“เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน
ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ
“ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย”
คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก
“เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว
“พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้
“แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ”
“ก็มัน...เสียใจ เจ้าขาเลยไม่อยากไปโรงเรียน”
บุลินเลิกคิ้ว “เสียใจเรื่องอะไรครับ บอกพ่อบุ้งได้ไหม ถ้าไม่บอก พ่อบุ้งก็จะเฝ้าเจ้าขาอยู่แบบนี้แหละ”
คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เลิกผ้าห่มขึ้นเผยให้เห็นดวงหน้ากลมมนจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา ลูกสาวคนโตของบุลินอย่างดั่งบุหลันหรือน้องเจ้าขานั้นเหมือนกับนิศากรขนาดย่อส่วน ซึ่งทำให้คนเป็นพ่ออดใจอ่อนไม่ได้เลยเวลาที่ถูกออดอ้อน
“เจ้าขาไม่อยากไปโรงเรียน” ริมฝีปากเล็กๆ เบะออก ทำท่าจะร้องไห้
“อย่าเพิ่งร้องสิครับเจ้าขา ไหนลองบอกเหตุผลมาก่อน ถ้าเรารู้ปัญหา เราก็จะแก้ปัญหาได้ใช่ไหม”
ดั่งบุหลันนิ่งไป ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากันแน่นจนบุลินต้องรอลุ้นว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดออกมาหรือเปล่า
“พะ...พี่เปาบอกเลิกเจ้าขา เจ้าขาก็เลยไม่อยากไปโรงเรียน เจ้าขาไม่อยากเจอพี่เปา”
บุลินยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีก่อนที่จะเผลอปล่อยเสียงหัวเราะออกมาแล้วทำให้ลูกสาวเสียใจมากกว่าเดิม
ชายหนุ่มดึงลูกสาวมากอดแนบอก แล้วพยายามหัวเราะอย่างไม่มีเสียง
“พี่เปาหมายถึงน้องอั่งเปาลูกชายของคุณครูของเจ้าขาที่อยู่อนุบาลสามใช่ไหมครับ” คนเป็นพ่อเอ่ยถามพลางลุกขึ้นนั่งโดยมีลูกสาวอยู่บนตัก
ลูกสาวของเขาพยักหน้า “พี่เปาบอกว่าจะไม่เล่นกับเจ้าขาแล้ว จะไปเล่นกับคนอื่น พี่เปาว่าเจ้าขาไม่น่ารัก”
บุลินมองหน้ากลมๆ ของลูกสาว “น่ารักสิ ลูกของพ่อน่ารักที่สุดเลย”
“จริงเหรอคะ” สีหน้าเศร้าๆ ของลูกสาวทำให้บุลินทั้งสงสารและขำจนแทบจะหลุดหัวเราะอีกรอบ ไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องรักๆ ของเด็กอนุบาลมันจะน่ากลุ้มใจขนาดนี้
“แต่ปกติพี่อั่งเปาดีกับเจ้าขามากเลยไม่ใช่เหรอครับ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ” บุลินเคยเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นทั้งช่วยถือกระเป๋า ทั้งช่วยใส่รองเท้าให้ลูกสาว เป็นเด็กผู้ชายที่นิสัยดีและเรียบร้อยมากจนเขานึกอยากให้ลูกสาวซึมซับความเรียบร้อยแบบนั้นมาบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี
“เจ้าขาก็ไม่รู้เหมือนกัน” ดั่งบุหลันส่ายหน้ารัว “พี่เปาบอกด้วยค่ะว่า ให้เจ้าขาไปเป็นแฟนกับคนอื่นดีกว่า”
“เอาเป็นว่าวันนี้ให้พ่อไปส่งที่โรงเรียนดีไหมครับ”
“อ้าว” ลูกสาวของเขาทำตาโต “ก็เจ้าขาบอกว่าไม่อยากไปโรงเรียน”
“เจ้าขาจะอยู่บ้านก็ได้ครับ พ่อจะไปโรงเรียนคนเดียว”
“พ่อจะไปเรียนอนุบาลเหรอ” ดั่งบุหลันขมวดคิ้วจนยุ่ง
“พ่อเรียนจบอนุบาลแล้ว ไม่ไปเรียนอีกหรอก” บุลินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ข้างในแทบไม่ไหวแล้ว ทำไมลูกสาวถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตลกขนาดนี้
“แล้วพ่อจะไปโรงเรียนทำไมคะ”
“ก็จะไปลาคุณครูให้เจ้าขาไงครับ”
“ห้ามบอกครูนะคะว่าเจ้าขาไม่ไปเพราะอกหัก” ดั่งบุหลันทำสีหน้าจริงจังสุดฤทธิ์
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็...ก็คุณครูบอกว่ายังเด็ก อย่าเพิ่งรีบมีแฟน หนูสัญญากับคุณครูไปแล้วด้วยว่าจะไม่มีแฟน”
“ฮ่า ฮ่า” ไม่ไหวแล้ว เขาก็เลยหัวเราะออกมา “เป็น...เป็นรักต้องห้ามด้วย”
“พ่อหัวเราะทำไม” ดั่งบุหลันถามพลางมองคนเป็นพ่อด้วยความสงสัย
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร พ่อคิดถึงเรื่องตลกๆ ขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ขำเจ้าขาเลยแม้แต่นิดเดียว”
“พ่อขำหนู” ดั่งบุหลันตีแขนพ่อด้วยมือเล็กๆ ดังแปะ
“เจ้าขาเวลาไม่พอใจลูกจะใช้กำลังทำร้ายคนอื่นไม่ได้นะ” น้ำเสียงของบุลินเข้มขึ้นและไม่ขำอีกแล้ว ดั่งบุหลันชะงัก พอเผลอสบตากับดวงตาจริงจังก็รีบหลุบตาลงทันที
“เจ้าขาขอโทษค่ะ”
“พ่อก็ขอโทษครับที่ขำเจ้าขา” บุลินสบตากับลูกสาวนิ่ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไหนเจ้าขาบอกพ่อมาสิว่าแฟนหมายความว่ายังไง ทำไมเจ้าขากับพี่เปาถึงได้เป็นแฟนกัน”
“นั่งกินข้าวด้วยกัน แบ่งขนมให้กิน แล้วก็คอยถือกระเป๋ากับใส่รองเท้าให้ด้วย แถมพี่เปาก็บอกว่าเจ้าขาน่ารักที่สุดในชั้นอนุบาลสอง”
“มีแฟนนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ว่าแต่เจ้าขากินแต่ของพี่เปาเขาอย่างเดียวหรือเปล่าครับ”
“แบ่งกันสิคะ เจ้าขาก็แบ่งขนมให้พี่เปานะ เจ้าขาไม่ขี้งก”
“อ้อ เป็นแฟนกันมันเป็นอย่างนี้นี่เอง” บุลินพยักหน้ารับรู้แล้วยิ้มกว้าง “แล้วเจ้าขายังอยากเป็นแฟนกับพี่เปาเขาอยู่หรือเปล่า หรืออยากเลิกกันแล้ว”
คนตัวเล็กทำหน้าคิดหนัก ริมฝีปากเม้มแน่น “เจ้าขายังอยากเป็นแฟนกับพี่เปา”
“งั้นเราก็ไปง้อพี่เปาด้วยกันไหม”
“ไปค่ะ” ดั่งบุหลันจึงกระโดดเข้าใส่อ้อมกอดของพ่อแล้วกอดคอบุลินเอาไว้แน่น เด็กหญิงถูกอุ้มออกมากินอาหารเช้าที่นิศากรเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่โต๊ะอาหารภายในห้องครัวนั้นมีแค่นิศากรคนเดียวที่กำลังจัดโต๊ะ ส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างดุจจันทราหรือจันทร์เจ้าที่ตอนนี้อายุเกือบสามขวบแล้วถูกพี่สะใภ้พาไปกินมื้อเช้าด้วยเหมือนเคย ตอนนี้ถ้าไม่บอกว่านั่นลูกของพวกเขา ใครๆ ก็คิดว่าเป็นลูกสาวของบวรกับปภาดา
นิศากรส่งยิ้มให้ลูกสาวและสามี “ยอมไปโรงเรียนแล้วเหรอจ๊ะ”
บุลินจับลูกสาววางลงบนเก้าอี้ที่เสริมให้สูงขึ้นสำหรับเด็ก ก่อนจะนั่งลงยังตำแหน่งประจำของตัวเอง
“เจ้าขาจะไปง้อพี่เปา” ดั่งบุหลันตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน คนเป็นแม่ที่รู้เรื่องรักใสๆ ของเด็กอนุบาลอยู่ก่อนแอบสบตากับสามีเล็กน้อย เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ากลับมาเบาๆ จึงวางใจให้บุลินจัดการต่อ
“งั้นมากินข้าวก่อนนะคะเจ้าขาคนเก่ง จะได้มีแรงไปง้อพี่เปา” นิศากรวางชามซุปข้าวโพดของโปรดลงตรงหน้าดั่งบุหลัน คนตัวเล็กหยิบช้อนที่พ่อส่งให้ตักกินอย่างอารมณ์ดี
เพราะว่าตอนนี้เลยช่วงเปิดเทอมมานานแล้ว บุลินจึงไม่ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ ร้องไห้งอแงเหมือนวันแรกที่ต้องมาเรียน หนึ่งในนั้นก็ลูกสาวของเขานี่แหละที่จะร้องอยู่สองสามวัน แต่พอเริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนและครูก็ไม่ร้องอีก
บุลินขออนุญาตคุณครูที่ยืนอยู่หน้าประตูว่าจะขอเข้ามาพบคุณครูประจำชั้นของลูกสาว ดังนั้นวันนี้จึงเป็นกรณีพิเศษที่ได้เดินมาส่งลูกสาวถึงห้อง
คุณครูที่กำลังรอรับนักเรียนของห้องตัวเองอยู่ที่หน้าห้องยกมือไหว้บุลิน ชายหนุ่มยกมือขึ้นรับไหว้ก่อนจะดันหลังลูกสาวเบาๆ ให้เข้าห้อง ดั่งบุหลันมองพ่อตาละห้อย ทำท่าจะไม่ยอมเดินเข้าไปเพราะกลัวว่าพ่อจะบอกคุณครูว่าตัวเองเป็นแฟนกับเด็กชายอั่งเปาซึ่งเป็นลูกของคุณครู
“คุณครูก็รู้ใช่ไหมครับว่าน้องเจ้าขาสนิทกับอั่งเปามาก”
“ทราบค่ะ” ถอนหายใจเบาๆ “เขาบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ เด็กๆ แค่สนิทกันมากกว่าคนอื่นก็เลยเข้าใจว่าแบบนั้นคือแฟนกัน”
“ผมทราบแล้วครับ ก็ไม่ได้จะตำหนิอะไรน้องอั่งเปา เพียงแต่ว่าช่วงนี้เหมือนน้องอั่งเปาเขาไม่อยากจะเล่นกับเจ้าขาแล้ว ผมเลยอยากรู้ครับว่าเพราะอะไร พวกเขาทะเลาะกันหรือเปล่าครับ”
