LOGIN
“เอามานะพี่หมิว เอาตุ๊กตาของน้องพลอยมานะ”
เสียงเด็กหญิงพลอยพรรณวัยหกปี ร้องบอกพี่สาวต่างสายเลือดวัยแปดปีทั้งน้ำตา มองตุ๊กตาบาร์บี้ในมือของพรนับพันด้วยความริษยา เป็นเพราะพลอยพรรณอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ ทว่าคนเป็นปู่กลับให้พรนับพันแทน
“ตุ๊กตาตัวนี้ของพี่นะพลอย คุณปู่ให้พี่ ของพลอยตัวโน้นไง” พรนับพันบอกน้องสาว ชี้ไปยังตุ๊กตาอีกตัวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้
“ไม่ น้องพลอยจะเอาตัวนี้ ตัวนั้นน้องพลอยไม่ชอบ” พลอยพรรณเด็กหญิงที่มีนิสัยเอาแต่ใจสุดฤทธิ์ไม่ยอม อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน “เอามานะ เอามาสิ”
พลอยพรรณเข้าไปยื้อแย้ง พรนับพันไม่ยอมดึงตุ๊กตากลับมา
“มันเป็นของพี่นะพลอย พลอยไปเล่นของพลอยสิ” พรนับพันที่ตัวโตกว่าบอกน้องสาวที่ไม่ยอมเช่นกัน การฉุดกระชากตุ๊กตาจึงเกิดขึ้น จังหวะหนึ่งพรนับพันดึงตุ๊กตาเข้าหาตัวสุดแรง พลอยพรรณจึงเสียหลักล้มลง หัวเข่าไปกระแทกกับก้อนหินบนพื้น เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด
เสียงร้องไห้ดังเข้ามาในบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน พีรภัทรในวันสิบหกปีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงชิงช้าริมสนามหญ้าได้ยินเสียงนั้นพอดี เขาจำได้แม่นว่าเป็นเสียงร้องไห้ของพลอยพรรณ พีรภัทรจึงเดินไปดูตรงอิฐบล็อกช่องลมที่กั้นเป็นรั้ว เมื่อเห็นว่าพลอยพรรณทรุดตัวมองเข่าตัวเองที่เลือดไหล เขาจึงเดินไปเปิดประตูรั้วที่เชื่อมระหว่างสองบ้าน ก้าวเดินเข้าไปบ้านอีกหลังอย่างคุ้นเคย
“เป็นอะไรน้องพลอย” พีรภัทรถามพลอยพรรณ
“พี่หมิวผลักน้องพลอยค่ะ ฮือ...น้องพลอยเจ็บ” เด็กหญิงร้องไห้จ้า “พี่หมิวแย่งตุ๊กตาน้องพลอยค่ะ น้องพลอยกำลังจะแย่งคืนมา พี่หมิวก็ผลักพลอย...ฮือ”
“ไม่จริงค่ะ ตุ๊กตาตัวนี้ของหมิว ของพลอยตัวโน้น” พรนับพันไม่ได้แก้ตัว เธอพูดความจริง
“ไม่ใช่ค่ะ พี่หมิวโกหก ตุ๊กตาตัวนี้ต่างหากที่เป็นของพลอย” พลอยพรรณยืนกรานคำเดิม
“ทำไมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีอย่างนี้นะ มาอาศัยเขาอยู่แท้ๆ ยังจะแย่งของของเจ้าของบ้านอีก นิสัยแย่มาก ทำอย่างนี้เรียกว่าอกตัญญูรู้ไหม...เอามานี่” พีรภัทรเชื่อคำพูดพลอยพรรณ เขากระชากตุ๊กตาในมือพรนับพันที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนส่งตุ๊กตาเจ้าปัญหาให้พลอยพรรณ “นี่ครับน้องพลอย น้องพลอยได้ตุ๊กตาคืนแล้วนะครับ อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวพี่พีพาเข้าบ้านนะ”
พลอยพรรณยิ้มร่ากอดตุ๊กตาไว้แน่น จังหวะที่พีรภัทรประคองเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน พลอยพรรณหันมาแลบลิ้นใส่พรนับพันที่ยืนร้องไห้ เจ็บปวดกับคำพูดของพีรภัทร พรนับพันไม่เคยคิดเทียบตัวเองกับพลอยพรรณ เธออยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด และยอมพลอยพรรณทุกอย่าง มีครั้งนี้ที่หวงของ หวงตุ๊กตาตัวใหม่ที่ศักดิ์ชัยซื้อให้
พรนับพันไม่ได้โดนแค่พีรภัทต่อว่า เมื่อคนในบ้านอย่างสมสมร คฑาเทพและเนตรนภารู้เรื่อง พรนับพันถูกสมสมรตีและดุด่า แล้วยังกำชับว่า ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับศักดิ์ชัย หาบอกเธอจะโดนตีเพิ่มสามเท่า เป็นเช่นเคยที่พรนับพันเก็บเรื่องที่ตนถูกทำร้ายไว้เป็นความลับ ไม่เคยปริปากบอกศักดิ์ชัยเลยสักครั้ง
เก็บความเสียใจและเจ็บปวดไว้เพียงลำพัง...
งานวิวาห์แสนเรียบง่ายที่มีแต่คนในครอบครัวมาร่วมงาน ไม่ได้มีความสุขอย่างที่เจ้าสาวเคยวาดฝันไว้ว่า ก่อนถึงวันอันแสนสุข เจ้าบ่าวจะพาเธอไปลองชุดแต่งงาน ไปดูของชำร่วยด้วยกัน ถ่ายพรีเวดดิ้งเก็บไว้เป็นที่ระลึก คนในครอบครัวทั้งของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างพูดคุยช่วยกันจัดงาน เรื่องสินสอดทองหมั้น และทุกคนที่มาร่วมงานอวยพรให้เธอกับสามีตามแบบที่ควรจะเป็น
ไม่ใช่เลย...ไม่ใกล้ความฝันสักนิดเดียว
มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ชุดเจ้าสาวก็เช่ามาในราคาพันเจ็ดร้อยบาท แต่งหน้าทำผมด้วยฝีมือช่างแต่งหน้าราคาสบายกระเป๋า สินสอดก็น้อยนิดหากเทียบกับฐานะของเจ้าบ่าว มีเพียงเงินสองหมื่นบาท ทองคำแท่งหนักหนึ่งบาท แหวนก็เป็นแหวนทองหนักเพียงสองสลึงเท่านั้น
ใบหน้าเจ้าบ่าวไม่มีรอยยิ้ม หน้าเขาบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เขาแทบไม่มองหน้าเจ้าสาว ทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาเข้าพิธีวิวาห์ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เจ้าบ่าวที่แสดงออกชัดเจน ครอบครัวของเขาก็เช่นกัน ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าสักคน ราวกับว่าถูกบังคับขืนใจให้มาร่วมงาน ต่างกับฝ่ายเจ้าสาวที่ต่างพากันยิ้มแย้มประหนึ่งปรีดากับงานแต่งงานครั้งนี้มาก
ก็ใช่...เพราะตัวเสนียดจัญไรกำลังพ้นไปจากชีวิต จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
สถานที่จัดงานคือบ้านของเจ้าสาว ที่ไม่ได้จัดงานอย่างหรูหรา ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม มีเพียงการเลี้ยงพระเช้าห้าองค์ แล้วเสร็จก็เป็นพิธีรดน้ำสังข์ จากนั้นก็ถึงเวลาจดทะเบียนสมรส แล้วพิธีก็จบลงเพียงแค่นี้
จากนั้นก็มีคนรับใช้ของบ้านเจ้าบ่าว ลากกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของพรนับพัน สตรีที่เป็นเจ้าสาวไปยังบ้านของพีรภัทร บุรุษที่เป็นเจ้าบ่าว โดยมีครอบครัวของพีรภัทรเดินกลับบ้านพร้อมกับลูกสะใภ้ที่ไม่ปรารถนา ไม่มีครอบครัวเจ้าสาวเดินมาส่งหรือส่งตัวเข้าหอ
พรนับพันเดินไปที่พักพิงแห่งใหม่ด้วยใจร้าวราน ความเสียใจกลั้นได้ แต่กลั้นน้ำตาช่างยากเย็นเหลือเกิน ความหมางเมินจากครอบครัวสามีว่าเจ็บปวด ทว่าความรู้สึกนั้นน้อยนิดหากเทียบกับความเมินเฉย ไม่ใส่ใจ ไร้ซึ่งความรักจากครอบครัวของตน...ครอบครัวที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เกิด
เป็นความปวดร้าวหัวใจที่มากมายเหลือเกิน เสมือนมีเข็มแหลมคมทิ่มในดวงใจตลอดเวลา ปักลึกลงและลึกลง ลึกลงไปเรื่อยๆ ราวกับว่าความลึกของหัวใจไม่มีที่สิ้นสุด กว้างใหญ่มหาศาลที่สามารถฝังเข็มได้เป็นล้านเล่ม
Chapter 5เหมือนคำถามแทงใจดำ พีรภัทรหน้าตึงกระดกดื่มเหล้าในแก้วจนหมด แล้วเรียกให้บิรกรนำเครื่องดื่มแก้วใหม่มาให้ “ไม่อยากกลับ ไม่อยากเห็นหน้าใครบางคน” เขาตอบตามจริง พลอยพรรณยิ้มพอใจกับคำตอบ “พี่พีทำอย่างนี้ พี่หมิวก็เป็นฝ่ายชนะสิคะ ชนะตามแผนที่วางไว้” พีรภัทรหันมามองหน้าคนพูด ที่สะดุดหู สะดุดใจจังเบอร์ “พลอยพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” “พลอยก็ไม่อยากพูดหรอกค่ะ เพราะยังไงพี่หมิวก็เหมือนพี่สาวของพลอยคนหนึ่ง แม้ว่าจะพี่หมิวจะเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงก็ตาม แต่มันก็อดพูดไม่ได้ นับวันพี่หมิวยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวัน พลอยกลัวว่าความร้ายของพี่หมิวจะทำให้บ้านพี่พีเดือดร้อนก็เลยต้องเตือนให้รู้ธาตุแท้ของพี่หมิวค่ะ”พลอยพรรณแสร้งทำตัวเป็นนางฟ้าแต่แท้จริงแล้ว เธอคือนางมารร้ายดีๆ นี่เอง “เรื่องมันเป็นยังไง พลอยบอกพี่มาเถอะ พี่อยากรู้”พลอยพรรณพูดมาซะขนาดนี้ ถ้าเขาไม่อยากรู้เรื่องราวก็คงไม่ได้ ต่อมอยากรู้ทำงานเต็มที่ พลอยพรรณถอนหายใจพรืดยาวออกมา ราวกับว่าระบายความกลัดกลุ้ม “พี่พีก็รู้ใช่ไหมคะว่า พี่หมิวอิจฉาพลอยมาตั้งแต่เด็ก ชอบแย่งของเล่น แย่งเสื
Chapter 4กุ้งตัวขนาดกลางถูกนำไปผัดกับกระเทียมพริกไทย แล้วเสร็จจึงราดลงบนข้าวต้มที่ต้มข้าวได้บานสวยงามมาก แล้วตักน้ำมันจากกระทะราดตามลงไป ตกแต่งด้วยผักชี ภาษิตตักอาหารเช้าเข้าปาก เคี้ยวชิมรสชาติว่าจะผ่านหรือไม่ น้อมกับต่ายถึงกับยืนลุ้น “อร่อยมาก” น้อมกับต่ายต่างพากันโล่งอกและยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำชมจากปากภาษิต ที่ตักอาหารเข้าปากต่อเนื่อง พัฒนากับกนกวรรณได้ยินคำชมจึงตักอาหารใส่ปากบ้าง “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า แกสองคนทำอาหารครั้งแรกจะอร่อยขนาดนี้ มันอร่อยมากๆ เลยนะ” กนกวรรณชมจากใจ ตักอาหารกินต่อเนื่อง “แกสองคนมีฝีมือเหมือนกันนะเนี่ย” พัฒนาชมอีกคน “ได้กินอาหารแปลกๆ ก็ดีนะครับคุณพ่อคุณแม่ รู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้” “ที่ตื่นเต้นเพราะรู้ว่าเป็นฝีมือของน้อมกับต่ายไงล่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่านางทั้งสองทำกับข้าวเป็นซะที่ไหน แม่ยังจำได้เลยนะว่า บอกให้น้อมไปทอดไข่ดาว มันก็ยังทอดจนไหม้เกรียม” กนกวรรณพูดติดตลก “เนี่ยยังทึ่งอยู่นะว่า ทำครั้งแรกแต่ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่า ทำอาหารมานับร้อยครั้ง อร่อยเกินเบอร์เลย” “ก็น้อมทำตามที่เขาบอกไงคะ ทำตามทุกขั้นต
Chapter 3ขณะพูดสายตาก็พุ่งมองไปยังดวงหน้าของลูกสะใภ้คนโตเขม็ง คนถูกมองรู้สึกราวกับว่า ตัวลีบลงทันใด “ผมไปด้วย” เจ้าของเสียงคือพัฒนา ประมุขของบ้าน “ข้าวเย็นหน้าตาน่ากินทั้งนั้น แต่บรรยากาศกลับเน่าเสีย” ภาษิต ลูกคนเล็กของบ้านและเป็นน้องชายของพีรภัทรไม่ออมคำพูด แล้วทั้งสามก็พากันก้าวเดินออกจากห้องกินข้าว เดินผ่านร่างพรนับพันราวกับว่า เธอไม่มีตัวตน เป็นอากาศที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ว่ามี มันทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งนัก น้ำตารินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น นับตั้งแต่วันนั้น พรนับพันกินข้าวในห้องครัวมาตลอด เธอพยายามหลีกเลี่ยงการพบหน้าคนในบ้าน กินข้าวเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วขลุกตัวอยู่ในห้อง หัวใจเธออ้างว้างและเปลี่ยวเหงามาก ส่วนพีรภัทรไม่ได้กลับบ้านเลยนับแต่วันนั้น เขาพักอาศัยในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ราคาสูงถึงเจ็ดสิบล้านบาท โดยไม่คิดจะกลับมาบ้านหลังนี้ เขาแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาพรนับพันเป็นเมีย ผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่เด็ก พรนับพันตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน และทุกเช้าเธอจะเข้าไปช่วยป้าก้อยและน้อมทำอาหารเช้า แม้ว่าเจ้านายบ้านหล
Chapter 2สาวใช้นำกระเป๋ามาวางไว้กลางห้องนอนห้องใหญ่ที่แยกเป็นสัดส่วน ห้องแต่งตัวอยู่ทางด้านซ้ายมือ ทางด้านขวามือเป็นส่วนดูทีวี มีโซฟาชุดใหญ่ตั้งอยู่ ส่วนด้านในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำ“คุณหมิวจะเก็บเสื้อผ้าเองหรือให้น้อมเก็บให้คะ ตู้ของคุณหมิวอยู่ทางด้านซ้ายค่ะ” น้อมที่รู้จักมักคุ้นกับพรนับพันเอ่ยถาม มองหน้าเจ้านายคนใหม่ที่ในบ้านหลังนี้ไม่ชอบหน้าพรนับพันเลยสักคนด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก ให้กำลังใจอยู่เงียบๆ“เดี๋ยวฉันเก็บเองจ้ะ ขอบใจมากนะที่ยกกระเป๋าขึ้นมาให้” พรนับพันตอบกลับ ยิ้มแห้งให้น้อมที่เดินออกไปจากห้องทันทีที่หมดหน้าที่ น้อมออกไปจากห้องไม่กี่อึดใจ ร่างสูงใหญ่ของพีรภัทรได้เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าเขายังคงเป็นเช่นเดิม พรนับพันมองสามีที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ไม่ถึงสองนาทีเขาเดินออกมาด้วยชุดลำลอง “พี่พีจะไปไหนคะ”คนถูกถามหันมามองหน้าเจ้าสาวหมาดๆ ช้าๆ นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเต็มที่ พรนับพันเหมือนชาชินกับสายตาแบบนี้ แต่เปล่าเลย เธอเจ็บปวดหัวใจทุกครั้ง“ทำไม...เธอคงคิดล่ะสิว่า ฉันจะต้องเข้าหอกับเธอ” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มห้วน “ฝันไปเถอะ นอนกับเธอไปซื้อกินด
Chapter 1“เอามานะพี่หมิว เอาตุ๊กตาของน้องพลอยมานะ” เสียงเด็กหญิงพลอยพรรณวัยหกปี ร้องบอกพี่สาวต่างสายเลือดวัยแปดปีทั้งน้ำตา มองตุ๊กตาบาร์บี้ในมือของพรนับพันด้วยความริษยา เป็นเพราะพลอยพรรณอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ ทว่าคนเป็นปู่กลับให้พรนับพันแทน “ตุ๊กตาตัวนี้ของพี่นะพลอย คุณปู่ให้พี่ ของพลอยตัวโน้นไง” พรนับพันบอกน้องสาว ชี้ไปยังตุ๊กตาอีกตัวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้ “ไม่ น้องพลอยจะเอาตัวนี้ ตัวนั้นน้องพลอยไม่ชอบ” พลอยพรรณเด็กหญิงที่มีนิสัยเอาแต่ใจสุดฤทธิ์ไม่ยอม อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน “เอามานะ เอามาสิ” พลอยพรรณเข้าไปยื้อแย้ง พรนับพันไม่ยอมดึงตุ๊กตากลับมา “มันเป็นของพี่นะพลอย พลอยไปเล่นของพลอยสิ” พรนับพันที่ตัวโตกว่าบอกน้องสาวที่ไม่ยอมเช่นกัน การฉุดกระชากตุ๊กตาจึงเกิดขึ้น จังหวะหนึ่งพรนับพันดึงตุ๊กตาเข้าหาตัวสุดแรง พลอยพรรณจึงเสียหลักล้มลง หัวเข่าไปกระแทกกับก้อนหินบนพื้น เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังเข้ามาในบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน พีรภัทรในวันสิบหกปีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงชิงช้าริมสนามหญ้าได้ยินเสียงนั้นพอดี เขาจำได้แม่น







