บุลินยกมือนวดขมับตัวเอง ตอนนี้รู้สึกโมโหจนเส้นเลือดเต้นตุบๆ เลยทีเดียว
เขาหันไปทอดสายตามองหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิท ยื่นมือสัมผัสกับพวงแก้มอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดูปนสงสาร แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ภายนอกดูสุภาพขนาดนั้นจะลงมือทำร้ายลูกสาวได้ลงคอ
หมับ! มือคู่ใหญ่ของบุลินถูกมือเล็กของคนที่เมาจนหลับคว้าไปกุมและดึงไปถูกไถกับแก้มนิ่ม เขานึกว่าเธอจะตื่นขึ้นมา แต่สุดท้ายแล้วก็แค่ละเมอ
ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวยึดมือซ้ายของตัวเองไว้ เขากุมมือเธอตอบเบาๆ พลางพยายามมองหาแอปพลิเคชันอื่นอีก
บุลินเลือกแอปยอดนิยมที่มักจะเป็นที่แสดงความคิดเห็นและบางครั้งก็เป็นที่บ่นลมฟ้าอากาศ เขามีแอคเคานต์ของตัวเองที่ติดตามของนิศากรอยู่ แต่เขาก็ไม่คิดหรอกว่าเธอจะมีแค่แอคเคานต์เดียว แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แอคเคานต์ที่เขารู้นั้นเป็นอันเดียวกับที่หญิงสาวใช้แชร์ผลงานการวาดกับแฟนคลับ ส่วนใหญ่ไม่ได้บ่นอะไร เอาไว้พูดคุยกับคนที่ติดตามผลงานเท่านั้น
เขากดเข้าไปที่อีกแอคเคานต์ที่ชื่อว่า เด็กหญิงพระจันทร์ @girlXXXX ซึ่งไม่มีผู้ติดตาม มีแต่เจ้าตัวกดติดตามแค่อีกแอคเคานต์ของตัวเองไว้เท่านั้น และแอคเคานต์ก็ถูกล็อกไว้เป็นส่วนตัว
ชายหนุ่มไล่อ่านเรื่อยๆ ตั้งแต่ทวีตล่าสุด ก่อนย้อนไปเรื่อยๆ
เด็กหญิงพระจันทร์ : พรุ่งนี้จะไปเที่ยวทะเลกับพี่บุ้ง
เด็กหญิงพระจันทร์ : ว่างก็เลยนั่งนับวันเล่น ตอนนี้ครบรอบ 200 วันที่แต่งงานกับพี่บุ้งแล้ว บอกให้น้องฟัง น้องบอกจะนับทุก 300 400 500 เลยเหรอออ >_<
เด็กหญิงพระจันทร์ : พี่บุ้งไม่เคยบอกว่าไม่ชอบแตงกวา แต่เท่าที่เห็นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยกิน วันนี้ก็เลยทำยำแตงกวาหมูย่าง ต้มจืดแตงกวา แล้วก็แตงกวาผัดไข่
แตงกวาไม่ใช่ของที่เขาเกลียดแบบฟักทอง แต่เขาก็ใช่ว่าจะชอบกิน วันนั้นเขาจำได้ เจ้าตัวบอกว่าเพราะแตงกวาลดราคาเลยซื้อมาเยอะ แต่จริงๆ แล้วดูเหมือนเขาจะถูกแกล้ง
“พี่ไม่รู้เลยนะว่าถูกเธอแกล้งเอา”
เด็กหญิงพระจันทร์ : พี่บุ้งบอกว่าถ้างานเสร็จจะพาไปเที่ยวทะเล เราอยากไปทะเล กลับมาจะวาดรูปทะเลให้ชื่นใจเลย
เด็กหญิงพระจันทร์ : งานยังไม่เสร็จ เพราะฉันกลายเป็นเด็กขี้เกียจไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เด็กหญิงพระจันทร์ : คุณพ่อไม่ค่อยชอบเวลาที่พี่บุ้งตามไปค้างด้วย
เด็กหญิงพระจันทร์ : พี่บุ้งทำงานเหนื่อยมากจนละเมออีกแล้ว สงสาร
เด็กหญิงพระจันทร์ : รักพี่บุ้งมากขึ้นทุกวันเลยค่ะ >///<
คนที่กำลังอ่านเผลอตัวกุมมือเล็กแน่นขึ้น เขายังไม่เคยได้ยินหญิงสาวบอกคำว่ารักออกมาจากปากเลย ที่แท้ก็มาแอบบอกรักเขาอยู่ในนี้
เขาอ่านข้อความที่นิศากรบ่นถึงตัวเขาบ้าง บอกเล่าว่าวันนี้ลองทำอาหารสูตรใหม่ยังไงบ้าง อ่านไปบางอันก็ทำให้อมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
เด็กหญิงพระจันทร์ : ตื่นสายเลยต้องเอากล่องข้าวไปให้พี่บุ้งที่ห้องทำงานอีกแล้ววววว
เด็กหญิงพระจันทร์ : ปั่นงานจนดึกบ่อยๆ หลังๆ พี่บุ้งก็เลยทิ้งเราแล้วไปนอนดีกว่า เป็นเศร้า T^T
เด็กหญิงพระจันทร์ : คุณพ่อบ่นว่าอยากกินอาหารที่เราทำ พรุ่งนี้คงต้องไปค้างอีก พี่บุ้งจะไปด้วยกันไหมนะ
เด็กหญิงพระจันทร์ : พี่บุ้งอยู่เป็นเพื่อนจนเกือบตีสามเลย กว่างานจะเสร็จ ซาบซึ้ง
เด็กหญิงพระจันทร์ : เขียนพล็อตเรื่องใหม่จบแล้ว ใช้พี่บุ้งเป็นอิมเมจพระเอกดีไหมนะ
เด็กหญิงพระจันทร์ของเขามีเรื่องให้บ่นอยู่ทุกวี่วัน บุลินเลื่อนลงไปเรื่อยๆ โดยไม่สนว่าตอนนี้จะดึกแค่ไหน
เด็กหญิงพระจันทร์ : พี่บุ้งอยากมีลูก แต่เรากลัวการท้องมาก
เด็กหญิงพระจันทร์ : รู้สึกผิดต่อพี่บุ้งและคุณย่า พี่บุ้งแต่งกับเราเพราะอยากมีลูก แต่เราไม่กล้าที่จะท้อง
ชายหนุ่มอ่านไปหลายข้อความ ยิ่งเป็นข้อความเก่าๆ ที่ถูกโพสต์ในสมัยวัยเรียน มีแต่เรื่องบ่นเกี่ยวกับเรื่องที่เธอถูกทารุณอยู่บ่อยๆ และถึงเพื่อนๆ ที่ใจดีกับเธอ ไม่ก็บ่นว่าอยากไปเที่ยวกับเพื่อนแต่ไม่ได้ไป
เด็กหญิงพระจันทร์ : คุณพ่อเกลียดเราแค่เพราะหน้าเหมือนแม่ ก็เลยตีเราทุกครั้งที่เครียดหรือไม่ก็จับได้ว่าเราวาดรูป
เด็กหญิงพระจันทร์ : การพยายามไม่เกลียดคุณพ่อเหนื่อยมาก
เด็กหญิงพระจันทร์ : คุณพ่อน่าสงสารเพราะคุณพ่อรักคุณแม่มาก
เด็กหญิงพระจันทร์ : ถ้าเราไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ เราจะเกลียดท่านได้ใช่ไหม
เด็กหญิงพระจันทร์ : จำได้ว่าคุณพ่อพาเราไปตรวจดีเอ็นเอ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เราเป็นลูกของคุณพ่อจริงๆ แต่ว่าน้องที่ไม่ได้ลืมตาดูโลกจะใช่ลูกของคุณพ่อไหมนะ?
เด็กหญิงพระจันทร์ : เรารู้สึกว่าตอนพ่อตีมันไม่เจ็บอีกแล้ว เราด้าน
เด็กหญิงพระจันทร์ : อยากเจอน้องเดย์จัง น้องเดย์อยู่กับคุณแม่จะมีความสุขไหมนะ ถึงแม่จะไม่ได้รักพวกเราเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าแม่คงไม่ตีน้องเดย์
เด็กหญิงพระจันทร์ : ได้สีน้ำกล่องใหม่กับกระดาษวาดรูปจากคุณพ่อแทนคำขอโทษ แต่เราเอามันออกมาวาดรูปเล่นไม่ได้
เด็กหญิงพระจันทร์ : คุณพ่อร้องไห้เพราะเผลอตีเราแรงเกินไป
จนมาสะดุดเข้ากับข้อความหนึ่งที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ตกตะลึงและคิดไม่ถึงมาก่อนเลย ถ้ามันเป็นเรื่องจริงชัยกรคงช็อกมากจริงๆ นั่นแหละ แล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
เด็กหญิงพระจันทร์ : เด็กคนนั้นในท้องคุณแม่ พอมาคิดๆ ดูบางทีอาจจะเป็นลูกของคุณปู่
เด็กหญิงพระจันทร์ : ทำไมคุณแม่ถึงเป็นชู้กับคุณปู่
ถึงตอนนี้บุลินเริ่มเข้าใจนิศากรมากขึ้น ถ้าเป็นตัวเขา เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่ยอมเล่าให้ใครฟังหรอก เขาไม่เคยเจอหน้าแม่แท้ๆ ของหญิงสาวเลยสักครั้ง ซึ่งตอนนี้กลับคิดว่าดีแล้ว หากเจอหน้ากันขึ้นมาเขาจะมองหน้าอีกฝ่ายได้ยังไง
บุลินตัดสินใจกดดูแอปพลิเคชันสำหรับบันทึกการนัดหมายต่างๆ นิศากรบันทึกวันเวลาที่ต้องส่งงานและนัดหมายโรงพยาบาลที่เธอเขียนไว้ว่าพบหมอ วันที่ XX เวลา XX ชายหนุ่มแน่ใจว่าเธอไม่ได้ป่วยทางกาย น่าจะไปหาจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการทางใจเสียมากกว่า
เขาไม่เคยรู้เลยว่านิศากรไปไหนบ้างเพราะให้อิสระเรื่องนี้เต็มที่ ถ้าไม่อยากใช้รถของพี่บ้านจะเรียกแท็กซี่มารับหรือออกไปกับเพื่อนเขาก็ไม่เคยไปกะเกณฑ์เจ้าตัวเลยสักครั้ง
ข้อความขึ้นเตือนจากแอปพลิเคชันหนึ่งทำให้ชายหนุ่มกดเข้าไปดู มันเป็นกระทู้ที่นิศากรเป็นคนตั้งเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน แต่ดูเหมือนจะมีคนเข้ามาตอบอยู่เรื่อยๆ หลังๆ ก็ยังมีอยู่เดือนละสองสามข้อความ
หัวข้อกระทู้ : อายุ 20+ แล้วแต่ยังถูกพ่อตี เราควรทำยังไงดี
เนื้อหา : ปัจจุบันอยู่กับคุณพ่อ ส่วนแม่แท้ๆ หย่ากับคุณพ่อไปนานมากแล้วค่ะ คุณพ่อไม่ชอบให้เราวาดรูปมากๆ สาเหตุมาจากคุณแม่ เพราะคุณแม่ชอบวาดรูปและเป็นครูสอนศิลปะ แต่ยังไงเราก็ชอบอยู่ดี ก็เลยแอบวาดมาตลอด ถ้าคุณพ่อรู้เราก็จะถูกตี คุณพ่อร้องไห้ทุกครั้งหลังจากตีเรา เราถูกตีเป็นประจำจนกระทั่งเราเริ่มเป็นวัยรุ่น คุณพ่อตีเราหนักขึ้น เพราะเราเริ่มต่อต้าน เราอยากวาดรูปและอยากให้คุณพ่อยอมรับ เราเริ่มเถียงและทะเลาะกับคุณพ่อค่ะ ครั้งแรกที่ถูกตีหนักๆ เราร้องไห้ไม่หยุด พยายามจะสู้ แต่มันยิ่งแย่ คุณพ่อเองก็ร้องไห้ เราได้คำขอโทษเป็นพวกอุปกรณ์สำหรับวาดรูปทุกครั้งค่ะ พอได้มาก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วคุณพ่อก็รักเรานะ ทำให้เราเกลียดเขาไม่ลงค่ะ
ตอนนี้ส่วนใหญ่มักวาดรูปเล่นและทำงานในโทรศัพท์และอุปกรณ์อย่างอื่นที่ไม่ใช่กระดาษกับพู่กัน คุณพ่อก็เลยไม่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่บ้าง ถูกตีน้อยลง แต่ยังถูกทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดเหมือนเดิมว่าเราไม่น่าจะเกิดมา ยิ่งโตแล้วหน้าเหมือนแม่มากเท่าไหร่ บางครั้งคุณพ่อก็มองแบบรังเกียจเลยด้วยซ้ำ
ถึงตอนนี้จะแทบไม่ถูกตี แต่เราก็อยากจะหนีออกไปจากตรงนี้ เราเคยคุยกับคุณพ่อตรงๆ เรื่องไปพบจิตแพทย์นะ แต่พอพูดแล้วเราก็ถูกตี เราพยายามพูดไปหลายครั้งก็โดนตีทุกครั้งจนตัวเป็นรอยไปหมด เหมือนจะโมโหยิ่งกว่ารู้ว่าเราวาดรูปอีก เพราะตีโดยไม่สนใจว่ารอยจะเกิดตรงไหนบ้าง
เราควรทำยังไงต่อไปดี
ความคิดเห็นที่ XX : เรียนจบหรือยังครับ ถ้าจบแล้วก็ออกจากบ้านหางานทำเลี้ยงตัวเองเถอะ เอาความกตัญญูต้องเลี้ยงพ่อแม่ตอนแก่ทิ้งไป ทำขนาดนี้เป็นผม ผมไม่ทนหรอกนะ ตอบกลับโดยเจ้าของกระทู้ : จบแล้วค่ะ เราแอบทำงานเกี่ยวกับการวาดรูปอยู่
ความคิดเห็นที่ XX : จับพ่อมัดแล้วพาไปโรงบาลบ้าเลย โรคจิตแล้วววว ตอบกลับโดยเจ้าของกระทู้ : เราอยากให้คุณพ่อไปพบจิตแพทย์มากๆ เลยค่ะ แต่ยังไงท่านก็ไม่ยอมไป
ความคิดเห็นที่ XX : สงสารคุณจัง เป็นเรานะจะไม่ทน จะหาผัวแล้วก็เชิดหน้าออกจากบ้านไปเลย ตอบกลับโดยเจ้าของกระทู้ : แทบไม่ได้ออกจากบ้านเลยค่ะ อันนี้น่าจะยาก ปัดหาคู่ที่ทินเด๋อเราก็ว่าน่าจะไม่ค่อยโอเค
ความคิดเห็นที่ XX : แจ้งความดิ แจ้งตำรวจอะ โอ๊ยยยย ทำร้ายร่างกายขนาดนี้ทนได้ไง ตอบกลับโดยเจ้าของกระทู้ : สงสารคุณพ่อค่ะ
ความคิดเห็นที่ XX : สงสารตัวเองก่อนนะเจ้าของกระทู้ ตอบกลับโดยเจ้าของกระทู้ : มีบางเรื่องที่เราเล่าออกมาไม่ได้ แต่เราสงสารคุณพ่อมากจริงๆ
