มถอนหายใจ อยากให้เธอไว้ใจเขามากกว่านี้ แต่เขาเข้าใจว่าหญิงสาวคงกลัวเขาเอาเรื่องกับชัยกรละมั้ง ซึ่งลึกๆ แล้วเขาก็อยากทำแบบนั้นแหละ อยากชกพ่อตาสักทีสองทีเพื่อเรียกสติคนที่เลอะเลือน เอาความโกรธแค้นจากคนเป็นแม่มาลงกับลูกสาวที่น่ารักแบบนี้ได้อย่างไร
ชายหนุ่มนึกถึงตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยโดนแสงรุ้งตีสักแปะแม้จะดื้อไหน แล้วเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หรือตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังตัวแค่นิดเดียว จะเจ็บแค่ไหน ทำไมถึงทนรับความเจ็บได้ขนาดนั้น บุลินครุ่นคิดอะไรมากมายในหัวจนกระทั่งเผลอหลับไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาสายมากแล้ว
หากเป็นวันหยุดนิศากรมักจะปล่อยให้เขานอนจนพอใจ
บุลินเหลือบมองนาฬิกาแบบตั้งโต๊ะที่หัวเตียง ตอนนี้สิบโมงแล้ว สายกว่าปกติเลยทีเดียวบุลินจัดการกับตัวเองด้วยความเคยชินได้โดยไม่ต้องมีนิศากรคอยช่วย แต่เขาก็รักตอนที่เธอวนเวียนอยู่รอบตัวในขณะอาบน้ำ ไม่เคยรำคาญหรือน้อยใจตัวเองว่าเป็นภาระให้กับหญิงสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว อันที่จริงเขาออกจะยินดีทำตัวเป็นภาระด้วย อยากให้เธอเอาใจเขาให้มากๆ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัว นิศากรยังสาละวนอยู่หน้ากระทะและหม้ออยู่เลย จะต้องเป็นเพราะเธอเองก็ตื่นสายอย่างแน่นอน
บุลินเดินเข้าไปหาหญิงสาวอย่างเงียบเชียบ กลิ่นหอมของต้มอะไรสักอย่างอบอวลทั่วทั้งครัว ชวนให้หิวจนแทบทนไม่ไหว ชายหนุ่มยืนเยื้องหญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะก้มลงขโมยหอมแก้มนุ่มอย่างเร็วๆ
“ใกล้เสร็จหรือยังครับ พี่หิวจะแย่แล้ว”
นิศากรหันมายิ้มพร้อมกับทัพพีในมือ “อีกนิดเดียวค่ะ”
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
“พี่บุ้งแค่ช่วยตักต้มมะระยัดไส้ใส่ชามก็พอค่ะ มันน่าจะได้ที่แล้ว”
“ครับ” บุลินหันไปหยิบถ้วยมาตักต้มมะระยัดไส้ ก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะกินข้าว
นิศากรเดินไปมาอยู่เพียงครู่หนึ่ง อาหารอีกสองสามอย่างก็ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ ทุกอย่างหน้าตาน่ากินเหมือนทุกวัน เป็นรสมือที่เขาคุ้นลิ้นและชอบมากที่สุดไปแล้ว
หลังรับประทานอาหารเช้าที่ค่อนข้างจะสายไปสักหน่อยเรียบร้อยแล้ว บุลินก็คลอเคลียอยู่กับนิศากรไม่ห่างจนหญิงสาวที่กำลังตากผ้าต้องหันมาถามด้วยความสงสัย
“พี่บุ้งวันนี้ทำไมพี่ถึงได้ดูเหมือนจะอ้อนกว่าปกติล่ะคะ ทำอย่างกับเป็นแมวไปได้”
“แล้วเมื่อไหร่จะตากผ้าเสร็จสักทีล่ะ จริงๆ ให้คนรับใช้ที่บ้านของคุณย่าซักให้ก็ได้ ทำไมต้องมาเหนื่อยเองด้วย” บุลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เธอทั้งซักและรีดเสื้อผ้าให้เขาด้วยตัวเองตลอดเลย
“พี่บุ้งก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเยอะแยะสักเท่าไหร่นี่คะ อีกอย่างสองวันสามวันไนท์ก็ซักทีหนึ่ง มันเลยไม่เหนื่อยหรอกค่ะ” นิศากรยกมือขึ้นจับแขนเสื้อของชายหนุ่ม “เห็นพี่บุ้งใส่เสื้อผ้าที่ไนท์ซักเองกับมือแล้วมันแบบว่า ปลื้มใจกว่าให้คนอื่นซักค่ะ”
บุลินมองคนตัวเล็กที่สูงแค่ไหล่ด้วยความเอ็นดู “รักพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ หวงจนไม่อยากให้คนอื่นมาซักเสื้อผ้าให้”
“ไม่ได้หวงอะไรขนาดนั้นค่ะ ให้คนอื่นซักก็ได้” นิศากรไม่ยอมรับ
“เท่าที่พี่เคยชิมอยู่ทุกวันก็ไม่รู้สึกว่าเธอปากแข็ง ทำไมถึงไม่ยอมรับออกมาตรงๆ” บุลินเลิกคิ้ว
โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวชายหนุ่มกำลังขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น
“จริงๆ ก่อนหน้านั้นเคยบ่นเองนี่คะว่าทำไมเสื้อผ้าถึงไม่หอม ไนท์ถึงต้องซักเองไง เพราะได้ยินพี่บุ้งบ่น” นิศากรไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเขิน ดังนั้นจึงก้มหน้าหงุดซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเอง
“น่ารัก น้องไนท์ของพี่น่ารักเกินไปแล้ว” บุลินไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลบตา ชายหนุ่มใช้สองมือประคองแก้มให้หญิงสาวเงยหน้าก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบ
นิศากรเผยอริมฝีปากและแหงนเงยขึ้นยอมรับจูบจากบุลินอย่างเต็มใจ ไม่ว่าจะถูกจูบกี่ครั้ง เขาก็ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้ทุกครา
“ไนท์รักพี่ไหม”
“...” นิศากรพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าของเธอแดงเรื่อ
“เชื่อพี่ไหมว่าพี่ปกป้องเธอได้”
“...” หญิงสาวยังคงพยักหน้า
บุลินโอบกอดร่างเล็กบอบบางแน่น “งั้นเรามีลูกกันเถอะนะ”
เสียงลมหายใจที่ดังข้างหูและเสียงกระซิบคำที่ชวนวาบหวามทำให้นิศากรอายไปหมด นับวันพี่บุ้งของเธอก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นทุกที
“น้องไนท์อยากได้พี่หรือยังครับ” บุลินยิ้มร้ายกาจทั้งๆ ที่นิ้วมือยังลากไล้วนเวียนอยู่ในใจกลางความชุ่มชื้นของเธอ
นิศากรหายใจหอบถี่ หญิงสาวมองดูเขาที่กำลังยั่ว เธอเม้มปากแน่น เพราะทรมานจากความหวานซ่านรัญจวน
บุลินใช้มืออีกข้างที่ยังว่างบีบแก้มเธอให้ยอมเผยอริมฝีปากขึ้น “ดื้อจริง แค่พูดว่าอยากได้พี่มากๆ เลยค่ะ มันยากขนาดนั้น” เขาเลิกคิ้วพลางหัวเราะ
หญิงสาวกัดมือที่แทรกเข้ามาในริมฝีปากของเธอด้วยความมันเขี้ยว กัดลงไปแรงจนอาจจะมีรอย แต่บุลินดูเหมือนไม่สะทกสะท้านแถมยังหัวเราะอีก
“จะสู้กันแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม” พูดจบชายหนุ่มก็ก้มลงงับ
ยอดอกที่ตอนนี้ไวต่อการสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง นิศากรหลุดเสียงครางและต้องปล่อยนิ้วของบุลินออกจากปากนิศากรประท้วงชายหนุ่มด้วยการจับแขนข้างที่กำลังทรมานเธอด้วยปลายนิ้ว ยึดเอาไว้ไม่ให้เขาใช้มือปั่นป่วนเธออีก
เขายกมือนั้นขึ้นมาให้เธอดู แล้วพูดจาลามก
“เปียกไปหมดแล้ว น้องไนท์พร้อมมากเลยนะครับ แต่ก็ยังดื้อ...”
หญิงสาวแทบไม่มีแรงเหลือแล้ว แต่ก็ยังขยับตัวหนี ประท้วงที่ถูกแกล้งให้ทรมานไม่เลิก “ไนท์ช่วยตัวเองก็ได้”
บุลินส่งเสียงฮึในลำคอ พลางจับข้อเท้าเล็กๆ ของคนที่กำลังหันหลังคลานหนี แล้วดึงเข้ามาหาตัว
“น้องไนท์ ทำแบบนั้นแล้วลูกจะมาเกิดได้ยังไงล่ะครับ”
บุลินก้มลงกระซิบข้างหูคนใต้ร่างที่กำลังนอนคว่ำอวดแผ่นหลังเปลือยเปล่าเนียนตาเขาก้มลงแนบริมฝีปากร้อนกับแผ่นหลัง ส่วนมือก็เอื้อมไปโอบอุ้มทรวงงามพอดีมือ ทำเอานิศากรแพ้พ่ายจนหมดรูป
“พูด...ก็ได้ค่ะ...”
“พูดมาสิครับพี่รอฟังอยู่”
นิศากรยันตัวขึ้นและเอี้ยวตัวมาพูดกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าขัดเขิน “ไนท์อยากได้พี่บุ้ง”
“ไม่ได้ยินเลย”
“เลิก...แกล้งไนท์”
“พี่บอกให้พูดว่าอะไรนะ” บุลินทำท่าจะขยับตัวหนี
“ไนท์บอกว่าอยากได้พี่บุ้งไงคะ” เสียงของนิศากรดังขึ้นกว่าเดิม บุลินกลั้นขำ เพราะเสียงนั้นสั่นไปหมดเลย แถมหน้าเธอก็แดงเรื่อ
“แค่นี้เอง อยากได้พี่ก็บอกไม่เห็นต้องอายนี่ครับ”
นิศากรจะใช้แขนยันตัวขยับหันหน้ามาหาบุลิน แต่ชายหนุ่มกลับยึดมือทั้งสองข้างและกดไว้เหนือศีรษะของหญิงสาว ไม่ยอมให้เธอหันกลับมา
คนใต้ร่างรับรู้ถึงตัวตนของเขาที่แทรกเข้ามา นิศากรกำผ้าปูที่นอนแน่นยามที่บุลินเริ่มขยับตัว เขาก้มลงมากระซิบ “ไม่ป้องกันแล้วนะครับ”
หญิงสาวครางรับเสียงอืออาในลำคออย่างไม่เป็นภาษา ตอนนี้ต่อให้บุลินจะนำทางไปทางไหนเธอก็พร้อมจะคล้อยตามทั้งนั้น
หลังจากความต้องการที่พุ่งสูงจนแตะถึงความสุขสม ตอนนี้กำลังลดลงอย่างช้าๆ บุลินที่ทรุดตัวลงมาทาบทับนิศากรก็บ่นเสียงเบา
“ใช้ท่านี้จะเป็นลูกชายไหมนะ พี่อยากได้ผู้หญิงมากกว่า”
นิศากรที่ยังตกอยู่ในห้วงพิศวาสนั้นมึนงงไปหมด เธอตามเขาไม่ทันจึงขยับตัวมามองชายหนุ่มด้วยสีหน้างุนงง
“พี่ลองดูข้อมูลมาแบบคร่าวๆ น่ะ ท่าทางตอนทำลูกมีผลต่อเพศของลูกด้วยนะ แต่ถ้าจะให้ชัวร์ว่างๆ เราไปหาคุณหมอกัน เพราะพี่อยากได้ผู้หญิง คงต้องให้คุณหมอช่วยสอนการนับช่วงเวลาตกไข่อย่างละเอียด”
หญิงสาวที่ถูกกลั่นแกล้งให้ทรมานจนแทบจะหมดแรงแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากเอาคืน “สักคนก็ให้ได้ก่อนเถอะค่ะ จะผู้หญิงหรือชายก็ช่างเถอะ”
บุลินนิ่งไปชั่วขณะ กว่าจะตระหนักได้ว่าถูกหยาม “อีกสักรอบไหมล่ะครับ อีกรอบไหม”
“ไม่ค่ะ เหนื่อย อยากอาบน้ำ” นิศากรหาวก่อนจะใช้แรงฮึดลุกจากเตียงนอน หนีจากการเอื้อมมือของชายหนุ่มมาพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัว “ถ้าจะอาบน้ำด้วยกันก็ต้องสงบเสงี่ยมหน่อยนะคะ”
ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะ “งอนพี่เหรอ”
นิศากรค้อนใส่ชายหนุ่มที่แกล้งเธอเล่นอยู่นานกว่าจะยอมให้เธอได้สมความปรารถนา บุลินหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข นิศากรที่ว่านอนสอนง่ายก็น่ารัก แต่ตอนที่งอนบ้างก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
สรุปคือไม่ว่าแบบไหนเขาก็รักเธอไปหมด
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก