เพราะย่าของชายหนุ่มมีลูกชายแค่เพียงคนเดียว คือพ่อของเขาซึ่งเสียไปนานแล้ว ส่วนพี่ชายกับพี่สะใภ้ก็ไม่สามารถมีลูกได้ ความรับผิดชอบจึงตกมาอยู่ที่เขา ผู้ซึ่งเสียขาไปหนึ่งข้างจากอุบัติเหตุในวันวาน แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการแต่งงานกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอซุกใบหน้าลงบนอกเขาพลางถูไถราวกับแมว "พี่บุ้งตัวหอมจังเลยค่ะ ไนท์ชอบมากๆ เลย" ใบหูของชายหนุ่มแดงขึ้นมาทันที
View Moreเรื่อง : สามีตัวหอม
เขียน : ที่รักของพระจันทร์
วาดปก : K O R N ( : @KhunKorn2001)
เพจ : ที่รักของพระจันทร์ Summer World
เมื่อลูกเลี้ยงไม่เต็มใจจะเป็นตัวแทนในการแต่งงานอีกต่อไป บิดาจึงส่งเธอซึ่งเป็นลูกของภรรยาเก่าที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้ให้มาเป็นว่าที่เจ้าสาวของหลานชายเจ้าหนี้
เธออดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมน้องสาวซึ่งเป็นลูกติดภรรยาใหม่ของบิดาถึงไม่คว้าโอกาสแต่งงานกับชายหนุ่มผู้เป็นหลานชายคนรองของนักธุรกิจ เจ้าของโรงแรมชื่อดังที่มีสาขาอยู่เกือบทั่วประเทศ
หญิงสาวเหม่อลอยนึกถึงตอนแรกที่ทางครอบครัวเธอได้รับข้อเสนอจากทางนั้น มาริษาดูดีใจมากถึงกับแต่งเนื้อแต่งตัวสวยกว่าทุกวันเพื่อออกไปรับประทานมื้อค่ำกับครอบครัวของชายหนุ่ม แต่พอกลับมาก็บอกว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าเธอจะเป็นคนแต่ง ดังนั้นวันนี้เธอจึงอยู่ที่นี่ ร้านอาหารซึ่งนัดกับชายหนุ่มเอาไว้เพื่อทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรก
ในขณะที่นั่งรออยู่นั้นสายตาเธอกลับถูกดึงดูดด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้าน เขาตัวสูง บ่ากว้าง ใบหน้าหล่อเหลาติดจะเคร่งขรึมเย็นชา แต่ก็ยังน่ามองอยู่ดี
เพียงแต่การเดินของเขาดูเหมือนจะไม่มั่นคงอยู่เล็กน้อย กระนั้นเธอก็ถอนสายตาจากเขาไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขากำลังเดินตรงมาหาเธอและสองเธอชอบมองคนหล่อ
เขาหยุดยืนตรงหน้าเธอ เธอเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย
“คุณนิศากรใช่ไหมครับ”
นิศากรพยักหน้า หรือว่าเขาคือ...
เขานั่งลง “ผมบุลินครับ”
นิศากรพิศมองเขา ยิ่งรู้สึกแปลกใจเหลือเกินว่าทำไมมาริษาถึงไม่อยากแต่งงานกับเขา ทั้งรวยและหล่อแบบนี้มันสเปกของน้องสาวเธอชัดๆ เลย
“คุณครับ...” เขาส่งเสียงเรียก
“คะ...ค่ะ ขอโทษค่ะ” นิศากรรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเผลอจ้องเขานานเกินไป
สายตาของเขาที่มองมานั้นดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ท่าทางเหมือนไม่เต็มใจจะมา บางทีเขาคงไม่พอใจว่าที่เจ้าสาวของเขาอย่างเธอสักเท่าไหร่ อย่างว่าเธอสวยน้อยกว่ามาริษานี่นา ถูกเปลี่ยนตัวก็คงไม่ชอบใจ
“ร้านนี้บรรยากาศดีนะครับ คุณเป็นคนเลือกเองหรือเปล่า” บุลินพยายามชวนคุยโดยการเอ่ยถึงบรรยากาศของร้านอาหารซึ่งอยู่ติดริมน้ำทำให้มีลมพัดโชยมาอ่อนๆ
“มีคนแนะนำมาค่ะ” เธอตอบไปตามตรง เพราะโดยส่วนตัวเธอ ตั้งแต่จำความได้การออกไปกินอาหารนอกบ้านนั้นแทบจะนับครั้งได้เลยทีเดียว แล้วเธอจะรู้จักร้านอาหารเด็ดๆ ได้ยังไง อย่างเก่งก็แค่นั่งอ่านรีวิวร้านอาหารในเว็บ
“เหรอครับ” เขาเปิดดูเมนู
“คุณบุลินอยากสั่งอะไรก็ตามสบายเลยค่ะ ฉันรับประทานได้ทุกอย่าง”
“บุ้งครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว สบตากับเธอนิ่ง “ดูเหมือนผมน่าจะแก่กว่าคุณหลายปี เรียกพี่บุ้งก็ได้ครับ”
ผักบุ้ง ชื่อเล่นน่ารักจัง หญิงสาวแอบยิ้ม
“ไนท์ค่ะ ชื่อเล่นของดิฉัน”
เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มลงอ่านเมนูต่อ “ผมไม่กินเผ็ด หรือพวกอาหารรสจัด ถ้าผมจะสั่งแต่ของจืดๆ คุณจะว่าอะไรไหมครับ”
“ไม่ว่าค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ
ดังนั้นชายหนุ่มจึงสั่งแต่อาหารรสจืดมาสามสี่อย่าง ระหว่างที่รอเขาก็ชวนเธอคุยต่อ
“คุณเต็มใจแต่งงานกับผมเหรอครับ”
คำถามของเขาทำให้นิศากรต้องมองสบตาเขาอย่างตรงไปตรงมา
ใช่ เธอเต็มใจแต่งกับเขาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ...
“เต็มใจค่ะ” ดังนั้นเธอจึงตอบเขากลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ บุลินไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความลังเลของเธอเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว นึกถึงว่าที่เจ้าสาวเบอร์แรกขึ้นมา แน่นอนว่าเขาไม่ถูกใจผู้หญิงที่ดูไม่จริงใจและไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าเขาแบบนั้นสักเท่าไหร่ เขาเองก็อยากจะปฏิเสธ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียก่อนหลังจากที่รู้ว่า...
“ผมใส่ขาเทียม”
นิศากรกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดสักเท่าไหร่ เพราะเล่นโพล่งออกมาโดยไม่มีการเกริ่นนำเลยสักนิด
“ผมเป็นคนพิการน่ะ” แววตาของเขาหม่นลงเล็กน้อย ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้สีหน้าเย็นชา
บุลินจับจ้องดวงหน้าอ่อนหวานของหญิงสาวนิ่ง โดยภาพรวมแล้วเขาชอบเธออยู่ไม่น้อย เขาพิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่ตอนเดินตรงมายังโต๊ะที่เธอจองไว้ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งมากเกินไปนัก แต่งหน้าบางๆ สวมใส่เพียงชุดเดรสแบบเรียบๆ มองแล้วรู้สึกสบายใจ ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะมองผ่านผู้หญิงสไตล์นี้
นิศากรยิ้มก่อนจะเอ่ยอย่างช้าๆ และชัดเจน “ต่อให้แขนขาดทั้งสองข้างหรือตาบอดด้วย ฉันก็จะแต่งค่ะ”
ทั้งสองคนหยุดการสนทนา เพราะพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ บุลินหรี่ตามองนิศากร พยายามมองหาความลังเลในดวงตาของเธอ แต่ทว่าสุดท้ายแล้วก็หาไม่เจอ ดูเหมือนเธอจะอยากแต่งงานกับเขามากจริงๆ
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก
Comments