ความคิดเห็นที่ XX : พี่เองก็ถูกแม่ตีเหมือนกัน ตีแบบเหมือนโกรธพี่เพราะพี่ไปขี้รดบนหลังคาบ้าน พอเรียนจบก็หนีตามผัวเลยค่ะ ไม่กลับไปบ้านอีกเลยมา 20 ปีแล้ว สบายใจมาก แต่พี่ก็ยังห่วงแม่เขาอยู่นะ ก็มันแม่ลูกกันอะเนอะพี่เข้าใจ อีกอย่างแม่เขาก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนพ่อน้อง พี่เลยแค่ส่งเงินกลับไปให้แค่นั้น ไม่ว่าแม่จะขอโทษยังไงพี่ก็ไม่กลับไปเจอ ปล่อยให้เขาอยู่กับน้องชายไป เพราะพี่โดนตีตั้งแต่เล็กจนโต น้องชายไม่เคยโดนเลย รักมากก็อยู่กับน้องมันไปนั่นแหละ พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ ตอบกลับโดยเจ้าของกระทู้ : ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ
ความคิดเห็นโดยเจ้าของกระทู้ : ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจนะคะ เยอะมากจนบางข้อความก็ไม่ได้ตอบกลับ ขอโทษด้วยนะคะ
วันนี้มาอัปเดตนิดหน่อยค่ะ หลายคนเชียร์ให้เราหนีออกไปจากบ้าน แต่พูดตรงๆ เราไม่กล้าที่จะออกไปอยู่คนเดียว จริงๆ เรามีน้องสาวฝาแฝดค่ะ น้องอยู่กับทางคุณแม่ แต่เราคงไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะคุณแม่เองก็เกลียดเราเหมือนกัน เราเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนเลิกกันค่ะ ส่วนเหตุผลขอไม่เล่า
เราเลือกที่จะแต่งงานค่ะกับคนที่คุณพ่ออยากให้แต่งด้วย อย่างน้อยๆ คิดว่าคุณพ่อจะหยุดทำร้ายเราอย่างแน่นอน เพราะอาจจะไม่มีโอกาสให้ทำร้ายเราอีกและเราก็สามารถทำงานที่เรารักโดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ XX : เอาใจช่วยค่ะ ตัวคุณเองอย่าลืมไปพบจิตแพทย์นะคะ คุณก็ต้องได้รับการรักษา หลังไมค์มาหาเราได้นะคะ เราจะพอจะแนะนำได้ค่ะ เพราะเราเองก็มีปัญหากับแม่สามีจนต้องพบจิตแพทย์เหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ XX : คนที่พ่ออยากให้แต่ง เราว่าสุดท้ายนี่มันก็หนีไม่พ้นพ่อยู่ดีอะ
ความคิดเห็นที่ XX : สุดท้ายก็เท่ากับทนอยู่กับพ่อ หนีไปสิเธออออ หนีๆ
บุลินเลื่อนไปจนถึงความคิดเห็นล่าสุด ความคิดเห็นที่ XX : เพิ่งเข้ามาอ่าน แล้วสงสัย ตอนนี้เป็นยังไงบ้างอะครับ อยู่กับสามีแล้วดีปะครับ
ถึงจะไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างกระจ่างแจ้ง แต่บุลินก็เข้าใจหญิงสาวที่เขารักมากพอที่จะไม่โกรธว่าเธอทำไมถึงไม่เล่าอะไรให้เขาฟังบ้างเลย ชายหนุ่มเก็บมือถือของหญิงสาวลงในกระเป๋า ก่อนจะหยิบแผงยาคุมออกมาจากในนั้น เพราะเรื่องแรกที่จะต้องคุยคือเรื่องนี้
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก