เรวัตนั่งมองหญิงสาวที่เพิ่งหิ้วขึ้นรถมาตั้งใจจะพาไปส่งกลับบ้าน พลางยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเพื่อต่อสายหาพี่ชายของเธอเป็นรอบที่เท่าไหร่เขาไม่ได้นับ
“ฮัลโหล ไอ้ห่า! กว่าจะรับสายได้นะมึง”
[โทรมาทำห่าอะไรเกือบตีสามวะ!] เสียงปลายสายตอกกลับมาอย่างหัวเสีย ทำเอาเรวัตถึงกับต้องพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อ
“ไม่ต้องมาหัวร้อนใส่กูเลยไอ้เสือ ไอ้เพื่อนเวร! น้องสะ..”
“อะ อ่าว เฮ้ย!” ไม่ทันจะพูดจบเรวัตก็ต้องตกใจที่อยู่ดี ๆ โทรศัพท์มือถือของเขากลับถูกกระชากออกไปแล้วกดวางสาย
กรรวีถือวิสาสะกดปิดมือถือของเรวัตแล้วถามเขาออกไปด้วยสายตาไม่พอใจขั้นสุด.. “โทรหาพี่เสือทำไม!”
“โทรให้มันมารับเราไง ยายขี้เมา”
“ยังไม่เมา! พี่เรย์ไม่ต้องไปรบกวนพี่เสือเลยนะ หงส์อุตส่าห์เปิดทางให้พี่เขามีเวลาอยู่ด้วยกัน ห้ามโทร!” กรรวีที่ยังไม่สร่างเมาออกคำสั่ง
เธอสู้อุตส่าห์หาทางให้พี่ชายกับหญิงสาวคนที่เธออยากได้เป็นพี่สะใภ้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองช่วงนี้จึงยอมออกไปตะลอน ๆ ข้างนอกไม่ยอมกลับบ้านแม้กระทั่งวันหยุดอย่างเช่นวันพรุ่งนี้ และดูท่าทางคืนนี้พี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้คงกำลังมีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกัน จะปล่อยให้ใครมาทำแผนพังไม่ได้เด็ดขาด
“หืม.. ร้ายเหมือนกันนะเรา งั้นวันก่อนที่บอกว่าติดงานด่วนแล้วให้พี่ไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะจะกันพี่ออกมาว่างั้น?”
“อ่าฮะ ฉลาดใช้ได้เลยนะคะเนี่ย” กรรวีตอบรับอย่างไม่คิดปิดบัง
ก่อนหน้านี้เธอสังเกตเห็นว่าเรวัตมองพรนับพันอย่างสนใจแถมยังไปหาที่โรงพยาบาลและที่ทำงานของพรนับพันอยู่บ่อยครั้งจนเธอหวั่นว่าเรวัตจะมาแย่งจีบแข่งกับพี่ชาย กรรวีจึงหาเรื่องกันท่าและทำตัวเป็นไม้กันหมาให้เรวัตออกห่างทุกครั้ง ถึงสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างก็ตามเถอะ
เพื่อความรักของพี่ชาย กรรวีทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว!
“หึ! ของแบบนี้ใครดีใครได้นะ”
“นี่พี่เรย์ หยุดคิดเลยนะ หงส์ขอเตือนก่อนเลยว่า ห้าม ยุ่ง!” เธอเน้นย้ำทีละคำเสียงดังฟังชัด
“ทำไม?”
“ก็หงส์จะเก็บไว้ให้พี่ชายหงส์น่ะสิ! พี่เป็นเพื่อนสนิทพี่เสือจริงไหมเนี่ย รู้ทั้งรู้ว่าพี่เสือคิดยังไงกับพี่เพียวทำไมยังไปแย่งจีบอีกอะ นิสัยไม่ดี”
“ไม่รู้สิ ก็มันไม่เห็นเคยบอก” เขาแสร้งทำเป็นลอยหน้าลอยตาเพราะอยากเห็นคนรักพี่ชายคลั่งเล่น
ความจริงเขาไม่ได้คิดจะจีบผู้หญิงของเพื่อนหรอก ยอมรับว่าครั้งแรกที่ได้เจอกับพรนับพันเขาก็สนใจ แต่นั่นเพราะเป็นความสวยสะดุดตาและบุคลิกที่ดูมั่นใจ เชื่อว่าต่อให้เป็นผู้ชายคนไหนก็ต้องสนใจเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักมีท่าทางหึงหวงจนแทบคลั่งทุกครั้งที่ได้ยินใครเอ่ยถึงพรนับพันแต่ก็ยังปากแข็ง เขาเลยตั้งใจกระตุ้นต่อมหึงของเพื่อนเล่น ๆ เท่านั้น
ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรจากตอนนี้ ที่เขากำลังกระตุ้นต่อมหึงหวงแทนพี่ชายของใครบางคน ยิ่งเห็นกรรวีมองเขาตาขวางก็ยิ่งรู้สึกชอบใจอย่างประหลาด
เวลาแยกเขี้ยวใส่แล้วเหมือนแมว น่ากลัวตรงไหน
“งั้นพี่ก็รู้เอาไว้เลยนะว่าคนนี้อะของพี่เสือ เข้าใจ๊?” กรรวีขู่ฟ่อออกคำสั่ง พลางมือไม้ก็อยู่ไม่สุขยื่นนิ้วเรียวออกไปเชยปลายคางของผู้ชายตรงหน้าให้หันมามองตาเธอ ให้เขารู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่
“ขู่ได้ แต่ไม่ปีนเกลียว โอเค๊?” เรวัตสะบัดหน้าออกเล็กน้อยให้พ้นมือเรียว นี่เห็นว่าเป็นน้องสาวเพื่อนหรอกนะแถมยังเพิ่งสร่างเมาเลยไม่คิดโกรธเคืองอะไร ไม่งั้นจะจับฟาดให้
“ตกลงจะให้ไปส่งที่ไหน กลับบ้านเลยไหม” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก
“ไม่เอาไม่อยากกลับบ้าน” ทีแรกว่าจะไปนอนกับเพื่อน แต่เหมือนจะไม่ทันเพราะเพื่อนดันกลับกันไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็...
“พาหงส์เข้าโรงแรมหน่อยสิ”
“ฮะ..!”
“ตกใจอะไร หงส์ไม่อยากกลับบ้าน ไปหาโรงแรมนอนดีกว่า พาไปหน่อยนะคะ” พรุ่งนี้ค่อยโบกแท็กซี่มาเอารถที่นี่ก็ได้ ให้ขับไปเองคงได้หลับในกลางทาง
“บ้านก็มี จะไปนอนโรงแรมทำไม”
“อย่าถามมากได้ไหม หงส์ง่วง!”
“แต่มันอันตรายหงส์”
เป็นผู้หญิงหน้าตาดีไปเปิดโรงแรมนอนคนเดียวแบบนี้เขาไม่ไว้ใจ แล้วดูชุดวันนี้ที่เธอใส่ เห็นหน้าอกหน้าใจไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
กรรวีใส่ชุดเดรสรัดรูปแนบเนื้อสีไข่ไก่ ถึงไม่ได้สั้นมากแต่ก็เป็นสายคล้องคอเปิดไหล่เปลือยแผ่นหลังขาวเนียน หน้าอกอวบใหญ่คับซีแถมหน้าตาดีขนาดนี้มันต้องมีคนเห็นแล้วคิดไม่ดีบ้างแหละวะ ขนาดเขายังแอบคิดเลย บ้าเอ๊ย!
“งั้นพี่เรย์ก็อยู่เป็นเพื่อนสิ จะได้ไม่มีอันตราย...” กรรวีพูดเสียงยานคางหลับตาพริ้มทิ้งตัวเอนหลังพิงเบาะที่ปรับให้เหมาะสำหรับการนอน
ฉับพลันเสียงหวานก็เงียบหายตัดขาดการสื่อสารไป ปล่อยให้เรวัตคิดไม่ตกอยู่คนเดียว…
ไม่รู้หรอกนะว่าหลังจากเธอเดินออกมาเรวัตจะพาผู้หญิงคนนั้นไปไหน พยายามไม่คิด พยายามจะไม่รู้สึกอะไรเพราะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน แต่ในใจลึก ๆ ก็อดรู้สึกไม่ได้อยู่ดี ถ้าเขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องไปแล้วมีอะไรกันต่อล่ะ ห้องที่เธอกับเขาเพิ่งนอนด้วยกันมา ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ มันโคตรเจ็บเลยนะใบหน้าสวยฟุบลงตรงพวงมาลัยรถยนต์กะว่าจะปล่อยโฮร้องไห้ให้สาแก่ใจเสียหน่อย แต่ไม่ทันที่น้ำตาจะไหลประตูรถฝั่งที่เธอนั่งกลับโดนเปิดออกโดยฝีมือใครบางคนอย่างถือวิสาสะ เงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเบือนหน้าหนี กลอกตาปั้นหน้าบึ้งตึงทั้งที่ในใจแอบรู้สึกดีที่เรวัตตามเธอมา เขาไม่ได้หิ้วผู้หญิงคนนั้นไปต่ออย่างที่เธอคิด“ลุก” เขาสั่ง เธอขมวดคิ้วถามทางสายตาว่า ‘อะไร!’ เป็นคำพูดที่ไม่มีเสียงแต่เขารับรู้ได้“พี่ขับให้”“จะตามมาเอานอกสถานที่รึไง ค่าตัวหงส์แพงนะ สู้ไหวเหรอ?” ปากอยู่ไม่สุข อดพูดประชดประชันไม่ได้ เรื่องที่โดนเขาว่าเธอไม่มีทางลืมง่าย ๆ หรอกนะ“แล้วได้ปะล่ะ คิดเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย” นี่ก็ปากหมาไม่หาย เพิ่งโดนโกรธไปยังไม่เข็ดใช่ไหมไอ้เหี้ยเรย์!“ถอยไป!” กรรวีหน้าตึงออกปากไล่ เตรียมปิดประตูใส่แต่คนตัวสูงกลับขืนไว้ก่อนจะยกอุ้มร่
“ไปรอพี่ข้างล่างนะครับ เดี๋ยวพี่ลงไป” เรวัตกดเสียงต่ำพูดย้ำอีกครั้ง คาริสาเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจกว่าเก่าหลายเท่าตัว เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากลงไปรออยู่ข้างล่างตามคำลั่งของเขา แต่ในจังหวะที่คาริสาจะหันหลังเดินกลับมาประตูห้องก็เปิดอ้าขึ้นอีกครั้ง จนทุกสายตาต้องหันไปมองกรรวีที่ยืนฟังเสียงคนคุยกันอยู่หน้าห้องพักใหญ่ ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ที่รู้แน่ชัดคือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาตามเขา เธอได้แต่ถามตัวเองว่า... แล้วเราจะนั่งอยู่ทำไม ต้องมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วรอให้เขาไปกับใครต่อใครปล่อยให้เธอนั่งอยู่ในเงามืดไร้ตัวตนต่อไปแบบนี้น่ะหรือ เธอไม่ได้เกิดและเติบโตมาอย่างดีเพื่อเป็นคนในความลับของใคร เพราะฉะนั้นจะรออะไรหญิงสาวลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าที่พอจะใส่ออกไปได้ จีสติงยังพอใส่ได้ แต่เสื้อชั้นในขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี เธอจัดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่กำลังสวมใส่ให้เข้าที่เข้า ใช้ทิชชูซับหน้า ปาดน้ำตา จัดทรงผมเสร็จก็สวมส้นสูงเดินออกไปนอกห้อง เมื่อพ้นออกมาจากกรอบประตูห้อง สายตาของผู้หญิงทั้งสองก็ประสานกันอย่างอัตโนมัติ และชัดเจนมากว่าความรู้สึกแรกคือทั้งสองไม่ชอบขี้หน้ากันอย่างแรง'เหอะ อีเตี้ย!' กรรวีด่าในใจ
ขณะที่เรวัตกอดรั้งง้องอนกรรวีไม่ให้จากเขาไปกลับมีใครบางคนเคาะประตูห้องเสียงดังลั่น ดึงสายตาของทั้งคู่ให้หันไปมอง ชายหนุ่มจะทำเป็นไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นลูกน้อง เขาตั้งใจจะอุ้มกรรวีเข้ามาในห้องนอนที่อยู่ในสุด แต่ประตูห้องก็โดนเคาะเรียกอีกครั้งก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เคาะรัวแบบนี้คงเป็นไอ้ฮาซีฟเพราะลูกน้องคนอื่นคงไม่กล้า พวกมันรู้ว่าหากทำแบบนี้เขาจะไม่พอใจ‘เคาะขนาดนี้มีใครมาฆ่ากันตายในผับกูรึเปล่าวะ’ก่อนจะไปเปิดประตูดูว่ามีเรื่องอะไร เรวัตอุ้มกรรวีเข้ามาวางบนเตียงขนาดสี่ฟุตในห้องนอนแล้วสั่งห้ามเธอออกมาเพราะกลัวว่าลูกน้องจะเห็น ไม่ใช่อยากจะปิดแค่ไม่อยากให้ใครเห็นร่างกายหญิงสาว เพราะเชิ้ตของเขาที่เธอกำลังสวมใส่มันสั้นปิดแค่โคนขาอ่อนเท่านั้นเองร่างสูงหยิบกางเกงยีนส์สีเข้มขึ้นมาสวมใส่ ท่อนบนเปลือยเปล่าไม่ใส่อะไรเดินไปเปิดประตูห้องด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ที่โดนขัดคอเวลาเขาจะง้อเมีย“มีเหี้ยอะไร!” สิ้นเสียงตะคอกเรวัตกลับต้องชะงักเมื่อเปิดประตูมาแล้วเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่ฮาซีฟแต่เป็น…“ริสา”“พี่เรย์... ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” คาริสาเอ่ยถาม ทั้งที่สองเบ้าตากำลังมีน้ำตาเอ่อคลอ ดวงตาคู่ส
“โอ๊ย พี่เรย์ หงส์ไม่ไหว อ๊าย!” ฝามือใหญ่ฟาดลงบั้นท้ายอวบขาวจนขึ้นเป็นรอยแดงซ่าน เสียงเนื้อกระทบกันสอดประสานกับเสียงครางหวานดังก้องไม่นานที่เรวัตก็ปลดปล่อยเชื้อพันธุ์อัดเข้าใส่ร่องรักของเธออย่างตั้งใจโดยไร้การป้องกันใด ๆ ทั้งสิ้นแรก ๆ ก็มีใส่ถุงยางบ้างแต่ว่าพักหลังมาเขาไม่เคยที่จะป้องกันกับเลยสักครั้ง วันนี้ก็เช่นกันเขากดท่อนลำย้ำอยู่แบบนั้นเนิ่นนานกว่าจะดึงออกไป เรวัตจับกรรวีพลิกกายให้นอนหงายเพื่อจะเริ่มบทรักบทใหม่ หากแต่ครั้งนี้คนใต้ร่างกลับรวบรวมแรงที่มีทั้งหมดผลักเขาออกห่างไปก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งและตะคอกใส่หน้าออกมาเสียงดังอย่างสุดจะทน“หยุดสักที! หงส์ไม่ใช่กะหรี่ที่พี่จะอยากเอาตอนไหนก็ได้นะ ถ้าอยากนักก็ไปหาผู้หญิงของตัวเองเถอะ อยู่ข้างนอกโน่นไปสิ” อยากจะเอาก็เอาจนได้ไม่ถามความสมัครใจกันเลยสักนิด เวลาคิดจะไปก็ไปไม่เคยสนใจความรู้สึกกัน เธอไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่เสร็จกิจแล้วเขาจะทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ได้นะ!“อย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิ เธอจะเป็นกะหรี่ได้ยังไง เพราะเท่าที่จำได้ พี่ไม่เคยเสียตังค์ให้เธอเลยสักบาทเดียว” คำที่พูดพ่นออกไปไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกแต่มันเกิดจากความโมโหที่เห็นว่าเธอเอาต
“ว้าย! พี่ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ย อื้อ อย่าทำแบบนี้พี่เรย์” กรรวีกรีดร้องดิ้นเร่าเมื่อเรวัตเริ่มฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอออกมาจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีถ้าจะใส่แบบนี้ก็ไม่ต้องใส่ สั้นแค่คืบแทบจะปิดง่ามดากไม่ได้ นั่งทีกระโปรงร่นเห็นไปถึงลำไส้ใหญ่ ไหนจะไอ้หน้าอกหน้าใจล้นทะลักนี่อีก หวงโว้ย!“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ เพิ่งจะมาหวงตัวอะไรเอาตอนนี้” ทีกับผู้ชายคนอื่นเธอยังปล่อยให้กอดได้ แต่กับเขาทำไมไม่ยอมให้เข้าใกล้ทั้งที่เคยไปถึงไหนต่อไหนกันมาแล้วเรวัตใช้ความชำนาญในการปลดบราและแพนตี้ตัวบางออกมาจากร่างหญิงสาวแล้วโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดเข็มขัดจัดการรั้งกางเกงลงมากองตรงหน้าขาแล้วส่งลำกายที่ขยายใหญ่เต็มที่เข้าจ่อยังร่องสาวของคนที่นอนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดใด ๆ“ไม่เอานะพี่เรย์ อย่า!” ใจหนึ่งเธอก็คิดถึงเขาแต่เมื่อนึกถึงหน้าผู้หญิงอีกคน บอกเลยว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์อย่างแรง“ทำไม? หึ ทำเป็นไม่เคยไปได้” มุมปากหยักกระตุกยิ้มพอใจที่เห็นคนใต้ร่างเนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนก เขาหยัดกายขึ้นมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเผยให้เห็นร่างกายกำยำเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยสักน่าเกรงขาม ร่
“อีเจ๊ เสร็จยังวะ” ไม้ที่จัดการธุระตัวเองเสร็จแล้วตะโกนเข้ามาในห้องน้ำหญิงฝั่งตรงข้ามเพื่อถามกรรวี ทำไมชะนีมันต้องใช้เวลาเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ด้วยไม่เข้าใจ“ยัง! กลับโต๊ะก่อนก็ได้นะ แต่งหน้าใหม่แป๊บ” เธอตะโกนตอบออกไป ช่วงนี้พักผ่อนน้อย นอนก็ไม่ค่อยจะหลับเพราะมีเรื่องให้คิดในหัวมากมายไปหมด สภาพที่มาวันนี้คือง่วงตาปรือมากเลยกะจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วลงแป้งแต่งหน้าใหม่เผื่อเจอหนุ่มงานดีถูกใจจะได้พร้อมอ่อยในเมื่อตั้งใจจะมูฟออนแล้วเราจะโทรมเหมือนผีไม่ได้“ครับ!” ไม้ตอบเสียงเข้มแบบสุภาพมาคำเดียวก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินหายไป‘แหม~ ทำมาคงมาครับนะอีไม้’ถ้าให้เดากรรวีคิดว่าไม้น่าจะเจอคนถูกใจเลยตอบเสียงแมนแบบนั้น หากกลับโต๊ะไปแล้วไม่เจออีไม้แปลว่ามันคงลากผู้ชายไปกินที่ไหนสักที่แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เห็นว่าหล่อเข้ม แมน กล้ามใหญ่แบบไม้ แต่นางก็กินผู้ชายนะ เป็นสายรุกแต่คนนอกอาจจะมองไม่ออกเท่าไหร่‘ชิ! หมั่นไส้ ทำไมคนอื่นเขาหาคู่กันง่ายจัง’ กรรวีบ่นไปแต่งหน้าไป ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเพราะแค่ลงแป้งบาง ๆ กับปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาด ทาลิปมันเปลี่ยนสีเน้นลุคสดใสกระชากใจวัยรุ่นกรุบกริบ เคยได้คนแก่กว่