สีหน้าของคนเป็นครูหม่นลง “พอดีว่าครูเลิกกับสามีมานานแล้วค่ะ แต่เรื่องฟ้องหย่าเพิ่งจะเรียบร้อย ครูจะย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด น้องอั่งเปาเองก็เลยต้องย้ายไปกับครูด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยบอกครูเมื่อวานว่าเขาเลิกกับน้องเจ้าขาแล้วเพราะอยากให้เจ้าขาเจอคนที่ดีกว่าเขา เออ...น้องอั่งเปาจำมาจากซีรีส์ที่ครูชอบดูน่ะค่ะ”
โถ! เด็กหนอเด็ก
บุลินคลี่รอยยิ้มว่าไม่เป็นไรให้กับคนเป็นครูของลูกสาว “ขอบคุณที่ดูแลเจ้าขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“ว่าแต่ผมขอคุยกับน้องอั่งเปาสักนิดได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้พวกเขาต้องลากันไปแบบนี้ เจ้าขาชอบน้องอั่งเปามากเลยครับ”
“ได้ค่ะ”
คุณครูของลูกสาวหายไปพักหนึ่งก็เดินจูงมือลูกชายตัวขาวจ้ำม่ำกลับมา เพราะช่วงเดือนแรกนั้นจะอนุญาตให้ผู้ปกครองมาส่งได้ถึงห้องเรียน ก่อนจะงดแล้วให้ส่งแค่หน้าประตูเพื่อให้เด็กๆ ฝึกการพึ่งพาตัวเอง เด็กชายจึงรู้ว่าบุลินเป็นพ่อของเจ้าขา
ดังนั้นพอเห็นเขาเข้าก็แอบหลบอยู่หลังคนเป็นแม่ แต่กลับถูกดันออกมาเผชิญหน้ากับบุลินที่ย่อตัวลงคุยกับเด็กชายตัวเล็ก
“สวัสดีครับน้องอั่งเปา” บุลินทักขึ้นก่อน อีกฝ่ายจึงรีบยกมือไหว้ แถมยังโค้งตัวเล็กน้อยด้วย
“สวัสดีคับ”
“ลุงเป็นพ่อของเจ้าขานะ แล้วลุงก็รู้แล้วด้วยว่าอั่งเปากำลังจะย้ายบ้าน แต่ลุงไม่รู้ว่าทำไมอั่งเปาถึงไม่อยากเล่นกับเจ้าขาแล้วล่ะครับ”
“ก็...” เด็กชายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “เจ้าขาจะได้ไปเล่นกับคนอื่นบ้าง เพราะเจ้าขาเอาแต่เล่นกับเปา ถ้าเปาไปแล้ว เดี๋ยวเจ้าขาจะไม่มีเพื่อนเล่น”
บุลินรู้มาบ้างว่าเจ้าขาไม่ชอบเล่นกับเพื่อนห้องเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวติดอั่งเปาแจอย่างกับลูกลิง อาจเพราะเด็กชายนั้นชอบตามใจลูกสาวของเขาเป็นที่สุด เขาพยายามแก้ปัญหานี้ที่เกิดขึ้นเพราะเป็นหลานคนแรกของบ้านที่ใครๆ ต่างก็เฝ้ารอ ดังนั้นจึงถูกตามใจ พอมีคนขัดใจก็มักจะไม่อยากเล่นกับเขา
“เปาอยากเห็นเจ้าขาเล่นกับเด็กคนอื่นจะได้สบายใจ”
บุลินเลิกคิ้วสูงเมื่อฟังคำอธิบายของเด็กชายจนครบ ความรู้สึกขบขันแทบจะหายไปหมด เด็กตัวแค่นี้ก็คิดได้ตั้งขนาดนี้แล้ว
“เป็นเด็กดีจังเลยครับ แต่ว่านะครับ ตอนนี้เจ้าขาเสียใจมากจนไม่อยากมาโรงเรียนแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวัน เจ้าขาแย่แน่ๆ เลย” เด็กชายทำหน้าตกใจ บุลินจึงอธิบายต่อ “ลุงรู้ว่าเจ้าขาไม่ค่อยชอบเล่นกับเด็กคนอื่นนอกจากอั่งเปา เพราะอั่งเปาชอบตามใจเจ้าขา ก็เจ้าขาน่ารักที่สุดเลยเนอะ ลุงเองเวลาจะดุแต่ละทียังต้องทำใจแข็งมากๆ”
เด็กชายอั่งเปาพยักหน้า
“แต่วิธีการแก้ปัญหาของอั่งเปาอาจจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่รู้ไหมครับ อั่งเปาต้องพาเจ้าขาไปเล่นกับคนอื่น คอยสอนเจ้าขาให้เล่นกับคนอื่นดีๆ ไม่เล่นกับคนอื่นแรงๆ อั่งเปาทำแบบนั้นได้ไหมครับ”
“ทำได้คับ” เด็กชายยิ้มกว้างจนตาหยี
“ส่วนเรื่องที่จะย้ายบ้าน ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าอยากคุยกับเจ้าขาก็ทำได้ทุกเมื่อเลย คุณแม่ของอั่งเปามีเบอร์ลุงกับแม่ของเจ้าขา เวลาคิดถึงก็บอกให้คุณแม่ช่วยโทรหาได้นะครับ”
“ขอบคุณคับ ผมจะโทรไปคับ”
“เอาละ ตอนนี้ไปคืนดีกับเจ้าขาได้แล้วครับ” บุลินเหลือบมองลูกที่เกาะประตูห้องเรียนแอบดูเขากับอั่งเปาคุยกัน”
“คับ” เด็กชายตัวอ้วนจ้ำม่ำวิ่งไปหาดั่งบุหลันทันที บุลินที่มองตามไปพอเห็นว่าเด็กสองคนเกี่ยวก้อยกันแล้วก็ยิ้มละไม ก่อนจะจากไป
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่อั่งเปาย้ายโรงเรียน บุลินกับนิศากรก็รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อยที่ลูกสาวซึ่งเคยร่าเริงและแสนซน ซึมลงเล็กน้อย
“ไนท์เป็นห่วงลูกจัง”
“ไม่เป็นไรหรอก คงจะซึมๆ ไม่นานหรอก คุยกับน้องอั่งเปาแล้วด้วย เห็นว่าได้เพื่อนใหม่เป็นเด็กผู้หญิงที่เพิ่งย้ายเข้ามา เป็นคู่หูตัวป่วนประจำห้องเลย”
นิศากรก้าวขึ้นเตียงไปนั่งพิงหัวเตียงข้างสามี “แต่แอบเสียดายน้องอั่งเปานะเนี่ย โตมาจะต้องเป็นผู้ชายน่ารักแน่ๆ เลย”
“อะไรเธอ ลูกเพิ่งห้าขวบเอง จะล็อกว่าที่เจ้าบ่าวให้ลูกแล้วเหรอ”
หญิงสาวหัวเราะ “ถ้าโตมาแล้วยังนิสัยน่ารักเหมือนเดิม ไนท์ก็จะยกยายตัวแสบให้ฟรีเลยค่ะ”
“ใครจะไปยกลูกสาวให้ง่ายๆ แบบนั้น” บุลินเกี่ยวเอวของภรรยาแล้วดึงเข้ามาหาตัว “ลูกสาวทั้งคน แถมกว่าจะได้มาก็ลำบากพอดู เรื่องอะไรจะยกให้คนอื่น”
“แหม เห็นใจดียอมให้ลูกเป็นแฟนกับน้องอั่งเปาก็ได้ นึกว่าจะไม่ใช่พ่อตาขี้หวงซะอีก”
“เรื่องนั้น กับเรื่องรักแบบเด็กอนุบาลมันคนละเรื่องกัน” บุลินขยับตัวเพียงนิดเดียวนิศากรก็ตกอยู่ภายใต้ร่างของคนตัวโต “ทำเพิ่มกันอีกคนดีไหม เพราะน้องจันทร์เจ้าถูกพี่บีกับไอ้ปอนด์มันยึดไปแล้ว”
นิศากรหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงลูกสาวคนเล็กที่ติดพี่สามีกับภรรยาของเขาอย่างกับว่าเป็นพ่อแม่แท้ๆ
“รอให้เจ้าขากับจันทร์เจ้าโตอีกสักหน่อยแล้วกันค่ะ แล้วไนท์จะคิดอีกที” คนใต้ร่างของบุลินยิ้มหวานก่อนจะเป็นฝ่ายดึงเขาไปจูบ แล้วเรื่องลูกก็หายไปจากความคิดทันที เพราะตอนนี้มีแต่ความสุขที่ได้กอดรัดภรรยาอย่างแนบชิดจนคิดอย่างอื่นไม่ออก
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก